ประวัติศาสตร์จีนจ้านกว๋อ"ซิ่นหลิงจวิน" ขโมยตราอาญาสิทธิ์ช่วยแคว้นจ้าวพ้นภัย

“ซิ่นหลิงจวิน” ขโมยตราอาญาสิทธิ์ช่วยแคว้นจ้าวพ้นภัย

ฉินจาวเซียงหวางรู้สึกพลาดที่ตนเองสั่งให้ไป๋ฉีถอยทัพหลังจากที่ทำลายกองทัพจ้าวที่ฉางผิง ในเวลาไม่นานฉินจาวเซียงหวางจึงสั่งให้กองทัพฉินยกไปตีแคว้นจ้าวอีกครั้งหนึ่ง

แคว้นจ้าวที่เสียกำลังทหารไปมากถึงสี่แสนคนแทบจะร้างกำลังทหาร หัวเมืองต่างๆ จึงไม่สามารถต้านทานกองทัพฉินไว้ได้ กองทัพฉินใช้เวลาไม่นานก็มาถึงเมืองหานตาน เมืองหลวงของแคว้นจ้าว

สถานการณ์ของแคว้นจ้าวตกอยู่ในภาวะที่คับขันยิ่งนัก

แคว้นเว่ยในปี 260 BC By Philg88 – Own work, CC BY-SA 3.0,

แคว้นจ้าวขอกองทัพสนับสนุน

ผิงหยวนจวิน สมุหนายกแคว้นจ้าวร้อนรนใจราวกับถูกไฟเผา เขารู้ดีว่าทหารในเมืองต้านทานศัตรูได้อีกไม่นานนัก เพราะไพร่พลจ้าวร่อยหรอและไร้ประสบการณ์ หลังจากกองทัพมีฝีมือล้วนถูกสังหารสิ้นในสมรภูมิที่ฉางผิง การที่กองทัพจ้าวสามารถตรึงกองทัพฉินไว้ได้ก็เพราะฝีมือของขุนพลผู้เฒ่าเหลียนโปเท่านั้น

วิธีเดียวที่แคว้นจ้าวจะหลุดพ้นจากความย่อยยับในครั้งนี้คือขอกองทัพสนับสนุนจากแคว้นอื่นเท่านั้น แต่ในบรรดาหกแคว้นตะวันออก แคว้นที่พอช่วยเหลือแคว้นจ้าวได้มีเพียงแคว้นฉู่และแคว้นเว่ยเท่านั้น

ส่วนแคว้นหานและเยียนอ่อนแอเกินกว่าจะช่วยได้ ส่วนแคว้นฉีนั้น หลังจากถูกทำลายย่อยยับก็อ่อนแอลงมาก มิหนำซ้ำฉีหวางยังไปเป็นไมตรีของฉินหวางเสียอีก แคว้นฉีจึงไม่มีทางจะยกมาช่วยแคว้นจ้าวแน่นอน

ดังนั้นผิงหยวนจวินรีบให้ทูตไปแคว้นเว่ยและแคว้นฉู่ทันทีเพื่อขอกองทัพมาช่วย

หากแต่ว่าฉินหวางก็ทราบดีถึงวิธีการนี้เช่นกัน เขาส่งทูตไปที่แคว้นเว่ยและแคว้นฉู่ว่า

แคว้นใดริอาจมาช่วยแคว้นจ้าว หลังจากข้าตีเมืองหานตานได้แล้วจะไปคิดบัญชีกับแคว้นนั้น

ในขณะนั้นฉู่หวางและเว่ยหวางได้ส่งกองทัพมาช่วยแล้ว แต่เมื่อทั้งสองแคว้นได้รับคำขาดเช่นนั้นจากฉินหวาง ทั้งสองกษัตริย์จึงสั่งให้กองทัพหยุดไว้กลางทาง เพราะกลัวแคว้นฉิน

ผิงหยวนจวินได้ทราบว่ากองทัพสนับสนุนยกมาแล้ว แต่กลับหยุดกลางทางจึงรู้สึกกังวลมาก แต่เขากลับคิดได้ว่ามีผู้หนึ่งที่สามารถช่วยเขาได้ นั่นก็คือญาติผู้น้องของเขา เว่ยอู๋จี้ หรือ ซิ่นหลิงจวิน หนึ่งในสี่องค์ชายแห่งยุคจ้านกว๋อเช่นเดียวกับเมิ่งฉางจวิน และตัวผิงหยวนจวินเอง

