ประวัติศาสตร์ถังเจาจง ตอนที่ 7: ถูกถอดออกจากบัลลังก์ฮ่องเต้

ถังเจาจง ตอนที่ 7: ถูกถอดออกจากบัลลังก์ฮ่องเต้

จากตอนที่แล้ว (ย้อนอ่านได้จากลิงค์ด้านล่าง) สถานะของถังเจาจงกลับมาดีขึ้นบ้าง เพราะการช่วยเหลือของหลี่เค่อย่ง ขุนศึกที่พระองค์เคยส่งกองทัพไปปราบปรามมาแล้ว แต่กลับสร้างวีรกรรมปกป้องราชสำนักถังไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ถึงกระนั้นพระองค์กลับไม่ได้ตัดสินใจให้หลี่เค่อย่งทำลายหลี่เม่าเจินเสียให้สิ้นซาก เพราะพระองค์เกรงว่าสมดุลแห่งอำนาจจะถูกทำลายนั่นเอง

ถ้าเปรียบกับช่วงสามก๊กแล้ว การช่วยเหลือฮ่องเต้ของหลี่เค่อย่งจะว่าไปคล้ายกับโจโฉ แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ โจโฉได้ทูลเชิญเสด็จฮ่องเต้ไปยังฐานที่มั่นของตน ส่วนหลี่เค่อย่งนั้นไม่ได้ทำเช่นนั้น หรือว่าอาจจะพยายามทำ แต่ถังเจาจงปฏิเสธก็เป็นได้

ความสงบที่ไม่ยั่งยืน

ในภาพรวม ราชวงศ์ถังช่วงนั้นอยู่ในสภาพทรงกับทรุด ไม่มีปัญญาจะควบคุมหัวเมืองหรือแม้กระทั่งช่วยเหลือตนเองได้อีกแล้ว อย่าว่าแต่จะรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งเลย การที่ราชสำนักคงอยู่ได้ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้วด้วยซ้ำไป

การคุกคามของหลี่เม่าเจิน รวมไปถึงแม่ทัพของเขาที่พยายามจะเอาตัวถังเจาจงไปนั้นได้ทำให้ชาวเมืองฉางอาน (ซีอาน) หนีตายไปที่อื่นๆ เป็นจำนวนมาก แถมตัวเมืองและพระราชวังก็ได้รับความเสียหายอย่างหนัก แถมกองทหารที่ปกป้องพระองค์ได้ก็เหลือเพียงน้อยนิด

แต่ฮ่องเต้อย่างถังเจาจงก็ไม่ได้ยอมแพ้ต่อโชคชะตา พระองค์โปรดให้ฟื้นฟูกองทหารขึ้นมาใหม่ และให้อยู่ในการดูแลของเชื้อพระวงศ์คนสำคัญ ส่วนตัวเมืองนั้นก็ให้บูรณะไปละทีส่วนเท่าที่ทำได้ ทำให้ความสงบกลับคืนสู่ตัวเมืองทีละน้อย ในช่วงนี้จึงเป็นช่วง “ทรง” ของราชวงศ์ ซึ่งจะดำเนินอยู่ในเวลาเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น เพราะพวกขุนศึกที่เข้มแข็งยังติดตามสถานการณ์ในเมืองหลวงอย่างใกล้ชิด

กลางปี ค.ศ.896 ความสงบที่ว่าก็หายไปอีกครั้ง

เรื่องมีอยู่ว่าหลี่เม่าเจินที่เคยถูกหลี่เค่อย่งบดขยี้ยับเยินนั้นเห็นว่า หลี่เค่อย่งทำศึกยืดเยื้อกับจูเฉวียนจง ขุนศึกที่แข็งแกร่งอีกคนหนึ่ง แถมยังเกือบเสียทีพ่ายแพ้เสียด้วย หลี่เม่าเจินจึงเห็นเป็นโอกาสที่จะ “bully” ราชสำนักถังของถังเจาจงอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการยกทัพมายังฉางอาน โดยอ้างว่าการที่ถังเจาจงฟื้นฟูกองทหารหลวงขึ้นมานั้นก็เพื่อทำอันตรายและคุกคามดินแดนของตน

ด้วยเหตุนี้ฉางอานจึงมีภัยคับขัน ถังเจาจงรีบส่งทูตไปขอความช่วยเหลือจากหลี่เค่อย่ง แต่หลี่เค่อย่งไม่สามารถช่วยได้ในเวลานั้น เพราะกองทัพทั้งหมดของเขาติดศึกกับมหาศัตรูอย่างจูเฉวียนจงอยู่ ถังเจาจงจึงไม่มีหวังที่จะได้กองทัพหลี่เค่อย่งมาอุ้มชูเหมือนกับครั้งก่อน

