Uncategorizedมหาสงครามฮั่น-ซงหนู ตอนที่ 3: การศึกโหมโรง

มหาสงครามฮั่น-ซงหนู ตอนที่ 3: การศึกโหมโรง

ความสัมพันธ์ระหว่างฮั่น-ซงหนูหลังจากที่ฮั่นเกาจู่ยินยอมที่จะดำเนินยุทธศาสตร์การแต่งงานนั้นเป็นไปแบบไม่ราบรื่น และอาจจะถึงกับเรียกว่าฝ่ายฮั่นอดทนขมกลืนรอเวลาที่เหมาะสมในการเปิดศึกใหญ่กับฝ่ายซงหนู สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะฝั่งซงหนูมักจะตระบัดสัตย์ นั่นคือถึงแม้ฝ่ายฮั่นจะยินยอมเรื่องการแต่งงานและจ่าย “ค่าไถ่” ในแต่ละปีจำนวนมหาศาลแล้ว พวกซงหนูก็ยังคงปล้นสะดมชายแดนฮั่นอยู่ดี

อย่างไรก็ดีในรัชกาลต่อจากนั้น ไม่ว่าจะเป็นฮั่นฮุ่ยตี้ ฮั่นเหวินตี้ และฮั่นจิ่งตี้ ราชสำนักฮั่นเผชิญกับปัญหาภายใน ตลอดจนยังไม่มั่นคงเพียงพอในการทำสงครามขนาดใหญ่กับอนารยชนที่มีกำลังกล้าแข็ง ดังนั้นจำต้องดำเนินนโยบายนี้ไปพลางก่อน

ทว่าในสมัยฮั่นหวู่ตี้นั้น ราชสำนักฮั่นได้หยั่งรากลึกในแผ่นดินจีน และแผ่นดินก็เริ่มมั่งคั่งร่ำรวยจากการบริหารอย่างถูกต้องมาสองรัชกาลติดต่อกัน ทำให้ฮั่นหวู่ตี้ทรงปรารภว่าถึงเวลาแล้วที่จะกำจัดหอกข้างแคร่อย่างพวกซงหนูให้ราบคาบเสียที ในปี 133 ก่อนคริสตกาล ฮั่นหวู่ตี้จึงทรงโปรดให้เตรียมกองทัพสามแสนคนเพื่อทำศึก

ความล้มเหลวที่หม่าอี้

ในราชสำนักฮั่นนั้นตกลงกันว่าจะเปิดฉากสงครามครั้งแรกด้วยกันล่อฉานหยี่ว์ของพวกซงหนูให้บุกรุกเข้ามาที่เมืองหม่าอี้ หลังจากนั้นก็ให้กองทัพทั้งหมดล้อมแล้วบดขยี้ให้ราบคาบ หลังจากสิ้นฉานหยี่ว์แล้ว พวกซงหนูน่าจะรบราฆ๋าฟันกันเองเพื่อแย่งชิงอำนาจ กองทัพฮั่นจะได้ทำการได้อย่างสะดวกโยธิน

แต่แผนนี้กลับล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพราะกองทัพฮั่นนั้น “ไม่เนียน” ให้ดูออกง่ายจนเกินไป อย่างเช่นปล่อยปศุสัตว์ไม่ให้ใครดูแลเลยสักคนเดียว ราวกับว่าให้เข้ามายึดดื้อๆ จนไปสะกิดความสงสัยของจวินเฉินฉานหยี่ว์ ประมุขของพวกซงหนู ท้ายที่สุดแล้วฉานหยี่ว์จึงให้คนไปจับกุมทหารฮั่นมาได้ และล่วงรู้แผนการทั้งหมด จวินเฉินฉานหยี่ว์จึงให้กองทัพซงหนูถอยทัพไปโดยไม่เสียทหารแม้แต่คนเดียว ส่วนหนึ่งเพราะกองทัพฮั่นนั้นใช้ทหารราบและรถม้าศึกซึ่งเชื่องช้า และไม่คล่องตัว ต่างจากทหารซงหนูที่เป็นทหารม้าทำให้ถอยไปได้ราวกับลมพัด

