ประวัติศาสตร์มหากาพย์ราชวงศ์หลิวซ่ง ตอนที่ 12: ซ่งหมิงตี้ผู้โหดร้าย

มหากาพย์ราชวงศ์หลิวซ่ง ตอนที่ 12: ซ่งหมิงตี้ผู้โหดร้าย

หลังจากที่หลิวจื้อเย่ถูกปลิดชีพไปแล้วในตอนที่แล้ว พวกขุนนางได้ยกหลิวยี่ว์ (ตัวอักษรจีนสะกดคนละแบบกับผู้ก่อตั้งราชวงศ์) ขึ้นเป็นฮ่องเต้พระองค์ใหม่นามว่าซ่งหมิงตี้

ประวัติของซ่งหมิงตี้ผู้นี้นั้นไม่ธรรมดา เรียกได้ว่าก่อนที่จะได้บัลลังก์นั้นเฉียดตายมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะในสมัยของหลิวจื้อเย่ที่เกือบจะถูกประหารชีวิตอยู่แล้ว ด้วยความวิปลาสของเขา แต่ซ่งหมิงตี้ก็รอดมาได้เพราะอย่างไม่น่าเชื่อ

บัลลังก์ที่ปั่นป่วน

ก่อนที่จะได้บัลลังก์นั้นซ่งหมิงตี้มีชื่อเสียงเรื่องเป็นคนอ่อนโยนและเปิดกว้าง แต่ก็ปล่อยเนื้อปล่อยตัวเหมือนกับเชื้อพระวงศ์ระดับสูงที่ยุคนั้น ทำให้พระวรกายอ้วนฉุจนหลิวจื้อเย่มักจะดูถูกเหยียดหยามว่าเป็นเจ้าชายแห่งหมูอยู่บ่อยๆ ดังนั้นบารมีความเป็นฮ่องเต้ที่คนต้องยำเกรงจึงไม่ต้องพูดถึง

แม้ว่าจะไร้ผู้ยำเกรง แต่ซ่งหมิงตี้ก็พยายามเต็มที่เพื่อที่จะให้หัวเมืองต่างๆ ยอมรับพระราชอำนาจ ซึ่งซ่งหมิงตี้เองก็น่าจะยอมรับว่าพระองค์ได้บัลลังก์มาแบบไม่สะอาดเท่าไรนัก แต่ความผิดพลาดก็เกิดขึ้น เพราะพระองค์ดันไปบีบให้หลิวจื่อช่าง อนุชาของหลิวจื่อเย่ฆ่าตัวตาย พวกหัวเมืองต่างๆ จึงหันไปสนับสนุนให้หลิวจื่อสวิน โอรสของซ่งเซี่ยวเหวินตี้เป็นฮ่องเต้

ดังนั้นสงครามกลางเมืองจึงประทุขึ้น ถ้าดูเผินๆ นั้นซ่งหมิงตี้ไม่น่าจะสู้ได้ เพราะอำนาจที่พระองค์มีนั้นครอบคลุมแค่เจี้ยนคัง เมืองหลวงและบริเวณโดยรอบเท่านั้น ส่วนเมืองอื่นๆ ล้วนแต่อยู่ในกำมือพวกกบฏ แม้ว่าเจี้ยนคังจะเป็นเมืองใหญ่มีผู้คนมาก แต่ถ้าไม่ได้เสบียงจากเมืองอื่นๆ แล้ว ผู้คนในเมืองก็คงจะไม่รอดพ้นการอดตาย

ด้วยเหตุนี้พวกกบฏจึงไม่รีบร้อนบุกเข้าเมืองเจี้ยนคัง เพราะคิดว่าถ้าปล่อยไปเฉยๆ ซ่งหมิงตี้ก็คงจะพ่ายแพ้ไปเอง

ฝ่ายซ่งหมิงตี้นั้นก็ทรงทราบเช่นกันว่า เวลาของพระองค์มีไม่มาก ดังนั้นพระองค์ต้องเร่งชิงลงมือก่อน พระองค์โปรดให้อู๋สี่เป็นแม่ทัพนำกองทัพออกไปตีเมืองไคว้จี (หังโจวในปัจจุบัน) เมืองนี้และบริเวณโดยรอบเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ ถ้าตีได้ก็จะเป็นการต่อเวลาให้ราชสำนักได้อย่างมากเลยทีเดียว

ผลปรากฏว่าแค่ชั่วพริบตาเดียว อู่สี่ก็ตีเมืองไคว้จีแตก ราขสำนักที่เจี้ยนคังจึงค่อยหายใจหายคอได้บ้าง หลังจากนั้นซ่งหมิงตี้จึงส่งกองทัพใหญ่เข้ารบกับพวกกบฏ ทหารหลวงรุกรบรวดเร็ว และเป็นฝ่ายตัดเสบียงพวกกบฏได้ ทำให้สุดท้ายทหารกบฏแตกกระจัดกระจายไปคนละทาง หลิวจื่อสวินหลบหนีไม่ทันถูกทหารหลวงสังหาร ทำให้การกบฏสิ้นสุดลง

