ประวัติศาสตร์โจ้วหวาง: ทรราชตัวอย่างในประวัติศาสตร์จีน

โจ้วหวาง: ทรราชตัวอย่างในประวัติศาสตร์จีน

ถ้าเราไปถามคนจีนที่พอรู้ประวัติศาสตร์บ้างว่า “ใครคือทรราชตัวอย่างในประวัติศาสตร์จีน” อันดับต้นๆ ที่ออกมาจากปากน่าจะเป็น เซี่ยเจี๋ย แห่งราชวงศ์เซี่ย หรือ โจ้วหวางแห่งราชวงศ์ซาง

สำหรับเซี่ยเจี๋ย เรามีข้อมูลน้อยมาก เพราะราชวงศ์เซี่ยเองเหมือนจะเป็นตำนานมากกว่าประวัติศาสตร์ ดังนั้นเซี่ยเจี๋ยยอาจจะไม่มีตัวตนอยู่จริงบนโลกใบนี้ แต่โจ้วหวางแล้ว เรามั่นใจว่าเขามีตัวตนจริงๆ

เราลองมาดูโจ้วหวางกันดีกว่าว่าเขาเป็นคนเช่นไร

โจ้วหวาง

ความฉลาดของโจ้วหวาง

โจ้วหวางผู้นี้เกิดในปี 1105 BC (ก่อน ค.ศ.1105 ปี) และตายปี 1046 BC ซึ่งผ่านไปนานถึงสามพันปีแล้ว ข้อมูลจึงไม่ชัดเจนเท่าใดนัก

ว่ากันว่าชื่อของเขาจริงๆ คือ ตี้ซิน

ตี้ซินหรือโจ้วหวางเป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ซาง ยุคสมัยของโจ้วหวางเกิดก่อนการรวมแผ่นดินของฉินสื่อหวงตี้ (จิ๋นซีฮ่องเต้) นับพันปี ดังนั้นในเวลานั้นฐานะของกษัตริย์จีนจึงเป็นแค่ “หวาง” หรือ “กษัตริย์” มิใช่ “หวงตี้” หรือ ฮ่องเต้ที่เทียบเท่ากับ “จักรพรรดิ”

พงศาวดารต่างให้ข้อมูลว่า โจ้วหวางมีความสามารถเหนือคนทั่วไปหลายอย่างด้วยกัน อาทิเช่น

อย่างแรกโจ้วหวางมีพละกำลังและความกล้าหาญ เขาสามารถต่อสู้กับเสือและสิงโตด้วยมือเปล่า เขานำกองทัพออกรบจนได้ชัยชนะมากมาย

อย่างที่สองโจ้วหวางมีความรู้มากถึงขนาดที่เหล่าบัณฑิตแห่งราชวงศ์ต่างไม่สามารถโต้เถียงให้ยอมจำนนได้

อย่างที่สาม นอกจากนี้โจ้วหวางยังเป็นผู้คิดค้นตะเกียบ และสิ่งอื่นๆ มากมาย

โดยทั่วไปแล้วถ้าบุคคลที่เก่งกาจทั้งบุญและบู๊ขนาดนี้ได้เป็นกษัตริย์ เขาจะเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาด ราชวงศ์ของเขาก็จะรุ่งเรืองและสืบทอดไปอีกนาน

แต่โจ้วหวางตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง ราชวงศ์ของเขาพังพินาศให้สมัยของเขานี่เอง

การเปลี่ยนแปลง

พงศาวดารว่าโจ้วหวางมีอารมณ์แปรปรวนง่าย และมีอารมณ์รุนแรง โดยเฉพาะเมื่อเขาแก่ตัวลง โจ้วหวางเริ่มเปลี่ยนเป็นคนละคน

