Uncategorizedมหากาพย์ราชวงศ์หลิวซ่ง ตอนที่ 9: การกระทำที่ไม่อาจให้อภัยได้

มหากาพย์ราชวงศ์หลิวซ่ง ตอนที่ 9: การกระทำที่ไม่อาจให้อภัยได้

ในตอนที่แล้วผมได้เล่าถึงความสัมพันธ์ที่ย่ำแย่ลงระหว่างซ่งเหวินตี้ กับหลิวเซ่าผู้เป็นรัชทายาท ซึ่งเริ่มต้นด้วยเรื่องความขัดแย้งในการบริหารราชการ และลามไปถึงเรื่องพ่อมดหมอผี พงศาวดารเล่าว่าหลิวเซ่าถึงกับให้พวกพ่อมดหมอผีแช่งสาปให้ซ่งเหวินตี้รีบๆ สวรรคตไปเลยทีเดียว

เรื่องโอละพ่อเกิดขึ้นจากการที่ซ่งเหวินตี้ทราบเรื่องแม่มดหมอผี เพราะเหล่าข้ารับใช้ของแม่มดเป็นชู้กัน จนสุดท้ายมีคนหนึ่งเกรงกลัวว่าหลิวเซ่าจะเอาโทษ เขาจึงเปิดเผยความลับทั้งหมดต่อฮ่องเต้

เมื่อซ่งเหวินตี้ทราบข่าวก็ผิดหวังอย่างมากกับหลิวเซ่า แต่พระองค์ก็แค่เพียงต่อว่าเท่านั้น และไม่ได้ทำอะไรต่อไปนอกจากพยายามจับกุมตัวแม่มดหมอผีผู้เป็นตัวการ หากแต่ว่าหลิวเซ่าก็ซ่อนตัวแม่มดผู้นี้เอาไว้ในวัง

รัฐประหาร

พอผ่านไปได้สักพักซ่งเหวินตี้ทรงทราบว่าแม่มดที่พระองค์สั่งให้จับกุมนั้นอยู่ในบ้านของหลิวจวิ้น น้องชายต่างมารดาของหลิวเซ่า และเป็นคนสนิทด้วย พระองค์จึงสั่งให้เข้าตรวจค้นและจับกุม แต่หลิวจวิ้นได้พาแม่มดผู้นี้หนีออกไปแล้วในเวลานั้น

ซ่งเหวินตี้จึงพิโรธยิ่งกว่าเดิม พระองค์จึงเรียกขุนนางระดับสูงเข้ามาปรึกษา โดยตั้งพระทัยว่าจะถอดถอนหลิวเซ่า และสั่งให้หลิวจวิ้นฆ่าตัวตายเสีย แต่ยังตัดสินพระทัยไม่ได้ พระองค์จึงมาปรึกษากับพานชูเฟย แม่ของหลิวจวิ้นเสียอย่างนั้น

การมาปรึกษากับพานชูเฟยเรื่องนี้เป็นความผิดพลาดอย่างมหันต์ของซ่งเหวินตี้ เพราะพานชูเฟยจึงรีบแพร่พรายแผนการให้หลิวจวิ้นทราบ ซึ่งหลิวจวิ้นก็เอาเรื่องนี้ไปบอกหลิวเซ่าทันทีเช่นกัน

หลิวเซ่าจึงตัดสินใจว่าจะเป็นกบฏต่อต้านบิดาของตนเอง เขาจึงซ่องสุมกำลังทหารเอาไว้ให้พร้อมสรรพ จนกระทั่งคืนวันหนึ่งก็ลงมือก่อการ หลิวเซ่าปลอมพระบรมราชโองการว่าซ่งเหวินตี้ให้นำทหารเข้าวังเพื่อป้องกันภัยจากพวกกบฏ ซึ่งน่าแปลกที่พวกทหารองครักษ์ก็เชื่อ และปล่อยให้หลิวเซ่าและพวกทหารเข้าไปแต่โดยดี

เมื่อหลิวเซ่าเข้ามาได้วังได้ก็เริ่มปฏิบัติการสังหาร เหล่าขุนนางระดับสูงของซ่งเหวินตี้ล้วนแต่ถูกประหารชีวิต แม้แต่พานชูเฟยเองก็ไม่รอด (หลิวเซ่าเกลียดนางอยู่ลึกๆ เพราะทำให้มารดาของตนล้มป่วยจนสิ้นพระชนม์)

หลังจากนั้นหลิวเซ่าก็ได้ส่งคนเข้าไปปลงพระชนม์ซ่งเหวินตี้ ซึ่งน่าแปลกอีกเช่นกันที่พงศาวดารเล่าว่าทหารองครักษ์ของซ่งเหวินตี้ล้วนแต่นอนหลับทั้งหมด เหลือแต่ซ่งเหวินตี้แต่เพียงผู้เดียว

ซ่งเหวินตี้พยายามปัดป้องตนเองเอาชีวิตรอด จนสุดท้ายมือสังหารก็ทำการได้สำเร็จ ซ่งเหวินตี้สวรรคตลงด้วยพระชนม์ชีพเพียง 45 พรรษาเท่านั้น การปกครองแห่งหยวนเจียที่เคยรุ่งโรจน์จึงสิ้นสุดลงอย่างเป็นทางการ

หลิวเซ่าได้ป้ายความผิดเรื่องการสวรรคตให้กับขุนนางผู้ใหญ่สองคน หลังจากนั้นก็สถาปนาตนเองขึ้นเป็นฮ่องเต้ พร้อมกับสั่งให้ประหารชีวิตเชื้อพระวงศ์ที่ตนเองไม่ชอบหน้าและระแวงทั้งหมดทุกคน โลหิตจึงไหลหลั่งเมืองเจี้ยนคัง (นานกิง) อย่างไม่ปรากฏมาก่อนในหน้าประวัติศาสตร์

