ไครเมีย (Crimea, Крым) เป็นดินแดนที่มีกรณีพิพาทระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากปี ค.ศ.2014 ดินแดนแห่งนี้อยู่ในการปกครองของรัสเซียโดยพฤตินัย แม้ประเทศส่วนใหญ่จะยังไม่ยอมรับก็ตาม ดังนั้นการจะเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้ได้ต้องผ่านรัสเซียเท่านั้น (ณ เดือนกรกฏาคม ค.ศ.2019)
ดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนที่มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งด้านวัฒนธรรมและธรรมชาติ สำหรับท่านที่ติดตามเรื่อง วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟมา ท่านน่าจะได้ทราบแล้วว่า ครอบครัวโรมานอฟปรารถนาอย่างมากที่จะย้ายมาอยู่ที่น
ไครเมียมีอะไรดีกันแน่ ติดตามได้ในโพสนี้เลยครับ
แนะนำไครเมีย
ไครเมียเป็นคาบสมุทรที่อยู่ติดกับทะเลดำ และอยู่ทางใต้ของรัสเซีย (ตามรูปด้านล่าง) ไครเมียมีพื้นที่ 27,000 ตารางกิโลเมตร และมีเมืองหลวงอยู่ที่เมือง Simferopol

ด้วยความที่อยู่ทางใต้ของรัสเซีย และมีละติจูดใกล้เคียงกับอิตาลี ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆ ในแถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำให้ไครเมียมีอากาศที่อบอุ่น ฤดูหนาวของไครเมียก็ไม่หนาวจัดสักเท่าใดนัก
นอกจากนี้ภูมิประเทศของไครเมียยังหลากหลายมาก ไครเมียมีทั้งยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม และชายหาดสีฟ้าอมเขียวอันงดงาม ภูมิประเทศและภูมิอากาศลักษณะนี้ทำให้ไครเมียเป็นสถานที่พักผ่อนของชาวรัสเซียมานานหลายร้อยปีแล้ว
ประวัติศาสตร์ของไครเมียยาวนานมากตั้งแต่สมัยยุคกรีก-โรมัน แต่ความรุ่งเรืองของดินแดนแถบนี้เกิดขึ้นสูงสุดเมื่อ ไครเมียมีอาณาจักรเป็นของตนเอง หรือที่เรียกว่า รัฐข่านไครเมีย (Crimean Khanate) อาณาจักรแห่งนี้เป็นอาณาจักรของชาวตาตาร์ที่มีอายุนานกว่าสามร้อยปี (ค.ศ.1441-1783) จนกระทั่งถูกรัสเซียพิชิตได้ในเวลาต่อมา
ชาวตาตาร์ท้องถิ่นที่เคยอาศัยอยู่แถบนี้ถูกรัฐบาลโซเวียตบังคับให้ย้ายถิ่นไปอยู่ที่เอเชียกลางจำนวนมากในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 แม้จะมีการย้ายถิ่นกลับมาบ้างหลังสหภาพโซเวียตล่มสลาย ชาวตาตาร์ที่เป็นชาวท้องถิ่นของไครเมียจึงเหลือแค่เพียง 12% เท่านั้นของประชากรในไครเมียทั้งหมด
เรามาดูกันดีกว่าครับว่า ไครเมียมีอะไรเด่นๆน่าเที่ยวบ้าง
1. Livadia Palace
พระราชวังลิวาเดีย (Livadia Palace) เป็นพระราชวังที่อยู่ที่เมืองลิวาดียา (Livadiya) ใกล้กับเมืองยัลตา (Yalta) เมืองสำคัญในไครเมีย

