ประวัติศาสตร์มหาสงครามจีน-ซงหนู ตอนที่ 1: ปูมหลังของความขัดแย้ง

มหาสงครามจีน-ซงหนู ตอนที่ 1: ปูมหลังของความขัดแย้ง

ถ้าจะให้กล่าวถึงอนารยชนที่เป็นศัตรูกับอาณาจักรจีนที่อุดมไปด้วยวัฒนธรรมแล้วนั้น คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่ศึกษาประวัติศาสตร์จีนนั้นน่าจะคิดถึงชาวมองโกลและแมนจูเป็นหลัก เพราะทั้งสองชนชาตินั้นมีชัยเหนืออาณาจักรจีนอย่างเด็ดขาด จนถึงกับตั้งราชวงศ์ปกครองจีนเป็นเอกเทศ รองลงมาเห็นจะเป็นกลุ่มอนารยชนห้าเผ่า ซึ่งในนั้นมีชาวซงหนูอยู่ด้วย

ชาวซงหนูหรือซยงหนูเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ในทุ่งหญ้าสเตปป์บริเวณทางตอนเหนือของดินแดนจีน โดยครอบคลุมพื้นที่ที่เป็นไซบีเรียในรัสเซียลงมาถึงประเทศมองโกเลีย และลงใต้มาถึงมองโกเลียใน ซินเจียง กานซูที่เป็นส่วนหนึ่งของจีนในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดีคำว่าซงหนูหรือซยงหนูนั้นแปลเป็นภาษาจีนกลางว่า ทาสผู้โหดร้ายป่าเถื่อน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นการเหยียดเชื้อชาติตามสไตล์ของชาวจีนโบราณที่ถือว่าตนเองเป็นใหญ่ที่สุดในใต้หล้า ทุกวันนี้เรายังไม่แน่ชัดว่าชาวซงหนูเรียกตนเองว่าอะไรกันแน่

แต่ที่แน่ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างอาณาจักรจีนและอนารยชนทางภาคเหนืออย่างซงหนู ถือว่าดำเนินไปอย่างศัตรู พวกอนารยชนนั้นรุกรานจีนและปล้นสะดมเมืองชายแดนมาตั้งแต่สมัยยุคราชวงศ์โจวตะวันตก โดยฉวยโอกาสที่แคว้นต่างๆ สู้รบกันเองเข้าโจมตีและกวาดต้อนทรัพย์สินและเสบียงอาหารไปเป็นจำนวนมาก

การยุทธ์ในสมัยจ้านกว๋อ

ภัยจากพวกอนารยชนอย่างซงหนูนั้นเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นในสมัยยุคจ้านกว๋อ ทำให้แคว้นที่ตั้งอยู่ทางภาคเหนือ อย่างแคว้นจ้าวและแคว้นเยียนต้องป้องกันการรุกรานของพวกอนารยชน (หรือในเวลานั้นเรียกว่าพวกหู) อยู่เนืองๆ การสัประยุทธ์กับพวกหูทำให้แคว้นจ้าวนั้นปรับปรุงกองทัพตามแบบอย่างพวกหู ด้วยการใช้ทหารม้าเป็นหลัก และตัดเครื่องแต่งกายที่รุ่มร่ามออก ทำให้กองทัพจ้าวเข้มแข็งเกรียงไกร เรียกได้ว่าไม่แพ้กองทัพฉินเลยแม้แต่น้อย

ในช่วงปี 306 ก่อนคริสตกาล จ้าวหวู่หลิงหวาง กษัตริย์แคว้นจ้าวโปรดให้ยกกองทัพใหญ่ไปปราบปรามพวกหู และประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยการบดขยี้พวกหูไปได้ถึงสองกลุ่ม และบุกเบิกดินแดนทั้งเป็นจังหวัดได้อีกสามแห่ง เพื่อป้องกันการคุกคามของพวกหู จ้าวหวู่หลิงหวางได้โปรดให้สร้างแนวกำแพงเพื่อป้องกันการคุกคาม และสกัดการเคลื่อนทัพของพวกหู ซึ่งได้เป็นส่วนหนึ่งของกำแพงเมืองจีนในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ดีการปราชัยของพวกหูหลายกลุ่ม ได้ทำให้พวกหูกลุ่มหนึ่งเรืองอำนาจขึ้นมาเหนือพวกหูทั้งปวง พวกหูกลุ่มนี้เองที่คือพวกซงหนู ซึ่งไม่กี่ทศวรรษต่อมา พวกซงหนูก็ได้เข้าปล้นสะดมเมืองชายแดนของแคว้นจ้าวทางตอนเหนือ สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนให้กับแคว้นจ้าวเป็นอย่างมาก จ้าวฮุ่ยเหวินหวางจึงโปรดให้หลี่มู่เป็นแม่ทัพใหญ่ไปต้านทานพวกซงหนู

หลี่มู่ผู้นี้เป็นหนึ่งในสี่สุดยอดแม่ทัพของยุคจ้านกว๋อ เขารู้ความแข็งแกร่งของพวกซงหนูดี ดังนั้นจึงมีคำสั่งว่าพวกซงหนูยาตราทัพเข้ามาเมื่อใดก็ให้ผู้คนเร่งหลบหลีกเข้าเมือง พวกซงหนูนั้นเชี่ยวชาญการรบกลางแปลง แต่อ่อนด้อยในการตีเมือง เพราะฉะนั้นพวกซงหนูยังไงก็ตีเมืองไม่มีทางแตกอยู่แล้ว การออกไปรบกับพวกซงหนูจึงเป็นการทำให้ทหารล้มตายเสียเปล่า