สงครามกลางเมือง

อย่างไรก็ดีมีองค์ชายในราชวงศ์หลิวซ่งที่ถูกส่งไปกินเมืองที่อื่น ทำให้รอดพ้นการสังหารในเมืองเจี้ยนคังไปได้ หนึ่งในคนสำคัญที่สุดคือหวู่หลิงหวาง หรือ หลิวจวิ้น (ชื่อเดียวกับหลิวจวิ้นที่เป็นคนสนิทของหลิวเซ่า แต่เขียนคนละตัวอักษร) หลิวเซ่าจึงสั่งให้คนสนิทของตนลอบสังหารให้ได้ แต่เรื่องกลับเป็นว่าคนสนิทของหวู่หลิงหวางกลับนำความไปแพร่งพราย และขอให้หวู่หลิงหวางโค่นล้มอำนาจของหลิวเซ่าที่กระทำปิตุฆาต

หวู่หลิงหวางเห็นดีด้วย เขาประกาศจะโค่นล้มอำนาจของหลิวเซ่า ซึ่งก็ได้รับการสนับสนุนทันทีจากหัวเมืองต่างๆ ที่ล้วนแต่เกลียดชังหลิวเซ่า กำลังของหวู่หลิงหวางจึงเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และยกเข้ามาใกล้เมืองเจี้ยนคัง

เมื่อกองทัพศัตรูยกเข้ามาถึง ค่ายของหลิวเซ่าจึงแตกเป็นสองฝ่ายว่าจะรับมืออย่างไรดี กองทัพของหวู่หลิงหวางนั้นส่วนใหญ่เป็นกองทัพบก เพราะฉะนั้นจึงมีเรือน้อยกว่ากองทัพของหลิวเซ่า เซียวปิน ที่ปรึกษาของหลิวเซ่าเสนอให้ส่งกองทัพเรือเข้าตี หรือไม่ก็ยึดโตรกเหลียงซานที่มีพื้นที่แคบเป็นจุดสกัดกองทัพกบฏ แต่หลิวอี้กงกลับเสนอให้หลิวเซ่าตั้งรับที่เมืองเจี้ยนคังอันเป็นเมืองหลวง

หลิวอี้กงผู้นี้เป็นเชื้อพระวงศ์ และเป็นที่ปรึกษาที่ซ่งเหวินตี้ทรงไว้พระทัย แต่น่าแปลกที่หลิวเซ่าไม่ได้สังหารและยังใช้งานเขาดังเดิม ซึ่งหลิวอี้กงก็ไม่ต้องสงสัยว่าเกลียดชังหลิวเซ่าในใจ เขาจึงเสนอแผนการที่ทำให้หลิวเซ่าเสียเปรียบมากที่สุด และเอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายหวู่หลิงหวาง

การตั้งรับที่เมืองหลวงนั้นถือเป็นจุดเสียเปรียบ เพราะเจี้ยนคังมีแม่น้ำสายเล็กไหลผ่านเท่านั้น กองทัพเรือที่แข็งแกร่งของหลิวเซ่าจะไม่ถูกนำไปใช้ประโยชน์ และช่วยให้กองทัพบกของหวู่หลิงหวางเข้าถึงเมืองได้ง่าย

น่าแปลกที่หลิวเซ่าหลงเชื่อ และเลือกใช้กลยุทธ์นี้ ผลที่ตามมาคือกองทัพหวู่หลิงหวางตีกองทัพของหลิวเซ่าแตกกระเจิงอย่างรวดเร็ว หลิวอี้กงและแม่ทัพคนอื่นที่ไม่เคยสนับสนุนหลิวเซ่าอยู่แล้วจึงยอมจำนนในบัดดลต่อกองทัพหวู่หลิงหวาง

ในวาระสุดท้ายปรากฏว่าหลิวเซ่าได้แต่บวงสรวงต่อเทพเจ้าเพื่อให้ตนเองพ้นภัย แต่ก็ไม่เป็นผล หวู่หลิงหวางเข้าเมืองเจี้ยนคังได้สำเร็จ และจับกุมหลิวเซ่าได้หลังจากที่เขาหลบหนีไปซ่อนในบ่อน้ำ หลิวเซ่า หลิวจวิ้น และครอบครัว ตลอดจนผู้สนับสนุนล้วนแต่ถูกสำเร็จโทษ เมืองเจี้ยนคังจึงกลายเป็นนรกครั้งที่สองภายในเวลาไม่ถึงปีด้วยกัน

หวู่หลิงหวางจึงขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นฮ่องเต้คนที่ 4 แห่งราชวงศ์หลิวซ่ง นามว่าซ่งเซี่ยวหวู่ตี้ หากแต่ว่าไม่มีใครทราบเลยว่าสงครามกลางเมืองที่เกิดขึ้นนั้นได้ทำลายรากฐานของราชวงศ์อย่างไม่มีชิ้นดี เคราะห์ดีที่ราชวงศ์เป่ยเว่ยทางตอนเหนือก็มีป้ญหาแย่งชิงบัลลังก์ไม่แพ้กัน ทำให้หลิวซ๋งรอดพ้นจากการถูกทำลายไปได้

สำหรับซ่งเซี่ยวหวู่ตี้นั้นเป็นฮ่องเต้ที่ผมขอให้นิยามว่าเป็นฮ่องเต้สีเทาเข้ม กล่าวคือพระองค์ทรงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย พระองค์ทรงเอาใจใส่ในการบริหารราชการ แต่ก็กระทำผิดศีลธรรมหลายประการ จะมีอะไรบ้างนั้น ติดตามได้ในตอนหน้าครับ

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!