การซุ่มโจมตีที่ล้มเหลวนี้เปรียบเหมือนการประกาศสงครามกับอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นพวกซงหนูจึงเข้าปล้นสะดมเมืองชายแดนของราชสำนักฮั่นอย่างหนักหน่วง ฮั่นหวู่ตี้จึงโปรดให้พัฒนากองทัพม้าเป็นการใหญ่ เพื่อที่ครั้งหน้า กองทัพฮั่นจะได้ยาตราเข้าไปถึงฐานที่มั่นของพวกซงหนู นอกจากนี้ยังทรงเห็นว่าแม่ทัพคนเก่าๆ นั้นเชื่องช้า และยุทธวิธีก็ล้าสมัย ถ้าฝืนใช้ต่อไปคงจะไม่มีปัญญารบชนะพวกซงหนู เพราะฉะนั้นพระองค์จึงเริ่มให้ความสำคัญกับขุนศึกหน้าใหม่อย่างเว่ยชิง และฮั่วชี่ปิ้งที่จะเป็นกำลังสำคัญในภายภาคหน้า

ตีโต้พวกซงหนู

เวลาสามปีผ่านไปราวกับลมพัด ทหารม้าฮั่นกองใหม่ได้รับการฝึกฝนจนเป็นกองทัพที่เข้มแข็งกองหนึ่ง และเริ่มเป็นฝ่ายรุกบ้าง เว่ยชิงนำทหารม้า 10,000 นายบุกข้ามทะเลทรายเข้าตีเมืองที่พวกซงหนูใช้เป็นสถานที่ค้าขาย ปรากฏว่าพวกซงหนูไม่ทันระวังตัวจึงถูกสังหารหลายพันคน ปีต่อมาเว่ยชิงก็บุกเข้าตีซงหนูที่ตอนเหนือของด่านเยียนเหมินแตกพ่ายอีก

อย่างไรก็ดีการรุกของกองทัพฮั่นนั้นได้ทำให้พวกซงหนูตีตอบโต้ในหลายจุดด้วยกัน และฝ่ายฮั่นก็ปราชัยอยู่หลายครั้ง ซึ่งส่วนมากล้วนแต่เป็นความผิดพลาดของแม่ทัพอาวุโสคนเดิมๆ ฮั่นหวู่ตี้จึงยิ่งโปรดปรานเว่ยชิงยิ่งขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาได้กู้หน้าราชสำนักด้วยการทำลายหลงเฉิง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกซงหนู

โดยรวมแล้วสถานการณ์ในช่วงปี 129-127 ก่อนคริสตกาลจึงเป็นไปในลักษณะผลัดการรุกผลัดกันรับ แต่กองทัพฮั่นได้แสดงออกว่าไม่ได้อ่อนแอเหมือนเดิม และต่อสู้ในทะเลทรายได้สมน้ำสมเนื้อมากขึ้นยิ่งทำให้ฝ่ายซงหนูครั่นคร้าม เช่นเดียวกับทำให้ฝ่ายสนับสนุนสงครามในราชสำนักนั้นแข็งแกร่งขึ้น

ในปี 127 ก่อนคริสตกาล เว่ยชิงที่ได้รับการแต่งตั้งเป็นกวนเน่ยโหวได้นำกำลังทหารม้า 40,000 นายเข้าโจมตีพวกซงหนูอีก โดยคราวนี้เป้าหมายของดินแดนเหอเถ้าที่อุดมสมบูรณ์ของพวกซงหนู ซึ่งตามยุทธศาสตร์แล้วคือ ราชสำนักฮั่นต้องการทำลายเส้นทางเศรษฐกิจของพวกซงหนูทั้งหมด หลังจากนั้นจะได้เข้าบดขยี้อย่างสะดวกโยธิน

