ตระกูลเกาเป็นตระกูลชาวฮั่นในมีชีวิตอยู่ในช่วงราชวงศ์เหนือใต้ของจีน ตระกูลนี้นั้นมีบทบาทสำคัญของจีนในช่วงนั้นเพราะเป็นผู้ก่อตั้งราชวงศ์เป่ยฉี หนึ่งในสามอาณาจักรคู่กับราชวงศ์เป่ยโจวและเหลียง (เฉินในเวลาต่อมา)
หลายคนอาจจะเคยคุ้นเคยกับตระกูลเกามาบ้างแล้ว เพราะเกาฉางกง หรือหลานหลิงหวางนั้นเป็นหนึ่งในคนตระกูลเกาเช่นกัน แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือเกาฉางกงนั้นมีคุณธรรม ขณะที่คนในตระกูลเกาส่วนใหญ่ล้วนแต่กักขฬะและโหดเหี้ยม (เหมือนกับตระกูลหลิวแห่งหลิวซ่ง) ทว่าก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการขึ้นเป็นใหญ่ของตระกูลนี้ก็มากับความสามารถของสมาชิกในตระกูล หาใช่โชคช่วยแต่อย่างใด
เกาฮวน
ต้นบรรพชนของตระกูลเกาคือเกาฮวน แม้ว่าเกาฮวนจะมีเชื้อสายฮั่น แต่เขาก็เกิดในเขตมองโกเลียใน ดินแดนที่ห่างจากดินแดนจงหยวนนับพันกิโลเมตร สาเหตุที่เกาฮวนเกิดที่นี่ก็เพราะ ปู่ของเกาฮวนเป็นข้าราชการเป่ยเว่ย แต่ทำความผิดจึงถูกเนรเทศออกไปนอกด่านพร้อมกับครอบครัว
ด้วยสาเหตุนี้เกาฮวนจึงซึมซับวัฒนธรรมของเหล่าอนารยชนเข้ามาอย่างมาก ส่งผลให้เขามีความเป็นอนารยชนสูงมากเหมือนกับชาวเซียนเปย ตรงกันข้ามกับชาวเซียนเปยแท้ในเมืองหลวงที่รับวัฒนธรรมฮั่นจนแทบจะเรียกว่ากลายเป็นคนฮั่นไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
ชีวิตของเกาฮวนอยู่กับความยากจนมาตั้งแต่เด็ก แถมยังกำพร้ามารดาตั้งแต่อายุยังน้อย เกาฮวนจึงถูกเลี้ยงดูโดยพี่สาวและพี่เขย (ทั้งสองอายุมากกว่าเกาฮวนมาก เพราะเกาฮวนเกิดเมื่อบิดาของเขามีอายุแล้ว)
แต่ด้วยความที่ไม่มีอันจะกิน เกาฮวนจึงเดินทางเข้ามายังเมืองผิงเฉิง เมืองหลวงเก่าของเป่ยเว่ย (ราชสำนักย้ายไปลั่วหยางแล้วในเวลานั้น) และทำหน้าที่เป็นคนรับใช้ของตระกูลโหลว พ่อค้าที่มีฐานะร่ำรวย หน้าที่ของเกาฮวนคือการเป็นทหารยามที่คอยดูแลความปลอดภัย
หากแต่ว่าเกาฮวนไม่รู้เลยว่าเรื่องอันน่าเหลือเชื่อจะเกิดขึ้นกับเขาในไม่ช้า
แต่งงานกับตระกูลดัง
ตระกูลโหลวนั้นมีบุตรสาวอยู่นางหนึ่งชื่อ โหลวจาวจวิน นางเป็นคนฉลาด แต่ก็มีความมุทะลุอยู่ในตัว ด้วยสาเหตุที่ไม่ปรากฏแน่ชัด นางกลับต้องตาต้องใจในตัวทหารหนุ่มอย่างเกาฮวนขึ้นมา ส่วนหนึ่งน่าจะเพราะเกาฮวนเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี และมีบุคลิกที่งามสง่ากว่าคนทั่วไป หลังจากนั้นนางจึงสั่งให้สาวใช้ลักลอบติดต่อกับเกาฮวน และส่งของให้กับเขาอยู่เสมอๆ
พอผ่านไปได้พักใหญ่ๆ โหลวจาวจวินก็บอกกับบิดามารดาว่านางต้องการจะแต่งงานกับเกาฮวน พอได้ยินเช่นนั้นทั้งสองก็ปฏิเสธและต่อต้านอย่างรุนแรง เพราะทั้งผิดธรรมเนียม (ที่ผู้ใหญ่ต้องเป็นผู้หาคู่สำหรับการแต่งงาน) และตัวเกาฮวนเองก็ยากจน และไม่มีหน้าที่การงานที่มั่นคงอีกด้วย
ด้วยสาเหตุที่ไม่ปรากฏแน่ชัด โหลวจาวจวินได้แต่งงานกับเกาฮวนสมใจ ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าทั้งเมืองต่างรู้ข่าวว่านางคบหาดูใจกับทหารยาม ทำให้ไม่มีใครแลนางอีกต่อไป บิดามารดาของนางจำต้องปล่อยเลยตามเลย
