เอเชียจีน"เสิ่นหยาง" อดีตเมืองหลวงแมนจูมีสถานที่ไหนน่าไปเที่ยวบ้าง?

“เสิ่นหยาง” อดีตเมืองหลวงแมนจูมีสถานที่ไหนน่าไปเที่ยวบ้าง?

เสิ่นหยาง (Shenyang) เป็นเมืองเอกของมณฑลเหลียวหนิง มณฑลที่ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน เสิ่นหยางเป็นเมืองที่มีการผสมผสานระหว่างความโดดเด่นของศิลปวัฒนธรรมและความทันสมัยอย่างลงตัว ไม่เพียงเท่านั้นยังมีสวนดอกไม้ที่มีชื่อเสียงอีกด้วย

ผมเชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเสิ่นหยางมาก่อนเลย เพราะฉะนั้นเราไปทำความรู้จักเมืองนี้กันดีกว่าครับ

ที่ประทับจักรพรรดิในพระราชวัง Mukden Palace Image by Bernd Müller from Pixabay

รู้จักเสิ่นหยาง (Shenyang)

เสิ่นหยาง (Shenyang, 沈阳) เป็นเมืองที่มีหลากหลายชื่อ ในสมัยโบราณ ชาวจีนฮั่นจะเรียกเมืองนี้ว่าเฟิงเทียน ส่วนชาวแมนจูจะเรียกว่ามุกเด็น (Mukden) ครับ

หลักฐานทางโบราณคดีแสดงให้เห็นว่าเสิ่นหยางมีมนุษย์อาศัยอยู่มานานกว่า 8,000 ปีขึ้นไป แต่กว่าจะเป็นเมืองก็ต้องรอถึงปี 300 BC (ก่อน ค.ศ.300 ปี) แคว้นเยียนในยุคจ้านกว๋อได้พิชิตดินแดนเหลียวตงจากโกโชซอน (Gojoseon) อาณาจักรของชาวเกาหลี กษัตริย์แคว้นเยียนโปรดให้สถาปนาเมืองขึ้นแถบนี้ เมืองนี้จึงได้ชื่อว่าโหวเฉิง ซึ่งโหวเฉิงก็คือเมืองเสิ่นหยางนั่นเอง

โหวเฉิงตั้งอยู่บริเวณชายแดนจึงถูกพวกอนารยชนปล้นสะดมอยู่เสมอ ในปี ค.ศ.50 เมืองโหวเฉิงได้ถูกปล้นสะดมครั้งใหญ่ ทำให้จักรพรรดิกวงหวู่ตี้โปรดให้ทิ้งเมืองเสีย

หลังจากนั้นดินแดนแถบเมืองเสิ่นหยางก็เปลี่ยนมือกันไปมา ช่วงปี ค.ศ.404 อาณาจักรโกคูรยอได้พิชิตดินแดนแถบนี้ได้สำเร็จ และสร้างเมืองใหม่สองแห่งบริเวณที่เป็นเมืองเสิ่นหยางในปัจจุบัน แต่แล้วเมื่อราชวงศ์ถังพิชิตโกคูรยอได้สำเร็จในปี ค.ศ.668 ดินแดนแถบนี้จึงกลับมาเป็นของอาณาจักรจีนอีกครั้งหนึ่ง

แผนที่เสิ่นหยางในสมัยศตวรรษที่ 17

เสิ่นหยางทำหน้าที่เป็นเมืองชายแดนมาทุกยุคทุกสมัย ในสมัยราชวงศ์หมิง เสิ่นหยางถูกสร้างให้เป็นเมืองที่มีป้อมปราการใหญ่โต เพื่อสกัดการรุกรานจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เราอาจจะกล่าวได้ว่าในบรรดาป้อมปราการทั้งหมดนอกกำแพงเมืองจีน เสิ่นหยางแข็งแกร่งที่สุด (ถ้าไม่นับหนิงหย่วนของหยวนฉงฮ่วน)

แม้ว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่เมืองก็ถูกพิชิตโดยกองทัพแมนจูของนูเอ๋อฮาชื่อในปี ค.ศ.1625 นูเอ๋อฮาชื่อได้สถาปนาเมืองหลวงของอาณาจักรแมนจูขึ้นที่นี่ และโปรดให้สร้างพระราชวังอันใหญ่โตขึ้นที่เสิ่นหยาง

Shenyang Palace By Marcus Raitner, Flickr, CC By SA 2.0

การทรยศของอู๋ซานกุ้ยทำให้กองทัพแมนจูยาตราทัพเข้าแผ่นดินจีนได้สำเร็จในปี ค.ศ.1644 ราชสำนักแมนจูจึงย้ายเมืองหลวงจากเสิ่นหยางมาอยู่ที่ปักกิ่ง แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเมืองหลวงอีกต่อไปแล้ว แต่เสิ่นหยางก็ได้รับบทบาทเป็นเมืองหลวงแห่งที่สอง และปกครองดินแดนที่ชาวแมนจูถือว่าเป็นบ้านเกิดเมืองนอนนอกกำแพงเมืองจีน

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เสิ่นหยางได้ตกอยู่ในเขตอิทธิพลของจักรวรรดิรัสเซีย (Russian Empire) ที่หมายใจจะเขมือบทั้งโชซอนและแมนจูเรียไปพร้อมๆ กัน แต่ความปรารถนาของรัสเซียก็ไม่เป็นจริง เพราะรัสเซียพ่ายแพ้ในสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่นในปี ค.ศ.1905 ชัยชนะของญี่ปุ่นได้ทำให้เสิ่นหยางกลายเป็นเขตอิทธิพลของญี่ปุ่นแทน

