ภายหลังจากพระเจ้าจิ้นหวู่ตี้ (สุมาเอี๋ยน) ทรงรวบรวมแผ่นดินที่แตกแยกในยุคสามก๊กเข้าเป็นหนึ่งได้สำเร็จ ราชสำนักจิ้นกลับฟุ้งเฟ้อมาก พระเจ้าจิ้นหวู่ตี้ทรงมีพระสนมมากที่สุดในประวัติศาสตร์จีน พงศาวดารกล่าวไว้ว่าทรงมีพระสนมถึงหนึ่งหมื่นคน ตำนานก็เขียนไว้ว่าพระองค์ทรงมีพลังวังชาอย่างยิ่งยวดในการหาความสุขจากบรรดาสนมเหล่านี้
สำหรับขุนนางระดับสูงก็เป็นเช่นเดียวกับพระเจ้าจิ้นหวู่ตี้ นั่นก็คือแสวงหาความร่ำรวยส่วนตน จากการกดขี่ชาวบ้านด้วยวิธีสกปรกมากมาย โดยสองคนที่นำหน้าเรื่องความรวยก็คือสือฉง และ หวางไข่
ปูมหลัง
สือฉงเป็นบุตรชายของสือเปา ขุนนางระดับสูงของราชสำนักจิ้น เขาเป็นคนเฉลียวฉลาด ก่อนที่จะตาย สือเปาจึงไม่ได้มอบทรัพย์สินให้กับบุตรชายคนนี้เลยสักแดงเดียว เพราะเชื่อว่าเขาเอาตัวรอดได้อยู่แล้ว
ปรากฏว่าบิดาของเขาคาดไว้ไม่ผิด สือฉงรับราชการและไต่เต้าตามลำดับ เขาได้ขึ้นเป็นถึงขุนนางที่ปรึกษาของจักรพรรดิ ต่อมาสือฉงได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าเมืองจิงโจว (เกงจิ๋ว) ซึ่งอยู่ตอนกลางของประเทศ
ระหว่างที่อยู่ที่จิงโจว สือฉงฉ้อราษฎร์บังหลวงเงินภาษีต่างๆ ที่ได้จากการค้า นอกจากนี้ยังให้คนสนิทปลอมตัวเป็นโจรคอยออกปล้นพ่อค้าและราชทูตจากอาณาจักรต่างๆ ตามทางหลวงอยู่เนืองๆ เพื่อที่จะปล้นชิงของมีค่าไปให้ตนเอง
ในเวลาไม่นานสือฉงก็ร่ำรวยมหาศาล เวลาสือฉงจัดงานเลี้ยงครั้งใด ผู้คนทั้งเมืองก็จะแห่มากินเลี้ยงแสดงความยินดีกับสือฉงเลยทีเดียว
บ้านของสือฉงเองก็ใหญ่โตอลังการ สือฉงมีภรรยาน้อยร้อยกว่าคน เขาสร้างบ้านให้ภรรยาน้อยอยู่คนละหลัง ทุกคนจะได้รับเสื้อผ้าผ้าไหมอย่างดี เครื่องประดับก็อยู่ในระดับตำนาน อาหารการกินก็มีแต่ของที่ดีที่สุดที่หามาได้ทั้งสิ้น หรือแม้กระทั่งคนรับใช้เองก็ใส่เสื้อที่มีราคาหลายพันตำลึง
ส่วนหวางไข่เป็นเชื้อพระวงศ์จิ้น เพราะน้องสาวได้เป็นพระมเหสีของพระเจ้าจิ้นหวู่ตี้ เขาเป็นหนึ่งในคนที่ร่ำรวยและฟุ้งเฟ้อที่สุดในราชสำนักจิ้น ดังนั้นเมื่อเขาได้กิตติศัพท์ความรวยแบบกินใช้ไม่หมดของสือฉง เขาจึงคิดจะแข่งกันบลัฟกับสือฉง
แข่งกันบลัฟ
หวางไข่เริ่มต้นด้วยสั่งให้คนล้างโอ่งและหม้อด้วยน้ำผึ้งอย่างดี แล้วให้คนป่าวประกาศไปให้เข้าหูสือฉงถึงความมั่งมีของตน สือฉงได้ทราบก็รู้ว่าหวางไข่ต้องการจะแข่งความร่ำรวยกับตนเอง เขาจึงสั่งให้ใช้ขี้ผึ้ง (บ้างว่าเทียน) จำนวนมากมาใช้เป็นฟืน ส่วนโอ่งและหม้อก็ให้ใช้เหล้าอย่างดีล้าง แล้วให้คนไปป่าวร้องประกาศเพื่อเกทับหวางไข่
เมื่อหวางไข่เห็นสือฉงมาเกทับจึงสั่งให้ทำม่านกันลม (อีกตำราว่ากันสาด)จากผ้าไหมสีแดงอย่างดียาวถึง 40 ลี้ (20 กม) เพื่อเกทับสือฉงกลับ สือฉงเห็นหวางไข่ทำเช่นนั้น เขาเกทับหวางไข่กลับบ้างด้วยการทำม่านกันลม หรือ กันสาดจากผ้าไหมสีทองอย่างดียาวถึงห้าสิบลี้
