ประวัติศาสตร์เอ่อจูหรง ตอนที่ 1: จะดีหรือชั่วก็ให้ชนรุ่นหลังเป็นผู้ตัดสิน

เอ่อจูหรง ตอนที่ 1: จะดีหรือชั่วก็ให้ชนรุ่นหลังเป็นผู้ตัดสิน

ในหน้าประวัติศาสตร์จีนนั้นมักจะมีบุคคลสำคัญหลายคนที่เป็บบุคคลสีเทาๆ นั่นคือได้ทำในสิ่งที่ดีและสิ่งที่ไม่ดีในช่วงชีวิตของเขา และทำให้เกิดข้อถกเถียงกันในหมู๋นักประวัติศาสตร์อยู่บ่อยครั้งว่าเขาควรถูกจารึกในหน้าประวัติศาสตร์ไว้ในรูปแบบใด

เอ่อจูหรง (Erzhu Rong) แห่งราชชวงศ์เป่ยเว่ยคือหนึ่งในนั้น บางคนเปรียบว่าเขาเป็นตั๋งโต๊ะแห่งราชวงศ์เหนือใต้ผู้สังหารผู้บริสุทธิ์เป็นผักปลา แต่บ้างก็ว่าเเขาเป็นวีรบุรุษผู้ปราบทุกข์เข็ญให้กับแผ่นดิน นั่นทำให้ชีวิตของเขานั้นน่าสนใจมากเลยทีเดียว

เราไปดูกันดีกว่าครับ ชีวิตของชายผู้นี้เป็นอย่างไร

เกิดมาในทุ่งหญ้า

เอ่อจูหรงนั้นเป็นชาวชี่หู หรือสายหนึ่งของชาวซงหนู โดยบรรพบุรุษของเขานั้นได้เคยเป็นแม่ทัพที่ช่วยเหลือจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เป่ยเว่ยรวบรวมแผ่นดินทางตอนเหนือและกลางของจีนให้เป็นหนึ่ง ดังนั้นตระกูลเอ่อจูจึงได้รับมอบพื้นที่ส่วนหนึ่งในทางตอนเหนือให้ปกครองและดูแลสืบทอดกันต่อมา

พื้นที่บริเวณนั้นก็เป็นทุ่งหญ้าที่เอื้อต่อการเลี้ยงสัตว์ ตระกูลเอ่อจูได้ทำผลกำไรจำนวนมากมากิจการดังกล่าวมาหลายชั่วอายุคน ทำให้เป็นหนึ่งในตระกูลที่มีฐานะดีของราชวงศ์เป่ยเว่ยครับ

เอ่อจูหรงนั้นก็ได้ดำเนินกิจการของครอบครัวสืบต่อมา แต่ตัวเขานั้นเป็นคนทะเยอทะยาน และมี charisma อยู่ไม่น้อย พงศาวดารบันทึกว่าเขาเป็นคนผิวขาวรูปร่างหน้าตาดี และเปี่ยมไปด้วยความหนักแน่นและทะเยอทะยาน อย่างไรก็ดีสิ่งที่เขาชื่นชอบที่สุดนั้นไม่ใช่การค้าขาย แต่เป็นการทหาร ตัวเขานั้นให้ความสำคัญยิ่งกับความมีระเบียบวินัย ทำให้เรียกได้ว่าเป็นมีคุณสมบัติเต็มเปี่ยมสำหรับการเป็นผู้นำทางทหารในยุคนั้น

เมื่อเอ่อจูหรงเติบโตขึ้นเป็นหนุ่ม เขาได้ตระหนักว่าราชวงศ์เป่ยเว่ยนั้ถดถอยอย่างหนัก เพราะมีกบฏชาวนาหลายกลุ่มที่ตั้งตนเป็นอิสระ และราชสำนักไม่สามารถปราบลงได้ นี่จึงเป็นโอกาสที่เขาจะได้แจ้งเกิดในแผ่นดินนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เอ่อจูหรงจึงขายทรัพย์สินของตระกูลไปส่วนหนึ่ง (ส่วนมากเป็นสัตว์ต่างๆ) เพื่อใช้เงินส่วนนี้ในการรวบรวมผู้คน และจัดตั้งเป็นกองกำลังส่วนบุคคลของเขาเองครับ

ในปี ค.ศ.524 แม้แต่ดินแดนในปกครองของตระกูลเอ่อจูนั้นก็มีการก่อกบฏ เอ่อจูหรงจึงใช้โอกาสนี้ในการทดสอบกองกำลังของเขา ปรากฏว่าในไม่นานพวกกบฏก็พ่ายแพ้อย่างรวดเร็วต่างจากที่อื่นที่ลุกลามไปไม่หยุด ราชสำนักเป่ยเว่ยตระหนักถึงความสามารถของเอ่อจูหรงจึงมอบรางวัลให้มากมาย เอ่อจูหรงนั้นก็ไม่ได้หลงระเริงกับชัยชนะ เขาใช้รางวัลดังกล่าวในการฟูมฟักกองทัพของเขาให้ใหญ่โตมากขึ้น

