ประวัติศาสตร์วาระสุดท้ายของ "ราชวงศ์จิ้น" ของตระกูลสุมา ผู้พิชิตแห่งสามก๊ก

วาระสุดท้ายของ “ราชวงศ์จิ้น” ของตระกูลสุมา ผู้พิชิตแห่งสามก๊ก

ท่านที่อ่านสามก๊กคงจะทราบกันดีว่า สุมาเอี๋ยน หรือ ซือหม่าเยียน หลานปู่ของสุมาอี้ เป็นผู้มีชัยในบั้นปลายและรวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งได้สำเร็จด้วยการพิชิตง่อก๊ก และสถาปนาราชวงศ์จิ้นขึ้นปกครองแผ่นดินทั้งหมด

หากแต่ว่าสุมาเอี๋ยนวางระเบิดเวลาไว้ให้ลูกหลานตัวเองหลายอย่าง สองสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ การมอบอำนาจทางทหารให้กับพวกเชื้อพระวงศ์ระดับสูง และการมอบราชสมบัติให้กับรัชทายาทที่ไม่สมประกอบ

เรามาดูกันครับว่า ราชวงศ์จิ้นจะพินาศไปอย่างไร

ชี้แจง: ราชวงศ์จิ้นในที่นี้ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับแคว้นจิ้นที่กล่าวถึงในยุคชุนชิวจ้านกว๋อ

จิ้นฮุ่ยตี้ By Unknown , CC BY-SA 4.0,

สงครามหวางทั้งแปด

หลังจากสุมาเอี๋ยนสวรรคต ราชสมบัติก็ตกอยู่กับโอรส ผู้ที่ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่ นามว่า จิ้นฮุ่ยตี้

จิ้นฮุ่ยตี้เป็นผู้ที่มีปัญหาเรื่องการพัฒนาทางด้านสติปัญญา เขาไม่สามารถใช้ความคิดของตนเองตัดสินอะไรได้มาตั้งแต่เด็กแล้ว ทำให้เขาตกอยู่ในกำมือของเจี่ยหวงโฮ่ว (ฮองเฮา)

แต่ทว่าไม่ใช่เจี่ยหวงโฮ่วเท่านั้นที่ต้องการกุมอำนาจ หวางไท่โฮ่ว (ไทเฮา) และขุนนางคนอื่นๆ ก็เช่นกัน ทำให้มีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในราชสำนักอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายแล้วเจี่ยหวงโฮ่วก็เป็นผู้ชนะ

ชัยชนะของเจี่ยหวงโฮ่วอยู่ได้ไม่นาน เพราะหวางคนอื่นๆ ต่างฉวยโอกาสที่ราชสำนักอ่อนแอผัดเปลี่ยนกันเอามาแย่งชิงอำนาจในเมืองหลวง หวางเหล่านี้ต่างคุมกำลังไว้เป็นจำนวนมาก ทำให้การต่อสู้ดำเนินไปอย่างรุนแรง นานเป็นเวลาหลายปี เจี่ยหวงโฮ่วถูกหวางคนหนึ่งบังคับให้ฆ่าตัวตาย

สงครามหวางทั้งแปดสิ้นสุดลงในปี ค.ศ.307 ด้วยความเสียหายที่เรียกว่ายับเยิน ทำให้ราชวงศ์จิ้นอ่อนแอลงมาก จิ้นฮุ่ยตี้ ฮ่องเต้ก็ถูกปลงพระชนม์โดยซือหม่าเยวี่ย หวางผู้ได้ชัยในสงครามหวางทั้งแปด แผ่นดินจิ้นจึงอยู่ในสภาพโกลาหลวุ่นวายเป็นอย่างยิ่ง

การรุกรานของชนเผ่าทั้งห้า

ความอ่อนแอที่เกิดขึ้นจากสงครามหวางทั้งแปด เปิดโอกาสให้พวกชนเผ่า หรือ อนารยชนห้าเผ่า (อู่หู) บุกเข้ามาโจมตีแผ่นดินจีน ชนเผ่าทั้งห้าได้แก่ ซงหนู ตี เฉียง เจี๋ย และเซียนเปย (เริ่มแรกเซียนเปยเป็นพันธมิตรของราชวงศ์จิ้น แต่เปลี่ยนฝ่ายในภายหลัง)

ชนเผ่าที่มีบทบาทที่สุดคือพวกซงหนู พวกนี้อ้างว่าพวกตนสืบเชื้อสายมาจากจักรพรรดิราชวงศ์ฮั่นจากการแต่งงานมาหลายยุคหลายสมัย ดังนั้นพวกตนจึงมีสิทธิในแผ่นดินจีนด้วย พวกซงหนูจึงชูธงการฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นขึ้นมาในเวลาดังกล่าว