โจ้วหวางเริ่มมีพฤติกรรมต่อไปนี้

  1. โจ้วหวางเปิดตำหนักในให้บรรดาขุนนางเข้าออกได้อย่างโจ๋งครึ่ม โจ้วหวางยังแต่งเพลงขับกล่อมการมีเพศสัมพันธ์ด้วยตนเอง
  2. โจ้วหวางสั่งให้ขุดสระขนาดใหญ่ในวังหลวง ตรงกลางสระมีเกาะหนึ่งเกาะ ทั้งเกาะและสระประดับประดาด้วยของมีค่าชั้นเยี่ยมที่สุดจากสี่ทิศของอาณาจักร สำหรับน้ำในสระนั้น โจ้วหวางสั่งให้นำเหล้ามาเทใส่ให้เต็ม ส่วนเกาะกลางสระก็สั่งให้นำเนื้ออบจำนวนมากมายไปแขวนไว้ เจตนาเพื่อที่โจ้วหวางจะได้เสพสุขได้ตลอดเวลา
  3. พระสนมที่โจ้วหวางโปรดปรานที่สุดคือนางต๋าจี นางมีใบหน้างดงาม แต่มีรสนิยมทางเพศประหลาดเช่นเดียวกับโจ้วหวาง ทั้งคู่ชอบดูมนุษย์โอบโถเหล็กที่เต็มไปด้วยถ่านหินร้อนๆ
  4. โจ้วหวางสั่งให้บรรดาชาววังเปลือยกายเล่นเกมซ่อนแอบทั้งหมด
  5. โจ้วหวางเกลียดการทัดทานที่สุด ผู้ใดทัดทานจะถูกตัดหัว และนำเนื้อไปสับอย่างละเอียด เนื้อของเขาจะถูกส่งไปให้เมืองขึ้นทุกเมืองของราชวงศ์ซาง

โจ้วหวางก็คือ คาลิกูล่า เมืองจีนดีๆ นี่เอง อาจจะโหดกว่าด้วยซ้ำ

ความฟุ่มเฟือยอย่างมากของโจ้วหวางทำให้ราษฎรยากลำบาก เมืองต่างๆ เริ่มไม่ปรารถนาอยู่ภายใต้ราชสำนักซางต่อไป

ปี่กัน อาของโจ้วหวางทนไม่ไหวกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เขาจึงเสี่ยงชีวิตเข้าไปทัดทาน คำทัดทานทำให้โจ้วหวางโกรธมาก

ปี่กัน By Photo Dharma , CC BY 2.0,

เมื่อโกรธแล้ว โจ้วหวางจะมีอารมณ์พลุ่งพล่าน เขาสั่งให้ลงโทษปี่กันด้วยการ “ควักหัวใจออกมา” เพื่อที่จะดูว่า “หัวใจของนักปราชญ์” เป็นอย่างไร

ปี่กันกลายเป็นสัญลักษณ์ของขุนนางตงฉิน ผู้จงรักภักดีจนตัวตายตั้งแต่บัดนั้น

สังหารรัชทายาทแคว้นโจว

ขณะเดียวกันที่แคว้นโจว แคว้นที่เป็นเมืองขึ้นของราชวงศ์ซางมีกษัตริย์พระองค์หนึ่งชื่อโจวเหวินหวาง กษัตริย์พระองค์นี้มีคุณธรรม เขาปกครองราษฎรด้วยความเที่ยงธรรม และรักคนดีมีความสามารถ บรรดาราษฎรต่างเลื่อมใส โจวเหวินหวางจึงเป็นที่รักของประชาชนมากขึ้นทุกวัน แคว้นโจวก็พัฒนาขึ้นตามลำดับ

โจ้วหวางได้ทราบเช่นนั้นจึงระแวง เขาสั่งให้จับโจวเหวินหวางเข้ามาเป็นนักโทษในเมืองหลวงหยิ่นของราชวงศ์ซาง พร้อมกับนำโป๋อี้เข่า รัชทายาทแคว้นโจวมาเป็นสารถีให้กับตน

โจวเหวินหวาง

อยู่มาวันหนึ่งโจ้วหวางสั่งประหารโป๋อี้เข่าเพราะการยุยงของนางต๋าจี หลังจากนั้นเขานำร่างของโป๋อี้เข่ามาทำเป็นซุปเนื้อ (บ้างว่าซาลาเปาเนื้อ) หลังจากนั้นโจ้วหวางให้คนนำไปให้โจวเหวินหวางเพื่อดูว่าโจวเหวินหวางจะกินหรือไม่

