เซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก (St.Petersburg) เป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิรัสเซีย และมีสถานะเป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของประเทศรัสเซียในปัจจุบัน ถ้าคิดจะไปรัสเซีย เซนต์ปีเตอร์สเปิร์กควรเป็นเมืองอันดับต้นๆ ใน List ไม่ว่าจะไปด้วยตนเอง หรือไปกับทัวร์ก็ตาม
ในโพสนี้ผมจะแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกับความเป็นมาของ St. Petersburg อย่างคร่าวๆ เสียก่อน และจะไปแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับถัดไปครับ
รู้จัก St. Petersburg
St. Petersburg เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศรัสเซีย โดยตั้งอยู่ริมทะเลบอลติก และห่างจากชายแดนฟินแลนด์ไปไม่ไกลนัก ตัวเมืองห่างจากมอสโกประมาณ 700 กิโลเมตร
ถ้าย้อนไปในหน้าประวัติศาสตร์แล้ว St. Petersburg ถือว่าเป็นเมืองหลวงทั้งเก่าและใหม่ของรัสเซีย หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น?
เมื่อซาร์ปีเตอร์มหาราชแห่งราชวงศ์โรมานอฟสร้างเมืองแห่งนี้ในสมัยศตวรรษที่ 18 นั้น ปีเตอร์ปรารถนาจะให้ St. Petersburg เป็นเมืองหลวงใหม่แทนที่เมืองมอสโก เมืองหลวงเก่าแก่ดั้งเดิมของรัสเซียตั้งแต่สมัยแกรนด์ดัชชีแห่งมอสโก ดังนั้นนับตั้งแต่สมัยของปีเตอร์ St. Petersburg จึงอยู่ในสถานะ “เมืองใหม่” มาโดยตลอด
ตลอดระยะเวลาสองร้อยปีหลังจากนั้น St. Petersburg กลายเป็นเมืองสำคัญของโลก จักรพรรดิแห่งราชวงศ์โรมานอฟขยายเมืองออกไปทุกด้าน และสร้างสิ่งก่อสร้างอันสวยงามมากมาย ซึ่งส่วนมากสร้างขึ้นโดยศิลปะแบบ Baroque ตามแบบยุโรปตะวันตกไม่ใช่ศิลปะแบบดั้งเดิมของรัสเซีย บางครั้ง St. Petersburg ถูกเรียกว่าเป็นเวนิสแห่งอุดรทิศ เพราะว่ามีคลองและสะพานมากมายไม่แพ้เมืองเวนิสในอิตาลี
ด้วยเหตุนี้ St. Petersburg จึงมีความเป็นตะวันตกมากกว่ารัสเซียอย่างชัดเจน และค่านิยมนี้ยังคงสืบทอดมาจนถึงปัจจุบัน
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 St. Petersburg ได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น “Petrograd” เพื่อลบความเป็นเยอรมันในชื่อเก่าออกไปตามความรู้สึกชาตินิยมเวลานั้น สงครามดำเนินไปได้สามปี เหตุการณ์สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์รัสเซียก็ได้เกิดขึ้นที่ Petrograd นั่นคือการปฏิวัตินั่นเอง
ในปี ค.ศ.1917 รัสเซียเผชิญกับการปฏิวัติครั้งสำคัญสองครั้งในปีเดียว กล่าวคือการปฏิวัติกุมภาพันธ์ (February Revolution) ที่ล้มล้างราชวงศ์โรมานอฟของซาร์นิโคลัสที่ 2 และการปฏิวัติตุลาคม (October Revolution) ที่เลนินยึดอำนาจจากรัฐบาลชั่วคราว
ความวุ่นวายหลังการปฏิวัติทำให้เลนินและพวกบอลเชวิคย้ายเมืองหลวงกลับไปยังมอสโก เพราะ Petrograd ในเวลานั้นเต็มไปด้วยกลุ่มการเมืองต่างๆ ที่แย่งชิงอำนาจกัน มอสโกที่เคยเป็นเมืองหลวงเก่าจึงกลับเป็นเมืองหลวงของรัสเซีย ส่วน Petrograd หรือ St. Petersburg ที่เคยเป็นเมืองหลวงใหม่กลายเป็นเมืองหลวงเก่าแทน
ในสมัยโซเวียต St. Petersburg ได้ชื่อว่า “เลนินกราด” (Leningrad) ในเวลาต่อมาเมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงมากฐานที่สามารถต้านทานการบุกของกองทัพเยอรมันไว้ได้หลายร้อยวัน โดยไม่ยอมจำนน แต่ทำให้ชาวเมืองต้องสิ้นชีวิตมากถึงหนึ่งล้านคน
หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลาย ชาวเมืองได้โหวตเปลี่ยนชื่อเมืองกลับเป็น St. Petersburg อีกครั้งหนึ่ง และได้ชื่อเมืองนี้มาจนถึงปัจจุบัน ทุกวันนี้เมืองแห่งนี้เป็นเมืองใหญ่เป็นลำดับสองของรัสเซีย และเป็น “เมืองหลวงทางวัฒนธรรม” ของประเทศครับ
ถัดไปเราไปดูกันดีกว่า St. Petersburg มีสถานที่ไหนที่คุณควรจะไปเยือนบ้าง?