กองทัพอันแข็งแกร่งของพวกซงหนูบุกเข้ามาในแผ่นดินจีนพร้อมกับชนเผ่าอื่นๆ แนวต้านทานของราชวงศ์จิ้นแตกกระเจิงอย่างรวดเร็ว ในเวลาไม่นานกองทัพซงหนูก็มาถึงลั่วหยาง เมืองหลวงของราชวงศ์จิ้น

จื้นไหวตี้ ฮ่องเต้พระองค์ใหม่พยายามต่อสู้ป้องกันเมือง ซึ่งก็ทำได้สำเร็จถึงสองครั้ง กองทัพซงหนูตีลั่วหยางไม่ได้จึงต้องถอยกลับไป

หลังจากต้านทานกองทัพซงหนูไว้ได้ ราชสำนักจิ้นพยายามส่งกำลังที่มีอยู่ออกไปต่อสู้กับกองทัพอนารยชนอื่นๆ กองทัพใหญ่นับแสนคนฝ่ายจิ้นเข้าปะทะกับกองทัพของสือเล่อ แม่ทัพเผ่าเจี๋ยในซานตง

กองทัพเจี๋ยมีจำนวนน้อยกว่ากองทัพจิ้นมาก แต่ส่วนใหญ่เป็นทหารม้า สือเล่อ แม่ทัพฝ่ายเจี๋ยเองก็เป็นแม่ทัพที่เก่งกาจ ผลสุดท้ายกองทัพจิ้นแตกยับเยิน ทหารนับแสนถูกสือเล่อสังหาร เชื้อพระวงศ์และขุนนางระดับสูงจำนวนมากถูกสือเล่อจับเป็นเชลย สือเล่อสั่งให้ทหารสังหารพวกเขาจนหมดสิ้น

หายนะหย่งเจีย

ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้ราชสำนักจิ้นหมดกำลังทหารที่จะปกป้องลั่วหยาง พวกซงหนูที่ยกทัพเข้ามาใหม่จึงยาตราทัพเข้าลั่วหยางได้อย่างสะดวกโยธิน

แม่ทัพซงหนูสั่งให้จับกุมตัวจิ้นไหวตี้ ฮ่องเต้ของราชวงศ์จิ้นเอาไว้ แต่ให้สังหารรัชทายาทและเชื้อพระวงศ์จิ้นที่อยู่ในลั่วหยางทั้งหมด พวกชนชั้นสูงและพลเมืองในลั่วหยางต่างได้รับเคราะห์กรรมไม่ต่างกัน รวมแล้วผู้ที่ถูกพวกซงหนูสังหารมีไม่น้อยกว่าสามหมื่นคน

นอกจากนี้กองทัพซงหนูยังปล้นชิงทรัพย์สินในลั่วหยางอย่างบ้าคลั่ง พวกเขาเผาพระราชวังและทำลายสุสานจักรพรรดิราชวงศ์จิ้นด้วย ความอัปยศดังกล่าวมีชื่อในหน้าประวัติศาสตร์จีนว่า หายนะหย่งเจีย (永嘉之乱)

จิ้นไหวตี้ถูกส่งตัวไปพบกับหลิวฉง จักรพรรดิของพวกซงหนูที่เพิ่งตั้งราชวงศ์ใหม่ชื่อ ราชวงศ์ฮั่นจ้าว ในเริ่มแรกหลิวฉงก็ปฏิบัติกับจิ้นไหวตี้อย่างดีอยู่ แต่ในเวลาต่อมาเขาก็เริ่มเหยียดหยามจิ้นไหวตี้

ในวันปีใหม่ หลิวฉงสั่งให้จิ้นไหวตี้เป็นพนักงานเสิร์ฟเหล้าให้กับขุนนางของเขา ความอัปยศที่จิ้นไหวตี้ได้รับทำให้ขุนนางจิ้นที่เป็นเชลยโกรธและไม่สามารถควบคุมอารมณ์ไว้ได้ พวกเขาจึงร้องออกมาด้วยเสียงอันดัง หลิวฉงรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง เขาสั่งให้นำตัวขุนนางจิ้นที่เป็นเชลยไปสังหารเสียทั้งหมด และในเวลาต่อมาเขาก็สั่งให้ประหารชีวิตจิ้นไหวตี้ด้วย จิ้นไหวตี้อายุได้เพียง 29 ปีเท่านั้น