จดหมายของผิงหยวนจวินจึงไปยังแคว้นเว่ยราวกับลมพัด ภายในจดหมายขอให้ซิ่นหลิงจวินช่วยทำอย่างไรก็ได้ให้กองทัพสนับสนุนเดินหน้ามาถึงแคว้นจ้าว

เมื่อซิ่นหลิงจวินได้รับจดหมายแล้ว เขารีบไปพบกับเว่ยหวางทันที (เว่ยหวางเป็นพี่ชายต่างมารดาของซิ่นหลิงจวิน) โดยเขาทูลว่า

ทูลต้าหวาง ข้าพระองค์เห็นว่าแคว้นจ้าวกำลังตกอยู่ในอันตราย เหตุไฉนพระองค์จึงไม่ให้จิ้นพี่นำทัพต่อไปเล่า

เว่ยหวางกล่าวว่า

แคว้นจ้าวไม่ยอมรับอำนาจของแคว้นฉิน เช่นนี้จึงถูกแคว้นฉินโจมตี เมื่อถูกโจมตีก็อาศัยกำลังแคว้นอื่นเข้าช่วยเหลือ แล้วข้าจะไปช่วยแคว้นจ้าวเพื่ออะไร

เว่ยหวางพูดไปงั้นเอง จริงๆแล้วเขาเกรงกลัวว่าฉินหวางจะให้กองทัพมาโจมตีแคว้นเว่ยตามคำขู่

ซิ่นหลิงจวินยังไม่ลดละ เขาไปพยายามพลิกแพลงชักแม่น้ำทั้งห้ามาชักจูงเว่ยหวาง แต่คำตอบที่เขาได้ก็เป็นแบบเดิม นั่นคือ ไม่ ไม่ และก็ไม่

การปฏิเสธของเว่ยหวางทำให้ซิ่นหลิงจวินโกรธเคืองยิ่งนัก เขากล่าวกับบรรดาแขกบ้านว่า

ผิงหยวนจวินกำลังอยู่ในอันตราย เขาก็ไม่ใช่ใครอื่นเป็นพี่เขยของข้า ข้ายินดีไปสู้ตายกับกองทัพฉิน ร่วมตายกับกองทัพจ้าว พวกท่านจะไปกับข้าหรือไม่

บรรดาแขกที่ยินดีตามซิ่นหลิงจวินไปมีพันกว่าคน ซิ่นหลิงจวินจึงจัดรถศึกร้อยกว่าคันยกไปช่วยแคว้นจ้าว

ซิ่นหลิงจวินขโมยตราอาญาสิทธิ์

ขณะที่เขากำลังยกทัพออกจากเมืองได้พบกับขุนนางผู้เฒ่าคนหนึ่งชื่อว่า โฮ่วเซิง ซึ่งเป็นขุนนางที่เขาสนิทสนมที่สุดในแคว้น

โฮ่วเซิงไม่ได้กล่าวอะไรนอกจากเพียงว่า

ขอให้กงจื่อ (องค์ชาย) รักษาตัวให้ดี ข้าพเจ้าแก่แล้วไม่สามารถเดินทางไปแคว้นจ้าวกับท่านได้

หลังจากนั้นซิ่นหลิงจวินก็เดินทางออกจากเมืองต้าเหลียงของแคว้นเว่ย

ระหว่างทางที่เดินทัพไปนั้น ซิ่นหลิงจวินคิดว่าเพราะเหตุใดโฮ่วเซิงไม่กล่าวสิ่งใดกับเขาเลย จะปลอบโยนให้กำลังใจก็ไม่มี ซิ่นหลิงจวินมีทหารแค่พันคนจะไปต่อสู้กับกองทัพฉินสองแสนคนได้อย่างไร เขาต้องตายแน่แต่ทำไมโฮ่วเซิงถึงไม่มีทีท่าอะไรเลย