ต่อมาหวางไข่ใช้ดินเหนียวหอมอย่างดีมาประดับประดาห้อง สือฉงก็เกทับด้วยการใช้เครื่องเทศชั้นเยี่ยมซึ่งมีราคาแพงกว่า ต่างฝ่ายต่างเกทับกันไปกันมาเรื่อยๆ ฝ่ายหวางไข่เห็นว่าตนเองสู้ไม่ได้ เลยเข้าวังไปทูลพระเจ้าจิ้นหวู่ตี้ให้ทรงช่วย พระเจ้าจิ้นหวู่ตี้จึงพระราชทานปะการังสวยงามอย่างดีขนาด 50 เซนติเมตรให้กับหวางไข่
หวางไข่นำปะการังดังกล่าวติดตัวไปที่บ้านสือฉง เพื่อไปอวดสือฉงว่ามีของดีเช่นนี้หรือไม่สือฉงเห็นเช่นนั้นก็หัวเราะแล้วใช้ตะบองฟาดปะการังนั้นแตกยับไปในทันที
หวางไข่เลือดขึ้นหน้า ตะโกนด่าสือฉงว่า
ปะการังต้นนี้ ฮ่องเต้ทรงพระราชทานมาให้กับข้า ท่านไม่มีสิ่งของมีค่าอย่างนี้มิใช่หรือไม่ถึงมาทำลายปะการังต้นนี้ของข้า
สือฉงได้ยินหวางไข่พูดเช่นนั้นก็กล่าวว่า
ข้าพเจ้าทำลายปะการังของท่านจริง มีหน้าที่ต้องชดใช้
สือฉงจึงสั่งให้บริวารนำปะการังสวยงามสูงใหญ่ทั้งหมดในบ้านมาให้หวางไข่ชมดู ถ้าหวางไข่อยากได้ต้นไหนก็เลือกเอาไปเลย
หวางไข่เห็นปะการังของสือฉงสวยงามและใหญ่กว่าของที่ได้รับพระราชทานมาอีก หวางไข่รู้สึกละอายที่ร่ำรวยไม่เท่ากับสือฉง เขาจึงยอมรับความพ่ายแพ้แล้วกลับบ้านไปในที่สุด
เพราะเหตุใดที่สือฉงมีของดีมากกว่าฮ่องเต้? ในสมัยจีนโบราณนั้น ขุนนางกังฉินโดยทั่วไปมักจะนำของบรรณาการทั้งหมดมาชมดูก่อน แล้วเลือกเก็บชิ้นที่ตนเองชื่นชอบที่สุดไว้กับตัว หลังจากนั้นถึงนำไปถวายฮ่องเต้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่พวกขุนนางอย่างสือฉงมีของมีค่าที่งดงามกว่าของฮ่องเต้
ส่วนในกรณีของสือฉง เขาปล้นชิงบรรณาการด้วย ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมสือฉงถึงมีของมีค่ายิ่งไปกว่าในท้องพระคลังหลวง
บั้นปลาย
การที่ชนชั้นสูงฟุ้งเฟ้อและแข่งกันชิงดีชิงเด่นเช่นนี้ก็เหมือนกับการหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งความหายนะเอาไว้ ในเวลาไม่นานหลังพระเจ้าจิ้นหวู่ตี้สวรรคต เชื้อพระวงศ์และชนชั้นสูงในราชวงศ์จิ้นก็เข้ารบราฆ่าฟันกันเองเป็นสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ เปิดโอกาสให้ชนเผ่า 5 เผ่าเข้ามารุกรานแผ่นดินจีน ท้ายที่สุดราชวงศ์จิ้นสูญเสียดินแดนทางตอนเหนือไปทั้งหมด และหนีไปตั้งหลักที่ภาคใต้
สือฉงถูกตัดศีรษะพร้อมกับสมาชิกในบ้านทั้งตระกูลหลังจากปฎิเสธที่จะมอบภรรยาน้อยคนหนึ่งให้จ้าวหวาง ซือหม่าหลุน ผู้สำเร็จราชการแผ่นดินในเวลานั้น สือฉงลักลอบจะก่อกบฎยึดอำนาจ แต่ซือหม่าหลุนกลับจับสือฉงได้ก่อน เขาจึงถูกประหารชีวิตทั้งครอบครัว
หวางไข่ยังคงมีอำนาจในราชสำนักต่อไป และกระทำการโดยอำเภอใจ แต่ถูกลดฐานันดรศักดิ์ลงเป็นทาสหลังจากสิ้นชีวิต