Uncategorizedกบฏเจ็ดแคว้นต่อต้านราชวงศ์ฮั่น ตอนจบ: ปราบกบฏอย่างง่ายดาย

กบฏเจ็ดแคว้นต่อต้านราชวงศ์ฮั่น ตอนจบ: ปราบกบฏอย่างง่ายดาย

การที่หลิวพี่ถูกตัดดินแดนเหล่านั้น ทำให้ตัวเขาไม่พอใจมาก เพราะฉะนั้นจึงลักลอบส่งทูตไปยังแคว้นต่างๆ ที่มีอำนาจการปกครองตนเองโดยอิสระให้ก่อการกบฏต่อราชสำนัก นอกจากนี้ยังติดต่อขอกำลังสนับสนุนจากอาณาจักรโดยรอบ อย่างเช่นหมิ่นเยว่ ตงไห่ และซงหนู ให้ร่วมมือก่อการกบฏ

ทั้งนี้แคว้นในแผ่นดินจีนนั้นพอได้รับสารนั้นก็แบ่งเป็นสี่ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเข้าร่วมโดยตรง โดยประกอบด้วยทั้งหมด 6 แคว้นโดยมีแคว้นฉู่เป็นกำลังสำคัญ เช่นเดียวกับแคว้นอู๋ของหลิวพี่ รวมเป็น 7 แคว้น พวกที่สองคือต่อต้านอย่างแข็งขันอย่างเช่นแคว้นเหลียงซึ่งเป็นพระญาติสนิทกับฮ่องเต้ พวกที่สามคือได้รับสารไม่ได้ทำอะไรนั่นคือแคว้นฉางซา ส่วนพวกที่สี่คือตัดสินใจเข้าร่วมไปแล้วแต่เปลี่ยนฝ่ายในวินาทีสุดท้ายได้แก่แคว้นฉีและจีเป่ย

ส่วนอาณาจักรอย่างหมิ่นเยว่และตงไห่นั้นส่งกองทัพเข้าสนับสนุนพวกกบฏ ส่วนซงหนูนั้นบอกว่าจะเข้าร่วม และเอาเข้าจริงกลับอยู่เฉยๆ

สรุปแล้วกำลังของพวกกบฏจึงมี 7 แคว้นบวกด้วยกำลังของตงไห่และหมิ่นเยว่ โดยกำลังของพวกกบฏนั้นมาจากแคว้นอู๋และแคว้นฉู่เป็นหลัก เพราะว่าเป็นแคว้นใหญ่มีไพร่พลมาก

เริ่มต้นการกบฏ

ในช่วงแรกของการกบฏนั้น พวกกบฏได้ประกาศว่าต้องการกำจัดเฉาชั่ว เพราะเสนอให้ตัดแผ่นดินพวกตนให้กับฮ่องเต้ เพราะฉะนั้นจึงเสนอว่าจะยอมประนีประนอมกับราชสำนักถ้าฮ่องเต้ทรงประหารเฉาชั่ว ในเวลานั้นฮั่นจิงตี้ทรงเผชิญกับแรงกดดันจากฝั่งขุนนาง โดยเฉพาะพวกศัตรูการเมืองของเฉาชั่ว ทำให้พระองค์ต้องตัดสินพระทัยประหารเฉาชั่วโดยปราศจากความผิด

ทว่าสุดท้ายพวกกบฏก็ยังไม่รามืออยู่ดี ทำให้ฮั่นจิงตี้ต้องจัดตั้งกองทัพไปปราบอย่างเป็นทางการ โดยกองทัพทั้งหมดถูกควบคุมโดยโจวหย่าฟู คนที่ฮั่นเหวินตี้เคยสั่งไว้ก่อนตายว่าถ้าเกิดการกบฏให้ชายผู้นี้เป็นแม่ทัพ

โจวหย่าฟูนั้นเป็นบุตรชายของโจวโป หนึ่งในแม่ทัพของหลิวปัง ดังนั้นเขาจึงเติบโตมาในตระกูลแม่ทัพ และมีระเบียบวินัยดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังเคยปะทะกับพวกซงหนูมาแล้ว ดังนั้นมีประสบการณ์ทุกด้านเป็นอย่างดี