ซิ่นหลิงจวินคิดว่าขุนนางผู้เฒ่าคงจะมีสิ่งใดต้องการจะบอกตนจึงเจตนากระทำเช่นนี้ เขารีบควบม้ากลับไปที่เมืองต้าเหลียงทันที ปรากฏว่าขุนนางผู้เฒ่าโฮ่วเซิงยังยืนอยู่ที่เดิม

พอเห็นหน้าซิ่นหลิงจวิน โฮ่วเซิงก็หัวเราะลั่น และกล่าวกับเขาว่า

ข้าว่าแล้วว่าสุดท้ายกงจื่อก็ต้องกลับมา กงจื่อเดินทางไปแคว้นจ้าวด้วยทหารเพียงหนึ่งพันคนก็ไม่ต่างอะไรกับนำไข่ไปกระทบหิน แกะไปเข้าปากหมาป่า ข้ามีคำแนะนำอย่างหนึ่งให้กงจื่อ

ซิ่นหลิงจวินถามว่าเขามีคำแนะนำอย่างไร

โฮ่วเซิงจึงถามขึ้นมาว่าซิ่นหลินจวินยังจำเรื่องของนางหรูจีได้หรือไม่ ซิ่นหลิงจวินรับว่าเขาจำได้ดี

นางหรูจีเป็นสนมคนโปรดของเว่ยหวาง หากแต่ว่าบิดาของนางกลับถูกลอบสังหาร เว่ยหวางให้คนสืบหาฆาตกรอยู่สามปีก็ไม่ได้ตัวฆาตกร ซิ่นหลิงจวินได้ทราบข่าวจึงให้คนสนิทของตนไปสืบและลากตัวฆาตกรมาประหารเพื่อล้างแค้นให้นางหรูจีได้ในที่สุด ตั้งแต่บัดนั้นนางหรูจีจึงซาบซึ้งในบุญคุณของซิ่นหลิงจวินเป็นล้นพ้น

โฮ่วเซิงจึงกล่าวกับซิ่นหลิงจวินว่า

ขอให้ท่านไปพบกับนางหรูจี และขอให้นางขโมยตราอาญาสิทธิ์ทางทหารมาให้ท่าน แล้วท่านจะได้นำตราไปควบคุมกองทัพเว่ยของจิ้นพี่ และยกไปช่วยเมืองหานตานต่อไป

ในวันนั้นซิ่นหลิงจวินจึงรีบเข้าวังไปขอให้นางช่วย นางหรูจีตอบซิ่นหลิงจวินว่า

กงจื่อมีบุญคุณกับข้าอย่างหาที่สุดมิได้ ไม่ว่ากงจื่อจะให้ข้าทำอะไร ข้ายินดีทั้งสิ้น

ในคืนนั้นนางหรูจีฉวยโอกาสที่เว่ยหวางนอนหลับสนิท ลอบเข้าไปขโมยตราอาญาสิทธิ์รูปเสือมาให้ซิ่นหลิงจวินได้สำเร็จ

เมื่อได้ตราอาญาสิทธิ์ทางทหารแล้ว ซิ่นหลิงจวินจึงไปลาโฮ่วเซิงอีกครั้ง ข้างกายโฮ่วเซิงกลับมีชายผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ยืนอยู่ด้วย โฮ่วเซิงกล่าวแนะนำเขากับซิ่นหลิงจวินว่า

บุคคลนี้ชื่อจูไฮ่ เขามีฝีมือในการต่อสู้อย่างสูงส่ง ข้าขอให้กงจื่อนำเขาร่วมทัพไปด้วย ถ้าจิ้นพี่ไม่เชื่อฟังกงจื่อ เขาจะได้ช่วยเหลือกงจื่อแก้ปัญหานี้ ข้าขอให้กงจื่อมีชัยช่วยเหลือแคว้นจ้าวได้สำเร็จ

ซิ่นหลิงจวินชิงกองทัพ

ซิ่นหลิงจวินควบม้าพร้อมกับจูไฮ่มาถึงเย่เซี่ยอันเป็นที่ตั้งของกองทัพเว่ยของจิ้นพี่ ซิ่นหลิงจวินเข้าไปหาจิ้นพี่ แม่ทัพใหญ่ที่เว่ยหวางสั่งให้ยกมาช่วยแคว้นจ้าว ซิ่นหลิงจวินกล่าวกับจิ้นพี่ว่า

