ประวัติศาสตร์ถังเจาจง ตอนที่ 4: ผิดพลาดตั้งแต่เดินหมากตัวแรก

ถังเจาจง ตอนที่ 4: ผิดพลาดตั้งแต่เดินหมากตัวแรก

จากตอนที่แล้ว (ย้อนอ่านได้จากด้านล่าง) หลี่เจี๋ยหรือถังเจาจงก็ได้ครองราชย์เป็นจักรพรรดิราชวงศ์ถังด้วยวัยเพียง 19 ปี ถ้าเปรียบกับปัจจุบัน เราอาจจะมองว่าเขาอายุเท่ากับนักศึกษาปี 1-2 เท่านั้น แต่ถ้ามองในมุมของยุคนั้นแล้ว ถังเจาจงถือว่าเป็นจักรพรรดิที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว แถมยังมีประสบการณ์เผชิญกับความยากลำบากมาหลายต่อหลายครั้งอีกด้วย

ไม่เพียงเท่านั้นพงศาวดารเล่าว่าถังเจาจงมีรูปร่างหน้าตาหล่อเหล่า นอกจากนี้ยังมีสติปัญญาเฉลียวฉลาด ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ และยังมีปณิธานอันยิ่งใหญ่ที่จะฟื้นฟูราชวงศ์ถังให้กลับมายิ่งใหญ่เหมือนเดิม

ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถ้าแผ่นดินต้าถังยังเป็นปกติ ถังเจาจงน่าจะเป็นจักรพรรดิที่ดีพระองค์หนึ่งของราชวงศ์ ไม่แพ้บูเช็คเทียน หรือแม้กระทั่งถังไท่จง

แต่น่าเสียดายที่เมื่อพระองค์ได้บัลลังก์นั้น ราชวงศ์ถังนั้นเปรียบได้ดั่งกับต้นไม้ที่กำลังจะตายเสียแล้ว ดังนั้นพระองค์เพียงคนเดียวก็ไม่อาจจะยับยั้งการหมุนไปของกงล้อแห่งประวัติศาสตร์ได้

เริ่มปราบพวกขุนศึก

ปัญหาสำคัญที่เกิดขึ้นหลังจากที่พวกกบฏชาวนาถูกปราบปรามไปแล้วก็คือ พวกขุนศึก (เจี่ยตู๋ชื่อ) ที่ทรงอำนาจ พวกเขาปกครองดินแดนที่ได้รับมอบหมายเหมือนกับเป็นแว่นแคว้นของตนเอง และขึ้นกับราชสำนักแต่เพียงในนามเท่านั้น ไม่เพียงเท่านั้นพวกเขายังรบราฆ่าฟันแย่งชิงพื้นที่ในปกครองกัน

ดังนั้นเมื่อได้รับข้อเสนอของพวกขุนนางให้ฟื้นฟูกองทัพหลวงขึ้นมาใหม่ ถังเจาจงจึงอนุญาตให้ลงมือได้ทันที ในช่วงเวลาเกือบสองปีหลังจากนั้น กองทัพหลวงที่ขึ้นตรงกับฮ่องเต้ก็มีกำลังมากถึง 100,000 คน ซึ่งเพียงพอที่จะถ่วงดุลกับกองหหารเชินเส้อที่อยู่ในการควบคุมของขันที หรือแม้กระทั่งยกไปปราบพวกขุนศึกได้

ในช่วงปี ค.ศ.890 สองอัครมหาเสนาบดีอย่างขงเหว่ยและจางจวิ้นเห็นว่ากองทัพได้รับการฝึกฝนระดับหนึ่งแล้ว พวกเขาจึงเสนอให้ถังเจาจงส่งกองกำลังนี้ไปปราบพวกขุนศึกสักแห่งหนึ่ง แต่ถังเจาจงยังตัดสินใจไม่ได้ว่าเป้าหมายแรกของพระองค์คือใครดี จางจวิ้นจึงเสนอว่าให้ยกไปปราบหลี่เค่อย่งเสียก่อน

หลี่เค่อย่งผู้นี้นั้นไม่ธรรมดา เขาเป็นกำลังสำคัญที่ทำให้ราชสำนักมีชัยเหนือกบฏหวงเฉาเลยก็ว่าได้ ตัวเขานั้นเป็นแม่ทัพมานานและยังเฉลียวฉลาดในการปกครองด้วย ทหารของเขาก็มีประสบการณ์การสู้รบอย่างโชกโชน ทำให้หลี่เค่อย่งเป็นขุนศึกอันดับต้นๆ ในแผ่นดินจีนตอนนั้น