โดนหลอก

การต่อต้านหลี่เม่าเจินไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะกองทหารหลวงที่ฝึกใหม่ไม่มีประสบการณ์ แถมยังมีจำนวนน้อยนิด ดังนั้นไม่อาจจะต่อต้านกองทัพของหลี่เม่าเจินได้อย่างแน่นอน พวกขุนนางจึงเสนอให้ถังเจาจงเสด็จหนีไปยังเหอตง ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของหลี่เค่อย่ง

ถังเจาจงที่ไม่มีทางเลือกอื่นใดจึงยอมกระทำตาม หลี่เค่อย่งเองก็ไม่ได้ปฏิเสธที่จะรับเสด็จด้วย ซึ่งตามแผนการนั้นพระองค์จะเสด็จข้ามแม่น้ำเหลือง และเสด็จขึ้นเหนือต่อเพื่อไปถึงไท่หยวน เมืองหลวงของหลี่เค่อย่ง ปล่อยให้เมืองฉางอานถูกกองทัพของหลี่เม่าเจินปล้นสะดมและเผาทำลายจนยับเยิน

อย่างไรก็ดีระหว่างที่พระองค์กำลังเสด็จหนีนั้น พระองค์ก็ได้รับสาส์นจากหานเจี้ยน ขุนศึกอีกคนหนึ่งที่เสนอให้พระองค์เสด็จไปฐานที่มั่นของตนแทน ถังเจาจงทรงลังเลว่าจะทำอย่างไรดี ซึ่งท้ายที่สุดแล้วพวกขุนนางผู้ใหญ่ที่ติดตามมาด้วยต่างไม่อยากเดินทางไกลข้ามแม่น้ำเหลือง (ซึ่งก็ make sense เพราะว่าตามเส้นทางอาจจะมีอันตราย) พวกเขาจึงรบเร้าให้ถังเจาจงเสด็จไปที่มั่นของหานเจี้ยนที่อยู่ใกล้กว่า

ด้วยเหตุนี้ถังเจาจงจึงเสด็จไปอยู่กับหานเจี้ยน ซึ่งในตอนแรกดูเหมือนว่าหานเจี้ยนก็ดูแลพระองค์ได้ดีอยู่ แต่ผ่านไปไม่นาน ธาตุแท้ของเขาก็เผยออกมา หานเจี้ยนได้สั่งให้ถังเจาจงพำนักอยู่แต่ในที่พัก และบังคับให้พระองค์ล้มเลิกกองทหารองครักษ์อีกด้วย

ระหว่างนั้นหานเจี้ยนก็ได้ส่งคนไปสืบข่าวว่าหลี่เค่อย่งจะมาช่วยถังเจาจงได้หรือไม่ พอได้ทราบข่าวว่าขุนศึกซาถัวผู้นี้เพิ่งพ่ายศึกทางตอนเหนือ และได้รับความเสียหายอย่างหนัก ทำให้ตัวเขายิ่งวางอำนาจบาตรใหญ่ จนถึงกับสั่งประหารชีวิตเชื้อพระวงศ์ถังไปถึง 11 คนด้วยกัน

การมาพึ่งพาหานเจี้ยนนั้นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่อีกครั้งของถังเจาจง และการโดนหลอกครั้งนี้ดูเหมือนว่าจะมีผลมากกับจิตใจของพระองค์ อดีตฮ่องเต้ที่เคยมีปณิธานอันยิ่งใหญ่นั้นทรงเริ่มปรากฏอาการของโรคซึมเศร้า และพระองค์ต้องพึ่งพิงสุราในการปลอบประโลมตนเองมากยิ่งขึ้น ด้วยเหตุนี้ถังเจาจงที่เคยเยือกเย็นจึงทรงแปรเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

กลับฉางอานและถูกถอดจากราชสมบัติ

อย่างไรก็ดีเมื่อช่วงเวลา “ทรุด” ของถังเจาจงผ่านไปก็จะกลับไปสู่ช่วง “ทรง” ในปี ค.ศ.898 ถังเจาจงได้รับฎีกาจากจูเฉวียนจงว่าให้ย้ายเมืองหลวงไปยังเมืองลั่วหยาง ฎีกาที่ว่านี้นั้นได้ทำให้ทั้งหลี่เม่าเจิน และหานเจี้ยนหวาดกลัว เพราะทั้งสองรู้ดีว่าในเวลานั้นจูเฉวียนจงเป็นขุนศึกที่แข็งแกร่งที่สุดในแผ่นดิน แถมยังเคยร่วมมือกับฮ่องเต้ในการปราบหลี่เค่อย่ง (แต่ล้มเหลวอีกด้วย)

