ประวัติศาสตร์ชีวิตที่ผกผันเปลี่ยนแปรของฮั่นซวนตี้ ตอนที่ 1: เคราะห์กรรมของครอบครัว

ชีวิตที่ผกผันเปลี่ยนแปรของฮั่นซวนตี้ ตอนที่ 1: เคราะห์กรรมของครอบครัว

ถ้าจะถามผมว่าชีวิตของฮ่องเต้คนไหนในหน้าประวัติศาสตร์จีนดราม่าที่สุด ชื่อแรกที่ผมคิดขึ้นมาได้ในหัวคือ ฮั่นซวนตี้ ชีวิตของพระองค์นั้นขึ้นลงอย่างไม่น่าเชื่อ และน่าจะเรียกได้ว่าเอาไปทำซีรีส์จีนได้สบายๆ แต่แปลกเหมือนกันที่ยังไม่เคยมีใครนำเรื่องของพระองค์ไปทำ

ชีวิตของพระองค์สรุปในประโยคเดียวได้ว่าเริ่มต้นที่เป็นหงส์ฟ้า หลังจากนั้นก็ตกสู่พสุธากลายเป็นเป็ดตามหนองน้ำดินโคลนตัวหนึ่ง ก่อนที่โชคชะตาจะเกื้อหนุนให้กลายเป็นหงส์ฟ้าอีกครั้งหนึ่ง เราไปดูกันเลยดีกว่าครับ ชีวิตของพระองค์เป็นอย่างไรบ้าง

หายนะในครอบครัว

ฮั่นซวนตี้มีนามเดิมว่าหลิวปิ้งอี (Liu Bingyi) โดยเป็นโอรสของหลิวจิ้น ผู้เป็นบุตรของหลิวจีว์ โอรสของฮั่นหวู่ตี้อีกทีหนึ่ง สรุปง่ายๆ คือฮั่นหวู่ตี้เป็นทวดของหลิวปิ้งอี ส่วนหลิวจีว์นั้นเป็นปู่ของหลิวปิ้งอีนั่นเอง

ทว่าในปีที่หลิวปิ้งอีเกิดนั้น ฮั่นหวู่ตี้ทรงหลงเชื่อคำกล่าวของขุนนางทุจริต ทำให้เข้าพระทัยว่าผู้คนมากมายจะทำร้ายพระองค์ด้วยมนตร์ดำ หลิวจีว์ก็เป็นหนึ่งในนั้น และต้องจำใจลุกฮือขึ้นต่อต้านพระบิดาด้วยความที่สถานการณ์พาไป แต่ก็พ่ายแพ้ต่อทหารหลวง

ผลสุดท้ายครอบครัวของหลิวจีว์จึงบ้านแตกสาแหรกขาด หลิวจีว์ปลิดชีพพระองค์เอง ส่วนสมาชิกสายของพระองค์ล้วนแต่ถูกทหารหลวงจับไปประหารชีวิต ซึ่งน่าจะรวมบิดามารดาของหลิวปิ้งอีด้วยเช่นกัน ทำให้โอรสน้อยอย่างหลิวปิ้งอีนั้นกลายเป็นกำพร้าตั้งแต่ยังไม่ถึงหนึ่งขวบดี

ถึงกระนั้นเราก็ต้องบอกว่าหลิวปิ้งอีนั้นโชคดี เพราะว่าโดยมากแล้วครอบครัวกบฏมักจะถูกสังหารทั้งตระกูล แต่เนื่องจากหลิวจีว์น่าจะเป็นโอรสแท้ๆ ที่เป็นรัชทายาทของฮั่นหวู่ตี้ ทำให้ได้รับปรานีไม่สังหาร แต่ได้รับการไว้ชีวิต และถูกส่งไปเลี้ยงดูไว้ในคุก

เติบโตในคุก

การดูแลโอรสน้อยในคุกนั้นถูกมอบหมายให้เป็นหน้าที่ของปิ่งจี๋ที่ทำหน้าที่เป็นผู้คุมในคุกของกรมความมั่นคง ปิ่งจีนั้นสงสารหลิวปิ้งอีเพราะรู้ดีว่าหลิวจีว์ ปู่ของเขานั้นไม่มีความผิด แต่ต้องอาญาเพราะขุนนางกังฉินยุยง ทำให้เขาตั้งใจเลี้ยงหลิวจีว์อย่างดีที่สุด ด้วยการคัดเลือกนักโทษหญิงที่มีความประพฤติดีมาสองคนเพื่อทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงและแม่นม และตัวปิ่งจี๋ก็ได้มาเยี่ยมองค์ชายน้อยอยู่สม่ำเสมอ เพื่อดูว่ายังอยู่เป็นสุขหรือไม่

เวลาผ่านไปได้ไม่นาน พวกนักพรตในราชสำนักได้เพ็ดทูลฮั่นหวู่ตี้ว่าในคุกหลวงนั้นมีผู้ที่มีพลังของฮ่องเต้ในภายภาคหน้าสถิตอยู่ ฮั่นหวู่ตี้รู้สึกเป็นกังวลจึงมีพระบรมราชโองการสั่งให้ผู้คุมสังหารนักโทษในคุกทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นนักโทษที่มีความผิดมากน้อยเพียงใด

