ชีวิตหลังแต่งงานของซานโดรและเซเนียดำเนินไปอย่างมีความสุขยิ่ง จนกระทั่งปลายปีนั้น ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 ป่วยหนักและสวรรคตในอ้อมกอดของซาริซามาเรียที่พระราชวังลิวาเดียในไครเมีย
ในวันที่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 จากไป ทุกคนในห้องล้วนแต่รู้ดีว่าการจากไปของซาร์ผู้มีร่างกายอันบึกบึนผู้นี้มีความหมายอย่างไร อเล็กซานเดอร์เป็นผู้เดียวที่สามารถปกครองรัสเซียได้ภายใต้กำปั้นเหล็ก และเป็นผู้หยุดยั้งสงครามในยุโรปด้วยการใช้อิทธิพลของเขาต่อชาติศัตรู
แต่จักรวรรดิรัสเซียไม่มีเขาอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ร่างไร้วิญญาณของเขานอนหลับอย่างสงบนิ่งอยู่บนโซฟา
นิกกี้
ซานโดรเล่าว่าไม่มีใครทราบถึงความจริงข้อนี้ดีกว่านิโคลัส หรือ นิกกี้ บุตรชายคนโตของซาร์ผู้จากไป ผู้ที่จะต้องสืบบัลลังก์รัสเซียต่อจากบิดา
ในวันที่บิดาของเขาล่วงลับ ซานโดรเล่าว่าเป็นครั้งแรกที่เขาเห็นนิกกี้ร้องไห้ ดวงตาสีน้ำเงินของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา เมื่อไม่สามารถกลั้นได้อีกต่อไป เขาดึงตัวซานโดรไปสวมกอดและร้องไห้ออกมาอย่างมากมาย
นิกกี้รู้แล้วว่าเขาต้องเป็นซาร์ หรือ จักรพรรดิแห่งรัสเซียองค์ต่อไป เขารู้สึกว่าหน้าที่ของซาร์ที่เขาได้รับมันหนักอึ้งและแสนสาหัส เขารู้สึกกลัวจนต้องร้องไห้ออกมา
ซานโดรเล่าว่านิกกี้กล่าวว่า
ซานโดร ฉันควรทำอย่างไรดี อะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับฉัน กับนาย กับเซเนีย กับอลิซ กับแม่ และกับรัสเซียทั้งปวง ฉันไม่ควรเตรียมตัวเป็นซาร์ ฉันไม่เคยต้องการจะเป็น ฉันไม่รู้เรื่องการปกครองเลยสักนิดเดียว ฉันไม่รู้แม้กระทั่งวิธีการจะพูดคุยกับรัฐมนตรี นายจะช่วยฉันหรือไม่ ซานโดร
ซานโดรรำพึงในบันทึกความทรงจำของเขาว่า ตัวเขาจะช่วยนิกกี้ได้อย่างไร เขาเป็นแกรนด์ดยุคที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นทหารเรือ และไม่เคยเรียนรู้เรื่องการปกครองเลย ซานโดรจึงพยายามแนะนำให้นิกกี้ขอคำปรึกษากับคนที่เขาคิดว่าน่าจะไว้ใจได้
ณ เวลานั้น ซานโดรอธิบายว่าในใจของตนมีความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา มันบอกเขาว่ารัสเซียกำลังเข้าสู่หายนะในไม่ช้า
อลิซ
สำหรับซานโดรแล้ว เขามองว่าการมาของ “อลิซ” (ซาริซาอเล็กซานดรา) คู่หมั้นของนิโคลัสเหมือนกับเป็นปฐมบทของบทละคร เขาใช้คำเปรียบเปรยว่า