ขึ้นสู่อำนาจ

เมื่อกองทัพของเขาแข็งแกร่งมากขึ้น เอ่อจูหรงจึงใช้กองทัพนี้ปราบกบฏนอกดินแดนของตนเองด้วย ผลก็คือเมื่อปะทะกับพวกกบฏครั้งใด กองทัพของเอ่อจูหรงก็มีชัยแทบจะทุกครั้ง ทำให้ราชสำนักมอบรางวัลและตำแหน่งสูงขึ้นให้กับเขาอย่างรวดเร็ว ภายในเวลาไม่ถึงสองปี เอ่อจูหรงก็ได้ตำแหน่งเป็นถึงเหลียงกง และปกครองจังหวัดใหญ่แห่งหนึ่งเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดีอำนาจที่เพิ่มมากขึ้นทำให้เอ่อจูหรงเริ่มนอกลู่นอกทาง เขาขัดแย้งกับผู้ว่าการมณฑลอีกแห่งหนึ่ง แต่แทนที่จะรอคำสั่งจากราชสำนัก เขาได้สั่งให้กองทัพเข้าตีมณฑลดังกล่าว และเมื่อตีได้ก็ให้ญาติของตนเป็นผู้ว่าการมณฑลแทน

แทนที่ราชสำนักเป่ยเว่ยจะเอาโทษเอ่อจูหรง แต่กลับปล่อยเลยตามเลย อนึ่งราชสำนักจนปัญญาที่จะทำอะไรกับเอ่อจูหรงได้ เพราะขาดทั้งกำลังพลและเงินที่ใช้ไปกับการปราบพวกกบฏจนแทบหมดสิ้นแล้ว ในทางตรงกันข้าม จักรพรรดิเสี้ยวหมิงกลับรับบุตรสาวของเอ่อจูหรงมาเป็นชายาเพื่อกระชับความสัมพันธ์ นั่นทำให้เอ่อจูหรงเริ่มมีอิทธิพลในราชสำนัก จากเดิมที่มีอำนาจในเพียงส่วนท้องถิ่นเท่านั้น

พอได้เข้ามาในราชสำนัก เอ่อจูหรงก็เห็นว่าด้านในวังหลวงเป่ยเว่ยนั้นก็เละเทะไม่ต่างจากด้านนอก จักรพรรดิเสี้ยวหมิงทรงไม่พอพระทัยหูไท่โฮ่ว พระมารดาที่มีอิทธิพลทางการเมืองเหนือพระองค์ และคบชู้กับชายอีกสองคนอย่างออกหน้าออกตา ดังนั้นพระองค์จึงปรารถนาจะใช้กำลังทหารของเอ่อจูหรงในการบีบบังคับให้พระนางกำจัดชายทั้งสองไปจากราชสำนักให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็ตาม และคืนพระราชอำนาจให้กับพระองค์ผู้เป็นฮ่องเต้

เอ่อจูหรงยินยอมร่วมมือให้เป็นอย่างดี แต่แผนการของฮ่องเต้กลับรั่วไหลอย่างรั่วไหลอย่างไม่ทราบสาเหตุ (บ้างว่าอาจจะเกิดจากคนของเอ่อจูหรงเอง) สุดท้ายแล้วจักรพรรดิเสี้ยวหมิงถูกพระมารดาของพระองค์เองและชายชู้ทั้งสองลอบปลงพระชนม์ด้วยการวางยาพิษ หลังจากนั้นก็สถาปนาหยวนเจาวัยสองขวบขึ้นเป็นฮ่องเต้

เหตุการณ์นี้นั้นทำให้เอ่อจูหรงโกรธเคืองอย่างมาก เขาจึงประกาศว่าชู้รักของหูไท่โฮ่วเป็นผู้วางยาปลงพระชนม์ฮ่องเต้ (ซึ่งก็เป็นเรื่องจริง) หลังจากนั้นก็ยกทัพใหญ่มาเป็นเมืองหลวง ตลอดช่วงที่เอ่อจูหรงนำทัพลงใต้มานั้น หูไท่โฮ่วได้พยายามประนีประนอมกับเอ่อจูหรงแต่ก็ไม่เป็นผล เอ่อจูหรงได้สถาปนาโอรสของจักรพรรดิซวนหวู่ที่ผู้คนเคารพขึ้นเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่นามว่าจักรพรรดิเสี้ยวจวง หลังจากนั้นก็ยกทัพเข้าตีเมืองลั่วหยาง

ปรากฏว่าแทบไม่มีใครต่อต้านเอ่อจูหรงเลย เพราะในเมืองลั่วหยางนั้น ทุกคนล้วนเกลียดชังชู้รักทั้งสองคนของไท่โฮ่ว และทุกคนก็รู้กันดีว่าเกิดอะไรขึ้นกับอดีตฮ่องเด้ เอ่อจูหรงจึงจับหูไท่โฮ่วได้สำเร็จ หลังจากนั้นก็นำตัวพระนางกับหยวนเจาไปปลงพระชนม์ด้วยการโยนนำตัวไปโยนทิ้งที่แม่น้ำเหลือง แม้ว่าหูไท่โฮ่วจะพยายามอธิบายแก้ตัวอย่างไรก็ไม่เป็นผล

ด้วยความที่มีความดีความชอบสูงมากในการกำจัดหูไท่โฮ๋ว จักรพรรดิเสี้ยวจวงจึงเลื่อนตำแหน่งให้เอ่อจูหรงเป็นไท่หยวนหวาง อำนาจของเอ่อจูหรงจึงเรียกได้ว่าล้นฟ้าในเวลานั้น เขาได้ควบคุมกำลังทหารของราชสำนักในบริเวณเมืองหลวงทั้งหมด โดยปราศจากผู้ต่อต้าน

อย่างไรก็ดีอำนาจของเอ่อจูหรงนั้นยังไม่มั่นคง เขารู้ดีว่าพวกขุนนางในราชสำนักนั้นอาจจะต่อต้านเขาเมื่อใดก็ได้ ดังนั้นเพื่อเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม เขาจำเป็นต้องลงมือก่อน เรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไปติดตามได้ในตอนหน้าครับ

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!