ด้วยกลยุทธ์ของหลี่มู่ ทำให้ราษฎรและทหารจ้าวนั้นไม่สูญเสียเลยสักคนเดียว แต่ทำให้ราชสำนักจ้าวไม่พอใจ เพราะว่าหัวเมืองชายแดนยังถูกรบกวนอยู่เนืองๆ ทำให้หลี่มู่ถูกย้ายไปประจำที่อื่น และให้คนอื่นมาทำหน้าที่แทน ซึ่งไม่ว่าคนไหนก็ตามก็หลงกลพวกซงหนูด้วยการออกไปรบ และพ่ายแพ้ทุกครั้ง ท้ายที่สุดจ้าวฮุ่ยเหวินหวางจำต้องเรียกตัวหลี่มู่กลับมา และอนุญาตให้ใช้กลยุทธ์เดิม

อย่างไรก็ดีหลี่มู่นั้นไม่ใช่คนโง่ที่คิดจะตั้งรับอยู่ตลอดไป เขาสั่งให้ทหารจ้าวฝึกฝนการต่อสู้เอาไว้ พอได้จังหวะก็เริ่มส่งกองทัพออกไปแกล้งแพ้ เพื่อให้ฉานหยีว์ (ประมุขของพวกซงหนู) ลำพองใจว่าคงมีชัยเหนือกองทัพจ้าวได้โดยง่าย

พอผ่านไปไม่กี่ศึก ฉานหยีว์ซงหนูก็ติดกับด้วยการส่งกองทัพใหญ่เป็นทหารม้ากว่าหนึ่งแสนนายลึกเข้ามาในดินแดนจ้าว หลี่มู่จึงสั่งให้กองทัพแยกเป็นสองส่วนแล้วตีกระหนาบพวกซงหนูอย่างดุเดือด ภายในการรบครั้งเดียว พวกซงหนูก็แตกกระจัดกระจาย หลี่มู๋เร่งกองทัพติดตามไปและสังหารพวกซงหนู และเผ่าหูกลุ่มอื่นๆ ได้เป็นจำนวนมาก ชัยชนะของหลี่มู่ทำให้พวกซงหนูหวาดผวาและไม่กลับมาคุกคามแคว้นจ้าวอีกเลย

โม่ตู๋ฉานหยีว์

ประมาณห้าสิบปีต่อมา พวกซงหนูก็กลับมาอีกแต่ยังไม่ได้คุกคามอย่างจริงจังนัก แต่ในเวลานั้นแผ่นดินจีนทั้งหมดอยู่ในการปกครองของราชวงศ์ฉินของฉินสื่อหวงตี้เรียบร้อยแล้ว ฉินสื่อหวงตี้จึงโปรดให้เหมิงเถียนเป็นแม่ทัพใหญ่ยกไปปราบปรามพวกซงหนู เพราะพระองค์ทรงเห็นว่าพวกซงหนูนั้นเป็นมหันตภัยที่วันหนึ่งจะต้องมาสร้างความวุ่นวาย ดังนั้นควรฉวยโอกาสที่ต้าฉินยังเกรียงไกรกำจัดพวกซงหนูเสียก่อน

เหมิงเถียนนำทหารหลายแสนคนออกนอกด่านเข้าปะทะกับพวกซงหนู ในครั้งนี้พวกซงหนูไม่ได้เตรียมการต่อสู้ ทำให้เสียทีแตกกระจัดกระจาย พวกซงหนูหนีกองทัพฉินขึ้นเหนือไปถึงที่ราบสูงในเขตมองโกเลียเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดีการรุกรานของราชวงศ์ฉินนี้ทำให้พวกซงหนูกลุ่มต่างๆ เห็นว่าจะต้องรวมตัวกันเพื่อปกป้องภัยจากภายนอก ท้ายที่สุดพวกซงหนูจึงรวมตัวเป็นสหพันธ์ภายใต้การนำของโม่ตู๋ฉานหยีว์ (Modu Chanyu) ในช่วงปี 207 ก่อนคริสตกาล

โม่ตู๋ฉานหยีว์ผู้นี้มีฝีมือเก่งกาจ เขาได้ออกศึกและปราบปรามพวกอนารยชนบริเวณทุ่งหญ้าสเตปป์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่าให้อยู่ภายใต้อำนาจตน ทำให้ชนเผ่าต่างๆ ในแถบนั้นล้วนแต่สยบอยู่ภายใต้อำนาจโม่ตู๋ฉานหยีว์แต่เพียงผู้เดียว การค้าขายบริเวณดังกล่าวล้วนแต่อยู่ภายใต้อำนาจของเขาผู้นี้ พวกซงหนูจึงมีรายรับมากขึ้น แต่นั่นไม่สำคัญไปกว่าการที่พวกซงหนูรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน และดำเนินยุทธศาสตร์ไปในทางเดียวกันทั้งหมด

หลังจากราชวงศ์ฮั่นได้ถูกสถาปนาขึ้น ราชสำนักฮั่นจึงมองความแข็งแกร่งของพวกซงหนูด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง เพราะพวกซงหนูแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ในปี 200 ก่อนคริสตกาล ฮั่นเกาจู่หรือหลิวปังจึงเสด็จนำกองทัพหลวงด้วยไพร่พล 320,000 คนยังไปตีพวกซงหนู ซึ่งนี่จะเป็นการศึกที่กำหนดความสัมพันธ์จีน-ซงหนูไปอีกนานนับศตวรรษเลยทีเดียว

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!