จะมีนักเขียนบทละครคนไหนเขียนบทนำของละครโศกนาฏกรรมของซาร์องค์สุดท้ายแห่งรัสเซียได้ดีกว่านี้อีกหรือ
ซานโดรเล่าว่าการแต่งงานของนิกกี้กับอลิซช่างพิลึกกึกกือสิ้นดี งานแต่งงานถูกจัดขึ้นหลังจากที่ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 สวรรคตไม่นาน ดังนั้นแทนที่คู่บ่าวสาวจะได้รับการแสดงความยินดีในช่วงงานแต่งงานและฮันนีมูน ทั้งสองกลับต้องไปที่ต่างๆ เพื่อรับการแสดงความเสียใจจากผู้คนต่างๆ แทน
ประเด็นสำคัญที่ซานโดรยกมาคือ อลิซพูดภาษารัสเซียได้อย่างยากลำบาก หรือพูดไม่คล่อง
แต่เขาเปรียบเทียบให้เห็นว่า ซาริซามาเรีย มารดาของนิโคลัสได้เวลา 17 ปีในการปรับตัว แต่สำหรับอลิซแล้ว เธอไม่ได้เวลาดังกล่าวเลย เวลาที่เธอได้รับสำหรับการเตรียมตัวทั้งหมดคือ 96
96 เดือน? ไม่ใช่
96 วัน? ไม่ใช่อีกนั่นแหละ
คำตอบคือ 96 ชั่วโมง! นั่นเป็นเวลาที่อลิซได้รับสำหรับการเตรียมตัวทั้งเรียนภาษารัสเซียและเรียนรู้ขนบธรรมเนียมอันซับซ้อนในประเทศใหม่ของเธอ
ซานโดรเล่าว่าด้วยเวลาที่น้อย ทำให้อลิซทำผิดพลาดอย่างไม่ควรจะผิดหลายอย่าง สังคมชนชั้นสูงขี้แซะในเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กจึงซุบซิบนินทาเธอกันยกใหญ่ ความผิดพลาดเหล่านั้นทำให้อลิซจำฝังใจ หลังจากนั้นเธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะเข้างานสังคม
การไม่เข้าสังคมทำให้อลิซไม่เป็นที่นิยมในสังคมเซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก พวกชนชั้นสูงชาวรัสเซียนำอลิซไปเปรียบเทียบกับมาเรีย ซาริซาคนก่อน อลิซจึงรู้สึกแย่เข้าไปใหญ่
หายนะที่ทุ่ง Khodynka
เหตุการณ์แรกที่แสดงให้เห็นว่าหายนะกำลังเกิดขึ้นกับราชวงศ์โรมานอฟและรัสเซียในไม่ช้า คือ โศกนาฏกรรมที่ทุ่ง Khodynka อย่างที่ผมได้เคยเขียนเรื่องนี้ไปแล้ว (ตามลิงค์)
ซานโดรเล่าว่าก่อนที่นิกกี้จะออกเดินทางไปทำพิธีราชาภิเษกที่มอสโก เขาเคยถามนิกกี้ว่าแน่ใจแล้วหรือที่จะให้ “อาเซอร์เกย์” เป็นผู้จัดการฝูงชนนับล้านที่จะเข้ามาชมซาร์และซาริซาองค์ใหม่ของพวกเขาที่ทุ่ง Khodynka และเซอร์เกย์รู้หรือไม่ว่างานนี้มันยาก
เหมือนนิโคลัสจะทราบว่า เซอร์เกย์กับซานโดรและพี่น้องไม่ถูกกัน นิโคลัสจึงตอบว่า
แน่นอน เขาทราบนะซานโดร ได้โปรด เป็นธรรมกับอาเซอร์เกย์หน่อยนะ
ซานโดรตอบว่า
ฉันเป็นธรรม นิกกี้ แต่ฉันจำได้ว่าพ่อของนายเคยเป็นกังวลมากกับเรื่องนี้ เขาจัดการรายละเอียดทุกอย่างด้วยตัวเอง มันไม่ง่ายเลยที่จะแจกของขวัญให้กับผู้คนห้าแสนคนที่อัดตัวเองในทุ่งที่ไม่เคยถูกเตรียมการให้รองรับพวกเขา
