ประวัติศาสตร์มหากาพย์หลิวซ่ง ตอนที่ 13: อารัมภบทสู่ความพินาศ

มหากาพย์หลิวซ่ง ตอนที่ 13: อารัมภบทสู่ความพินาศ

ในตอนที่แล้วซ่งหมิงตี้ได้สวรรคตลง และทิ้งให้บัลลังก์ตกอยู่กับรัชทายาท ซึ่งก็เป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับแผ่นดินหลิวซ่ง เพราะรัชทายาทผู้นี้นั้นก็ไม่ได้เหมาะสมกับตำแหน่งเท่าไรนัก (อีกแล้ว)

รัชทายาทผู้นี้จะมีนามในหน้าประวัติศาสตร์ว่าจักรพรรดิซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้ หรือแปลตรงตัวว่าจักรพรรดิผู้ถูกถอดออกจากบัลลังก์แห่งซ่ง อย่างไรก็ดีตลอดชีวิตของพระองค์นั้นไม่เคยถูกถอดออกจากบัลลังก์ เรื่องราวจะเป็นอย่างไรกันแน่ ติดตามได้ในตอนนี้เลยครับ

การครองราชย์และการกบฏ

ก่อนที่จะได้บัลลังก์นั้น พงศาวดารเล่าว่าในวัยเด็ก ซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้โปรดปรานในการทำกิจกรรมสุ่มเสี่ยง เช่นปีนธงหรือกำแพงวัง ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนักสำหรับวัยที่กำลังซน แต่ความซนนี้อาจจะทำให้ซ่งหมิงตี้พิโรธ ดังนั้นซ่งหมิงตี้สั่งให้มารดาของรัชทายาททำโทษด้วยการตีอย่างรุนแรง หลังจากนั้นจึงเริ่มปรากฏว่าซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้เป็นเด็กที่มีอารมณ์ฉุนเฉียวรุนแรง คาดเดาไม่ได้ และมักจะใช้ความรุนแรงกับคนรับใช้อยู่สม่ำเสมอ ทำให้พระองค์ได้รับโทษจากพระบิดามากขึ้นไปอีก

ด้วยความที่ซ่งหมิงตี้นั้นสวรรคตตั้งแต่ยังหนุ่ม รัชทายาทผู้นี้จึงต้องครองราชย์ด้วยวัยเพียง 9 ขวบเท่านั้น แน่นอนว่าพระองค์ยังไม่พร้อม แต่ซ่งหมิงตี้นั้นคิดแต่ว่าจะให้โอรสที่เกิดจากพระองค์สืบบัลลังก์ พระองค์จึงจัดการกำจัดเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ไปแทบจะหมดสิ้นวงศ์แล้ว ดังนั้นตัวเลือกอื่นสำหรับหลิวซ่งจึงไม่มีอยู่เลย ยกเว้นอยู่คนเดียว นั่นคือหลิวซิวฟ่าน

หลิวซิวฟ่านผู้นี้นั้นรอดตายมาได้ เพราะซ่งหมิงตี้เห็นว่าเป็นอนุชาที่เบาปัญญา คงไม่มีใครเชิดชูขึ้นเป็นฮ่องเต้ แต่ในใจของหลิวซิวฟ่านนั้นก็ทะเยอทะยานไม่น้อย เขาปรารถนาจะได้รับตำแหน่งเป็นสมุหนายก แต่หลังจากที่ซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้นั่งบัลลังก์แล้วกลับไม่ได้แต่งตั้งตน ดังนั้นเขาจึงตั้งตัวเป็นกบฏต่อราชสำนัก

ในสถานการณ์ตอนนั้น หลิวซิวฟ่านเรียนรู้จากการกบฏสมัยซ่งหมิงตี้ที่ล้มเหลวว่า พวกกบฏเชื่องช้าปล่อยให้ราชสำนักตั้งตัวติด เพราะฉะนั้นครั้งนี้หลิวซิวฟ่านจึงเร่งนำกำลังของตนมายังเมืองเจี้ยนคังโดยเร็วที่สุด