ทั้งหลี่เม่าเจินและหานเจี้ยนมองว่าการที่จูเฉวียนจงถวายฎีกาเช่นนี้อาจเป็นการเตือนขุนศึกทั้งสองว่า ให้ส่งฮ่องเต้กลับฉางอานแต่โดยดี มิเช่นนั้นตนเองจะส่งกองทัพมาชิงตัวฮ่องเต้ ซึ่งทั้งสองไม่มีปัญญาจะไปต่อสู้กับจูเฉวียนจงได้อยู่แล้วจึงส่งทหารไปบูรณะเมืองฉางอานที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักให้ฟื้นคืนกลับมาให้อยู่ในสภาพ “พออยู่ได้”

ช่วงปลายปี ค.ศ.898 ถังเจาจงเสด็จกลับมายังฉางอาน แต่สิ่งที่พระองค์ได้เห็นนั้นไม่ต่างอะไรกับพระเจ้าเหี้ยนเต้ที่เห็นเมืองลั่วหยาง นั่นคือทุกหนแห่งเต็มไปด้วยความเสียหาย ไม่เหลือคราบมหานครอันยิ่งใหญ่ของถังไท่จงอีกแล้ว แถมพระองค์ยังต้องอยู่ในสถานะเดิมๆ นั่นคืออยู่ในการควบคุมของพวกขันที โดยที่ไม่สามารถว่าราชการใดๆ ได้ด้วยตนเอง

ถังเจาจงจึงปรารถนาที่จะได้อำนาจคืนมา และบริหารราชการอย่างที่ควรจะเป็น ดังนั้นพระองค์จึงเริ่มสนิทสนมกับขุนนางผู้ใหญ่ชื่อชุยยิ่นมากยิ่งขึ้น ชุยยิ่นผู้นี้เกลียดพวกขันทีเข้ากระดูกดำ แต่ตัวเขาเป็นพันธมิตรกับขุนศึกใหญ่อย่างจูเฉวียนจง พวกขันทีจึงยังไม่กล้าทำอะไรรุนแรงกับเขา

ชุยยิ่นเสนอให้ถังเจาจงนั้นสังหารพวกขันทีในราชสำนักทั้งหมด โดยเริ่มต้นด้วยการหาเหตุใส่ความขันทีระดับบิ๊กๆบางคน หลังจากนั้นก็ให้ถังเจาจงลงพระอาญาประหารชีวิตตามน้ำไป ผลที่ตามมาคือพวกขันทีเกลียดชังชุยยิ่นมาก และเมื่อเห็นว่าถังเจาจงให้ท้ายชุยยิ่น พวกเขาเริ่มคิดจะใช้กำลังทหารที่มีอยู่ถอดถอนฮ่องเต้ แต่ก็หาเหตุให้หลงมือไม่ได้เสียที

จนกระทั่งวันหนึ่ง

ในวันหนึ่งของช่วงฤดูหนาวแห่งปี ค.ศ.900 ถังเจาจงได้เสวยสุราจนมึนเมา และมีบางสิ่ง (พงศาวดารไม่ได้บันทึกไว้) ที่ทำให้พระองค์พิโรธหนัก พระองค์จึงใช้ดาบสังหารขันทีและนางกำนัลที่อยู่รับใช้ไปหลายคน พวกขันทีที่รอเวลาอยู่แล้วจึงเข้าตะครุบเหยื่อทันที กองทหารเชินเส้อได้เข้ามาควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด ส่วนพวกขันทีระดับหัวหน้าทั้งหลายจึงเข้ามาบีบบังคับให้ถังเจาจงสละราชสมบัติให้กับพระโอรส

ถังเจาจงทรงไม่มีทางเลือกอื่นใด พระองค์จึงต้องสละราชสมบัติและขึ้นไปดำรงตำแหน่งไท่ซ่างหวง (บิดาของฮ่องเต้) ส่วนชุยยิ่นนั้นพวกขันทีอยากจะนำตัวมาประหารชีวิตใจจะขาด แต่ก็ไม่กล้า เพราะว่าเกรงว่าแบ็คของชุยยิ่นอย่างจูเฉวียนจงจะนำกองทัพมาสังหารพวกตน พวกเขาจึงถอดถอนชุยยิ่นจากอัครมหาเสนาบดีให้ไปดำรงตำแหน่งอื่นที่ไร้อำนาจเพียงเท่านั้น

เรื่องจะดำเนินไปอย่างไร ติดตามอ่านได้ในตอนหน้าครับ

References:

  • Zizhi Tongjian
  • Old Book of Tang
  • New Book of Tang

ย้อนอ่านตอนเก่า

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!