ระหว่างที่โจวหย่าฟูยกกองทัพจากฉางอานไปนั้น หลิวพี่ ผู้นำของพวกกบฏได้รับข้อเสนอสามข้อจากเหล่าที่ปรึกษาในการทำศึกจากราชสำนัก ข้อเสนอทั้งสามประกอบด้วย

  1. ให้แยกกองทัพเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งมุ่งหน้าไปยังฉางอาน เมืองหลวงของราชวงศ์ฮั่น ส่วนอีกส่วนหนึ่งให้ยกไปตีแคว้นเหลียง ฐานกำลังของราชสำนัก
  2. ทุ่มกำลังทั้งหมดเข้าตีเมืองลั่วหยาง เพื่อยึดคลังแสงและเสบียงของราชสำนักที่นั่น
  3. ทุ่มกำลังทั้งหมดเข้าตีแคว้นเหลียง เพื่อจะได้ไม่ต้องระวังหลังว่าจะมีกองทัพยกมาตีกระหนาบ

ปรากฏว่าหลังจากถกเถียงอยู่นาน หลิวพี่ตัดสินใจไม่เลือกข้อ 1 เพราะว่าเกรงว่าถ้าแยกกองทัพออกไปแล้ว กองทัพนั้นจะไปยอมจำนนต่อราชสำนัก ส่วนข้อสองนั้นหลิวพี่คิดว่าเสี่ยงเกินไป เพราะฉะนั้นจึงเหลือแผนที่สามเป็นแผนสุดท้าย

ถ้าพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ แล้ว เราจะเห็นว่าพวกกบฏนั้นเสียเปรียบราชสำนักทุกด้าน เพราะมีกำลังไม่ถึง 1 ใน 3 ของราชสำนัก แถมราชสำนักฮั่นก็ยังมั่นคงไม่ได้รวนเรแต่อย่างใด ผมจึงมองว่าถ้าหลิวพี่คิดจะเอาชนะได้จริงๆ เขาควรจะโจมตีจุดที่ราชสำนักคาดไม่ถึง ซึ่งน่าจะตรงกับแผนที่ 2 ในบรรดาสามข้อ

เพราะฉะนั้นหลิวพี่จึงนำกำลังแคว้นอู๋และฉู่ยกไปตีแคว้นเหลียง ส่วนอีกสี่แคว้นที่อยู่ใกล้แคว้นฉีนั้นต่างเห็นประโยชน์ส่วนตน ด้วยการยกไปตีแคว้นฉีโดยหมายใจจะแบ่งดินแดนแคว้นฉีเป็นสี่ส่วน ฝ่ายแคว้นจ้าวนั้นอยู่ใกล้กับราชสำนักมากที่สุด เพราะฉะนั้นจึงเลือกที่จะตั้งรับในดินแดนของตนเอง

ตีแคว้นเหลียงไม่แตก

กองทัพใหญ่ของแคว้นฉู่และอู๋นั้นยกไปตีแคว้นเหลียง หลิวหวู่ให้กองทัพออกต่อสู้ แต่ก็พ่ายแพ้หลายครั้ง จนสุดท้ายต้องถอยกลับไปยังเมืองสุ่ยหยาง เมืองหลวงของตน และตั้งรับอย่างแข็งขัน ทำให้ทหารฉู่และอู๋ยังเข้าเมืองไม่ได้เสียที แม้ว่าจะพยายามเท่าไหนก็ตาม

ฝ่ายโจวหย่าฟูนั้นเลือกที่จะใช้กลยุทธ์ที่คล้ายกับซุนปินในอดีต แทนที่เขาจะยกทัพเข้าช่วยเหลือแคว้นเหลียงโดยตรง เขากลับเคลื่อนกองทัพไปตัดเส้นทางเสบียงของฝ่ายอู๋และฉู่ ขณะเดียวกันก็ให้ทหารเหลียงนั้นรับทัพฉู่และอู๋ที่กำลังฮึกเหิมไปพลางก่อน

