ประวัติศาสตร์จีนจ้านกว๋อฉีหมิ่นหวาง กษัตริย์ผู้กร่างและหยิ่งผยองในอำนาจจนสิ้นแผ่นดิน

ฉีหมิ่นหวาง กษัตริย์ผู้กร่างและหยิ่งผยองในอำนาจจนสิ้นแผ่นดิน

ในสมัยยุคจ้านกว๋อ (475 BC – 221 BC) แคว้นฉี (Qi, 齊) เป็นหนึ่งในเจ็ดแคว้นใหญ่ที่ทำสงครามต่อสู้แย่งชิงอำนาจกัน แคว้นฉีเป็นแคว้นที่เข้มแข็ง ดินแดนซานตงของแคว้นฉีติดทะเลตะวันออก พื้นที่ของแคว้นฉีอุดมสมบูรณ์ไปด้วยข้าวปลาอาหาร พลเมืองและราษฎรก็มากมาย

ความยิ่งใหญ่ของแคว้นฉีนี้ทำให้ไม่มีใครคิดว่าแคว้นดังกล่าวจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้เกือบพังพินาศได้

เหตุการณ์จะเป็นไปอย่างไร ติดตามได้ในโพสนี้ครับ

รูปปั้นที่วัดไท่เหอ เชื่อกันว่าเป็นรูปปั้นเหมือนของฉีหมิ่นหวาง

ฉีหมิ่นหวาง

แคว้นฉียิ่งใหญ่ขึ้นมากหลังจากชัยชนะอันยิ่งใหญ่ของซุนปิ้นเหนือแคว้นเว่ย ทหารที่ซุนปิ้นฝึกฝนล้วนแต่มีความสามารถและเกรียงไกร ทำให้แคว้นฉีมั่งคั่งและเป็นมหาอำนาจในทางทิศตะวันออกของแผ่นดินจีน

ในปี 300 BC ฉีหมิ่นหวางได้ครองบัลลังก์ฉี ในต้นรัชกาล ฉีหมิ่นหวางยังเป็นกษัตริย์หนุ่ม เขาเป็นกษัตริย์ที่ดีพระองค์หนึ่ง แคว้นฉีก็เข้มแข็งขึ้นตามลำดับ

แต่ความเข้มแข็งของแคว้นฉีกลับทำให้ฉีหมิ่นหวางเปลี่ยนแปลงไป เขาเปลี่ยนแปลงไปทีละน้อย ฉีหมิ่นหวางหยิ่งผยอง และบ้าคลั่งในความยิ่งใหญ่ของตัวเอง และต้องการที่จะยิ่งใหญ่ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก

นิสัยแบบนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า Megalomaniac หรือ ทางจิตเวชน่าจะเรียกว่า Grandiose Delusions หรือ Narcissistic Personality Disorder

หรือเอาง่ายๆ ฉีหมิ่นหวางหลงตัวเองเข้าขั้นร้ายกาจ

ฉีหมิ่นหวางคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ที่สุด เขาเฝ้าฝันว่าจะยอมแผ่นดินเข้าเป็นหนึ่ง และบุกไปยังราชสำนักโจว เพื่อนำกระถางธูปทั้งหมดมาตั้งไว้ที่เมืองหลินจือ เมืองหลวงของแคว้นฉี

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฉีหมิ่นหวางไม่ฟังใคร ผู้ใดหาญกล้าทัดทาน หรือ เห็นแย้ง ฉีหมิ่นหวางจะจับตัวผู้นั้นไปต้มทั้งเป็น หรือตัดตัวเป็นสองท่อนทันที ไม่ว่าจะเป็นเชื้อพระวงศ์ แม่ทัพ ขุนนาง หรือ ประชาชนทั่วไป ทุกคนจะได้รับโทษอย่างเดียวกันหมด

กระแสเกลียดชังฉีหมิ่นหวางจึงมากขึ้นตามลำดับ แต่เรื่องจะยังไม่จบเพียงเท่านั้น

ข่มเหงแคว้นอื่น

มีอยู่วันหนึ่ง ฉีหมิ่นหวางทรงเห็นว่าแคว้นเยียน (Yan, 燕) ที่อยู่ทางตอนเหนือวุ่นวายทางการเมือง พระองค์เห็นเป็นโอกาสที่จะผนวกแคว้นเยียน ฉีหมิ่นหวางจึงส่งกองทัพฉีเข้าโจมตีแคว้นดังกล่าว

กองทัพฉีแข็งแกร่งกล้าหาญ แคว้นเยียนที่วุ่นวายอยู่แน่นอนว่าต้านไม่อยู่ ฉีหมิ่นหวางตีแคว้นเยียนได้อย่างง่ายดาย เขาสั่งให้ประหารชีวิตกษัตริย์แคว้นเยียนด้วยการผ่าอก พร้อมทั้งสังหารบรรดาเชื้่อพระวงศ์อย่างเหี้ยมโหด รวมถึงสั่งให้พวกทหารปล้นสะดมเมืองหลวงจี้เฉิง (ปัจจุบันคือปักกิ่ง) และนำกำลังไปทำลายสุสานกษัตริย์แคว้นเยียนจนวอดวาย

