รัชสมัยของซาร์นิโคลัสที่ 2 เพื่อนรักของซานโดรผ่านไปอย่างรวดเร็ว ความขัดแย้งของซานโดรกับแกรนด์ดยุคที่สูงวัยกว่า หัวเก่ามากกว่าเพิ่มมากขึ้นทุกที ซานโดรรู้สึกเสียใจที่นิโคลัสไม่ได้เชื่อเขาเท่ากับเหล่าแกรนด์ดยุคอาวุโส ทำให้เขาเลือกที่จะปลีกตัวจากราชสำนักรัสเซียอยู่เนืองๆ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เขาได้ทราบข่าวความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่น เขาเดินทางไปหานิโคลัสเพื่อสอบถามเรื่องนี้
เส้นทางสู่สงคราม
ซานโดรถามนิโคลัสว่า เขาต้องการจะทำสงครามกับญี่ปุ่นหรือ? ซานโดรเสนอว่าถ้าเขาจะทำสงครามกับญี่ปุ่น นิโคลัสควรจะสร้างทางรถไฟสายทรานส์ไซบีเรียให้เสร็จ ส่งกองทัพที่มีฝีมือไปยังไซบีเรียตะวันออก และนำกองเรือที่ทันสมัยไปยังมหาสมุทรแปซิฟิกด้วย
นิโคลัสส่ายหัวและกล่าวว่าเขาไม่ต้องการทำสงครามกับญี่ปุ่นเลย แม้ว่านิโคลัสจะไม่ต้องการ ซานโดรเล่าว่าซาร์แห่งรัสเซียผู้นี้ไม่สามารถขัดขวางทูตรัสเซียบางคนที่พยายามจะผนวกส่วนหนึ่งเกาหลีเข้าเป็นของรัสเซียได้
ซานโดรมองการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการยั่วยุญี่ปุ่น และสงครามระหว่างรัสเซียกับญี่ปุ่นจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ตัวซานโดรพยายามหยุดยั้งการกระทำดังกล่าวแต่ก็ไม่เป็นผล
ในเรื่องของกองทัพเรือ ซานโดรเองก็ขัดแย้งกับแกรนด์ดยุคอเล็กซิส อาของนิโคลัสด้วย ตัวเขาพยายามจะเสนอให้รัสเซียปฏิรูปอุตสาหกรรมน้ำมัน และกองทัพเรือ แต่แกรนด์ดยุคอเล็กซิสและพวกหัวเก่าคนอื่นๆ ต่างโจมตีซานโดรว่าเป็นพวกสังคมนิยม เป็นพวกนักปฏิวัติ ทำให้แผนดังกล่าวของซานโดรไม่ถูกนำไปใช้อย่างน่าเสียดาย
ในช่วงปี ค.ศ.1903 ซานโดรคาดว่าสงครามกับญี่ปุ่นจะเกิดขึ้นในไม่ช้า เขาจึงเสนอให้นิโคลัสพัฒนาป้อมต่างๆ ของรัสเซียในดินแดนตะวันออกไกลโดยด่วน เพราะกองทัพญี่ปุ่นแข็งแกร่งมาก
นิโคลัสกลับไม่เชื่อซานโดร เขาเลือกที่จะเชื่อ Kouropatkin รัฐมนตรีกระทรวงสงครามของเขาว่าที่มั่นฝ่ายรัสเซียแข็งแกร่งดีแล้ว
ว่ากันตามตรงนิโคลัสมีเหตุผลที่จะทำเช่นนั้น แม้ซานโดรจะอยู่ในกองทัพเรือ และอยู่ที่ญี่ปุ่นมานาน แต่ในเรื่องสงครามแล้ว ซานโดรไม่มีประสบการณ์เท่ารัฐมนตรีกระทรวงสงครามอย่างแน่นอน