ช่วงเวลานี้เองสถานการณ์ที่สุ่ยหยางเข้าขั้นคับขัน หลิวหวู่ส่งม้าเร็วไปราชสำนักหลายต่อหลายรอบเพื่อให้โจวหย่าฟูนำกองทัพมาช่วยเหลือ แต่โจวหย่าฟูกลับเฉยเสีย และส่งกองทัพทั้งหมดเข้ายึดครองเส้นทางเสบียงทั้งหมด ทหารฉู่และอู๋จึงเริ่มอ่อนแอลงเพราะขาดเสบียง

ฝ่ายหลิวพี่นั้นร้อนรนใจมาก เพราะยังตีแคว้นเหลียงไม่ได้ ส่วนเสบียงก็เริ่มจะหมดลง ดังนั้นจำต้องคลายวงล้อมเมืองสุ่ยหยาง แล้วยกขึ้นไปตีแคว้นโจว โดยหวังว่าจะได้เสบียงมาบ้าง แต่ผลปรากฏว่าแคว้นโจวก็กลับตีไม่แตกเสียด้วย เนื่องจากโจวหวางนั้นสั่งให้รักษาเมืองและค่ายคูอย่างเป็นแม่นมั่น

เพียงในเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น กองทัพฉู่และอู๋ก็แตกซ่านกระเซ็นอันเนื่องมาจากหมดสิ้นซึ่งเสบียงอาหาร อู๋หวางหลิวพี่หนีไปยังอาณาจักรตงไห่ แต่กลับถูกสังหารเพราะเกรงว่ากองทัพฮั่นจะยกมาปราบปราม ส่วนฉู่หวางนั้นปลงพระชนม์พระองค์เองหลังจากที่สิ้นท่าในการศึก

การกบฏสิ้นสุด

หลังจากที่สิ้นแคว้นอู๋และฉู่ไปแล้ว แคว้นที่เหลือล้วนแต่ถูกปราบปรามโดยกองทัพของราชสำนักทีละแคว้น ซึ่งกษัตริย์ผู้ครองแคว้นนั้นล้วนแต่ถูกสังหาร บ้างก็ฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิด ราชสำนักฮั่นได้เข้ายึดครองดินแดนของแคว้นที่เป็นกบฏ และนับตั้งแต่บัดนั้นก็ได้ปกครองดินแดนเหล่านั้นโดยตรง ทำให้แคว้นที่หลงเหลืออยู่นั้นหมดสิ้นกำลังที่จะก่อการกบฏอีกต่อไป หลังจากนั้นตราบจนสิ้นสุดราชวงศ์ฮั่น ไม่มีแคว้นใดที่ริอาจเป็นกบฏอีกเลย (แต่การกบฏจะมาในรูปแบบของกบฏชาวนาแทน)

ความสำเร็จในการปราบกบฏนั้นคงต้องยกเครดิตให้กับบุคคลทั้งสองได้แก่ โจวหย่าฟู ผู้คิดกลยุทธ์อันชาญฉลาดในการทำลายข้าศึกอย่างช้าๆ แต่เด็ดขาดกับหลิวหวู่ เหลียงหวางผู้ตั้งรับกองทัพฉู่และอู๋อย่างแข็งแกร่ง จนทำให้พวกกบฏเสียเวลาและไม่อาจยึดเมืองที่มีเสบียงกรังได้ทันท่วงที ถึงกระนั้นหลิวหวู่นั้นโกรธแค้นโจวหย่าฟูเข้ากระดูกดำ เพราะว่าไม่ยอมช่วยเหลือตน หลังจากนั้นเขาก็เป็นศัตรูทางการเมืองของโจวหย่าฟู และมีส่วนสำคัญที่ทำให้ฮั่นจิงตี้ถอดถอนตำแหน่งของโจวหย่าฟูในเวลาต่อมา

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!