1. Hermitage Museum
Hermitage Museum หรือพิพิธภัณฑ์ Hermitage เป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก และมีสิ่งของให้ดูมากมายมหาศาล สิ่งของที่นำมาให้นักท่องเที่ยวดูก็จะเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ เพราะของที่มีนั้นมากเหลือเกิน
ตัวพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในพระราชวังฤดูหนาว (Winter Palace) พระราชวังที่เคยเป็นสถานที่ประทับหลักของซาร์แห่งรัสเซียในสมัยราชวงศ์โรมานอฟ เพราะฉะนั้นนอกจากสิ่งของที่ให้ดูจะล้ำค่ามากแล้ว ตัวพระราชวังยังงดงามด้วยตัวของมันเองอีกด้วย
โดยทั่วไปแล้ว สำหรับท่านที่ชอบประวัติศาสตร์สามารถอยู่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้ทั้งวัน โดยเฉพาะถ้าท่านชอบงานศิลปะ แต่สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป การเข้าชมประมาณ 3-4 ชั่วโมงก็เพียงพอแล้ว
แต่ถ้าทัวร์พาไปและให้เวลาเพียง 1-2 ชั่วโมง ผมบอกได้เลยว่าไม่พอ เพราะพิพิธภัณฑ์ใหญ่มาก และมีอะไรให้ดูเยอะจริงๆ
Tip 1: ถ้าเป็นไปได้ ท่านควรจะย้อนกลับมาถ่ายรูปตัวพิพิธภัณฑ์/พระราชวังในเวลากลางคืนอีกครั้ง เพราะว่าเค้าจะเปิดไฟสปอตไลท์ที่ตัววัง ทำให้มันดูอลังการมากๆ ครับ น่าถ่ายรูปมากเลยทีเดียว
2. St. Issac Cathedral
St. Issac Cathedral เป็นมหาวิหารที่สำคัญที่สุดในเมือง St. Petersburg เพราะเป็นมหาวิหารแห่งแรกๆ ของเมืองนับตั้งแต่ซาร์ปีเตอร์มหาราชทรงสร้างเมืองแห่งนี้ขึ้น ตัวมหาวิหารอุทิศให้กับ St. Issac of Dalmatia นักบุญอุปถัมภ์ของซาร์ปีเตอร์มหาราชครับ สถาปัตยกรรมที่ใช้เป็นแบบ Neoclassical, Byzantine และ Greek ผสมผสานกันครับ
คุณสามารถสังเกตเห็นมหาวิหารได้จากระยะไกลจากโดมสีทองสุกปลั่งด้านบนของมหาวิหารนั่นเอง ตัวโดมถูกหุ้มด้วยทองคำแท้ ทำให้มีความสวยงามมาก คุณสามารถขึ้นไปชมวิวมุมสูงของเมืองจากด้านบนของมหาวิหารได้ด้วยนะครับ (แต่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มด้วยนะ)
ด้านในมหาวิหารถูกตบแต่งอย่างอลังการโดยศิลปินรัสเซียและตะวันตก คุณจะเห็นภาพเขียนที่ทรงคุณค่า รูปปั้นที่ตระการตา รวมไปถึงอัญมณีอันล้ำค่าที่ถูกทรงมาจากทั่วทั้งจักรวรรดิรัสเซีย ความสวยงามนี้จะทำให้คุณถ่ายรูปอยู่ด้านในได้นานนับชั่วโมงเลยครับ
3. Church of the Savior on Blood
Church of the Savior on Blood หรือที่คนไทยมักเรียกว่า “โบสถ์หยดเลือด” เป็นโบสถ์ที่สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 19 เพื่อระลึกถึงการจากไปของซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการปาระเบิดเข้าใส่ของพวกนักปฏฺิวัติ และสวรรคตในเวลาต่อมา ตัวโบสถ์ได้สร้างครอบจุดดังกล่าวเอาไว้ และตั้งอยู่ใกล้กับคลอง Griboyedov (หรือคลอง Catherine ในสมัยโรมานอฟ)
ต่างจากมหาวิหารอื่นๆ ในเซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก ตัวโบสถ์สร้างขึ้นโดยใช้สถาปัตยกรรมรัสเซียสมัยใหม่ ทำให้โบสถ์รูปร่างหน้าตาคล้ายกับมหาวิหารเซนต์เบซิล (St. Basil’s Cathedral) ในมอสโก