ต้าหวางทรงให้ท่านแม่ทัพนำกำลังมาช่วยแคว้นจ้าว แต่บัดนี้พระองค์ทรงมีรับสั่งให้ข้า ซิ่นหลิงจวินมาเป็นแม่ทัพแทน นี่เป็นตราอาญาสิทธิ์ที่ต้าหวางพระราชทานมา ขอให้ท่านแม่ทัพกรุณาตรวจสอบ

จิ้นพี่นำตราอาญาสิทธิ์รูปเสือของซิ่นหลิงจวินมาประกบกับตราของตนเองแล้วปรากฏว่าเข้าได้กันได้อย่างพอดี พิสูจน์ได้ว่าตราของซิ่นหลิงจวินนั้นเป็นของจริง แต่จิ้นพี่ยังไม่มอบบัญชีทหารให้ซิ่นหลิงจวินเพราะรู้สึกแคลงใจอยู่อย่างหนึ่ง เขากล่าวว่า

ต้าหวางทรงฝากฝังทหารสิบหมื่นไว้กับข้า ถึงแม้ว่าข้าจะต่ำต้อย แต่ก็ไม่เคยทำให้กองทัพเว่ยพ่ายแพ้ บัดนี้ท่านแม่ทัพจะนำกองทัพไปจากข้า แต่ข้ายังไม่เห็นพระบรมราชโองการของต้าหวางเลย ข้าจึงไม่อาจจะมอบกองทัพให้ท่านแม่ทัพได้โดยง่ายเพียงเห็นแค่ตราอาญาสิทธิ์เท่านั้น ข้าขอทูลเชิญให้กงจื่อพักอยู่ที่นี่เสียก่อนจะดีหรือไม่

ซิ่นหลิงจวินกล่าวว่า

ข้าไม่อาจจะรั้งรออยู่ได้ กองทัพฉินกำลังจะโจมตีเมืองหานตานแตกอยู่แล้ว ถึงแม้ข้าเดินทัพไปวันนี้เลย ก็ต้องเดินทัพทั้งวันทั้งคืนอยู่แล้ว จะพักได้อย่างไร

จิ้นพี่ได้ยินเช่นนั้นจึงยอมรับว่า

ข้าไม่อาจจะปิดบังกงจื่อ เรื่องมอบกองทัพเป็นเรื่องใหญ่ ข้าไม่อาจกระทำเป็นเรื่องเล่น ข้าต้องกลับไปขอพระราชโองการของต้าหวางมาเสียก่อน

จูไฮ่ที่ติดตามมาด้วยนั้นได้ยินจิ้นพี่กล่าวให้รอพระบรมราชโองการก่อนและไม่มอบทหารให้ซิ่นหลิงจวิน เขาจึงตวาดว่า

จิ้นพี่ เจ้าบังอาจขัดรับสั่งของต้าหวาง ไม่ยอมมอบอำนาจทหารให้ซิ่นหลิงจวิน เจ้าจะเป็นกบฎหรือ!

จิ้นพี่กำลังจะอ้าปากโต้ตอบ แต่ช้าไปเสียแล้ว จูไฮ่นำลูกตุ้มหนัก 40 ชั่งที่ซ่อนไว้ในเสื้อออกมาทุบจิ้นพี่จนศีรษะแหลกตายคาที่ทันที

ซิ่นหลิงจวินรีบนำตราอาญาสิทธิ์มาที่หน้าค่ายแล้วประกาศกับทหารทั้งปวงว่า

ต้าหวางทรงมีรับสั่งมอบตราอาญาสิทธิ์ทางทหารให้กับข้ามาเป็นแม่ทัพไปช่วยแคว้นจ้าวแทนจิ้นพี่ แต่จิ้นพี่กลับคิดคดไม่ยอมมอบทหารกับข้า ข้าจึงสังหารเสียแล้ว ขอให้สามเหล่าทัพเชื่อฟังคำสั่งของข้า อย่าได้เคลื่อนไหวโดยพลการ