ภายในเวลาไม่นาน ซานโดรก็ถามนิโคลัสอีกครั้งหนึ่งว่าจะทำสงครามกับญี่ปุ่นหรือไม่ นิโคลัสปฏิเสธ ซานโดรจึงถามขึ้นว่า
เราจะป้องกันไม่ให้ฝ่ายญี่ปุ่นประกาศสงครามอย่างไร นอกเสียจากฝ่ายเรายอมรับข้อเสนอของพวกเขา
นิโคลัสได้แต่ตอบว่า ฝ่ายญี่ปุ่นคงจะไม่กล้าประกาศสงครามกับรัสเซียหรอก ไม่ต้องสงสัยนิโคลัสตอบตามที่เขาได้รับรายงานจากเสนาบดีและแม่ทัพทั้งหลายที่ดูถูกฝ่ายญี่ปุ่น
ซาร์แห่งรัสเซียไม่รู้เลยว่าเสนาบดีและพวกแม่ทัพเหล่านี้ประเมินศักยภาพของญี่ปุ่นต่ำเกินไปมาก
สงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น
การตัดสินใจของนิโคลัสที่จะเชื่อพวกเสนาบดีและแม่ทัพได้รับการพิสูจน์ว่าผิดพลาดโดยสิ้นเชิง กองทัพญี่ปุ่นเปิดฉากโจมตีกองทัพรัสเซียโดยที่ไม่ได้ประกาศสงคราม
ซานโดรที่กำลังพักผ่อนอยู่ที่ฝรั่งเศสจึงรีบกลับมายังรัสเซียทันที เขามาหานิโคลัสเพื่อขออนุญาตให้เขาเดินทางไปยังพอร์ตอาเธอร์ ที่มั่นสำคัญของฝ่ายรัสเซียที่กองทัพญี่ปุ่นกำลังโจมตีอย่างหนักอยู่
นิโคลัสปฏิเสธที่จะให้ซานโดรเดินทางไป เขาอ้างว่าเขาต้องการประสบการณ์ของซานโดรที่เซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก แต่ซานโดรทราบในภายหลังว่า ซาริซามาเรีย และเซเนียได้ขอนิโคลัสไว้ล่วงหน้าไม่ให้ซานโดรไปยังที่สมรภูมิ เพราะทั้งสองเกรงว่าซานโดรจะเป็นอันตราย
ด้วยเหตุนี้ซานโดรจึงไม่ได้เดินทางไปยังสมรภูมิแต่อย่างใด เขาใช้เวลาสร้างกองเรือพิเศษขึ้นมาเพื่อที่จะขนอาวุธและเสบียงไปสนับสนุนที่แนวหน้าโดยปลอมแปลงเป็นเรือสินค้า ทำให้ชาติอื่นไม่ระแวงสงสัย
แต่ทว่าในเวลาต่อมาการกระทำของเขาถูกทูตต่างชาติคัดค้านว่ายั่วยุอังกฤษและเยอรมนี ทำให้ซานโดรต้องยกเลิกโครงการของเขาไปอีก
สิ่งสุดท้ายที่ซานโดรพยายามทำในสงครามครั้งนี้คือ เขาพยายามยับยั้งไม่ให้กองเรือบอลติกเดินทางอ้อมโลกเพื่อไปช่วยเหลือพอร์ตอาเธอร์ ซานโดรเกือบจะประสบความสำเร็จ แต่สุดท้ายนิโคลัสถูกครอบงำโดยแนวคิดของผู้ใหญ่ในกองทัพอีกครั้ง กองทัพเรือรัสเซียถูกส่งไปและถูกญี่ปุ่นทำลายย่อยยับในสมรภูมิแห่งซูชิมา
การเสนอคำแนะนำแต่ไม่ได้ถูกนำไปใช้เลยทำให้ซานโดรหมดอาลัยตายอยากกับการทำงานในราชสำนัก เขาลาออกจากตำแหน่งสำคัญๆ ทั้งหมดและไปใช้ชีวิตอยู่ที่ไครเมียกับครอบครัวนานอยู่พักใหญ่ๆ อย่างไรก็ตามซานโดรยังดำรงตำแหน่งในกองทัพเรือที่เขารักที่สุดเอาไว้อยู่