อย่างไรก็ดีในช่วงนั้นหลี่เค่อย่งก็มีจุดอ่อนอยู่หลายประการ ซึ่งจางจวิ้นมองว่าราชสำนักน่าจะเอาชนะเขาได้ นั่นก็คือ หลี่เค่อย่งกำลังทำศึกกับขุนศึกอีกสามคนอย่าง จูเฉวียนจง หลี่ควงเวย และเฮ่อเลียนถัว ถ้าราชสำนักส่งกองทัพไปปราบปรามในตอนนี้ หลี่เค่อย่งต้องเผชิญกับศัตรูทั่วทุกสารทิศ และน่าจะเพลี่ยงพล้ำในที่สุด และถ้าปราบหลี่เค่อย่งได้แล้ว ราชสำนักจะได้แสดงถึงความเข้มแข็ง (power projection) และอาจจะทำให้พวกขุนศึกกลุ่มอื่นๆ มายอมจำนนโดยไม่ต้องรบก็เป็นได้

แต่สำหรับจางจวิ้นแล้วนั้น การปราบหลี่เค่อย่งเพื่อราชสำนักนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่เขาเคยบาดหมางกับหลี่เค่อย่งมาก่อนหน้านี้ (หลี่เค่อย่งเคยวิจารณ์เขาอย่างรุนแรง) ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าข้อเสนอของเขานั้นมีความต้องการส่วนตัวแอบแฝงอยู่อีกด้วย

ข้อเสนอของจางจวิ้นได้รับการตอบรับโดยขงเหว่ยเป็นอย่างดี ขงเหว่ยผู้นี้เป็นคนใจร้อนและทำอะไรแบบหุนหันพลันแล่น แต่ก็จงรักภักดี และเกลียดชังพวกขุนศึกอย่างมาก ในอดีตนั้น ขงเหว่ยถึงกับเคยตอบจูเฉวียนจง ขุนศึกทรงอำนาจที่ต้องการให้ราชสำนักมอบเหมืองเกลือเป็นของตนว่า

ถ้าท่านจูต้องการ ท่านก็เอากองทัพมาชิงเอาไปก็แล้วกัน

ด้วยเหตุนี้ขงเหว่ยจึงเข้าเป็นปี่เป็นขลุ่ยกับจางจวิ้นได้อย่างง่ายดาย แต่ข้อเสนอของจางจวิ้นกลับได้รับการคัดค้านอย่างหนักจากขุนนางส่วนใหญ่ในราชสำนักที่เห็นว่าเสี่ยงเกินไป ซึ่งโดยส่วนตัวผมก็มองว่าเสี่ยงจริง เพราะกองทัพหลวงนั้นยังไม่เคยออกรบในสนามรบเลยสักครั้งเดียว แถมจะขุนศึกอีกสามกลุ่มก็ไม่ใช่ผู้ที่พึ่งพาอาศัยได้สักเท่าใดนัก

อย่างไรก็ดีหลังจากเจรจากันอยู่พักใหญ่ และการยืนกรานอย่างหนักแน่นของขงเหว่ยและจางจวิ้น ถังเจาจงจึงอนุญาตให้จางจวิ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ยกกองทัพไปปราบได้ แม้ในใจของพระองค์จะไม่ได้เห็นด้วยสักเท่าใดนัก หลังจากนั้นก็มีพระบรมราชโองการถอดหลี่เค่อย่งออกจากตำแหน่ง และให้ขุนศึกโดยรอบเข้าปราบปรามหลี่เค่อย่ง

ปัญหาภายใน

อย่างไรก็ดีกองทัพหลวงนั้นเกิดปัญหาตั้งแต่จะยกออกไปจากเมืองหลวงอย่างฉางอาน (ซีอาน) ตั้งแต่แรกแล้ว

