ประวัติศาสตร์ถังเจาจง ตอนที่ 8: คืบคลานสู่วาระสุดท้าย

ถังเจาจง ตอนที่ 8: คืบคลานสู่วาระสุดท้าย

ในตอนที่แล้ว (ย้อนอ่านได้ผ่านลิงค์ด้านล่าง) ถังเจาจงถูกอัปเปหิออกจากราชสมบัติเพราะการยึดอำนาจของพวกขันที โดยพวกขันทีได้สถาปนาให้หลี่ยี่ว์ โอรสพระองค์โตขึ้นครองราชย์สืบต่อแทน ส่วนถังเจาจงให้ไปดำรงตำแหน่งไท่ซ่างหวงแทน

แม้ว่าสถานการณ์การเมืองจะดำเนินไปเช่นนั้น แต่ยังมีชายผู้หนึ่งที่ยังไม่ยอมแพ้ เขาคือชุยยิ่น ผู้ที่เกลียดชังพวกขันทีเข้ากระดูกดำนั่นเอง

ชุยยิ่นนั้นติดต่อกับจูเฉวียนจงอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าตนเองจะถูกลดตำแหน่งไปแล้วก็ตาม นอกจากนี้เขายังเกลี้ยกล่อมขุนนางหลายคน และแม่ทัพในกองทหารเชิ่นเส้อบางคนให้มาเป็นพวก เพื่อที่จะก่อรัฐประหารซ้อนเพื่อกวาดล้างพวกขันที

ในช่วงปี ค.ศ.901 ชุยยิ่นเห็นทุกอย่างพร้อมสรรพ และพวกขันทีไม่ได้สงสัยจึงฉวยโอกาสลงมืออย่างรวดเร็วประดุจสายฟ้าฟาด กองทหารของชุยยิ่นบุกเข้าจับกุมขันทีคนสำคัญๆ มาตัดหัวได้อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เดินทางไปพบถังเจาจงเพื่อถวายราชสมบัติคืน ถังเจาจงจึงตอบรับและขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้แห่งต้าถังเป็นคำรบสอง

แม้ว่าขันทีตัวใหญ่ๆ จะถูกสังหารไปแล้ว แต่ฐานอำนาจของพวกขันทียังแข็งแกร่งอยู่ เพราะพวกเขาควบคุมกองกำลังเชินเส้อเอาไว้ ชุยยิ่นนั้นต้องการกวาดล้างพวกขันทีให้สิ้นซาก เขาจึงดำเนินทุกวิถีทางเพื่อให้ความต้องการนี้เป็นจริง

แต่ชุยยิ่นไม่มีวันรู้เลยว่า สิ่งนี้เองจะนำมาซึ่งความล่มสลายของราชวงศ์ และความพินาศของเชื้อพระวงศ์ถังที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมด

Image by zhugher from Pixabay

ชุยยิ่น vs. ขันที

สิ่งแรกที่ชุยยิ่นลงมือทำคือพยายามแยกพวกขันทีออกจากกองกำลังเชินเส้อ โดยเขาถวายฎีกาขอให้ตนและขุนนางอีกคนหนึ่งเป็นแม่ทัพกองกำลังนี้ทดแทนตำแหน่งที่ว่างอยู่ หลังจากที่ขันทีคนเก่าถูกชุยยิ่นสังหารไปแล้ว

อย่างไรก็ดีฎีกาของชุยยิ่นถูกทัดทานอย่างหนักจากขุนนางที่สนับสนุนพวกขันที พวกเขาอ้างว่าถ้าชุยยิ่นควบคุมทหารกองนี้อาจจะทำให้เกิดปัญหากับพวกขุนศึกได้ ถังเจาจงจึงจำเป็นต้องมอบการควบคุมกองทหารเชินเส้อกลับไปให้พวกขันที โดยมีขันทีหานเฉวียนหุ่ยเป็นผู้บังคับบัญชา

สำหรับชุยยิ่นนั้นเขาไม่พอใจอย่างรุนแรงที่กองทหารเชินเส้อกลับไปอยู่ในมือพวกขันที เขาจึงขอให้หลี่เม่าเจิน ซึ่งในขณะนั้นได้มาอยู่ที่ฉางอานเพื่อประนีประนอมกับราชสำนักได้ทิ้งทหารไว้ส่วนหนึ่งไว้คานอำนาจพวกขันที หลี่เม่าเจินก็ตอบรับ ชุยยิ่นจึงได้ดึงทหารส่วนนั้นไว้ในอำนาจของตน ต่อมาก็ใช้อำนาจของตนที่มีอยู่ลดเงินสนับสนุนให้กองกำลังเชินเส้ออย่างลับๆ

