ท่องเที่ยว6 สถานที่ท่องเที่ยวใน "St. Petersburg" ที่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด

6 สถานที่ท่องเที่ยวใน “St. Petersburg” ที่ห้ามพลาดโดยเด็ดขาด

เซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก (St.Petersburg) เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิรัสเซีย และมีสถานะเป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของประเทศรัสเซียในปัจจุบัน ถ้าคิดจะไปรัสเซีย เซนต์ปีเตอร์สเปิร์กควรเป็นเมืองอันดับต้นๆ ใน List ไม่ว่าจะไปด้วยตนเอง หรือไปกับทัวร์ก็ตาม

ในโพสนี้ผมจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับความเป็นมาของ St. Petersburg อย่างคร่าวๆ เสียก่อน และจะไปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับถัดไปครับ

St. Petersburg Image by Peter H from Pixabay

รู้จัก St. Petersburg

St. Petersburg เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศรัสเซีย โดยตั้งอยู่ริมทะเลบอลติก และห่างจากชายแดนฟินแลนด์ไปไม่ไกลนัก ตัวเมืองห่างจากมอสโกประมาณ 700 กิโลเมตร

ถ้าย้อนไปในหน้าประวัติศาสตร์แล้ว St. Petersburg ถือว่าเป็นเมืองหลวงทั้งเก่าและใหม่ของรัสเซีย หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?

เมื่อซาร์ปีเตอร์มหาราชแห่งราชวงศ์โรมานอฟสร้างเมืองแห่งนี้ในสมัยศตวรรษที่ 18 นั้น ปีเตอร์ปรารถนาจะให้ St. Petersburg เป็นเมืองหลวงใหม่แทนที่เมืองมอสโก เมืองหลวงเก่าแก่ดั้งเดิมของรัสเซียตั้งแต่สมัยแกรนด์ดัชชีแห่งมอสโก ดังนั้นนับตั้งแต่สมัยของปีเตอร์ St. Petersburg จึงอยู่ในสถานะ “เมืองใหม่” มาโดยตลอด

ปีเตอร์มหาราชสร้างเมืองหลวงใหม่ขึ้นริมทะเลบอลติก เมืองแห่งนี้คือเมือง St. Petersburg

ตลอดระยะเวลาสองร้อยปีหลังจากนั้น St. Petersburg กลายเป็นเมืองสำคัญของโลก จักรพรรดิแห่งราชวงศ์โรมานอฟขยายเมืองออกไปทุกด้าน และสร้างสิ่งก่อสร้างอันสวยงามมากมาย ซึ่งส่วนมากสร้างขึ้นโดยศิลปะแบบ Baroque ตามแบบยุโรปตะวันตกไม่ใช่ศิลปะแบบดั้งเดิมของรัสเซีย บางครั้ง St. Petersburg ถูกเรียกว่าเป็นเวนิสแห่งอุดรทิศ เพราะว่ามีคลองและสะพานมากมายไม่แพ้เมืองเวนิสในอิตาลี

ด้วยเหตุนี้ St. Petersburg จึงมีความเป็นตะวันตกมากกว่ารัสเซียอย่างชัดเจน และค่านิยมนี้ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน

ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 St. Petersburg ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “Petrograd” เพื่อลบความเป็นเยอรมันในชื่อเก่าออกไปตามความรู้สึกชาตินิยมเวลานั้น สงครามดำเนินไปได้สามปี เหตุการณ์สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์รัสเซียก็ได้เกิดขึ้นที่ Petrograd นั่นคือการปฏิวัตินั่นเอง

St. Petersburg ในช่วงปี ค.ศ.1917

ในปี ค.ศ.1917 รัสเซียเผชิญกับการปฏิวัติครั้งสำคัญสองครั้งในปีเดียว กล่าวคือการปฏิวัติกุมภาพันธ์ (February Revolution) ที่ล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟของซาร์นิโคลัสที่ 2 และการปฏิวัติตุลาคม (October Revolution) ที่เลนินยึดอำนาจจากรัฐบาลชั่วคราว

ความวุ่นวายหลังการปฏิวัติทำให้เลนินและพวกบอลเชวิคย้ายเมืองหลวงกลับไปยังมอสโก เพราะ Petrograd ในเวลานั้นเต็มไปด้วยกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่แย่งชิงอำนาจกัน มอสโกที่เคยเป็นเมืองหลวงเก่าจึงกลับเป็นเมืองหลวงของรัสเซีย ส่วน Petrograd หรือ St. Petersburg ที่เคยเป็นเมืองหลวงใหม่กลายเป็นเมืองหลวงเก่าแทน