เรื่องมีอยู่ว่าจางจวิ้นก็เกลียดชังพวกขันทีเข้ากระดูกดำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งขันทีที่ทรงอำนาจที่สุดในราชสำนักอย่างหยางฟู่กงที่เป็นผู้ที่ทำให้ถังเจาจงขึ้นครองราชย์ ก่อนที่เขาจะนำทัพออกไปกับขงเหว่ยนั้น จางจวิ้นเคยทูลถังเจาจงเป็นการลับว่า ตนขอปราบปรามภัยภายนอกให้กับราชสำนักเสียก่อน หลังจากนั้นจะกำจัดพวกภัยภายในอย่างขันทีให้สิ้นซากไป

หยางฟู่กงนั้นมีเส้นสายอยู่ในวังมากมาย ดังนั้นเขาจึงทราบเช่นกันว่าจางจวิ้นคิดอย่างไรกับตน ก่อนที่จางจวิ้นจะยกทัพไป หยางฟู่กงได้จัดงานเลี้ยงส่งจางจวิ้นอย่างยิ่งใหญ่ และในระหว่างงานนั้น ทั้งสองคนก็ได้ปะทะคารมกัน

เรื่องมีอยู่ว่าจางจวิ้นปฏิเสธเหล้าที่หยางฟู่กงนำมาให้ดื่ม หยางฟู่กงจึงพูดขึ้นในเชิงท้าทายว่า

ท่านอัครมหาเสนาบดีมีกระบี่อาญาสิทธิ์ในครอบครอง ท่านลังเลอะไรอยู่งั้นหรือ

จางจวิ้นจึงตอบอย่างหยิ่งผยองว่า

ขอให้ข้าปราบพวกโจรให้สิ้นซากเสียก่อน แล้วเจ้าจะได้รู้ว่าทำไมข้าถึงลังเล

เมื่อหยางฟู่กงได้ยินเช่นนั้นก็ไม่พอใจอย่างหนัก ดังนั้นจึงใช้อำนาจและอิทธิพลต่างๆที่มีในการทำให้แผนการปราบหลี่เค่อย่งของจางจวิ้นล้มเหลวให้จงได้

พ่ายแพ้ยับเยิน

ตามแผนการแล้วนั้น ราชสำนักจะนัดแนะให้ขุนศึกอีกห้ากลุ่มให้เข้าตีหลี่เค่อย่งพร้อมกัน ปรากฏว่ากองทัพของขุนศึกจูเฉวียนจงสามารถตีเมืองจ้าวยี่ เมืองสำคัญของหลี่เค่อย่งได้อย่างรวดเร็วเพราะมีเหตุวุ่นวายเกิดขึ้นในเมือง แต่ราชสำนักไม่ต้องการให้เมืองนี้ไปอยู่ในมือจูเฉวียนจง จางจวิ้นจึงรีบส่งกองทัพไปเข้าควบคุมเพื่อเมืองนี้จะได้อยู่ในมือราชสำนัก

กองทัพที่ถูกส่งไปนั้นมีซุนขุยเป็นแม่ทัพ ซึ่งข่าวนี้ได้ทราบไปถึงหลี่เค่อย่ง เขาจึงเตรียมการไว้รับมือไว้ล่วงหน้าด้วยการให้หลี่ฉุนเสี้ยว บุตรเลี้ยงของตนเป็นแม่ทัพยกไป

หลี่ฉุนเสี้ยวผู้นี้เป็นแม่ทัพที่มีความสามารถมาก ดังนั้นเขารู้ดีว่ากองทัพหลวงรีบร้อนเพราะจะได้เข้าจัดการเมืองก่อนที่จูเฉวียนจงจะนำทัพมาถึง และไม่น่าจะระวังตัว ดังนั้นการซุ่มโจมตีจึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด กองทัพของหลี่ฉุนเสี้ยวจึงเข้าทำลายกองทัพหลวงที่นำโดยซุนขุยจนแตกยับเยิน แทบยังจับเป็นซุนขุยได้อีกด้วย ตามมาด้วยการเข้าล้อมเมืองจ้าวยี่ที่อยู่ในมือของกองทัพขนาดเล็กของจูเฉวียนจง เมื่อจูเฉวียนจงส่งกองทัพมาสนับสนุน หลี่ฉุนเสี้ยวก็รับผิดชอบตีกระหน่ำจนแตกยับเยิน

