Uncategorizedชีวิตที่ผกผันเปลี่ยนแปรของฮั่นซวนตี้ ตอนที่ 2: ขึ้นนั่งบัลลังก์

ชีวิตที่ผกผันเปลี่ยนแปรของฮั่นซวนตี้ ตอนที่ 2: ขึ้นนั่งบัลลังก์

หลิวปิ้งอีนั้นเจริญวัยขึ้นภายใต้การสนับสนุนของจางเฮ่อ ขันทีเก่าของพระอัยกาที่ดูแลตนเองดุจดั่งเป็นนายน้อย เมื่อหลิวปิ้งอีอายุได้ 15 ปี จางเฮ่อก็ปรารถนาจะให้เขาได้เป็นฝั่งเป็นฝา ดังนั้นจึงเริ่มต้นสรรหาคู่ครองที่เหมาะสมให้

ถ้าว่ากันตามตรงแล้ว สถานะของหลิวปิ้งอีในเวลานั้นยังเป็นสามัญชน เนื่องด้วยครอบครัวของเขาถูกฮั่นหวู่ตี้กวาดล้างไปแล้ว สถานะองค์ชายของพระบิดาและอัยกาย่อมถูกยกเลิก แถมผู้คนทั้งเมืองหลวงก็ยังรู้ว่าหลิวปิ้งอีนั้นเคยโดนอาญาแผ่นดินไปก่อน ทำให้ตัวหลิวปิ้งอีนั้นแม้จะสายเลือดสูงส่ง สติปัญญาดี และนิสัยใจคอมีเมตตา แต่ก็หาคู่ครองที่เหมาะสมไม่ง่ายนัก เพราะไม่มีใครยกให้ เนื่องด้วยเกรงว่าจะเผชิญราชภัยจากการไปข้องเกี่ยวกับหลิวปิ้งอี

จางเฮ่อหาคนที่เหมาะสมอยู่นาน แต่ก็ยังหาไม่พบ จางเฮ่อจึงคิดจะยกหลานสาวของตนเองให้กับหลิวปิ้งอี แต่จางอันสื่อ น้องชายของตนเองทัดทานเอาไว้ เพราะเกรงว่าจะนำภัยมาสู่ครอบครัวเช่นกัน ทำให้จางเฮ่อยังคงคว้าน้ำเหลวต่อไป

ท้ายที่สุดจางเฮ่อจึงได้เชิญลูกน้องของตนนามว่าสีว์กวงหานมาที่งานเลี้ยง และขอให้ยกบุตรสาวให้กับหลิวปิ้งอี โดยจางเฮ่อจะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องสินสอดและค่าใช้จ่ายทั้งหมด ตัวสีว์กวงหานก็ไม่ค่อยจะอยากยกบุตรสาวให้เท่าไรนัก แต่เจ้านายขอร้องแกมบังคับทำให้ยากที่จะปฏิเสธ ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องยกบุตรสาวนามว่าสีว์ผิงจวินให้กับหลิวปิ้งอี แม้ว่าแม่ของสีว์ผิงจวินจะโกรธเคืองอย่างมากก็ตาม

หลังจากแต่งงานกันแล้ว ปรากฏว่าหลิวปิ้งอีและสีว์ผิงจวินผู้เป็นภรรยารักใคร่กันดี หนึ่งปีต่อมา สีว์ผิงจวินก็ให้กำเนิดโอรสนามว่าหลิวซื่อ

ฮั่นจาวตี้สวรรคต

หลังจากหลิวซื่อเกิดได้ไม่นานนัก ฮั่นจาวตี้ก็สวรรคตด้วยวัยเพียง 20 พรรษาเท่านั้น การสวรรคตของฮั่นจาวตี้ก่อให้เกิดปัญหาการสืบราชสมบัติขึ้นทันที เพราะฮ่องเต้หนุ่มทรงไม่มีโอรสเลยแม้แต่คนเดียว

ในเวลานั้นราชสำนักฮั่นอยู่ในการควบคุมของฮั่วกวง ผู้ที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการของฮั่นจาวตี้มาตั้งแต่เดิม แถมด้วยตำแหน่งอัครมหาเสนาบดี และผู้บัญชาการทหารสูงสุด หรือเรียกได้ว่ากุมอำนาจทั้งหมดทั้งบุ๋นและบู๊ไว้ในกำมือ ถ้าเขาอยากขึ้นนั่งบัลลังก์ก็ทำได้สบายมาก แต่ฮั่วกวงนั้นกลับไม่แยแสกับตำแหน่งฮ่องเต้ เขาจึงปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วยความสุจริต

ฮั่วกวงนั้นเห็นว่าจริงอยู่ว่าพระเชษฐาต่างมารดาของฮั่นจาวตี้อย่างหลิวสีว์นั้นยังมีชีวิตอยู่ แต่ว่าฮั่วกวงเห็นว่าเขาไม่ค่อยมีความสามารถ แถมจะให้พี่ชายมานั่งบัลลังก์ต่อจากน้องชายก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมตามธรรมเนียม ท้ายที่สุดพวกขุนนางจึงตกลงกันได้ว่าจะมอบบัลลังก์ให้กับหลิวเฮ่อ หลานปู่ของฮั่นหวู่ตี้ผู้มีศักดิ์เป็นหลานชายของฮั่นจาวตี้