คลองใน St. Petersburg Image by Peter H from Pixabay

ในสมัยโซเวียต St. Petersburg ได้ชื่อว่า “เลนินกราด” (Leningrad) ในเวลาต่อมาเมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงมากฐานที่สามารถต้านทานการบุกของกองทัพเยอรมันไว้ได้หลายร้อยวัน โดยไม่ยอมจำนน แต่ทำให้ชาวเมืองต้องสิ้นชีวิตมากถึงหนึ่งล้านคน

หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย ชาวเมืองได้โหวตเปลี่ยนชื่อเมืองกลับเป็น St. Petersburg อีกครั้งหนึ่ง และได้ชื่อเมืองนี้มาจนถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้เมืองแห่งนี้เป็นเมืองใหญ่เป็นลำดับสองของรัสเซีย และเป็น “เมืองหลวงทางวัฒนธรรม” ของประเทศครับ

ถัดไปเราไปดูกันดีกว่า St. Petersburg มีสถานที่ไหนที่คุณควรจะไปเยือนบ้าง?

1. Hermitage Museum

Hermitage Museum หรือพิพิธภัณฑ์ Hermitage เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีสิ่งของให้ดูมากมายมหาศาล สิ่งของที่นำมาให้นักท่องเที่ยวดูก็จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เพราะของที่มีนั้นมากเหลือเกิน

Hermitage Museum/Winter Palace Image by Alexander Grishin from Pixabay

ตัวพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในพระราชวังฤดูหนาว (Winter Palace) พระราชวังที่เคยเป็นสถานที่ประทับหลักของซาร์แห่งรัสเซียในสมัยราชวงศ์โรมานอฟ เพราะฉะนั้นนอกจากสิ่งของที่ให้ดูจะล้ำค่ามากแล้ว ตัวพระราชวังยังงดงามด้วยตัวของมันเองอีกด้วย

โดยทั่วไปแล้ว สำหรับท่านที่ชอบประวัติศาสตร์สามารถอยู่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ทั้งวัน โดยเฉพาะถ้าท่านชอบงานศิลปะ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป การเข้าชมประมาณ 3-4 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว

Hermitage Museum Image by dron19 from Pixabay

แต่ถ้าทัวร์พาไปและให้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง ผมบอกได้เลยว่าไม่พอ เพราะพิพิธภัณฑ์ใหญ่มาก และมีอะไรให้ดูเยอะจริงๆ

Tip 1: ถ้าเป็นไปได้ ท่านควรจะย้อนกลับมาถ่ายรูปตัวพิพิธภัณฑ์/พระราชวังในเวลากลางคืนอีกครั้ง เพราะว่าเค้าจะเปิดไฟสปอตไลท์ที่ตัววัง ทำให้มันดูอลังการมากๆ ครับ น่าถ่ายรูปมากเลยทีเดียว

2. St. Issac Cathedral

St. Issac Cathedral เป็นมหาวิหารที่สำคัญที่สุดในเมือง St. Petersburg เพราะเป็นมหาวิหารแห่งแรกๆ ของเมืองนับตั้งแต่ซาร์ปีเตอร์มหาราชทรงสร้างเมืองแห่งนี้ขึ้น ตัวมหาวิหารอุทิศให้กับ St. Issac of Dalmatia นักบุญอุปถัมภ์ของซาร์ปีเตอร์มหาราชครับ สถาปัตยกรรมที่ใช้เป็นแบบ Neoclassical, Byzantine และ Greek ผสมผสานกันครับ

คุณสามารถสังเกตเห็นมหาวิหารได้จากระยะไกลจากโดมสีทองสุกปลั่งด้านบนของมหาวิหารนั่นเอง ตัวโดมถูกหุ้มด้วยทองคำแท้ ทำให้มีความสวยงามมาก คุณสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงของเมืองจากด้านบนของมหาวิหารได้ด้วยนะครับ (แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วยนะ)

St. Issac Cathedral By Alex ‘Florstein’ Fedorov, CC BY-SA 4.0,

ด้านในมหาวิหารถูกตบแต่งอย่างอลังการโดยศิลปินรัสเซียและตะวันตก คุณจะเห็นภาพเขียนที่ทรงคุณค่า รูปปั้นที่ตระการตา รวมไปถึงอัญมณีอันล้ำค่าที่ถูกทรงมาจากทั่วทั้งจักรวรรดิรัสเซีย ความสวยงามนี้จะทำให้คุณถ่ายรูปอยู่ด้านในได้นานนับชั่วโมงเลยครับ

ด้านใน St. Issac Cathedral By Ximeg, CC BY-SA 3.0

3. Church of the Savior on Blood

Church of the Savior on Blood หรือที่คนไทยมักเรียกว่า “โบสถ์หยดเลือด” เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 เพื่อระลึกถึงการจากไปของซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปาระเบิดเข้าใส่ของพวกนักปฏฺิวัติ และสวรรคตในเวลาต่อมา ตัวโบสถ์ได้สร้างครอบจุดดังกล่าวเอาไว้ และตั้งอยู่ใกล้กับคลอง Griboyedov (หรือคลอง Catherine ในสมัยโรมานอฟ)