เสียหัวเมืองทางตอนเหนือ

เดิมทีซ่งหมิงตี้โปรดให้ไว้ชีวิตพวกกบฏที่ยอมจำนน แต่เมื่อการปราบกบฏดำเนินต่อไป พระองค์กลับสั่งให้สังหารพวกกบฏที่ถูกจับเป็นเชลยอย่างไม่ปรานี พอนานวันเข้าพระองค์ก็ตระหนักว่าโอรสทุกคนของซ่งเซี่ยวเหวินตี้นั้นเป็นเสี้ยนหนาม พระองค์จึงโปรดให้สำเร็จโทษทั้งหมดทุกพระองค์ (ว่ากันว่าลู่ไท่โฮ่ว พระมารดาของซ่งเซี่ยวเหวินตี้ก็ถูกปลงพระชนม์ด้วยยาพิษด้วย) ส่วนพวกขุนนางที่พระองค์ระแวงว่าเข้าข้างหลิวจื่อสวินก็ถูกสังหารทั้งหมด

การกวาดล้างและสังหารอย่างไม่ปรานีนั้นสร้างความประหวั่นพรั่นพรึงไปทั่วอาณาจักร รวมไปถึงพวกแม่ทัพและผู้ว่าราชการที่ปกครองเมืองต่างๆ อยู่ด้วย เซวียอันตู ผู้ว่าราชการเมืองสวีโจวจึงเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อราชสำนักเป่ยเว่ย และยกดินแดนที่ตนเองดูแลอยู่ให้ปกครอง พอพวกผู้ว่าราชการจังหวัดอื่นๆ ที่อยู่ใกล้กันอย่างเหยียนโจวก็ไปยอมจำนนต่อเป่ยเว่ยด้วยเช่นกัน

ขณะนั้นซ่งหมิงตี้ได้ส่งกองทัพไปจัดการดินแดนแถบนี้พอดี ราชสำนักเป่ยเว่ยทราบข่าวจึงเร่งส่งกองทัพเข้ามาสนับสนุนเซวียอันตู และตีกระหน่ำกองทัพหลิวซ่งที่ซ่งหมิงตี้ส่งเข้ามาจนแตกกระจัดกระจาย

หลังจากนั้นซ่งหมิงตี้พยายามส่งกองทัพเข้าตีสองจังหวัดนี้คืน แต่ก็เป็นผลเพราะกองทัพเป่ยเว่ยแข็งแกร่งมาก ความล้มเหลวในการยึดสองจังหวัดนี้คืน ทำให้หลิวซ่งสูญเสียจี้โจวและชิงโจวไปอีกสองจังหวัดด้วย (รวมเป็น 4 จังหวัด) เพราะดินแดนส่วนนั้นถูกล้อมโดยดินแดนของราชวงศ์เป่ยเว่ย

การสูญเสียทั้ง 4 จังหวัดภายในเวลาไม่นานถือเป็นเรื่องใหญ่ และเป็นความเสียหายที่ไม่อาจจะประมาณได้ ทั้งสี่จังหวัดนั้นเป็นปราการสำคัญที่ใช้ป้องกันดินแดนทางภาคใต้ การเสียพื้นที่ยุทธศาสตร์เช่นนี้ ทำให้หลิวซ่งอ่อนแอลงมาก

วาระสุดท้าย

ผมมองว่าการสูญเสียจังหวัดทั้ง 4 ได้ทำให้ซ่งหมิงตี้เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยเช่นกัน เดิมทีนั้นพระองค์เป็นฮ่องเต้ที่ใส่ใจราชการพระองค์หนึ่ง หลังจากเหตุการณ์นี้พระองค์กลับเริ่มมีอุปนิสัยวิปลาสคล้ายกับหลิวจื้อเย่ ผู้ที่เสียพระเศียรไปแล้ว และเริ่มงมงายในเรื่องโชคลางต่างๆ ใครละเมิดกฎแปลกๆ ที่พระองค์ทรงตั้งไว้ มีโทษสถานเดียวคือโทษประหาร

ในช่วงปี ค.ศ.471 ซ่งหมิงตี้เริ่มประชวรกระเสาะกระแสะ แม้ว่าจะมีพระชนมายุเพียง 31 พรรษา พระองค์ดำริว่าคงจะมีพระชนม์ชีพอยู่ได้ไม่นาน และเห็นว่าโอรสของพระองค์ยังเยาว์วัยนัก ดังนั้นพระองค์จึงต้องกำจัดเสี้ยนหนามให้โอรสเสียก่อน

เพราะฉะนั้นเหล่าเชื้อพระวงศ์ที่พอมีสติปัญญาจึงถูกจับกุมและนำมาสังหาร เช่นเดียวกับขุนนางและแม่ทัพที่พระองค์ไม่วางพระทัย การสังหารแล้วสังหารแล้วทำให้หลิวซ่งขาดเชื้อพระวงศ์และขุนนางที่มีความสามารถและจงรักภักดี ทำให้ราชวงศ์ที่ทรุดโทรมอยู่แล้วยิ่งจมลงไปอีก

ระหว่างการกวาดล้างนั้น มีแม่ทัพคนหนึ่งนามว่าเซียวเต้าเฉิงที่รอดพ้นพระอาญาไปได้อย่างหวุดหวิด เซียวเต้าเฉิงผู้นี้เองจะเป็นผู้ทำให้ราชวงศ์หลิวซ่งถึงกาลแตกดับ!

ตอนยาวล่าสุด

แนะนำ:จ้านกว๋อ

บทความอื่นๆ

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!