เมื่อพวกขันทีเห็นชุยยิ่นเดินเกมเช่นนี้จึงตอบโต้ เริ่มแรกพวกเขาสั่งให้ทหารในกองกำลังของพวกตนร้องทุกข์ว่า ชุยยิ่นที่เป็นเสนาบดีนั้นไม่ได้จัดหาเครื่องนุ่งห่มในช่วงฤดูหนาวตามสมควร (ซึ่งก็เป็นจริงเพราะชุยยิ่นลดเงิน) ถังเจาจงจำต้องถอดชุยยิ่นออกจากตำแหน่งเสนาบดี แม้ว่าพระองค์จะไม่ต้องการก็ตาม

หลังจากนั้นพวกขันทีก็ได้ไปเกลี้ยกล่อมหลี่เม่าเจินให้มาอยู่ฝ่ายตน ซึ่งหลี่เม่าเจินตอบรับอีก เพราะไม่ชอบนโยบายตัดเงินทหารของชุยยิ่น เพียงเท่านี้ชุยยิ่นก็หัวเดียวกระเทียมลีบในเมืองหลวงไม่สามารถทำอะไรได้อีก

อย่างไรก็ดีชุยยิ่นนั้นยังเป็นคนสนิทของถังเจาจงอยู่และโปรดให้เข้าเฝ้าใกล้ชิด และปรึกษากันเรื่องสังหารพวกขันที แต่นางในที่เป็นพวกขันทีก็ได้บอกกล่าวให้เหล่าขันทีทราบจนหมด ดังนั้นถังเจาจงและชุยยิ่นจึงไม่โอกาสใดๆ ที่จะลงมือได้เลย แถมชุยยิ่นเองก็เกรงว่าพวกขันทีจะลงมือสังหารตนก่อน ดังนั้นเขาจึงใช้แผนการสุดท้าย

ชุยยิ่นนั้นมีพันธมิตรคนสำคัญคือ จูเฉวียนจง ขุนศึกที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดินในเวลานั้น ชุยยิ่นปรารถนาจะให้จูเฉวียนจงนำกองทัพเข้ามายังเมืองหลวง และสังหารขันทีและศัตรูทางการเมืองของตนให้สิ้น

ฟังดูคุ้นๆ หรือไม่ละครับ หลายคนที่เคยอ่านสามก๊กน่าจะเคยได้ยินมา

สิ่งที่ชุยยิ่นคิดนั้นไม่ต่างอะไรกับการที่โฮจิ้นไปเชิญตั๋งโต๊ะเข้ามาสังหารขันทีทั้งสิบในเมืองหลวงลั่วหยางนั่นแหละครับ ทุกอย่างเหมือนกันเปี๊ยบ แค่เปลี่ยนตัวคนแสดง และสถานที่จากลั่วหยางเป็นฉางอานเท่านั้นเอง

หนีไปยังเฟิงเสียง

จูเฉวียนจงตอบรับคำเชิญของชุยยิ่นแทบจะในทันที เขาเตรียมกองทัพและยกเข้ามาใกล้ฉางอาน พวกขันทีที่ได้ท่ราบข่าวจึงประหวั่นพรั่นพรึง พวกเขาจึงรีบเชิญเสด็จถังเจาจงไปยังเฟิงเสียง ฐานที่มั่นของหลี่เม่าเจินที่พวกตนได้ทำสัญญาเป็นพันธมิตร ทิ้งให้ชุยยิ่นและขุนนางไม่กี่คนคอยรับทัพจูเฉวียนจง

เพราะการช่วยเหลือของชุยยิ่น กองทัพของจูเฉวียนจงเข้าเมืองฉางอานได้อย่างไม่มีการต่อต้าน หลังจากนั้นทั้งสองจึงนำทัพติดตามพวกขันทีไปที่เฟิงเสียง กองทัพของหลี่เม่าเจินนั้นไหนเลยจะต้านทานทหารเจนศึกของจูเฉวียนจงได้ เมืองต่างๆ ของหลี่เม่าเจินถูกตีแตกอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ดีหลี่เม่าเจินต้านทานเอาไว้ได้อย่างสุดกำลังที่เฟิงเสียงจนสุดท้ายการรุกของจูเฉวียนจงจึงชะงักงัน อากาศที่เริ่มหนาวเย็นเองก็ทำให้ทหารของเขาล้มตายลงทีละน้อย จูเฉวียนจงจึงต้องการที่จะล่าทัพถอยไปก่อน

แต่ทว่าเสนาธิการของเกาจี้ชางเสนอให้ใช้กลยุทธ์ใหม่ เขาเสนอให้จูเฉวียนจงล่อให้ทหารของหลี่เม่าเจินออกมาจากเมืองแล้วก็ซุ่มโจมตีเสีย ปรากฏว่าจูเฉวียนจงทำตามนั้นและประสบความสำเร็จในการสังหารทหารในเมืองจำนวนมหาศาล