พอหลิวเฮ่อได้ทราบข่าวนั้นก็ดีใจจนเนื้อเต้น ถึงกับให้ขบวนรถเร่งออกจากเมืองไปยังเมืองหลวงอย่างเร็วที่สุด จนทำให้ทหารติดตามสิ้นชีวิตไปหลายคนด้วยความเหนื่อยล้า เหล่าที่ปรึกษาต่างคัดค้านว่าในช่วงไว้ทุกข์นั้น ไม่ควรเร่งรีบจนเกินงาม แต่หลิวเฮ่อไม่ฟังแต่อย่างใด

หลิวเฮ่อเสียบัลลังก์

พฤติกรรมของหลิวเฮ่อนั้นเรียกได้ว่าเกินงามไปอย่างมากที่สุด แต่ไม่เพียงเท่านั้น พอขบวนของหลิวเฮ่อผ่านไปที่ใด เขาก็สั่งให้ขุนนางท้องถิ่นสรรหาหญิงงาม และอาหารรสชาติดีที่สุดมาให้กับตน พวกที่ปรึกษานั้นต่างพากันคัดค้านไม่ให้ทำแบบนั้น แต่หลิวเฮ่อก็ยังไม่ฟังอีกตามเคย

เมื่อหลิวเฮ่อมาถึงฉางอานก็ได้เข้าเคารพพระศพของฮั่นจาวตี้ตามธรรมเนียม หลังจากนั้นก็ขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นฮ่องเต้ เมื่อได้ตำแหน่งแล้ว หลิวเฮ่อก็เหมือนกับเป็นไก่ได้พลอย แทนที่จะอยู่เงียบๆ ในวังไปพลางก่อนเพราะว่าเป็นช่วงไว้อาลัย หลิวเฮ่อกลับใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายและออกไปท่องเที่ยวเสพสุรากับคนสนิทของตน

พฤติการณ์อันเลวร้ายของหลิวเฮ่อนั้นไปเข้าหูของฮั่วกวง ทำให้เขาเรียกเหล่าเสนาบดีมาปรึกษากันว่าจะทำอย่างไรดี เถียนเหยียนเนียน เสนาบดีกรมพลาธิการจึงเสนอให้ฮั่วกวงเร่งถอดฮ่องเต้ออกจากตำแหน่ง ส่วนเสนาบดีทั้งฝ่ายบู๊บุ๋นล้วนแต่ไม่มีผู้ใดคัดค้าน ดังนั้นฮั่วกวงจึงให้หลานสาวของตนที่เป็นไท่โฮ่ว (ภรรยาของฮั่นจาวตี้) ออกพระบรมราชโองการถอดหลิวเฮ่อจากตำแหน่งฮ่องเต้

การถอดหลิวเฮ่อออกจากบัลลังก์นั้นได้รับการบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์ด้วยความละเอียดอย่างไม่น่าเชื่อ (อาจจะเนื่องจากเป็นการถอดฮ่องเต้ครั้งแรกในประวัติศาสตร์จีน) ในท้องพระโรงของวันนั้น ไท่โฮ่วเสด็จประทับอยู่ตรงกลาง และรับข้อกล่าวหาฮ่องเต้ที่มากมายเกินกว่า 1,000 ข้อจากพวกขุนนาง ท้ายที่สุดไท่โฮ่วจึงประกาศให้ฮ่องเต้พ้นจากตำแหน่ง หลิวเฮ่อจึงถูกนำตัวกลับไปส่งที่บ้านเดิม หลังจากเป็นฮ่องเต้อยู่เพียง 27 วันเท่านั้น

ขึ้นครองบัลลังก์

เมื่อหลิวเฮ่อถูกอัปเปหิไปแล้ว ตำแหน่งฮ่องเต้จึงว่างลงอีก ในเวลานี้เองปิ่งจี๋ (อดีตผู้คุมที่เคยช่วยเหลือหลิวปิ้งอีไว้ตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่ในเวลานั้นได้กลายเป็นขุนนางผู้ใหญ่แล้ว) ได้เสนอให้มอบบัลลังก์ให้กับหลิวปิ้งอี

ทั้งนี้หลิวปิ้งอีเป็นตัวเลือกที่แทบจะเรียกได้ว่าไร้ที่ติ เนื่องด้วยเขาเป็นหลานปู่ของไท่จื่อคนก่อนที่มีสิทธิ์ในบัลลังก์มาตั้งแต่เดิม ถ้าเขาได้บัลลังก์ก็เท่ากับว่า บัลลังก์ได้ย้อนกลับไปยังสายตระกูลที่ควรจะเป็นตั้งแต่เดิม นอกจากนี้ยังเป็นชนรุ่นหลังของฮั่นจาวตี้ เรื่องสติปัญญาและอุปนิสัยก็เหมาะสมอีกด้วย แต่ติดอยู่อย่างเดียวคือในเวลานั้นหลิวปิ้งอียังเป็นสามัญชนคนธรรมดา

อย่างไรก็ดีเมื่อพวกขุนนางไม่มีอะไรคัดค้าน ฮั่วกวงจึงให้ไท่โฮ่วแต่งตั้งขึ้นหลิวปิ้งอีขึ้นเป็นหยางหวู่โหวในเช้าวันขึ้นนั่งบัลลังก์ หลังจากนั้นถึงให้หยางหวู่โหวขึ้นเสวยราชสมบัติตามธรรมเนียม หลังจากนั้นหลิวปิ้งอีจึงกลายเป็นฮ่องเต้นามว่าฮั่นซวนตี้

แม้ว่าจะขึ้นเป็นฮ่องเต้แล้ว แต่ชีวิตของฮั่นซวนตี้ยังไม่ได้เลิกผันแปรเพียงเท่านี้ เรื่องจะเป็นไปอย่างไร อ่านต่อได้ในตอนหน้าครับ

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!