พวกกบฏจึงล้อมเจี้ยนคังเอาไว้ เมืองหลวงจึงมีภัยคับขัน ในเวลานั้นแม่ทัพชื่อเซียวเต้าเฉิงอาสาเข้าปราบกบฏ แผนการของเซียวเต้าเฉิงไม่มีอะไรมาก นอกจากส่งคนไปยอมจำนนต่อหลิวซิวฟ่าน และหาโอกาสดีๆ สังหาร ปรากฏว่าหลิวซิวฟ่านนั้นเบาปัญญาเหมือนกับที่ซ่งหมิงตี้เคยปรามาสไว้ นั่นคือเขาถูกคนของเซียวเต้าเฉิงสังหารได้แบบไม่น่าเชื่อ ส่วนพวกกบฏก็แตกกระเจิงไปหลังจากทราบว่าหัวหน้าสิ้นชีวิตแล้ว

ผลงานอันยิ่งใหญ่นี้ทำให้เซียวเต้าเฉิงได้รับการเลื่อนยศ และมีอิทธิพลมากขึ้นในราชสำนักหลิวซ่ง

พฤติกรรมที่โหดร้าย

หลังจากที่ได้เป็นฮ่องเต้แล้ว ซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้ก็มีพฤติกรรมที่เหี้ยมโหดไม่ต่างอะไรกับบิดา หรืออาจจะยิ่งกว่าเสียอีก พระองค์จะมีองครักษ์ติดอาวุธติดตามอยู่เสมอ และสังหารผู้คนที่ทำให้พระองค์ไม่พอพระทัยด้วยวิธีการอันโหดร้าย พระองค์มักจะโปรดให้ทรมานพวกเขาก่อนแล้วถึงจะสังหาร ทำให้ทั้งราชสำนักเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

พวกขุนนางที่บริหารราชการแผ่นดินนั้นต่างเห็นว่าถ้าปล่อยซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้นั่งบัลลังก์ต่อไป ราชวงศ์ที่เสื่อมโทรมลงมามากแล้วคงถึงกาลดับสูญ พวกเขาจึงวางแผนจะถอดฮ่องเต้ผู้นี้ออกจากตำแหน่ง แต่ซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้ทราบเสียก่อน พระองค์จึงโปรดให้ส่งทหารไปจับกุมและสังหารขุนนางที่คบคิดกันเสียสิ้นพร้อมกับสมาชิกครอบครัวทุกคน

ในปี ค.ศ.477 ซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้เจริญวัยขึ้นเป็นหนุ่มอายุประมาณ 14 พรรษา พฤติกรรมของพระองค์ไม่เคยดีขึ้น แต่กลับเลวร้ายลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่ง พระองค์เสด็จไปที่บ้านพักของเซียวเต้าเฉิงอย่างกะทันหัน เซียวเต้าเฉิงไม่ทราบความจึงนอนหลับอยู่บนเตียงพร้อมกับไม่ใส่เสื้อ ซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้เห็นท้องของเขาใหญ่มากจึงรู้สึกหมั่นเขี้ยวและอยากจะใช้ธนูยิงเสีย

เซียวเต้าเฉิงจึงสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความตกใจและทูลร้องขอชีวิต เหล่าผู้ติดตามฮ่องเต้จึงเสนอให้ฮ่องเต้หนุ่มใช้ธนูปลอมยิงท้องของเซียวเต้าเฉิงเท่านั้น ทำให้เซียวเต้าเฉิงรอดชีวิตมาได้หวุดหวิด แต่หลังจากนั้นเขาจึงรู้สึกกังวลในความปลอดภัยของตนเอง ดังนั้นเซียวเต้าเฉิงจึงเริ่มติดต่อกับขุนนางในราชสำนักว่าจะถอดฮ่องเต้ออกจากตำแหน่ง แต่พวกขุนนางกลับไม่ยอมร่วมมือด้วย ทำให้เซียวเต้าเฉิงหันไปใช้ทางลัด นั่นก็คือคบคิดกับคนในวังและผู้ติดตามฮ่องเต้ให้ลอบสังหารพระองค์เสีย

พวกผู้ติดตามและองครักษ์นั้นแม้ว่าจะใกล้ชิดฮ่องเต้ แต่ต่างคนต่างรู้สึกไม่ปลอดภัย เพราะวันใดที่ฮ่องเต้พิโรธตนขึ้นมา พวกตนได้แต่ตายสถานเดียว ดังนั้นไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมร่วมมือกับเซียวเต้าเฉิง