พระราชวังแห่งนี้เป็นพระราชวังที่ครอบครัวโรมานอฟรักมากที่สุด ทุกคนมักจะเดินทางมาที่นี่ยามต้องการจะพักผ่อน และรับลมทะเล โดยเฉพาะในฤดูร้อน สถานที่แห่งนี้จึงเกี่ยวพันอย่างมากต่อราชวงศ์โรมานอฟ ซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 หมดลมหายใจที่นี่ ส่วนซาร์นิโคลัสที่ 2 และครอบครัวหวังว่าจะได้มาอยู่ที่นี่หลังจากที่ความวุ่นวายทางการเมืองจบสิ้นลงแล้ว แต่ทุกอย่างก็เป็นแค่ความฝันเพราะทุกคนจากไปที่บ้านอิปาตเยฟในปี ค.ศ.1918
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง พระราชวังลิวาเดียเป็นสถานที่ที่ผู้นำฝ่ายพันธมิตรอย่าง รูสเวลต์และเชอร์ชิลล์มาพบกับสตาลินในการประชุมที่เรียกว่า Yalta Conference ในปี ค.ศ.1945
พระราชวังลิวาเดียในปัจจุบันมีสถานะเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เปิดให้เข้าชมได้ ตัวพิพิธภัณฑ์สร้างขึ้นจากแกรไนต์ไครเมียสีขาวในรูปแบบนีโอเรอแนซองส์ จุดเด่นของพระราชวังแห่งนี้คือภายในถูกตบแต่งหลายรูปแบบ ตั้งแต่แบบอาระเบีย แบบบารอค ทำให้แต่ละห้องมีความหลากหลายที่น่าสนใจมาก
2. Khan’s Palace
พระราชวังข่าน (Khan’s Palace) หรือ พระราชวัง Bakhchisaray (เรียกสั้นๆ ว่า Han Saray) เป็นพระราชวังที่ตั้งอยู่ที่เมือง Bakhchysarai ในไครเมีย ตัวพระราชวังสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 16 เพื่อเป็นที่พักอาศัยของข่านแห่งไครเมีย ดังนั้นมันจึงมีศิลปกรรมแบบไครเมียตาตาร์ดั้งเดิม ต่างจากพระราชวังลิวาเดียที่มีกลิ่นอายของศิลปะตะวันตกอยู่มาก

ภายในพระราชวังมีอาคารมากมาย ตั้งแต่ฮาเร็มของข่าน ห้องบรรทม หรือห้องพักผ่อน แต่ที่น่าตื่นตาตื่นใจมากที่สุดน่าจะเป็นมัสยิดในพระราชวังแห่งนี้ เพราะว่าเป็นมัสยิดที่ใหญ่และเก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในไครเมีย และมันถูกสร้างขึ้นด้วยศิลปะพื้นเมืองที่หาชมที่อื่นได้ยาก นอกจากนี้ในบริเวณโดยรอบมัสยิดยังมีสวนที่ควรค่าแก่การถ่ายรูปด้วย
หาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่
3. Sudak Genoese Fortress
ป้อมปราการเจนัวที่ Sudak (Sudak Genoese Fortress) เป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่เมือง Sudak เมืองพักตากอากาศชื่อดังของไครเมีย ตัวป้อมปราการนี้เก่าแก่มาก เพราะสร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 6-7 โดยชาวไบแซนไทน์ แต่ในเวลาต่อมาชาวเจนัวได้สร้างอาณานิคมขึ้นมาในดินแดนแถบนี้ และได้บูรณะและเสริมสร้างป้อมปราการให้แข็งแรงขึ้น สิ่งก่อสร้างที่เหลือมาถึงทุกวันนี้ส่วนใหญ่คือ สิ่งที่พวกเจนัวสร้างขึ้นมานั่นเอง

ทิวทัศน์ที่บริเวณป้อมปราการส่วนมาก เพราะด้านหนึ่งเป็นภูเขา ส่วนอีกด้านหนึ่งเป็นทะเลน้ำเงินใส ถ้ามองจากป้อมปราการแล้วจะเห็นวิวโดยรอบอย่างชัดเจน
4. Swallow’s Nest
Swallow’s Nest เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปมากที่สุดแห่งหนึ่งในไครเมีย มันตั้งอยู่ที่เมืองเล็กๆ ชื่อ Gaspra ที่มีชื่อเสียงเรื่องการให้บริการสปาสำหรับสุขภาพมานานนับร้อยปีแล้ว
ลักษณะของ Swallow’s Nest เป็นปราสาทเล็กๆ ที่สร้างขึ้นบนหน้าผาสูง 40 เมตรชื่อ Aurora Cliff ตัวปราสาทไม่เก่าแก่มากนักเพราะสร้างขึ้นได้ร้อยกว่าปีนี้เอง เพื่อเป็นที่พักผ่อนให้กับนักธุรกิจชาวเชื้อสายเยอรมันคนหนึ่ง

จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้คือนักท่องเที่ยวสามารถมองออกไปแหลม Ai-Todor และเห็นวิวทะเลดำแบบพาโนรามาได้แบบ 180 องศา ปัจจุบันภายในปราสาทมีร้านอาหารอิตาเลียนเปิดอยู่ร้านหนึ่ง ให้นักท่องเที่ยวได้เข้าไปรับประทานและชมวิวได้
Swallow’s Nest เป็นจุดเด่นสำคัญอย่างหนึ่งของไครเมีย และเป็นฉากหลังในภาพยนตร์โซเวียตหลายครั้ง สถานที่แห่งหนึ่งจึงพลาดไม่ได้ถ้าท่านใดได้มาเยี่ยมเยือนที่นี่
5. Chufut Kale และเมืองถ้ำอื่นๆ
Chufut Kale เป็นเมืองถ้ำ หรือถ้ำที่มีการขุดเจาะเป็นที่อยู่อาศัยจำนวนมาก เมืองถ้ำแห่งนี้เก่าแก่มาก นักประวัติศาสตร์ยังไม่แน่ชัดว่ามันมีอายุเท่าไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆ มันมีอายุนานหลายร้อยปี หรืออาจจะมากกว่าหนึ่งพันปีด้วยซ้ำไป ผู้คนนับพันคนเคยอาศัยที่นี่อยู่เป็นเวลานาน และสร้างที่อยู่อาศัยด้วยการเจาะเข้าไปในถ้ำ แต่สุดท้ายพวกเขาก็ทิ้งที่นี่ไปในช่วงศตวรรษที่ 19

ภายในถ้ำเหลือร่องรอยไม่มากนัก ส่วนมากเหลือแต่บริเวณที่พอจะมองออกว่าเคยมีผู้คนอาศัยอยู่ในนี้ และยังมีสุสานและวิหารเล็กๆที่แสดงร่องรอยของวัฒนธรรมเดิมๆ เอาไว้
นอกจาก Chufut Gale แล้วภายในไครเมียยังมีเมืองถ้ำอีก 14 แห่ง ซึ่งเคยเป็นที่อยู่อาศัยของคนโบราณเช่นกัน
Chufut Kale สามารถเดินไปได้จากเมือง Bahkchisaray แต่ต้องใช้ความสามารถในการเดินไม่น้อย เพราะเส้นทางไม่ดีเท่าไรนัก
6. อารามถ้ำ
อารามถ้ำที่น่าสนใจในไครเมียมีอยู่สองแห่งนั่นก็คือ Inkerman Cave Monastery ที่เมือง Inkerman และ Uspensky Cave Monastery ที่ Bahkchisaray

อารามทั้งสองเก่าแก่ทั้งคู่และเป็นสถานที่ทางศาสนาของชาวคริสต์มาตั้งแต่โบราณ (บ้างว่าตั้งแต่ศตวรรษที่ 8) ภายในอารามก็ไม่ได้ต่างกับโบสถ์อื่นทั่วไป แต่ที่แปลกคือมันถูกสร้างในถ้ำนั่นเอง
7. Chersonesus
Chersonesus เป็นซากอาณานิคมกรีกเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมือง Sevastopol ในไครเมีย มันมีอายุมากกว่า 2,600 ปี (สร้างตั้งแต่ 600-700 ปีก่อนคริสตกาล) ทำให้เป็นโบราณสถานที่เก่าแก่ที่สุดในไครเมียเลยก็ว่าได้