ขณะเดียวกันหลี่เค่อย่งก็ให้หลี่ซือหยวนและหลี่ฉุนซิ่นเป็นแม่ทัพเข้าสกัดการเข้าตีของขุนศึกกลุ่มอื่นๆ ที่เป็นพันธมิตรกับราชสำนักอย่างเช่นหลี่ควงเวยจนแตกกระเจิง ทำให้สถานการณ์ของกองทัพหลวงเลวร้ายอย่างรวดเร็ว จนสุดท้ายขุนศึกกลุ่มอื่นๆ ก็ถอยไปหมดเหลือแต่เพียงกองทัพหลวงแค่กองเดียว

เมื่อสถานการณ์ได้เปรียบเช่นนั้น หลี่เค่อย่งจึงให้หลี่ฉุนเสี้ยวที่ในเวลานั้นตีเมืองจ้าวยี่กลับคืนได้แล้วเป็นแม่ทัพ และนำกำลังไปจัดการกองทัพหลวง

จางจวิ้นพยายามจะซุ่มโจมตีกองทัพของหลี่ฉุนเสี้ยวตอนกลางคืน แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะหลี่ฉุนเสี้ยวสามารถต้านทานเอาไว้ได้ และเข้าตีโต้กลับจนกองทัพหลวงได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทหารของพวกขุนศึกที่อยู่ในทัพก็ต่างหนีทัพไปเป็นจำนวนมาก แม้ว่าจางจวิ้นจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหยุดยั้งได้สำเร็จ เขาจึงจำต้องถอยหนีไปยังเมืองจิ้นโจว เปิดโอกาสให้ทหารของหลี่ฉุนเสี้ยวไล่สังหารทหารหลวงไปได้ไม่น้อย

หลี่ฉุนเสี้ยวนำกองทัพขนาดใหญ่ติดตามมาล้อมเมืองไว้ แต่ในใจของหลี่ฉุนเสี้ยวนั้นกลับคิดว่า การจับกุมอัครมหาเสนาบดี และสังหารทหารหลวงที่เหลืออยู่นั้นไม่น่าจะเป็นคุณกับฝั่งตน เพราะจะยิ่งทำให้ขุนศึกคนอื่นเห็นเป็นศัตรู การเจรจากับราชสำนักก็จะทำไม่ได้อีก หลี่ฉุนเสี้ยงจึงล้อมเมืองแบบหลวมๆ และเปิดทางหนีให้ทางหนึ่ง ทำให้จางจวิ้นและทหารหลวงที่เหลือหนีรอดไปได้

สุดท้ายแผนการปราบปรามหลี่เค่อย่งจึงลงเอยด้วยความล้มเหลวแบบไม่มีชิ้นดี หลี่เค่อย่งฉวยโอกาสนั้นส่งสาส์นมาแจ้งกับราชสำนักว่าตนเองยังจงรักภักดี แต่โจมตีจางจวิ้นว่าหาเหตุโจมตีตน ทั้งๆ ที่ตนไม่มีความผิด และตนเองก็พร้อมที่จะเข้ามาจัดการทุกอย่างเอง (นัยว่าจะมาตีฉางอาน) ถ้าราชสำนักไม่จัดการกับจางจวิ้นและขงเหว่ย

ผลที่ตามมาคือถังเจาจงจึงต้องยอมกล้ำกลืนความอัปยศด้วยการมอบยศศักดิ์ และตำแหน่งต่างๆ คืนให้กับหลี่เค่อย่ง พร้อมกับปลดขงเหว่ยและจางจวิ้นออกจากตำแหน่งสมุหนายก และเนรเทศไปประจำที่ต่างแดน

ความพ่ายแพ้ต่อหลี่เค่อย่งนั้นส่งผลกระทบต่อราชสำนักอย่างมากมาย ราชสำนักสูญเสียเงินทองที่หายากไปมหาศาลกับยุทธการครั้งนี้ กำลังทหารที่ฟูมฟักมาเป็นเวลาเกือบสองปีถูกทำลายสิ้นในไม่กี่เดือน แถมยังเป็นการประจานความอ่อนแอให้กับขุนศึกทั้งใต้หล้าได้เห็นอีก ความฝันของถังเจาจงที่หวังจะเห็นแผ่นดินกลับมารวมเป็นหนึ่งภายใต้พระองค์นั้นจึงห่างออกไปไกลขึ้นทุกที

ติดตามอ่านต่อไปได้ในตอนหน้า

References:

  • Zizhi Tongjian
  • Old Book of Tang
  • New Book of Tang

ย้อนอ่านตอนเก่า

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!