จนกระทั่งวันหนึ่ง
การปฏฺิวัติแห่งปี ค.ศ.1905
หลังเหตุการณ์วันอาทิตย์เลือด รัสเซียอยู่ในห้วงของการปฏฺิวัติ ซานโดรที่ปราศจากตำแหน่งในรัฐบาลแล้วจึงไม่มีบทบาทสักเท่าใดนัก เหตุการณ์มากมายผ่านสายตาของซานโดรไป ไม่ว่าจะเป็นการจากไปของแกรนด์ดยุคเซอร์เกย์ที่เขาเกลียดชัง การประกาศ October Manifesto ของนิโคลัส การจัดตั้งสภาดูมา และการลุกฮือของประชาชนทั่วทั้งจักรวรรดิรัสเซีย
ตลอดช่วงเวลานี้ซานโดรใช้ชีวิตอยู่เงียบๆกับสองสิ่งที่เขารักที่สุด นั่นคือครอบครัวและกองทัพเรือ เขาไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เขารักที่สุดสิ่งหนึ่งกำลังจะทรยศเขาในไม่ช้า
สิ่งที่ว่าคือ กองทัพเรือ! ที่เหล่ากะลาสีและทหารเรือได้รับกระแสแห่งการปฏิวัติเข้าไปเต็มๆ
ในวันหนึ่ง ระหว่างที่ซานโดรเดินทางมาเยี่ยมบุตรชายของเขาที่เจ็บปวดอยู่ที่กัตชินา ซานโดรได้รับโทรเลขว่าพวกลูกเรือของเขากำลังวางแผนที่จะลุกฮือต่อต้านรัฐบาลซาร์และจับเขาเป็นตัวประกัน เมื่อเขาเดินทางกลับไป นิโคลัสที่ได้ทราบเรื่องแล้วจึงปฏิเสธที่จะให้ซานโดรเดินทางกลับไปยังเรือของเขา เพราะเขากลัวว่าซานโดรจะเป็นอันตราย และไม่สามารถเสี่ยงด้วยการให้
สมาชิกของราชวงศ์ไปอยู่ในกำมือของพวกนักปฏิวัติ
ข่าวดังกล่าวทำให้ซานโดรถึงกับเข่าอ่อน ตัวซานโดรเองไม่มีพละกำลังที่จะโต้แย้งอีกต่อไป เขารู้สึกเสียใจมากที่เหล่าทหารเรือและกะลาสีที่เขารักพยายามจะทรยศเขา เขารู้สึกว่าที่ผ่านมาเขาอุทิศทุกสิ่งให้กับกองทัพเรือและปฏิบัติกับทุกคนเป็นอย่างดี ทำไมเรื่องเช่นนี้ถึงเกิดขึ้นได้
ในใจของซานโดรจึงรู้สึกหดหู่อย่างยิ่ง เขาเล่าว่าในวันนั้นเขาต้องการออกจากรัสเซียโดยเร็วที่สุด เพราะไม่อาจทนกับความรู้สึกเหล่านี้อีกต่อไปได้ ซานโดรจึงขอนิโคลัสให้อนุญาตเขาออกไปพักผ่อนกับครอบครัวที่ต่างประเทศ นิโคลัสเหมือนจะทราบความรู้สึกของซานโดร ทำให้นิโคลัสอนุญาตให้ซานโดรไปได้ตามความปรารถนา
ปีนั้นเป็นปี ค.ศ.1906 ซานโดรหวังว่าการไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ จะทำให้เขาลืมเรื่องร้ายๆ ได้เสียที
เรื่องนี้เป็นส่วนเสริมของเรื่อง วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ
หนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่