การกระทำดังกล่าวของฉีหมิ่นหวาง ทำให้แคว้นฉีและแคว้นเยียนเป็นศัตรูคู่แค้นที่อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้

หากแต่ว่าฟ้าก็ไม่เข้าข้างคนผิด

รัชทายาทแคว้นเยียนทรงหลบหนีไปแคว้นจ้าวได้ เขาได้ขอกำลังแคว้นจ้าวมาช่วยเหลือขับไล่ฉีหมิ่นหวางออกไปได้สำเร็จ เพราะชาวเยียนต่างเกลียดชังกองทัพฉี ภายในเวลาไม่นานกองทัพฉีจึงถูกขับไล่ออกไปทั้งหมด

แคว้นเยียนกลับมาตั้งใหม่ รัชทายาทแคว้นเยียนขึ้นเป็นกษัตริย์มีชื่อว่า เยียนจาวหวาง

ถึงแม้จะถูกขับไล่ออกจากแคว้นเยียน ฉีหมิ่นหวางก็ยังไม่เข็ด เขาสั่งให้กองทัพไปโจมตีแคว้นซ่ง ร่วมกับแคว้นเว่ย และ แคว้นฉู่ โดยสัญญากันว่าถ้าทำลายได้จะตัดดินแดนเป็นสามส่วนแบ่งกัน 

กองทัพซ่งต้านทานอย่างแข็งแกร่ง แต่สุดท้ายกองทัพสามแคว้นก็เอาชนะแคว้นซ่งได้สำเร็จ ฉีหมิ่นหวางเองก็ยังคงความเหี้ยมโหดเช่นเดิม เมื่อจับเป็นกษัตริย์แคว้นซ่งได้ เขาสั่งให้เอาตัวไปตัดศีรษะ

ตามที่สัญญากันไว้ แคว้นฉีจะแบ่งดินแดนแคว้นซ่งกับแคว้นฉู่ และแคว้นเว่ย แต่ฉีหมิ่นหวางไม่ต้องการทำเช่นนั้น

สาเหตุคือเขาถือว่าแคว้นฉีออกแรงมากที่สุดในการปราบปรามแคว้นซ่ง แล้วทำไมต้องแบ่งดินแดนให้อีกสองแคว้นด้วย ในกลางดึกฉีหมิ่นหวางจึงสั่งให้กองทัพฉีเข้าโจมตีกองทัพฉู่และกองทัพเว่ยกลางดึก และยึดดินแดนแคว้นซ่งทั้งหมดเป็นของตน

แคว้นฉู่และแคว้นเว่ยจึงเกลียดแคว้นฉียิ่งนัก กระแสรวมตัวกันเพื่อจัดการกับแคว้นฉีจึงเริ่มเกิดขึ้นอย่างลับๆ

บ้าคลั่งอำนาจ

ฉีหมิ่นหวางเห็นว่าตนเองพิชิตแคว้นซ่ง แคว้นเยียนได้ เขาจึงต้องการจะสถาปนาตนเองขึ้นเป็น ตี้ หรือเทียบเท่ากับกษัตริย์ในยุคตำนานปรัมปรา เขาตั้งตัวเองเป็นตงตี้ หรือ ตี้แห่งดินแดนตะวันออก ท่ามกลางการคัดค้านของขุนนางมากมาย เพราะทุกคนเห็นว่าฉีหมิ่นหวางจะทรง “หางาน” ให้กับแคว้นฉี

แต่ฉีหมิ่นหวางก็ไม่ฟัง เขาแต่งตั้งตัวเองขึ้นเป็นตี้ แต่เวลาต่อมาก็ยอมกลับลงไปอยู่ในตำแหน่งเดิม เพราะว่าทนกระแสต่อต้านไม่ไหว

นานวันเข้า ฉีหมิ่นหวางยิ่งโหดร้ายมากยิ่งขึ้นกับเหล่าราษฎรและขุนนาง และไม่ใส่ใจคำแนะนำที่ซื่อสัตย์ เหล่าขุนนางผู้จงรักภักดีจึงเริ่มหายไปทีละคนสองคน บางคนก็เลือกที่จะลาออกจากราชการ หรือหนีไปแคว้นอื่น ทั้งราชสำนักเหลือแต่ขุนนางกังฉินที่ประจบสอพลอ ผู้สนับสนุนให้เขาสร้างโน่นสร้างนี่มากมาย

ในเวลานั้นไม่ว่าจะเป็นในแคว้นหรือนอกแคว้นฉี ฉีหมิ่นหวางต่างเป็นที่เอือมระอาของคนทุกผู้ ทุกคนปรารถนาให้มีผู้มาสั่งสอนฉีหมิ่นหวางเสียที