การสังหารดำเนินไปในคุกทุกแห่งในฉางอาน เมืองหลวงของราชวงศ์ฮั่น ยกเว้นแต่คุกของปิ่งจี๋เพียงแห่งเดียวเท่านั้น เพราะปิ่งจี๋ได้ทำในสิ่งที่หาญกล้าที่สุด เพราะเขาปฏิเสธพระบรมราชโองการ และลั่นวาจาบอกกับขันทีที่นำพระบรมราชโองการมาว่า คนคุกบางคนไม่ได้กระทำผิดอะไรหนักหนาจะรับโทษตายได้อย่างไร ขันทีผู้นั้นจึงกลับไปบอกฮั่นหวู่ตี้ว่าปิ่งจี๋ขัดพระบรมราชโองการ

หากแต่ว่าโชคเป็นของปิ่งจี๋ และฮั่นหวู่ตี้ เพราะว่าฮั่นหวู่ตี้รู้สึกว่าพระองค์ได้กระทำความผิดไป ดังนั้นจึงโปรดให้ล้มเลิกคำสั่งก่อนหน้า ทั้งปิ่งจี๋และหลิวปิ้งอีจึงรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ชนิดที่ว่าไม่น่าเชื่อที่สุด

ออกจากคุก

ถึงกระนั้นปิ่งจี๋เห็นว่าการให้องค์ชายน้อยอยู่ในคุกของตนเองต่อไปเห็นทีจะไม่ปลอดภัย เขาจึงส่งหลิวปิ้งอีพร้อมกับพี่เลี้ยงชื่อหูจู่ไปที่อื่น แต่กลับไม่มีใครกล้ารับผิดชอบนำตัวหลิวปิ้งอีและพี่เลี้ยงออกไปเลย ดังนั้นปิ่งจี๋จำต้องเลี้ยงดูหลิวปิ้งอีในคุกต่อไป ในช่วงนี้ปิ่งจีถือว่าลำบากมาก เพราะว่าต้องควักเงินเดือนตัวเองมาเลี้ยงองค์ชายน้อย และจ่ายเป็นเงินเดือนของหูจู่ที่พ้นโทษแล้วให้เป็นพี่เลี้ยงต่อไปด้วย

หลายปีผ่านไป หลิวปิ้งอีเติบโตจากทารกน้อยเป็นเด็กชายน้อย ปิ่งจี๋ได้สืบพบว่าเจินจวิน ทวดหญิงฝ่ายแม่ของหลิวปิ้งอียังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นเขาจึงสืบทราบที่อยู่และส่งตัวไปให้นางเจินจวินเป็นผู้เลี้ยงดู

เคราะห์กรรมของหลิวปิ้งอีจบสิ้นลงในปี 87 ก่อนคริสตกาล เพราะฮั่นหวู่ตี้สวรรคตลง และพระโอรสขึ้นครองราชย์นามว่าฮั่นจาวตี้ ฮ่องเต้พระองค์ใหม่ทรงมีพระเมตตากรุณา เมื่อพบว่าหลิวปิ้งอียังมีชีวิตอยู่ พระองค์จึงโปรดให้ขันทีจางเฮ่อ (อดีตที่ปรึกษาของหลิวจีว์แต่ต้องมาเป็นขันทีเพราะรับโทษโดนตอน) เป็นผู้เลี้ยงดูสืบต่อไป ซึ่งขันทีผู้นี้ก็ถือว่าหลิวปิ้งอีเป็นนายน้อย และใช้จ่ายเงินทองเพื่อให้หลิวปิ้งอีได้รับการศึกษาอย่างดีที่สุด

เมื่อเติบโตขึ้นมานั้น หลิวปิ้งอีเป็นเด็กฉลาดและขยัน และขึ้นชื่อเรื่องการรักความยุติธรรม นอกจากนี้ยังมีเพื่อนจากทุกชนชั้นตั้งแต่ยาจกไปจนถึงปัญญาชน อันเนื่องจากความลำบากและความไม่เป็นธรรมที่ได้รับตอนเด็ก ทำให้พระองค์ได้พบผู้คนหลากหลาย ต่างจากโอรสทั่วไปที่จะเห็นแต่พวกขุนนาง ขันที และชนชั้นสูงนั่นเอง

ฝ่ายฮั่นจาวตี้นั้นทรงโปรดปรานหลิวปิ้งอีไม่น้อย พระองค์ทรงมีศักดิ์เป็นน้องชายของปู่ของหลิวปิ้งอี แต่ด้วยวัยแล้วพระองค์ทรงแก่กว่าหลิวปิ้งอีแค่ 3 ปีเท่านั้น ทำให้เป็นพระเชษฐาอย่างสบายมาก ที่เป็นเช่นนั้นเพราะฮั่นหวู่ตี้ทรงมีฮั่นจาวตี้เมื่อทรงอายุมากกว่า 60 ปี ดังนั้นวัยของฮั่นจาวตี้จึงไล่เลี่ยกับหลานของหลิวจีว์ (ซึ่งมีบุตรตั้งแต่ยังอายุไม่ถึง 20 อันเป็นเรื่องปกติในสมัยนั้น) ฺฮั่นจาวตี้จึงโปรดให้หลิวปิ้งอีเดินทางมาเฝ้าที่พระราชวังอยู่สม่ำเสมอ

เรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้าครับ

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!