เมื่อคุณย่างก้าวเข้าไปในโบสถ์ คุณจะพบเห็นโมเสกอันสวยงามมากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นภาพของพระเยซูและนักบุญต่างๆ ในศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียนออโธดอกซ์ที่ชาวรัสเซียเคารพนับถือครับ จำนวนของโมเสกถือว่าเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยก็ว่าได้
นอกจากนี้ภายในมหาวิหารยังมีจุดที่ระลึกถึงการจากไปซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 2 ตั้งอยู่ด้วยครับ
4. Peterhof Palace
Peterhof Palace เป็นพระราชวังที่ใหญ่โตมากแห่งหนึ่งของรัสเซีย ซาร์ปีเตอร์มหาราชโปรดให้สั่งขึ้นโดยเลียนแบบพระราชวังแวร์ซายส์ที่พระองค์เคยเสด็จไปเยี่ยมเยือน ในยุคหลังๆ ซาร์แห่งรัสเซียและครอบครัวมักจะมาพำนักอยู่ที่นี่ในฤดูร้อน ตัวพระราชวังหันหน้าออกไปยังทะเล และมีลมเย็นๆพัดเข้ามาตลอดเวลาครับ
จุดเด่นของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้คือ “สวน” และ “น้ำพุ” ครับ ในช่วงเช้าและเย็นจะมีการแสดงโชว์เปิดและปิดน้ำพุ ที่นักท่องเที่ยวตั้งตารอคอยครับ
สำหรับสวนที่ Peterhof เป็นสวนที่สวยมากจริงๆ และมีหลายจุดมากที่น่าถ่ายรูป ใครที่ชอบถ่ายรูปน่าจะอยู่ที่ Peterhof นี่ได้เป็นวันเลยครับ
ส่วนในตัวพระราชวังก็ถือว่าสวยงามมาก แต่สิ่งที่คุณเห็นล้วนแต่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่ในช่วงหลังทั้งหมด ของเก่าถูกทำลายโดยกองทัพเยอรมันเกือบทั้งหมดในปี ค.ศ.1944 ครับ
ข้อควรทราบ:
- ภายในสวนของพระราชวังแห่งนี้ ห้องน้ำหายากและอยู่ไกลกันมาก ดังนั้นถ้าเจอห้องน้ำ ควรเข้าเอาชัวร์ไว้ก่อนครับ
- สวนของพระราชวังแบ่งออกเป็นสองด้าน คั่นกลางด้วยตัวพระราชวัง ตั๋วที่เราใช้เข้าออกสามารถใช้ได้ครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นถ้าออกจากสวนฝั่งนั้น เราจะกลับเข้าไปไม่ได้แล้ว นอกจากจะซื้อตั๋วใหม่ เพราะฉะนั้นระวังครับ
5. Catherine Palace
พระราชวังที่นักท่องเที่ยวแห่กันมาเยี่ยมชม เพราะว่าเป็นพระราชวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย ส่วนหนึ่งเพราะมันมีห้องที่เรียกว่า “ห้องอำพัน” (Amber Room) อยู่
Catherine Palace เป็นพระราชวังที่อยู่ที่เมือง Pushkin ซึ่งห่างออกมาจากเซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก 30-40 กิโลเมตร ท่านที่เดินทางไปเที่ยวเอง สามารถนั่งรถไฟ รถบัส หรือ แท็กซี่ออกไปได้จากเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กครับ
นักท่องเที่ยวที่มาพระราชวังแห่งนี้มากมายมหาศาลจริงๆ ทำใจไว้เลยครับ ว่าจะต้องรอคิวเป็นเวลานานมากๆ (อาจนานได้ถึง 5 ชั่วโมง กลางแดด) เพราะฉะนั้นเตรียมเสบียง ร่ม และน้ำให้พร้อมไว้ด้วยครับ นักท่องเที่ยวบางคนจะเอาเก้าอี้แบบพับได้ไปด้วย เพื่อการนี้เลยครับ
สาเหตุที่ทำให้พระราชวังแคทเทอรีนเป็นที่นิยมก็ห้อง Amber Room นี่แหละครับ มันคือห้องที่ขึ้นมาจากอำพัน และประดับประดาด้วยของมีค่าอย่างหรูหรา แต่ห้องที่เราเห็นด้านในคือห้องที่สร้างขึ้นมาใหม่นะครับ ห้องเก่าสูญหายไปแล้วในสมัยสงครามครับ
