ย้อนก่อนที่ฮั่นเกาจู่จะยกทัพไปตีซงหนูเสียเล็กน้อย พวกซงหนูนั้นได้แข็งแกร่งขึ้นจากการรวมตัวกันขึ้นเป็นสหพันธ์ภายใต้การนำของโม่ตู๋ฉานหยี่ว์ หลังจากนั้นประมุขของชาวซงหนูผู้นี้ก็ได้ฉวยโอกาสที่ราชวงศ์ฉินล่มสลาย และแผ่นดินจีนอยู่ในการแย่งชิงระหว่างเซี่ยงอวี่และหลิวปัง เข้าตีดินแดนจีนทั้งหมดที่อยู่นอกกำแพงเมืองจีนที่ฉินสื่อหวงตี้โปรดให้สร้างขึ้น
การรุกของพวกซงหนูนั้นปราศจากการต่อต้าน เพราะว่าแผ่นดินจีนยังไม่สงบ ทำให้ต้องสะสางเรื่องภายในก่อน แต่ในปี 200 ก่อนคริสตกาล แผ่นดินจีนได้รวมเป็นหนึ่งแล้วในกำมือของฮั่นเกาจู่ เพราะฉะนั้นพระองค์จึงปรารถนาที่จะตอบแทนพวกซงหนูบ้าง
กองทัพใหญ่ของถูกจัดเตรียมขึ้นด้วยกำลังทหารมากกว่า 320,000 คน ซึ่งเป็นการศึกครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ยุทธการที่ไกเซี่ยที่ปราบปรามเซี่ยงอวี่เลยทีเดียว อย่างไรก็ดีกองทัพฮั่นนั้นไม่มีแม่ทัพอย่างหานสิ้นเหมือนอย่างครั้งที่ผ่านมา เพราะว่าหานสิ้นถูกปลดออกจากตำแหน่งไปแล้วเรียบร้อย
ฝ่ายโม่ตู๋ฉานหยี่ว์นั้นก็ให้เตรียมกำลังเช่นกัน และแน่นอนว่าต้องการชัยชนะไม่แพ้ฝ่ายฮั่น เนื่องจากพระองค์ต้องการกำราบพวกกลุ่มอำนาจซงหนูเผ่าต่างๆ และเพื่อแสดงออกว่าพระองค์สามารถต่อสู้กับศัตรูของซงหนูได้อย่างไม่มีใครเทียบเท่า
การลวงของซงหนู
ฝ่ายซงหนูนั้นเป็นฝ่ายรุกก่อนด้วยการเข้าตีเมืองม่ายเฉิง ป้อมปราการหลักในแนวป้องกันของฝ่ายฮั่น และตีได้ได้สำเร็จ ทำให้ฮั่นเกาจู่ต้องส่งกองทัพใหญ่เข้าตีพวกซงหนู ซึ่งพวกซงหนูทำเป็นล่าถอยไป กองทัพฮั่นขนาดใหญ่จึงล่วงแดนซงหนูออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความฮึกเหิม
ภูมิประเทศของพวกซงหนูนั้นเป็นทะเลทราย ทำให้บริเวณโดยรอบไม่มีน้ำเลย และในเวลานั้นก็เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ภูมิอากาศโดยรอบยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ การติดตามศัตรูของฝ่ายฮั่นนั้นเริ่มประสบความยากลำบาก เพราะทหารขาดเครื่องนุ่งห่มที่เพียงพอ แถมทหารฮั่นส่วนใหญ่ยังเป็นทหารราบ การเคลื่อนที่ย่อมช้ากว่าทหารซงหนูที่เป็นทหารม้าโดยธรรมชาติอยู่แล้ว
แม้ว่าสถานการณ์ตอนนั้นจะไม่ดีเท่าไรนัก แต่กองทัพฮั่นกลับยังไล่ติดตามไป ส่วนหนึ่งเพราะโม่ตู๋เองที่ให้ทหารหลีกหนีการโจมตี และล่อให้ศัตรูเข้ามาติดกับในนรกทะเลทรายของตนเองลึกเข้าไปตามลำดับ
เมื่อเห็นว่ากองทัพฮั่นทั้งหมดเข้ามาในกับดักของตนแล้ว โม่ตู๋ฉานหยี่ว์จึงเป็นฝ่ายเข้าตีตอบโต้ กองทัพซงหนูจำนวนมากไล่บ่าเข้าตีกองทัพฮั่น กำลังทหารซงหนูนั้นไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเท่าไร ฝ่ายจีนว่าเป็นทหารม้ามากถึง 400,000 คน แต่โดยส่วนตัวแล้วผมว่ามากเกินจริงไป เพราะประชากรในเขตทุ่งหญ้าทะเลทรายไม่น่าจะมีจำนวนมากมายขนาดที่ซงหนูจะจัดกองทัพจำนวนมหาศาลได้ถึงขนาดนั้น จำนวน 100,000-200,000 คนน่าจะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมมากกว่า