ปรากฏว่าการเคลื่อนไหวของเว่ยชิงนั้นทำให้พวกซงหนูไม่ทันได้ตั้งตัว กองทัพม้าฝ่ายฮั่นจึงเข้าล้อมกองทัพซงหนูภายใต้การนำของเจ้าชายซงหนูสองคนไว้โดยรอบ และกวาดล้างจนสิ้นซาก กองทัพฮั่นสังหารพวกซงหนูไปหลายพันคน และจับกุมได้อีกจำนวนมากโดยแทบไม่เสียกำลังทหารเลย นอกจากนี้ยังยึดปศุสัตว์ที่พวกซงหนูเลี้ยงไว้อีกล้านกว่าตัว

หลังจากนั้นราชสำนักฮั่นให้ได้สร้างเมืองและป้อมปราการขึ้นที่นี่ชื่อว่าเมืองชั่วฟัง เพื่อป้องกันไม่ให้พวกซงหนูกลับมายึดที่นี่ไว้ได้โดยง่าย หลังจากนั้นฝ่ายฮั่นจึงใช้เมืองนี้เป็นฐานส่งกำลังในการทำศึกกับพวกซงหนู

ซงหนูปราชัยครั้งใหญ่

การสูญเสียเขตเหอเถ้านั้นเป็นหายนะทางยุทธศาสตร์ของซงหนู ดังนั้นฉานหยี่ว์จึงโปรดให้โย่วเสียนหวางนำกองทัพใหญ่ยกไปกวาดล้างทหารฮั่นออกไปจากบริเวณดังกล่าว แต่ข่าวคราวนั้นกลับรู้ไปถึงหูเว่ยชิงที่ตั้งทัพอยู่ที่ชายแดนที่ห่างไกล เว่ยชิงจึงตัดสินใจทำสิ่งที่เสี่ยงที่สุดอย่างที่ไม่มีพวกซงหนูคาดเดาได้ นั่นคือนำกองทัพม้าสามหมื่นคน ควบม้าตลอดคืนเข้าโจมตีพวกซงหนูที่กำลังมุ่งหน้าไปยังเมืองชั่วฟัง

เมื่อกองทัพม้าของเว่ยชิงมาถึงก็เห็นพวกซงหนูอยู่ในค่ายและไม่ได้เตรียมการป้องกันเลย ดังนั้นเว่ยชิงจึงสั่งให้ทหารเข้าโจมตี พวกซงหนูนั้นสุดกำลังที่จะต้านทานได้ทำให้เสียทหารไปจำนวนมาก โย่วเสียนหวางนั้นต้องหนีตายไปอย่างไม่คิดชีวิตทิ้งทหารนับหมื่นให้ฝ่ายฮั่นจับกุม เช่นเดียวกับยุทธปัจจัย ปศุสัตว์ และเสบียงอีกเหลือคณานับ

ชัยชนะของเว่ยชิงนั้นทำให้ฮั่นหวู่ตี้ฮึกเหิม พระองค์โปรดให้เว่ยชิงขึ้นเป็นแม่ทัพใหญ่ควบคุมฝ่ายทหารทั้งหมด หลังจากนั้นก็ให้เตรียมการยกไปตีซงหนูครั้งใหญ่ ฝ่ายซงหนูที่เห็นการคุกคามอย่างรุนแรงของราชสำนักฮั่นจึงเตรียมการย้ายฐานกำลังของพวกตนขึ้นเหนือ

แน่นอนว่าฮั่นหวู่ตี้ยังคงไม่พอพระทัย ในปี 123 ก่อนคริสตกาล เว่ยชิงจึงได้นำกองทัพยกไปตีซงหนูอีกครั้ง โดยครั้งนี้เขามาพร้อมฮั่วชี่ปิ้ง หลานชายวัย 18 ปีของตนที่ติดตามมาเป็นทหารในกองทัพด้วยเป็นครั้งแรก

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!