ห้าปีต่อมา หลิวฉงก็จับจิ้นหมิ่นตี้ ฮ่องเต้ที่พวกขุนนางจิ้นแต่งตั้งเป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ที่ฉางอานได้อีกคนหนึ่ง เขาสั่งให้จิ้นหมิ่นตี้เป็นคนรับใช้ของเขาเหมือนที่เคยทำกับจิ้นไหวตี้ สุดท้ายทุกอย่างก็เป็นเหมือนเดิม พวกขุนนางจิ้นไม่อาจรับความอัปยศดังกล่าวได้จึงก่อความวุ่นวายในงานเลี้ยง ทำให้หลิวฉงนำตัวจิ้นหมิ่นตี้และพวกขุนนางจิ้นทั้งหลายไปประหารชีวิตจนหมดสิ้น

ราชวงศ์จิ้นที่ก่อตั้งโดยสุมาเอี๋ยนจึงสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ แต่ทว่าจะมีราชนิกูลคนหนึ่งฟื้นฟูราชวงศ์จิ้นมาใหม่ทางภาคใต้ในเวลาต่อมา

จิ้นตะวันออก

ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นโดยพวกชนเผ่าทั้งห้า ทำให้ชาวจีนจำนวนมากหลบหนีลงมาภาคใต้ หรือ ดินแดนเก่าแก่ของง่อก๊กที่มีแม่น้ำแยงซีเกียงเป็นปราการ พวกอนารยชนจึงไม่สามารถเข้าถึงดินแดนดังกล่าวได้โดยง่าย

ซือหม่ารุ่ย ราชนิกูลของราชวงศ์จิ้นสถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ และสถาปนาราชวงศ์จิ้นใหม่ขึ้นมาที่เมืองเจี้ยนคัง (ปัจจุบันคือนานกิง) นักประวัติศาสตร์เรียกราชวงศ์นี้ว่า ราชวงศ์จิ้นตะวันออก เพื่อไม่ให้สับสนกับราชวงศ์จิ้นของสุมาเอี๋ยนที่เรียกว่าราชวงศ์จิ้นตะวันตก

ราชวงศ์จิ้นตะวันออกก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.318 แต่ไม่มีอำนาจสมบูรณ์เหนือแผ่นดินจีนเหมือนราชวงศ์จิ้นตะวันตก ดินแดนของราชวงศ์จิ้นตะวันออกมีเพียงดินแดนทางภาคใต้เท่านั้น

อย่างไรก็ตามราชวงศ์จิ้นใหม่นี้มีความมั่นคงในระดับหนึ่ง ราชสำนักจิ้นสามารถต้านทานการรุกรานครั้งใหญ่ของพวกอนารยชนไว้ได้ในสมรภูมิที่แม่น้ำเฝย แต่ก็ไม่เคยประสบความสำเร็จขนาดที่ตีชิงดินแดนในภาคเหนือกลับคืนมาได้ทั้งหมด

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด?

หนึ่งร้อยปีเศษผ่านไป ราชวงศ์จิ้นเหมือนมีเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะบัลลังก์ราชวงศ์จิ้นตะวันออกไปอยู่กับ จิ้นอันตี้ ฮ่องเต้ที่มีปัญหาทางด้านการพัฒนาสติปัญญาอีกครั้งหนึ่ง! จิ้นอันตี้ผู้นี้ไม่สามารถพูดได้ ไม่สามารถสวมใส่เสื้อผ้าด้วยตัวเองได้ และ ไม่สามารถแสดงออกทางใบหน้าใดๆ ได้เลย แต่เขากลับต้องมาเป็นฮ่องเต้!

ดังนั้นอำนาจที่ควรเป็นของจักรพรรดิจึงตกไปอยู่กับขุนนางคนต่างๆ อย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดมันไปอยู่กับหวนเสวียน ขุนนางและแม่ทัพคนสำคัญที่ทะเยอทะยานอยากจะเป็นฮ่องเต้ หวนเสวียนแก้ไขกฎหมายตามใจชอบ และกำจัดศัตรูทางการเมืองของตนเองจนหมดสิ้น

ในปี ค.ศ.403 เหตุการณ์ก็ซ้ำรอยอีกครั้งหนึ่ง หวนเสวียนบังคับให้จิ้นอันตี้มอบเครื่องยศเก้าสิ่งให้กับตน เหมือนกับที่สุมาเอี๋ยนบรรพบุรุษของเขาเคยบังคับโจฮวนไม่มีผิดเพี้ยน

ไม่ถึงปีต่อมา หวนเสวียนก็ปลดจิ้นอันตี้ออกจากตำแหน่ง และขึ้นเป็นฮ่องเต้แทน ทุกอย่างดูเหมือนจะซ้ำรอยเรื่องในสมัยสามก๊ก

แต่เรื่องน่าเหลือเชื่อก็เกิดขึ้น!