Church of the Savior on Blood Image by Georg Adler from Pixabay

ต่างจากมหาวิหารอื่นๆ ในเซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก ตัวโบสถ์สร้างขึ้นโดยใช้สถาปัตยกรรมรัสเซียสมัยใหม่ ทำให้โบสถ์รูปร่างหน้าตาคล้ายกับมหาวิหารเซนต์เบซิล (St. Basil’s Cathedral) ในมอสโก

ด้านในของ Church of the Savior on Blood Image by Peter H from Pixabay

เมื่อคุณย่างก้าวเข้าไปในโบสถ์ คุณจะพบเห็นโมเสกอันสวยงามมากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นภาพของพระเยซูและนักบุญต่างๆ ในศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียนออโธดอกซ์ที่ชาวรัสเซียเคารพนับถือครับ จำนวนของโมเสกถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้

นอกจากนี้ภายในมหาวิหารยังมีจุดที่ระลึกถึงการจากไปซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ตั้งอยู่ด้วยครับ

4. Peterhof Palace

Peterhof Palace เป็นพระราชวังที่ใหญ่โตมากแห่งหนึ่งของรัสเซีย ซาร์ปีเตอร์มหาราชโปรดให้สั่งขึ้นโดยเลียนแบบพระราชวังแวร์ซายส์ที่พระองค์เคยเสด็จไปเยี่ยมเยือน ในยุคหลังๆ ซาร์แห่งรัสเซียและครอบครัวมักจะมาพำนักอยู่ที่นี่ในฤดูร้อน ตัวพระราชวังหันหน้าออกไปยังทะเล และมีลมเย็นๆพัดเข้ามาตลอดเวลาครับ

Peterhof Palace Image by schliff from Pixabay

จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ “สวน” และ “น้ำพุ” ครับ ในช่วงเช้าและเย็นจะมีการแสดงโชว์เปิดและปิดน้ำพุ ที่นักท่องเที่ยวตั้งตารอคอยครับ

สำหรับสวนที่ Peterhof เป็นสวนที่สวยมากจริงๆ และมีหลายจุดมากที่น่าถ่ายรูป ใครที่ชอบถ่ายรูปน่าจะอยู่ที่ Peterhof นี่ได้เป็นวันเลยครับ

สวนในพระราชวัง Peterhof เป็นสวนที่สวยงามมาก By Pavel Kirillov, Flickr, CC By SA 2.0

ส่วนในตัวพระราชวังก็ถือว่าสวยงามมาก แต่สิ่งที่คุณเห็นล้วนแต่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ในช่วงหลังทั้งหมด ของเก่าถูกทำลายโดยกองทัพเยอรมันเกือบทั้งหมดในปี ค.ศ.1944 ครับ

ข้อควรทราบ:

  • ภายในสวนของพระราชวังแห่งนี้ ห้องน้ำหายากและอยู่ไกลกันมาก ดังนั้นถ้าเจอห้องน้ำ ควรเข้าเอาชัวร์ไว้ก่อนครับ
  • สวนของพระราชวังแบ่งออกเป็นสองด้าน คั่นกลางด้วยตัวพระราชวัง ตั๋วที่เราใช้เข้าออกสามารถใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นถ้าออกจากสวนฝั่งนั้น เราจะกลับเข้าไปไม่ได้แล้ว นอกจากจะซื้อตั๋วใหม่ เพราะฉะนั้นระวังครับ

5. Catherine Palace

พระราชวังที่นักท่องเที่ยวแห่กันมาเยี่ยมชม เพราะว่าเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย ส่วนหนึ่งเพราะมันมีห้องที่เรียกว่า “ห้องอำพัน” (Amber Room) อยู่

Catherine Palace เป็นพระราชวังที่อยู่ที่เมือง Pushkin ซึ่งห่างออกมาจากเซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก 30-40 กิโลเมตร ท่านที่เดินทางไปเที่ยวเอง สามารถนั่งรถไฟ รถบัส หรือ แท็กซี่ออกไปได้จากเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กครับ

Catherine Palace Image by schliff from Pixabay

นักท่องเที่ยวที่มาพระราชวังแห่งนี้มากมายมหาศาลจริงๆ ทำใจไว้เลยครับ ว่าจะต้องรอคิวเป็นเวลานานมากๆ (อาจนานได้ถึง 5 ชั่วโมง กลางแดด) เพราะฉะนั้นเตรียมเสบียง ร่ม และน้ำให้พร้อมไว้ด้วยครับ นักท่องเที่ยวบางคนจะเอาเก้าอี้แบบพับได้ไปด้วย เพื่อการนี้เลยครับ