ในคืนวันหนึ่งของปี ค.ศ.477 คนรับใช้คนหนึ่งของซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้ได้ลักลอบเข้าไปในพระแท่น และใช้ดาบตัดพระเศียรซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้ได้สำเร็จ แล้วนำออกไปให้เซียวเต้าเฉิง ซึ่งดูแล้วไม่น่าจะทำได้ง่ายๆ แต่ที่ทำได้ก็เพราะทั้งทหารหลวง ผู้ติดตาม และองครักษ์ล้วนแต่ให้ความร่วมมือ เพราะทุกคนต่างเกลียดฮ่องเต้หนุ่มผู้นี้อย่างสุดกำลัง

เช้าวันรุ่งขึ้นเซียวเต้าเฉิงนำทหารเข้าวังมาพร้อมกับพระเศียรของฮ่องเต้หนุ่ม เขาให้ไท่โฮ่วออกพระบรมราชโองการถอดถอนซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้ย้อนหลัง ทำให้ซ่งโฮ่วเฟ่ยตี้ไม่มีพระนามที่ถูกต้องตามธรรมเนียมแบบฮ่องเต้พระองค์อื่นๆ นั่นเอง

วาระสุดท้ายของหลิวซ่ง

เซียวเต้าเฉิงได้สถาปนาให้หลิวจุ่นเป็นฮ่องเต้ นับตั้งแต่บัดนั้นอำนาจในราชสำนักหลิวซ่งก็อยู่ในกำมือของเซียวเต้าเฉิง เชื้อพระวงศ์หลิวซ่งที่จะคานอำนาจกับเซียวเต้าเฉิงก็ไม่มีอยู่เลย เพราะถูกซ่งหมิงตี้สังหารทิ้งแทบจะหมดวงศ์ไปแล้วนั่นเอง

ชะตากรรมของราชวงศ์หลิวซ่งจึงหลีกหนีความจริงไม่ได้อีกต่อไป แม้ว่าจะมีความพยายา่มชิงอำนาจกลับคืนมาให้เหล่าเชื้อพระวงศ์และฮ่องเต้ แต่ฐานกำลังของเซียวเต้าเฉิงแข็งแกร่งมาก ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทั้งฝ่ายทหารและขุนนาง ทำให้เซียวเต้าเฉิงปราบปรามผู้ที่ต่อต้านตนได้อย่างง่ายดาย

ในปี ค.ศ.479 เซียวเต้าเฉิงก็ทำตามขั้นตอนของการชิงราชสมบัติ ซึ่งใช้กันมาทุกยุคทุกสมัย เขาออกพระบรมราชโองการในนามของฮ่องเต้ให้แต่งตั้งตนเป็นฉีโหว หลังจากนั้นก็เป็นฉีหวาง และรับเครื่องราชเก้าสิ่ง ต่อมาไม่นานก็อัปเปหิหลิวจุ่นออกจากราชสมบัติ

พงศาวดารเล่าว่าหลิวจุ่นนั้นเกรงกลัวมาก เมื่อพวกทหารตามหาพระองค์เพื่อจะนำมาทำพิธีสละราชย์อย่างเป็นทางการ หลิวจุ่นในวัยไม่ถึงสิบขวบหนีไปซ่อนหลังพระพุทธรูปและร้องไห้ แม้ว่าจะน่าสงสารแต่ไม่มีใครสามารถช่วยอะไรได้ การแย่งชิงอำนาจและฆ่าฟันในราชวงศ์หลิวซ่งมาทุกยุคทุกสมัยได้ทำให้หลิวซ่งเสียฐานการสนับสนุนทั้งจากด้านในและนอกวังไปจนสิ้นแล้ว

ก่อนที่จะสละราชย์นั้น หลิวจุ่นได้ตรัสคำกล่าวหนึ่งที่ได้รับการจดบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ว่า “้เกิดชาติหน้าฉันใด ขอให้เราอย่าได้เกิดในร่มเศวตฉัตรอีก!” หลังจากนั้นไม่นานหลิวจุ่นและเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ ก็ถูกสังหารโดยเซียวเต้าเฉิง

ราชวงศ์หลิวซ่งจึงถึงกาลอวสานอย่างเป็นทางการ จริงๆ แล้วราชวงศ์นี้เป็นราชวงศ์ที่มีศักยภาพเพียงพอในช่วงต้นราชวงศ์ที่ทำให้รวมแผ่นดินจีนเป็นหนึ่งได้สำเร็จ แต่น่าเสียดายที่ทุกยุคทุกสมัยนั้นประสบกับปัญหาการแย่งชิงอำนาจอยู่โดยตลอด ทำให้ไม่ได้ประสบความสำเร็จอย่างเท่าที่ควรจะเป็น

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!