นิกกี้ยังยืนกรานคำเดิม ซานโดรจึงได้แต่นำตัวเองออกมา
สุดท้ายเรื่องจบลงด้วยหายนะ ผู้คนนับพันเหยียบกันตายจนเสียชีวิตที่ทุ่ง Khodynka
ซานโดรและพี่น้องของเขา โดยเฉพาะแกรนด์ดยุคนิโคลัส พี่ชายคนโตรู้สึกโกรธมาก ทุกคนพยายามเรียกร้องให้นิกกี้ปลดเซอร์เกย์ออกจากตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองมอสโก และยกเลิกการเฉลิมฉลองทั้งหมดเพื่อปลอบประโลมผู้คนที่กำลังเศร้าเสียใจต่อการสูญเสีย
แกรนด์ดยุคนิโคลัส พี่ชายของซานโดรเป็นคนฉลาดและมีความรู้สูงที่สุดในราชวงศ์ เขากังวลทันทีว่าราชวงศ์โรมานอฟจะซ้ำรอยราชวงศ์ Bourbon ของฝรั่งเศส เขาจึงกล่าวกับนิกกี้ว่า
เลือดของผู้คนห้าพันคนจะเป็นรอยด่างในรัชสมัยของนายตลอดกาล นายชุบชีวิตคนตายไม่ได้แต่นายต้องแสดงความเสียใจกับครอบครัวของพวกเขา อย่าให้พวกศัตรูของราชวงศ์กล่าวได้ว่าซาร์หนุ่มกำลังเต้นรำขณะที่ร่างของผู้ใต้ปกครองถูกนำไปที่สุสานคนไร้ญาติ
แกรนด์ดยุคอเล็กซิส หรือ อเล็กเซย์ อเล็กซานดรอวิช (Алексей Александрович) น้องชายอีกคนหนึ่งของซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 เข้าขัดขวางและทะเลาะกับแกรนด์ดยุคนิโคลัสอย่างรุนแรงเพื่อช่วยเหลือเซอร์เกย์ อเล็กซิสถึงกับตวาดด่าซานโดรและพี่น้องของเขาว่าเป็นพวกแกรนด์ดยุคที่เป็นผู้ติดตามของ Robespierre นักการเมืองคนสำคัญในการปฏิวัติฝรั่งเศสที่เรียกร้องให้ประหารชีวิตหลุยส์ที่ 16
ผลที่ตามมาคือนิกกี้เลือกที่เชื่อคำแนะนำของอเล็กซิสที่ให้ไปงานเลี้ยงคืนนั้น ผลสุดท้ายนิกกี้โดนชาวรัสเซียจำนวนมากประณามอย่างที่แกรนด์ดยุคนิโคลัสว่าไว้จริงๆ ภาพพจน์ของนิกกี้พังทลาย สัญญาณร้ายของรัชสมัยใหม่ได้เริ่มต้นแล้ว
ตั้งแต่วันนั้น นิกกี้ตกอยู่ในอิทธิพลของแกรนด์ดยุคอเล็กซิส เซอร์เกย์ และวลาดิเมียร์อย่างเต็มตัว ทั้งสามคนนี้มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมสุดโต่ง ซานโดรพยายามจะชี้ให้นิกกี้ฟังเขาและที่ปรึกษาคนอื่นบ้าง แต่ก็ไม่เป็นผล ในทางกลับกันนิกกี้ต่างหากที่เริ่มจะห่างเหินกับซานโดรไปทีละน้อย
ในใจของซานโดรและพี่น้องต่างรู้สึกว่าทุกอย่างเริ่มจะเลวร้ายไปทุกที แต่จะมีอะไรไปกว่ากองเรือที่เขารักถูกกองทัพญี่ปุ่นทำลายสิ้น
เรื่องจะเป็นอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้าครับ
เรื่องนี้เป็นส่วนเสริมของเรื่อง วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ
รายชื่อหนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่