ในปัจจุบันโครงสร้างหลายๆ อย่างของเมืองยังหลงเหลืออยู่อาทิเช่น เสาหินแบบกรีก หรือกำแพงโบราณ นอกจากนี้ยังมีสิ่งของปลีกย่อยที่ถูกค้นพบอีกมากถึง 200,000 ชิ้น
ปัจจุบันรัฐบาลรัสเซียอนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ สถานที่นี้จึงเป็นที่นิยมมากที่สุดที่หนึ่งในไครเมีย
8. Marble Caves และ Mammoth Cave
Marble Caves หรือชื่อในภาษารัสเซียว่า Мра́морная пещера (Mramornaya peshera) เป็นหนึ่งในถ้ำในมีชื่อเสียงมาก และได้รับการขนานนามบ่อยครั้งว่าเป็นถ้ำที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ถ้ำแห่งนี้เป็นถ้ำที่มีผู้เข้าชมมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรป (ก่อนจะมีความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน)

ตัวถ้ำเพิ่งจะมีการค้นพบเพียง 30 ปีที่ผ่านมานี้เอง ตัวถ้ำค่อนข้างใหญ่ และใช้เวลาเดินทั้งหมดประมาณ 80 นาที
ใกล้ๆ กับ Marble Caves มีถ้ำใหญ่อีกถ้ำหนึ่งเรียกว่า Mammoth Cave (Emine-Bair-Khosar, Эмине-Баир-Хосар) จุดเด่นของถ้ำนี้คือ มันมีซากสัตว์ยุคก่อนประวัติศาสตร์อยู่ข้างใน อาทิเช่น ช้างแมมมอธเป็นต้น

ถ้ำนี้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมเพียง 1 ใน 3 เท่านั้น แต่เท่าที่ให้ชมก็ใช้เวลาเดินทั้งหมดประมาณ 90 นาทีแล้ว
โดยทั่วไปแล้ว นักท่องเที่ยวมักจะไปถ้ำทั้งสองในทริปเดียว เพราะจะได้ชมความงามภายในถ้ำอย่างเต็มอิ่ม การเดินทางไปถ้ำทั้งสองนี้ค่อนข้างยากเพราะว่ามันอยู่ระหว่างเมือง Simferopol และ Alushta การจะเดินทางไปต้องใช้รถยนต์ ดังนั้นนักท่องเที่ยวมักจะซื้อทัวร์ไปถ้ำทั้งสองมากกว่า
9. Bataklava Naval Museum
นอกจากเมือง Bataklava จะมีอ่าวที่สวยงามชื่อ Bataklava Bay แล้ว เมืองแห่งนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์แห่งหนึ่งที่น่าสนใจมาก

พิพิธภัณฑ์ดังกล่าวเคยเป็นฐานทัพเรือดำน้ำโซเวียตมาก่อน ตัวฐานทัพนี้ถูกสร้างอย่างดีใต้ดินให้ทนต่อแรงระเบิดนิวเคลียร์ได้ นอกจากมันจะถูกใช้เก็บและซ่อมแซมเรือดำน้ำแล้ว มันยังเคยใช้เป็นที่ฝึกปลาโลมาเพื่อวัตถุประสงค์ทางทหารด้วย
ทุกวันนี้สิ่งของภายในที่น่าสนใจก็มีหลายอย่าง เช่นลานปล่อยเรือดำน้ำ และรถขนกับระเบิดเป็นต้น
10. Black Sea
ด้วยความที่ไครเมียติดกับทะเลดำถึงสามด้าน การท่องเที่ยวแบบสบายๆจึงเป็นหนึ่งในรายได้หลักของที่นี่ ทั่วทั้งไครเมียมีรีสอร์ทมากมาย และมีหาดที่มีชื่อเสียงเช่น หาด Tsarsky หรือ หาดซาร์ อันเป็นหาดที่พวกชนชั้นสูงไฮโซมักจะมาจิบแชมเปญชมวิวเงียบๆ ที่นี่ตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว

สำหรับท่านใดที่ชอบดำน้ำ สามารถไปดำได้ที่แหลม Tarkhankut (Tarkhannut Cape) ใต้ทะเลของที่นี่มีเรือมากมายที่จมอยู่ตั้งแต่สมัยโบราณ จนเรียกได้ว่าเป็นสุสานเรือเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ทะเลบริเวณนั้นยังสวยมากด้วย
บทส่งท้าย
ทั้งนี้ไครเมียยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งที่น่าสนใจ ไว้โอกาสหน้าผมจะมานำเสนอใหม่ครับ