หลิวยี่ว์ แม่ทัพคนหนึ่งของหวนเสวียนได้ก่อกบฏโดยอ้างว่าจะฟื้นฟูราชวงศ์จิ้น หลิวยี่ว์สามารถเอาชนะหวนเสวียนได้สำเร็จ และตีได้เจี้ยนคัง (นานกิง) อันเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์จิ้น แต่ยังไม่ได้ตัวจิ้นอันตี้ เพราะว่าหวนเสวียนนำจิ้นอันตี้หลบหนีไปด้วย

กองทัพของหลิวยี่ว์ติดตามยกมาบดขยี้หวนเสวียนจนแตกพ่าย และสังหารหวนเสวียนได้สำเร็จ หลิวยี่ว์เชิญจิ้นอันตี้กลับมาขึ้นครองบัลลังก์ตามเดิม และฟื้นฟูราชวงศ์จิ้นขึ้นมาใหม่

ทุกอย่างดูเหมือนจะ Happy Ending สำหรับราชวงศ์จิ้น แต่มันจะเป็นเช่นนั้นจริงๆหรือ?

วาระสุดท้าย

หลิวยี่ว์ผู้นี้เป็นคนทะเยอทะยานสูงไม่ต่างอะไรกับหวนเสวียน แต่เขาได้เรียนรู้จากกรณีของหวนเสวียนว่าเขาไม่ควรชิงบัลลังก์เร็วเกินไป เพราะจะเกิดกบฎทำลายอำนาจของเขาให้หมดลงไปง่ายๆ เขาต้องดำเนินการอย่างระมัดระวัง

หลิวยี่ว์

นั่นจึงเป็นสาเหตุที่เขานำจิ้นอันตี้กลับมาขึ้นครองบัลลังก์

ในเวลาต่อมา หลิวยี่ว์สร้างภาพว่าตนเองจงรักภักดีด้วยการเสนอว่าจะขอลาออกจากตำแหน่งด้วยตนเองอยู่หลายครั้ง แต่ละครั้งถูกราชสำนักจิ้นปฏิเสธ หลิวยี่ว์ยิ่งได้หน้าในหมู่ประชาชน ทำให้ฐานอำนาจของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

หลิวยี่ว์ใช้วิธีเดียวกับ จูเลียส ซีซาร์ในการขิงอำนาจ นั่นคือเขาพยายามสร้างชื่อเสียงของเขาในสมรภูมิรบ หลิวยี่ว์สามารถเอาชนะอาณาจักรหนานเยียนที่อยู่ทางตอนเหนือ และปราบกบฏในอาณาจักรให้ราบคาบ ทำให้ภาพลักษณ์ของหลิวยี่ว์ดีขึ้นมาก เขาจึงเริ่มใช้อิทธิพลดังกล่าวกำจัดศัตรูทางการเมืองของเขาในราชสำนักจิ้นทีละน้อย จนสุดท้ายก็หมดสิ้น

ในปี ค.ศ.416 กองทัพของหลิวยี่ว์สามารถตีชิงเมืองลั่วหยางกลับมาได้ หลิวยี่ว์จึงขอให้จิ้นอันตี้มอบศักดินาและเครื่องยศเก้าสิ่งให้กับตนเอง จิ้นอันตี้มอบให้ตามคำขอ ต่อมาหลิวยี่ว์ก็ให้จิ้นอันตี้แต่งตั้งตนเองเป็นซ่งหวาง (กษัตริย์แห่งซ่ง) เมื่อจิ้นอันตี้ยินยอมแต่งตั้งให้ หลิวยี่ว์กลับเลือกที่จะปฏิเสธ เพราะต้องการได้หน้าในหมู่ประชาชนเหมือนเดิม

สองปีต่อมา หลิวยี่ว์ได้ทราบว่ามีคำทำนายว่า

(ราชวงศ์จิ้น) จะมีจักรพรรดิอีกเพียงสองคนหลังจากฉางหมิง

ฉางหมิงในที่นี้คือ ชื่อของจิ้นเสี้ยวหวู่ตี้ หรือ พ่อของจิ้นอันตี้

คำทำนายบอกว่าหลังจากจิ้นอันตี้แล้วราชวงศ์จิ้นจะมีจักรพรรดิอีกคนหนึ่งแล้วก็จะเสื่อมสูญ