*** สำหรับท่านที่ติดตามเรื่อง วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ ใกล้กับพระราชวังแคทเทอรีนจะมีสวนขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ถ้าเราเดินในสวนนั้นไปเรื่อยๆ เราจะพบกับพระราชวังสีเหลืองที่มีขนาดเล็กกว่าพระราชวังแคทเทอรีน พระราชวังแห่งนี้คือพระราชวังอเล็กซานเดอร์ (Alexander Palace) พระราชวังที่ซาร์นิโคลัสที่ 2 ซาร์องค์สุดท้ายแห่งรัสเซียและครอบครัวใช้เป็นบ้าน และเป็นหนึ่งในสถานที่คุมขังก่อนที่ทุกคนจะถูกนำตัวไปยังทาบอสค์ และเยกาเตรินเบิร์กนั่นเอง
6. Peter and Paul Fortress
Peter and Paul Fortress เป็นป้อมปราการที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันการรุกรานของศัตรูที่อาจจะคุกคามเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กได้ แต่เมื่อเวลาผ่านไป มหาวิหารในป้อมปราการแห่งนี้เป็นสถานที่ฝังพระศพของซาร์และซาริซาแห่งรัสเซียทุกพระองค์หลังจากซาร์ปีเตอร์มหาราช ส่วนตัวป้อมปราการกลายสภาพเป็นคุกที่ใช้คุมขังนักโทษทางการเมือง
ไฮไลท์ของป้อมปราการแห่งนี้อยู่ที่ Peter and Paul Cathedral มหาวิหารสีเหลืองที่มีเสาสูง ที่นี่ใช้ฝังพระศพของซาร์และซาริซาแห่งรัสเซียทุกพระองค์ เมื่อเราเดินเข้าไปในวิหารเราจะพบกับที่ฝังศพดังกล่าว
บริเวณที่ถูกจัดไว้ในมหาวิหารเป็นพิเศษ และแยกจากของซาร์พระองค์อื่นอย่างชัดเจน คือ ที่ฝังพระศพของซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัว ร่างของทุกคนถูกย้ายมาฝังที่นี่จากเยกาเตรินเบิร์ก หลังจากได้รับการตรวจ DNA เสร็จสิ้นแล้วว่าเป็นของจริง (ซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวถูกปลงพระชนม์โดยพวกบอลเชวิค)
ไปเที่ยว St. Petersburg อย่างไรดี?
St. Petersburg สามารถเที่ยวเองได้ไม่ยากเลยครับ คุณสามารถเที่ยวที่นี่ในทริปเดียวกับที่ไปมอสโกได้ การเดินทางระหว่างทั้งสองเมือง คุณสามารถนั่งรถไฟความเร็วสูง (sapsan) ภายใน 3-4 ชั่วโมง คุณจะมาถึงเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กแล้วครับ
อย่างไรก็ตาม ผมแนะนำว่าคุณควรจะจองตั๋วเครื่องบินแบบ multi-city กล่าวคือบินไปลง St. Petersburg แล้วกลับจากมอสโก หรือสลับกันก็ได้ คุณจะได้ประหยัดค่ารถไฟ และได้เวลาเที่ยวเพิ่มขึ้นมามาก ตอนที่ผมไป ผมจองกับ Qatar Airways ซึ่งราคาไม่ต่างอะไรกับการบินไปกลับมอสโกเลยครับ
การไปเที่ยวกับทัวร์ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ โดยเฉพาะทัวร์ที่มีผู้เชี่ยวชาญเดินทางไปด้วย คุณจะได้รู้เรื่องราวและประวัติต่างๆ ของเมืองอย่างครบถ้วน ทัวร์ที่น่าพิจารณาได้แก่ udachi เป็นต้น
นอกจากนี้ ผมแนะนำให้ทุกคนอ่านบทความเรื่อง วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ หรือ ประวัติศาสตร์รัสเซียโดยรวมของ Victory Tale ก่อนเดินทางไปเที่ยวเซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก เพื่ออรรถรสในการเที่ยวชมสิ่งต่างๆ ของท่านเองครับ