หลังจากที่ทั้งสองแต่งงานกันแล้ว ฐานะของเกาฮวนก็ดีขึ้นมาบ้าง เขาได้เลื่อนเป็นม้าเร็วที่คอยส่งข่าวสารให้ระหว่างเมือง แต่ไม่วายโดนซ้อม โหลวจาวจวินจำต้องดูแลปรนนิบัติสามีให้กลับมาแข็งแรงดังเดิม
อย่างไรก็ดีเกาฮวนนั้นเป็นคนมองการณ์ไกล ในปี ค.ศ.519 เขาได้เห็นพวกทหารสมคบคิดกันบุกเข้าไปสังหารเสนาบดีในบ้าน แบบไม่เกรงกลัวกฎหมายแต่อย่างใด เมื่อได้เห็นเช่นนั้นเกาฮวนจึงตระหนักว่าราชวงศ์เป่ยเว่ยคงจะอยู่ได้อีกไม่นาน ทำให้เขาตัดสินใจขายบ้านและที่ดินทั้งหมดที่มีอยู่ เหล่าญาติๆ ต่างไม่ได้เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเขาแต่อย่างใด เกาฮวนได้แต่บอกพวกเขาว่าจะเก็บที่ดินไว้เพื่อเหตุอันใด ถ้าบ้านเมืองเป็นกลียุค ที่ดินและบ้านก็จะตกไปเป็นของผู้อื่นอยู่ดี มิสู้ขายเป็นเงินทองไว้ดีกว่า
เกาฮวนไม่ได้เก็บเงินทองเอาไว้อยู่เฉยๆ เขานำเงินไปจ้างวานผู้คนให้มาอยู่กับตนเป็นผู้ติดตาม โดยไม่ได้สนใจว่าจะต้องเป็นเชื้อสายอันใด ดังนั้นผู้ติดตามของเกาฮวนจึงมีทั้งคนจีนฮั่น คนเซียนเปย และคนซงหนู หลังจากนั้นเกาฮวนก็นำผู้ติดตามเหล่านี้ออกไปอาศัยอยู่ตามชนบท และคอยช่วยเหลือชาวบ้านเวลาที่เกิดความอยุติธรรมเกิดขึ้น
หกปีหลังจากที่เกาฮวนขายบ้าน สิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ก็เป็นจริง เพราะได้หัวเมืองต่างๆ ได้ก่อกบฏต่อราชสำนัก เกิดเป็นกลียุคในราชวงศ์เป่ยเว่ย เกาฮวนจึงได้ไปเข้าร่วมกับพวกกบฏอยู่หลายกลุ่ม แต่ก็อยู่ได้ไม่นานนัก เพราะรู้สึกผิดหวังในตัวของหัวหน้ากบฏว่าดูไม่มีอนาคตบ้าง ขาดบารมีบ้าง ฯลฯ
เข้าร่วมกับเอ่อจูหรง
จนกระทั่งวันหนึ่งเพื่อนชาวซงหนูของเกาฮวนได้ชวนให้เกาฮวนนำผู้ติดตามของเขามาเข้าร่วมกับเอ่อจูหรง ขุนศึกชาวซงหนูที่เก่งกาจในการทำศึกหาตัวจับยาก เมื่อได้พบกันครั้งแรก เอ่อจูหรงกลับไม่อยากรับเกาฮวนเข้ามาเป็นผู้ติดตามของตน เพราะเขาดูซีดเซียว อ่อนแรง ไม่ค่อยมีความมั่นใจเท่าไรนัก (ส่วนหนึ่งคงเพราะเกาฮวนจนมาก และไม่เคยได้รับการศึกษาตั้งแต่เด็ก)
อย่างไรก็ดีเกาฮวนกลับแสดงความสามารถของตนเองให้เอ่อจูหรงเห็นด้วยการบังคับม้าป่าที่กำลังคลุ้มคลั่ง เอ่อจูหรงจึงเห็นว่าเกาฮวนน่าจะมีของอยู่บ้าง ดังนั้นจึงรับเข้ามาเป็นที่ปรึกษาคนหนึ่งของตน เมื่อได้เป็นที่ปรึกษาของเอ่อจูหรงแล้ว เกาฮวนเสนอให้เอ่อจูหรงฉวยโอกาสที่ราชสำนักเกิดกบฏใหญ่โตยกทัพเข้าเมืองหลวง และกุมอำนาจทั้งหมดในกำมือ
เอ่อจูหรงทำตามคำแนะนำของเกาฮวน และเข้ายึดอำนาจในราชสำนักเป่ยเว่ยได้ในปี ค.ศ.528 ด้วยความที่มีความดีความชอบ เกาฮวนจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นแม่ทัพ และควบคุมกำลังทหารของเอ่อจูหรงส่วนหนึ่ง และเป็นถึงที่ปรึกษาที่เขาไว้วางใจอีกด้วย
หลังจากที่เข้ามาในเมืองหลวงได้ไม่นาน เอ่อจูหรงได้ใช้กลลวงพวกขุนนางในราชสำนักไปสังหารทิ้งสองพันกว่าคน ฮ่องเต้เสี่ยวจวงทรงตึ่นตระหนกจึงปรารถนาจะมอบบัลลังก์ให้เอ่อจูหรง แต่เอ่อจูหรงยังตัดสินใจไม่ได้จึงถามเหล่าที่ปรึกษา เมื่อเกาฮวนได้ยินเช่นนั้น เขาได้เสนอให้เอ่อจูหรงขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นฮ่องเต้
เรื่องราวจะเป็นไปอย่างไร ติดตามอ่านได้ในตอนหน้าครับ