ในขณะนั้นเว่ยหวางได้ส่งขุนนางติดตามซิ่นหลิงจวินมา ขุนนางท่านนั้นทราบว่าจิ้นพี่ตายแล้ว และซิ่นหลิงจวินจะนำกองทัพไปช่วยแคว้นจ้าวก็คิดจะลากลับ แต่ซิ่นหลิงจวินกลับขอให้เขาอยู่ในกองทัพเสียก่อน ขุนนางผู้นั้นจึงส่งรายงานเรื่องทั้งหมดอย่างไปให้เว่ยหวางทราบอย่างเงียบๆ

หลังจากได้อำนาจทหารแล้ว ซิ่นหลิงจวินก็เลี้ยงดูทหารเป็นการใหญ่ และสั่งให้ตรวจตราดูว่า แต่ละครอบครัวมีผู้ที่เป็นทหารมากกว่าหนึ่งคนหรือไม่ ถ้าพ่อกับลูกอยู่ในกองทัพ ก็ให้พ่อกลับไป ถ้าพี่น้องอยู่ในกองทัพ ก็ให้พี่กลับไป เหล่าทหารจึงดีใจปรีดาต้องการต่อสู้กับกองทัพฉิน

เมื่อจัดระเบียบกองทัพแล้ว ซิ่นหลิงจวินจึงนำกองทัพจำนวนแปดหมื่นคนมุ่งหน้าไปยังแคว้นจ้าวทันที

ยุทธการแห่งหานตาน

กองทัพฉินที่ตั้งล้อมเมืองหานตานเข้มแข็งยิ่งนัก หากแต่ว่าทหารจ้าวที่อยู่ในเมืองต่างต่อสู้อย่างเข้มแข็ง เหลียนโปสั่งให้กองทัพยกออกปล้นค่ายทหารฉินทุกคืน กองทัพฉินจึงยังไม่สามารถเข้าเมืองได้ สมรภูมิที่เมืองหานตานดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด

ซิ่นหลิงจวินเดินทัพมาทั้งกลางวันกลางคืน เขาตั้งใจใช้ความรวดเร็วเพื่อที่กองทัพฉินจะไม่ระวังและตั้งตัวไม่ติด หวางเหอแม่ทัพใหญ่ฝ่ายฉินไม่ทราบแม้แต่น้อยว่ามีกองทัพเว่ยยกมาช่วยเมืองหานตานจึงไม่ได้เตรียมการระวังป้องกันแต่อย่างใด

เมื่อมองเห็นกองทัพฉินแล้ว ซิ่นหลิงจวินส่งสัญญาณให้ทหารเว่ยเข้าโจมตีกองทัพฉินทันที เขานำบรรดาแขกบ้านและจูไฮ่เป็นกองหน้านำทหารเว่ยทั้งแปดหมื่นคนเข้าตีกองทัพฉินจากด้านหลัง ทหารเว่ยต่างฮึกเหิมไล่ฆ่าฟันทหารฉินล้มตายมากมาย

ผิงหยวนจวินที่อยู่ในเมืองได้สั่งให้ทหารจ้าวเปิดประตูเมืองเพื่อช่วยเหลือกองทัพเว่ย การสู้รบผ่านไปหลายชั่วโมง ทหารสองฝ่ายต่างต่อสู้กันอย่างหนักที่หน้าเมืองหานตาน

กองทัพฉินมีมากกว่ากองทัพเว่ยและกองทัพจ้าวรวมกัน แต่ถูกตีกระหนาบทั้งสองด้านโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงไม่สามารถต้านทานได้ ทหารฉินคนแล้วคนเล่าถูกสังหารกลางสมรภูมิ ซากศพกลาดเกลื่อนไปทั่วหน้าเมือง

หวางเหอแม่ทัพฉินเสียทหารไปถึงเกือบครึ่งหนึ่งจึงต้องถอยไปริมแม่น้ำฮวงโห กองทัพฉินตั้งค่ายตั้งรับกองทัพเว่ยและจ้าวที่ได้รับชัยชนะเอาไว้

ซิ่นหลิงจวินนำกองทัพเว่ยที่ได้รับชัยชนะเข้าตีค่ายฉินอื่นๆ ที่แยกกับค่ายใหญ่แคว้นฉินตามลำดับ กองทัพเว่ยจับเป็นทหารฉินได้จำนวนมาก หลังจากนั้นซิ่นหลิงจวินจึงยกกองทัพมาตั้งค่ายยันกับกองทัพฉินที่ริมแม่น้ำฮวงโห