แคว้นเยียนล้างแค้น

ฝ่ายเยียนจาวหวางนั้น พระองค์ทรงไม่เคยลืมความแค้นนั้นสักวินาที จนกระทั่งวันหนึ่งพระองค์เห็นแคว้นต่างๆ ล้วนแต่เกลียดฉีหมิ่นหวาง พระองค์จึงเห็นเป็นโอกาสที่จะจัดการกับฉีหมิ่นหวางเสียที 

พระองค์ทรงทูตไปยังแคว้นต่างๆเพื่อขอกำลังทหาร ซึ่งก็ได้รับการตอบรับอย่างดี กองทัพห้าแคว้น เยียน จ้าว เว่ย ฉิน หาน จึงมารวมกัน เยียนจาวหวางจึงให้่เยว่อี้เป็นแม่ทัพใหญ่ นำทหารยกไปตีแคว้นฉี 

ฉีหมิ่นหวางยังคงคิดว่าตนเองและกองทัพฉีทรงอานุภาพไม่มีผู้ใดต้านทานได้ เขาจึงนำกองทัพมาต่อสู้ แต่ฉีหมิ่นหวางหารู้ไม่ว่า เขากำลังต่อสู้กับแม่ทัพสามคน ซึ่งเป็นแม่ทัพที่ได้ชื่อว่าเก่งกาจที่สุดแห่งยุคจ้านกว๋อพร้อมๆกัน นั่นก็คือ เยว่อี้ ไป๋ฉี และ เหลียนโป    

กองทัพพันธมิตรตีกระหน่ำกองทัพฉีจนแตกกระจัดกระจาย ทหารฉีถูกสังหารแทบจะทั้งกองทัพ เยว่อี้ฉวยโอกาสนำกองทัพบุกเข้าตีหัวเมืองของแคว้นฉี ไม่มีหัวเมืองใดต้านทานได้ หัวเมืองแคว้นฉี 70 กว่าเมืองถูกตีแตกทั้งหมดรวมทั้งเมืองหลวง หลินจือด้วย

ซากโบราณที่หลงเหลืออยู่ของเมืองหลินจือ เมืองหลวงของแคว้นฉี By Rolfmueller – Own work, CC BY-SA 3.0,

ฉีหมิ่นหวางหลบหนีไป แต่ก็ยังไม่ทิ้งความกร่าง ระหว่างทางที่หนีไป เขายังคงหยาบคายกับเจ้าผู้ครองแคว้นเล็กๆ ที่อุตส่าห์ออกมาต้อนรับ ทำให้พวกเจ้าผู้ครองแคว้นทุกคนเข็ด และไม่มีใครเปิดประตูเมืองรับฉีหมิ่นหวางเลยสักคนเดียว

ตัวฉีหมิ่นหวางถึงแม้จะตกอับ แต่ก็ยังไม่เคยโทษตัวเอง เขายังคงโทษคนอื่นอยู่ร่ำไป

วาระสุดท้ายของฉีหมิ่นหวาง

อย่างไรก็ตาม ฉีหมิ่นหวางหนีไปเมืองจีว์ หนึ่งในสองเมืองของแคว้นฉีที่ยังไม่แตกได้สำเร็จ ฉีหมิ่นหวางพยายามขอความช่วยเหลือจากแคว้นฉู่ แคว้นที่ตัวฉีหมิ่นหวางเองเคยทรยศอย่างเจ็บแสบ

ฉู่หวางทรงให้เน่าฉื่ออดีตนายทหารแคว้นฉี นำกองทัพมาช่วยแคว้นฉี แต่ก่อนจะยกทัพมา ฉู่หวางมีรับสั่งกับเน่าฉื่อว่าอะไรที่เน่าฉื่อเห็นว่าเป็นประโยชน์กับแคว้นฉู่ ก็ขอให้เน่าฉื่อจัดการได้ด้วยตนเอง

เมื่อเน่าฉื่อมาถึงเมืองจีว์และได้เข้าพบฉีหมิ่นหวาง เขาฉวยโอกาสจับฉีหมิ่นหวางไว้ แล้วนำไปมัดไว้กับเสาวัง ฉีหมิ่นหวางถูกมัดอยู่วันหนึ่ง จนสุดท้ายก็ตายในวันรุ่งขึ้น

นี่จึงเป็นจุดจบของฉีหมิ่นหวาง ผู้กร่างในอำนาจจนทำให้ผู้อื่นในใต้หล้าเกลียดชัง จนพบกับความวอดวายในที่สุด

ถึงกระนั้นแคว้นฉียังไม่ล่มสลายไปอย่างถาวร เพราะเถียนตันผู้กล้าแห่งอันผิงได้กอบกู้แคว้นได้สำเร็จ

แม้แคว้นฉีจะกลับมาได้ แต่แคว้นฉีหมดบทบาทในยุคจ้านกว๋อไปอย่างถาวร อำนาจความเข้มแข็งของแคว้นสูญสิ้นไปตลอดกาล หลายสิบปีต่อมา แคว้นฉีถูกทำลายราบคาบโดยแคว้นฉินในบั้นปลาย

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!