นับตั้งแต่บัดนั้นการป้องกันเมืองก็อ่อนแอลง ชาวเมืองเฟิงเสียงขาดอาหารจนถึงกับต้องกินเนื้อศพ หลี่เม่าเจินเองก็ต้องการสันติภาพ มีแต่เพียงพวกขันทีเท่านั้นที่พยายามต่อสู้ด้วยการขอให้เมืองต่างๆ เข้าโจมตีจูเฉวียนจงโดยอ้างว่าเป็นพระบรมราชโองการของฮ่องเต้

กวาดล้างพวกขันที

เมื่อเห็นหลี่เม่าเจินต้องการสันติภาพ จูเฉวียนจงต่อรองว่าถ้าหลี่เม่าเจินยอมสังหารพวกขันทีและมอบถังเจาจงให้กับตน เขาจะให้กองทัพของเขาถอนกำลังกลับไป หลี่เม่าเจินเองไม่มีทางเลือก ดังนั้นเขาจึงต้องยอมตระบัดสัตย์สังหารพวกขันทีตัวใหญ่ๆ ทั้งหมด รวมไปถึงขุนนางที่สนับสนุนพวกขันทีบางส่วนด้วย

หลังจากนั้นชุยยิ่นและจูเฉวียนจงก็นำฮ่องเต้กลับเมืองฉางอาน แต่คนอย่างชุยยิ่นนั้นไม่เคยคิดจะปล่อยพวกขันทีเอาไว้อยู่แล้ว เขาอาศัยที่มีกำลังของจูเฉวียนจงอยู่ขอให้ฮ่องเต้ออกพระบรมราชโองการให้สังหารพวกขันทีทั้งหมดที่หลงเหลืออยู่ ด้วยเหตุนี้ขันทีทั้งหมดจึงถูกสังหารเรียบ เช่นเดียวกับฐานผู้สนับสนุนทั้งหมด เหล่าขันทีที่เคยมีอำนาจในราชสำนักถังมานานนับร้อยปีจึงวอดวายไปในครั้งนี้เอง

ถังเจาจงได้พระราชทานรางวัลให้ชุยยิ่นและจูเฉวียนจงอย่างงาม หลังจากนั้นจูเฉวียนจงได้ทูลลากลับไปยังฐานที่มั่นของตน แต่ก็ทิ้งทหาร 20,000 คนไว้ในเมืองหลวงด้วย ฉากหน้าก็คือคุ้มครองฮ่องเต้ แต่อันที่จริงแล้วคือควบคุมฮ่องเต้นั่นเอง

สำหรับชุยยิ่นที่เห็นพฤติการณ์เช่นนั้นของจูเฉวียนจงก็เริ่มกังวลขึ้นมาว่าพันธมิตรของตนนั้นเล่นไม่ซื่อเสียแล้ว ซึ่งสิ่งที่ชุยยิ่นคาดไว้นั้นไม่ผิดเลย จูเฉวียนจงมักใหญ่ใฝ่สูงและอยากได้ราชสมบัติ เขาแค่มองชุยยิ่นเป็นแค่บันไดที่ทำให้ความทะเยอทะยานของตนเป็นจริงเท่านั้นเอง ทหารสองหมื่นคนที่ทิ้งไว้นั้นก็คอยจัดการไม่ให้ขุนศึกคนอื่น โดยเฉพาะคู่ปรับอย่างหลี่เค่อย่งมาเอาตัวฮ่องเต้ไปได้โดยง่าย

เพราะเหตุนี้ชุยยิ่นจึงฉวยโอกาสที่ตนเองได้เป็นผู้บังคับบัญชากองทหารองครักษ์ และจูเฉวียนจงไม่อยู่ที่เมืองหลวง แอบเกณฑ์ทหารใหม่เข้ามาในสังกัดมากมาย แต่เรื่องนี้ก็ไปเข้าหูจูเฉวียนจงอย่างรวดเร็ว เขาจึงให้คนของตนแอบปลอมแปลงเข้าไปสมัครกองทัพใหม่ของชุยยิ่นจำนวนมาก เพื่อที่จะได้เป็นหูเป็นตา ตนเองจะได้รู้ตลอดเวลาว่าชุยยิ่นกำลังทำอะไรอยู่

อีกสิ่งหนึ่งที่ชุยยิ่นไม่รู้เกี่ยวกับจูเฉวียนจงเลยก็คือ จูเฉวียนจงนั้นเป็นคนโหดเหี้ยม ไม่มีคุณธรรม และพร้อมทำทุกอย่างเพื่อให้ความทะเยอทะยานอย่างตนเองเป็นจริง เขาไม่ใช่หลี่เค่อย่งหรือแม้กระทั่งหลี่เม่าเจินที่พอจะต่อรองกันดีๆ ได้

เรื่องราวในตอนหน้าจะเป็นตอนสุดท้ายของชีวิตของถังเจาจงแล้วครับ

References:

  • Zizhi Tongjian
  • Old Book of Tang
  • New Book of Tang

ย้อนอ่านตอนเก่า

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!