ฉินหวางได้ทราบว่ากองทัพฉินได้รับความเสียหายอย่างหนัก และกำลังจะถูกทำลายทั้งหมด ฉินหวางจึงสั่งให้กองทัพทั้งหมดถอยทัพ

หลังจากนั้นหวางเหอถอยกองทัพฉินที่เสียหายอย่างหนักกลับแคว้นฉินไปตามคำสั่งของฉินหวาง ยุทธภูมิเมืองหานตานจึงสิ้นสุดลง ซิ่นหลิงจวินสามารถช่วยเหลือแคว้นจ้าวไว้ได้ในที่สุด

ซิ่นหลิงจวินนำกองทัพเว่ยกลับไปที่หน้าเมืองหานตาน เขาพบว่าจ้าวหวางออกมาต้อนรับเขาด้วยตนเอง และมอบสุราอาหารมากมายแก่กองทัพเว่ย

จ้าวหวางกล่าวกับซิ่นหลิงจวินว่า

แคว้นจ้าวเราเสี่ยงต่อการล่มสลายเพราะน้ำมือทหารฉิน แต่บัดนี้กลับฟื้นคืนขึ้นใหม่และพ้นจากอันตรายก็เพราะสติปัญญาและกำลังของกงจื่อ ข้าขอน้อมคารวะสิ่งที่กงจื่อทำให้แคว้นจ้าวของข้า

ซิ่นหลิงจวินได้ฟังจ้าวหวางกล่าวเช่นนั้นก็ทะนงตัวว่ามีความดีความชอบจนจูไฮ่สังเกตเห็นได้ เขากระซิบบอกซิ่นหลิงจวินว่า

เรียนกงจื่อ กงจื่อลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่า กงจื่อได้ทำความผิดใหญ่หลวงด้วยการสังหารจิ้นพี่แม่ทัพที่เว่ยหวางทรงมีพระบรมราชโองการควบคุมกองทัพ ถึงแม้กงจื่อจะมีความดีความชอบใหญ่หลวงต่อแคว้นจ้าว  แต่ที่แคว้นเว่ยกงจื่อมีความผิดโทษถึงตาย กงจื่อจะทรนงตนว่ามีความชอบได้อย่างไร

เมื่อได้รับฟังคำเตือนของจูไฮ่ทำให้ซิ่นหลิงจวินถึงกับสะดุ้งไป เขาจึงลดท่าทีทรนงตนลง ภายหลังจ้าวหวางและผิงหยวนจวินจะสรรเสริญเขามากมายสักเพียงใด ซิ่นหลิงจวินตอบเพียงว่า

ข้าพระองค์ได้กระทำผิดต่อแคว้นเว่ย จึงมิอาจกล่าวถึงความดีความชอบที่ทำให้แคว้นจ้าว

จ้าวหวางมอบหัวเมืองส่วนหนึ่งให้ซิ่นหลิงจวิน เขาปฎิเสธข้อเสนออยู่ถึงสี่ครั้งแต่สุดท้ายก็ยอมรับ เนื่องจากซิ่นหลิงจวินเกรงกลัวอาญาของเว่ยหวาง เขาจึงตัดสินใจไม่กลับแคว้นเว่ยและสั่งให้ขุนนางที่เว่ยหวางส่งมานำกองทัพกลับไปแคว้นเว่ย หลังจากนั้นซิ่นหลิงจวินจึงอาศัยอยู่ที่แคว้นจ้าวตลอดมา

ที่แคว้นเว่ย

ระหว่างที่ซิ่นหลิงจวินรบกับกองทัพฉิน เว่ยหวางที่ได้รับรายงานของขุนนางก็โกรธจัดจนต้องการจะนำคนในครอบครัวของซิ่นหลิงจวินและบรรดาแขกไปสังหารทั้งหมด พระสนมหรูจีทูลต่อเว่ยหวางว่า เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของตนเอง ขอให้เว่ยหวางอย่าได้ลงอาญาพวกเขาเลย