โจวเหวินหวางเป็นผู้ชาญฉลาด เขาเห็นว่าเนื้อที่อยู่ในซุปเป็นเนื้อของโป๋อี้เข่า ในใจของเขารู้สึกโกรธแค้นโจ้วหวาง แต่โจวเหวินหวางกลับแสดงสีหน้าปกติ และกินซุปเนื้อบุตรชายตนเองจนหมด โจวเหวินหวางจึงกล้ำกลืนความเศร้าและความโกรธแค้นเข้าไปในอก เพื่อรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้

ระหว่างที่โจวเหวินหวางที่เดินทางกลับไปแคว้นโจว เขาอาเจียนซุปเนื้อออกมาทั้งหมด น้ำตาของโจวเหวินหวางไหลอาบแก้ม ความโศกเศร้าของเขาสุดจะพรรณนาได้

เมื่อโจ้วหวางได้ยินข่าวว่าโจวเหวินหวางกินเนื้อบุตรชายตนเองก็หัวเราะใหญ่

อย่างไรก็ตาม นักประวัติศาสตร์บางคนวิเคราะห์ว่าโป๋อี้เข่าไม่น่าใช่เรื่องจริง

ต่อมาจีฟา ราชโอรสองค์รองส่งของกำนัลและหญิงงามจำนวนมากมาเป็นของกำนัลให้โจ้วหวาง เขาให้ขอให้โจ้วหวางยอมปล่อยตัวโจวเหวินหวาง โจ้วหวางเห็นแก่ของเหล่านั้นจึงปล่อยโจวเหวินหวางกลับไป

เมื่อกลับไปถึงแคว้นโจว โจวเหวินหวางตั้งใจว่าราชการแผ่นดินเพื่อล้างแค้นโจ้วหวาง เขาได้เจียงจื่อหยา หรือ ไท่กงวั่งมาเป็นที่ปรึกษา แคว้นโจวจึงยิ่งรุ่งเรืองขึ้นตามลำดับ

โจ้วหวางไม่เห็นแคว้นโจวอยู่ในสายตา เขาทรนงตัวว่าแคว้นโจวเล็กไม่อาจเทียบราชสำนักซางได้แน่นอน เขาจึงใช้เวลาไปกับการเสพสุข และไม่สนใจแคว้นโจวสักเท่าใดนัก

วาระสุดท้ายของโจ้วหวาง

โจวเหวินหวางอยู่ไม่ทันเห็นความพินาศของราชวงศ์ซาง เขาสิ้นพระชนม์ลงเพราะว่าอายุมากแล้ว ตำแหน่งกษัตริย์จึงตกอยู่กับจีฟา ผู้ขึ้นครองราชย์เป็นโจวหวู่หวาง

โจวหวู่หวาง

โจวหวู่หวางวิเคราะห์ว่าราชวงศ์ซางของโจ้วหวางเสื่อมโทรมอย่างหนัก เขาเห็นเป็นโอกาสที่จะทำลายราชวงศ์ซางเสีย โจวหวู่หวางจึงให้เจียงจื่อหยาเป็นแม่ทัพใหญ่ นำกองทัพโจวไปรวมกับหัวเมืองต่างๆ แล้วจึงยกทัพเข้าตีราชวงศ์ซาง

โจ้วหวางสั่งให้ทหารหลวงจำนวนมากมาป้องกัน แต่ทหารของโจ้วหวางไม่มีใจจะรบเพราะในใจก็เกลียดชังกษัตริย์ของตนเอง พวกเขาจึงพากันหนีทัพ กองทัพโจวทำลายกองทัพซางทั้งหมด และเข้ายึดเมืองหยิ่น อันเป็นเมืองหลวงได้สำเร็จ

ระหว่างที่กองทัพโจวกำลังยาตราทัพเข้าเมือง โจ้วหวางจุดไฟเผาพระราชวังพร้อมกับตัวเอง โจ้วหวางจึงจบชีวิตไปพร้อมๆ กับราชวงศ์ซางที่สืบทอดกันมานานกว่า 600 ปี

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!