ปรากฏว่าฝ่ายฮั่นนั้นสุดกำลังที่จะต่อต้าน แต่ฮั่นเกาจู่ได้โปรดให้ตั้งค่ายอันแข็งแกร่งยันพวกซงหนูเอาไว้ การเข้าตีค่ายหรือเมืองใดๆ นั้นเป็นจุดอ่อนของพวกซงหนูอยู่แล้ว พวกซงหนูจึงได้แต่ล้อมไว้เท่านั้น
ฮั่นเกาจู่รอดตายหวุดหวิด
กองทัพซงหนูนั้นล้อมฮั่นเกาจู่ไว้ถึง 7 วันก่อนที่ฮั่นเกาจู่จะเอาตัวรอดออกมาได้สำเร็จ แต่ฮั่นเกาจู่ออกมาอย่างไรนั้นไม่ปรากฏแน่ชัด พงศาวดารเล่าว่าฮั่นเกาจู่แอบส่งทหารไปติดสินบนภรรยาของโม๋ตู๋ฉานหยี่ว์เพื่อเกลี้ยกล่อมให้คลายวงล้อม (บ้างว่าเป็นกลยุทธ์ของเฉินผิง) ทว่าบ้างก็ว่าฮั่นเกาจู่น่าจะตีฝ่าออกมาได้ด้วยพระองค์เอง
ไม่ว่าฮั่นเกาจู่จะเอาตัวรอดออกมาได้อย่างไร แต่พระองค์เกือบที่จะปลิดปลงในกำมือของพวกซงหนูไปแล้ว เหตุการณ์นี้ทำให้พระองค์และราชสำนักฮั่นเห็นว่าเหลือกำลังที่จะปราบปรามพวกซงหนูอย่างเด็ดขาด เพราะฉะนั้นจึงใช้กลยุทธ์ติดสินบนพวกซงหนูแทน ด้วยการส่งพระธิดาไปอภิเษกสมรสกับฉานหยี่ว์ของพวกซงหนู (หรือนโยบายเหอชิน) รวมไปถึงให้ของกำนัลจำนวนมหาศาลในทุกปี แลกกับการที่พวกซงหนูเลิกรุกรานปล้นสะดมชายแดนของฝ่ายฮั่น
อนึ่งพระธิดาที่ส่งไปนั้นส่วนมากแล้วจะไม่ใช่เป็นพระธิดาของฮ่องเต้ที่แท้จริง ส่วนมากมักจะเป็นหญิงสามัญหรือเชื้อพระวงศ์ระดับล่างเสียมากกว่า เพราะราชสำนักฮั่นรู้ดีว่ายังไงพวกซงหนูก็ดูไม่ออกอยู่แล้วว่าหญิงที่ส่งให้นั้นเป็นพระธิดาองค์จริงหรือปลอม
หลังจากฮั่นเกาจู่สวรรคต โม่ตู๋ฉานหยี่ว์เคยส่งทูตมาขออภิเษกกับพระนางหลี่ว์โฮ่ว ผู้เป็นหวงโฮ่วของฮั่นเกาจู่ครั้งหนึ่ง ซึ่งเจตนาของโม่ตู๋ฉานหยี่ว์นั้นคือการเยาะเย้ย พระนางกริ้วแสนสาหัส จนถึงกับคิดจะทำศึกกับพวกซงหนู แต่ขุนนางทั้งหลายต่างทัดทานเอาไว้ เพราะเล็งเห็นว่าการศึกกับซงหนูนั้นยังเอาชนะได้ยาก เนื่องจากฝ่ายฮั่นยังขาดกองทัพอันเข้มแข็งที่จะทำศึกในทะเลทรายอย่างมีประสิทธิภาพ
ถิ่นลี้ภัย
หลังจากที่ใช้นโยบายแต่งงานแล้ว ชายแดนฮั่นทางตอนเหนือถือว่าสงบสุขพอสมควร ทว่าการปล้นสะดมก็ยังมีอยู่ประปราย ซึ่งยังคงสร้างความเดือดร้อนอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้มีสงครามใหญ่ระหว่างฮั่นและซงหนูไปอีกนานหลายสิบปี
อย่างไรก็ดีพวกซงหนูนั้นกลับกลายเป็นถิ่นลี้ภัยของเหล่าข้าราชการ แม่ทัพที่เป็นกบฏหรือต้องโทษ นอกจากนี้พวกซงหนูยังแอบสนับสนุนกบฏชาวฮั่นอยู่เนืองๆ อย่างเช่นในสมัยฮั่นจิ่งตี้ซึ่งหวางทั้งเจ็ดนั้นได้รับการสนับสนุนจากพวกซงหนูอย่างลับๆ แต่ท้ายที่สุดพวกซงหนูกลับไม่เคลื่อนกำลังทหารแต่อย่างใด
ความสัมพันธ์ระหว่างฮั่น-ซงหนูนั้นเป็นไปอย่างศัตรู แต่ยังไม่ชักดาบออกมาฟาดฟันกัน จนกระทั่งถึงรัชกาลฮั่นหวู่ตี้ที่พระองค์เห็นว่าฝ่ายฮั่นจะต้องกำจัดพวกซงหนูให้ย่อยยับไปเสียที