เว่ยหวางทรงตวาดด้วยความพิโรธว่า

เจ้าเป็นผู้ขโมยตราอาญาสิทธิ์ให้กับซิ่นหลิงจวินหรืออย่างไร ถึงมาขอรับโทษเยี่ยงนี้

พระสนมหรูจีจึงทูลว่า

หม่อมฉันเป็นผู้ขโมยตรานั้นให้ซิ่นหลิงจวินเอง หม่อมฉันต้องการตอบแทนบุญคุณของซิ่นหลิงจวินที่ล้างแค้นให้หม่อมฉัน บัดนี้เขาขอให้หม่อมฉันช่วย หม่อมฉันไม่อาจอยู่เฉยโดยที่ไม่ทำอะไรได้ หม่อมฉันจึงขโมยตราอาญาสิทธิ์ให้เขาไป นอกจากนี้ต้าหวางทรงลืมเลือนไปแล้วหรือ จ้าวหวางทรงเป็นพระญาติสนิทกับต้าหวาง แล้วจะทรงจะไม่ช่วยพระญาติของพระองค์เองในเวลาที่มีภัยคับขันหรือ ถ้าซิ่นหลิงจวินทำลายกองทัพฉินได้สำเร็จ คุณธรรมของต้าหวางจะขจรขจายไปทั่วแผ่นดิน บัดนั้นถึงแม้หม่อมฉันจะถูกสับเป็นหมื่นๆ ชิ้น หม่อมฉันก็ไม่เสียใจเลย

เว่ยหวางได้ฟังก็หายโกรธไปครึ่งหนึ่งแต่ก็โกรธอยู่มิวาย เขาจึงสั่งให้คุมขังพระสนมหรูจีไว้ในตำหนักมืด รอผลแพ้ชนะของซิ่นหลิงจวินแล้วถึงจะตัดสิน

สองเดือนผ่านไป กองทัพเว่ยเดินทางกลับมาถึงแคว้น ขุนนางผู้ควบคุมกองทัพทูลเว่ยหวางว่า

ซิ่นหลิงจวินตีกองทัพฉินที่เมืองหานตานแตกยับเยิน หากแต่ว่าเกรงพระราชอาญาของต้าหวาง เขาจึงได้มีคำสั่งให้ข้านำกองทัพกลับมาและมาถวายพระพรแด่ต้าหวาง

บรรดาขุนนางได้ยินเช่นนั้นจึงถวายพระพรเว่ยหวางกันใหญ่โต ทำให้เว่ยหวางยินดียิ่งนัก สุดท้ายเขาอภัยโทษให้พระสนมหรูจีและครอบครัวของซิ่นหลิงจวินทั้งหมด แต่เขาไม่เรียกตัวซิ่นหลิงจวินกลับแคว้น ปล่อยให้ซิ่นหลิงจวินอยู่ในแคว้นจ้าวต่อไป

ขณะนั้นฉินหวางไม่ได้โกรธที่กองทัพพ่ายแพ้ เขาสั่งให้กองทัพทั้งสามที่พ่ายแพ้พักผ่อนสำหรับทำสงครามต่อไป อีกประการหนึ่งฉินหวางกลัวสติปัญญาของซิ่นหลิงจวิน แคว้นฉินจึงไม่ได้ให้กองทัพไปราวีแคว้นเว่ย แคว้นจ้าวแต่อย่างใด ทั้งสองแคว้นจึงสงบสุขอยู่หลายปี

หลายปีผ่านไป ฉินจาวเซียงหวางสวรรคต ฉินเซี่ยวเหวินหวางขึ้นครองราชย์ หากแต่ว่าครองราชย์ไม่ถึงปีก็เสด็จสวรรคตไปอีกคนหนึ่ง ฉินจวงเซียงหวาง (พ่อของจิ๋นซีฮ่องเต้) จึงขึ้นครองราชย์เป็นฉินหวาง

ครั้งนี้ฉินหวางพระองค์ใหม่ให้นำกองทัพยกมาตีแคว้นเว่ย  กองทัพฉินเข้มแข็งยิ่งนักไล่ตีกองทัพเว่ยแตกกระจัดกระจายเข้ามาใกล้เมืองหลวงต้าเหลียง ทำให้เว่ยหวางเกรงกลัวจนตัวสั่นไม่รู้จะทำอย่างไรดี

แคว้นเว่ยจะรอดพ้นความพินาศครั้งนี้ได้หรือไม่?

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!