สาเหตุที่ทำให้พระราชวังแคทเทอรีนเป็นที่นิยมก็ห้อง Amber Room นี่แหละครับ มันคือห้องที่ขึ้นมาจากอำพัน และประดับประดาด้วยของมีค่าอย่างหรูหรา แต่ห้องที่เราเห็นด้านในคือห้องที่สร้างขึ้นมาใหม่นะครับ ห้องเก่าสูญหายไปแล้วในสมัยสงครามครับ

*** สำหรับท่านที่ติดตามเรื่อง วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ ใกล้กับพระราชวังแคทเทอรีนจะมีสวนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ถ้าเราเดินในสวนนั้นไปเรื่อยๆ เราจะพบกับพระราชวังสีเหลืองที่มีขนาดเล็กกว่าพระราชวังแคทเทอรีน พระราชวังแห่งนี้คือพระราชวังอเล็กซานเดอร์ (Alexander Palace) พระราชวังที่ซาร์นิโคลัสที่ 2 ซาร์องค์สุดท้ายแห่งรัสเซียและครอบครัวใช้เป็นบ้าน และเป็นหนึ่งในสถานที่คุมขังก่อนที่ทุกคนจะถูกนำตัวไปยังทาบอสค์ และเยกาเตรินเบิร์กนั่นเอง

6. Peter and Paul Fortress

Peter and Paul Fortress เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานของศัตรูที่อาจจะคุกคามเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป มหาวิหารในป้อมปราการแห่งนี้เป็นสถานที่ฝังพระศพของซาร์และซาริซาแห่งรัสเซียทุกพระองค์หลังจากซาร์ปีเตอร์มหาราช ส่วนตัวป้อมปราการกลายสภาพเป็นคุกที่ใช้คุมขังนักโทษทางการเมือง

Peter and Paul Fortress By Dmitry A. Mottl , CC BY-SA 3.0,

ไฮไลท์ของป้อมปราการแห่งนี้อยู่ที่ Peter and Paul Cathedral มหาวิหารสีเหลืองที่มีเสาสูง ที่นี่ใช้ฝังพระศพของซาร์และซาริซาแห่งรัสเซียทุกพระองค์ เมื่อเราเดินเข้าไปในวิหารเราจะพบกับที่ฝังศพดังกล่าว

บริเวณที่ถูกจัดไว้ในมหาวิหารเป็นพิเศษ และแยกจากของซาร์พระองค์อื่นอย่างชัดเจน คือ ที่ฝังพระศพของซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัว ร่างของทุกคนถูกย้ายมาฝังที่นี่จากเยกาเตรินเบิร์ก หลังจากได้รับการตรวจ DNA เสร็จสิ้นแล้วว่าเป็นของจริง (ซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวถูกปลงพระชนม์โดยพวกบอลเชวิค)

สถานที่ฝังพระศพของซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัว By Larry Koester, Flickr, CC By 2.0

ไปเที่ยว St. Petersburg อย่างไรดี?

St. Petersburg สามารถเที่ยวเองได้ไม่ยากเลยครับ คุณสามารถเที่ยวที่นี่ในทริปเดียวกับที่ไปมอสโกได้ การเดินทางระหว่างทั้งสองเมือง คุณสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูง (sapsan) ภายใน 3-4 ชั่วโมง คุณจะมาถึงเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กแล้วครับ

อย่างไรก็ตาม ผมแนะนำว่าคุณควรจะจองตั๋วเครื่องบินแบบ multi-city กล่าวคือบินไปลง St. Petersburg แล้วกลับจากมอสโก หรือสลับกันก็ได้ คุณจะได้ประหยัดค่ารถไฟ และได้เวลาเที่ยวเพิ่มขึ้นมามาก ตอนที่ผมไป ผมจองกับ Qatar Airways ซึ่งราคาไม่ต่างอะไรกับการบินไปกลับมอสโกเลยครับ

การไปเที่ยวกับทัวร์ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะทัวร์ที่มีผู้เชี่ยวชาญเดินทางไปด้วย คุณจะได้รู้เรื่องราวและประวัติต่างๆ ของเมืองอย่างครบถ้วน ทัวร์ที่น่าพิจารณาได้แก่ udachi เป็นต้น

นอกจากนี้ ผมแนะนำให้ทุกคนอ่านบทความเรื่อง วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ หรือ ประวัติศาสตร์รัสเซียโดยรวมของ Victory Tale ก่อนเดินทางไปเที่ยวเซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก เพื่ออรรถรสในการเที่ยวชมสิ่งต่างๆ ของท่านเองครับ

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!