หลิวยี่ว์เชื่อในคำทำนายดังกล่าว ดังนั้นถ้าตัวหลิวยี่ว์ก็อยากจะเป็นฮ่องเต้ เขาย่อมต้องการให้รัชสมัยของจิ้นอันตี้จบลงไปโดยเร็วที่สุด เพื่อที่จะจักรพรรดิคนสุดท้ายจะได้ครองบัลลังก์ เมื่อจักรพรรดิคนสุดท้ายครองบัลลังก์แล้ว เขาก็จะได้ชิงบัลลังก์ ทุกอย่างจะได้เป็นไปตามคำทำนายนี้

ด้วยเหตุนี้หลิวยี่ว์จึงต้องการสังหารจิ้นอันตี้เพื่อที่รัชสมัยของเขาจะได้จบลงไปในทันตา เขามอบหมายให้คนรับใช้ของจิ้นอันตี้ลงมือวางยาพิษจิ้นอันตี้หลายครั้ง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะซือหม่าเต๋อเหวิน น้องชายที่ซื่อสัตย์ของเขาคอยจับตามองอยู่

หลิวยี่ว์จึงต้องรอเวลาที่ซือหม่าเต๋อเหวินป่วยและพักอยู่กับบ้าน เมื่อวันนั้นมาถึง คนของเขาก็ปลงพระชนม์จิ้นอันตี้ด้วยยาพิษ ทำให้จิ้นอันตี้สวรรคต หลิวยี่ว์เร่งสถาปนาซือหม่าเต๋อเหวินขึ้นเป็นฮ่องเต้ นามว่าจิ้นกงตี้

จิ้นกงตี้แต่งตั้งหลิวยี่ว์เป็นซ่งหวาง ในครั้งนี้หลิวยี่ว์ก็ยังลีลาเหมือนเดิม เขาปฏิเสธไปก่อนครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะยอมรับในภายหลัง

เมื่อเห็นทุกอย่างพร้อมแล้ว หลิวยี่ว์จึงส่งขุนนางไปบังคับให้จิ้นกงตี้มอบบัลลังก์ให้แก่ตน จิ้นกงตี้ไม่สามารถขัดขวางอะไรได้ เขาจึงร่างเอกสารสละบัลลังก์ให้แต่โดยดี และออกจากวังหลวงไปอาศัยอยู่ที่บ้านพักของตนตามเดิม

หลิวยี่ว์สถาปนาตนเองเป็นฮ่องเต้นับตั้งแต่บัดนั้น ราชวงศ์ของเขามีนามว่า ราชวงศ์ซ่ง แต่นักประวัติศาสตร์เรียกว่าราชวงศ์หลิวซ่ง เพื่อให้แยกจากราชวงศ์ซ่งที่เป็นราชวงศ์หลักและมีความสำคัญกว่าในประวัติศาสตร์จีน

แม้หลิวยี่ว์จะได้บัลลังก์แล้ว เขาไม่เคยวางใจในตัวจิ้นกงตี้ หรือ ซือหม่าเต๋อเหวิน เขาพยายามสังหารซือหม่าเต๋อเหวินด้วยการใช้ยาพิษ แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะภรรยาของเขาซื้อวัตถุดิบมาช่วยกันทำกับข้าวกินกันเองกับซือหม่าเต๋อเหวิน ช่องว่างที่จะลงมือจึงไม่มีอยู่เลย

ในปี ค.ศ.421 หรือหนึ่งปีหลังจากที่ซือหม่าเต๋อเหวินมอบบัลลังก์จิ้นให้หลิวยี่ว์ หลิวยี่ว์ก็หาวิธีฆ่าซือหม่าเต๋อเหวินได้สำเร็จ เขาสั่งให้น้องชายสองคนของภรรยาซือหม่าเต๋อเหวินไปเรียกนางออกมาพบนอกบ้าน และฉวยโอกาสนั้นส่งคนบุกเข้าไปในบ้านของซือหม่าเต๋อเหวิน เพื่อสังหารเขา

พวกมือสังหารบังคับให้อดีตจักรพรรดิผู้นี้ดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย แต่ซือหม่าเต๋อเหวินปฏิเสธ โดยอ้างหลักธรรมทางศาสนาพุทธว่า ผู้ใดฆ่าตัวตายจะไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์อีก พวกมือสังหารจึงต้องสังหารซือหม่าเต๋อเหวินด้วยการใช้ผ้าห่มกดที่ใบหน้าจนเขาขาดอากาศหายใจ ซือหม่าเต๋อเหวินสิ้นชีวิตลงในที่สุด

ราชวงศ์จิ้นจึงสิ้นสุดลงเป็นการถาวรด้วยเหตุอันประการฉะนี้

บทความประวัติศาสตร์

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!