เมื่อญี่ปุ่นยกผู่อี้ขึ้นเป็นจักรพรรดิแห่งแมนจูกัว เสิ่นหยางก็ได้เป็นส่วนหนึ่งของประเทศแมนจูกัวที่ไม่มีประเทศใดยอมรับด้วย ญี่ปุ่นได้ใช้เสิ่นหยางเป็นเมืองอุตสาหกรรมหนักเพื่อป้อนทรัพยากรต่างๆให้กับกองทัพญี่ปุ่นจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลงในปี ค.ศ.1945

ทั้งนี้ก่อนสงครามจะสิ้นสุดไม่กี่วัน ผู่อี้และหว่านหรง จักรพรรดิและจักรพรรดินีแห่งแมนจูกัวพยายามจะขึ้นเครื่องบินหลบหนีจากเสิ่นหยาง แต่ไม่สำเร็จ ทั้งสองถูกกองทัพโซเวียตจับกุมตัวได้เสียก่อน

เสิ่นหยางในปัจจุบัน By Aaron Sorrell , CC BY 2.0,

เสิ่นหยางได้รับการพัฒนาเป็นเมืองอุตสาหกรรมหนักในสมัยสาธารณรัฐประชาชนจีน ปัจจุบันอุตสาหกรรมหนักของเสิ่นหยางมีหลากหลายตั้งแต่วิศวกรรมการบิน วิศวกรรมทางทหาร การผลิตเครื่องไม้เครื่องมือ รถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ

สถานะของเสิ่นหยางเป็นเมืองเศรษฐกิจขนาดใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองเมืองหนึ่ง ในปี ค.ศ.2017 เสิ่นหยางมีประชากรทั้งหมด 8.3 ล้านคนครับ

ถัดไปเราไปดูกันดีกว่า เสิ่นหยางมีสถานที่ไหนน่าไปเที่ยวบ้าง

1. Mukden Palace

Mukden Palace หรือ Shenyang Imperial Palace เป็นพระราชวังเก่าที่นูเอ๋อฮาซื่อโปรดให้สร้างขึ้นเมื่อครั้งที่สถาปนาเสิ่นหยางเป็นเมืองหลวง อย่างไรก็ดีเขาไม่มีโอกาสเห็นพระราชวังแห่งนี้เสร็จสมบูรณ์ เพราะสวรรคตไปก่อนในปี ค.ศ.1626

Shenyang Imperial Palace By Gary Todd, Flickr, Public Domain

ตัวพระราชวังมีความคล้ายคลึงกับพระราชวังต้องห้ามที่ปักกิ่ง เพียงแต่ว่ามีขนาดเล็กกว่า กล่าวคือมีเพียง 300 ห้องและครอบคลุมพื้นที่เพียง 12% ของที่ปักกิ่งเท่านั้น

อีกหนึ่งสิ่งที่แตกต่างออกไปคือรูปแบบสถาปัตยกรรม เพราะว่าตัวพระราชวังจะถูกสร้างขึ้นโดยผสมผสานศิลปะฮั่น แมนจู และมองโกลเข้าด้วยกัน ทำให้สวยงามไปอีกแบบหนึ่งครับ

สำหรับใครก็ตามที่ติดตามซีรีส์จีนยุคราชวงศ์ชิงทั้งหลายอย่างเช่น องค์หญิงกำมะลอ หรือปู้ปู้จิงซิ่น อย่าลืมไปชมพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ด้านในพระราชวังแห่งนี้ เพราะคุณจะได้เห็นโบราณวัตถุต่างๆ แบบที่ปรากฏในภาพยนตร์ เพียงแต่ว่าเป็นของจริงเท่านั้นเองครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง Subway Line 1 ลง Central Street ออก Exit C

2. Beiling Park

Beiling Park เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมทั้งโบราณสถาน ทะเลสาบ และต้นไม้อันร่มรื่น ที่นี่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจอันดับต้นๆ ของเมืองเสิ่นหยางเลยครับ

ที่นี่มีมรดกโลกขององค์กร UNESCO ตั้งอยู่ นั่นคือสุสานจ้าวหลิง (Zhaoling Tomb) ของหวงไท่จี๋ จักรพรรดิแมนจูผู้เป็นโอรสของนูเอ๋อฮาซื่อ และเป็นผู้กรุยทางให้กองทัพชิงยาตราทัพเข้าแผ่นดินจีนได้สำเร็จหลังจากที่เขาสวรรคตไปแล้วด้วย

Zhaoling Tomb By Gary Todd, Flickr, Public Domain

เมื่อคุณเดินเข้ามา คุณจะได้เห็นเส้นทางอันโอ่โถงตรงเข้าไปสู่ด้านในสุสาน อนุสาวรีย์ของหวงไท่จี๋ที่สวมใส่เครื่องแต่งกายนักรบอย่างเต็มยศจะเป็นสัญลักษณ์ว่าคุณเดินเข้ามาถูกทางแล้วครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง Subway Line 2 ลง Lingxi แล้วออกทางออก A

สำหรับใครที่อยากชมสุสานเพิ่มเติม สามารถไปชมได้ที่ Fuling Mausoleum ซึ่งเป็นสุสานของนูเอ๋อฮาชื่อ ปฐมจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ชิง หากแต่ว่าการไปอาจจะยากพอสมควร เพราะว่าอยู่บริเวณนอกเมืองครับ

3. Marshal Zhang’s Mansion

Marshal Zhang’s Mansion เป็นบ้านพักขนาดใหญ่ของขุนศึกจางจั๋วหลิน ผู้เคยปกครองเสิ่นหยางและดินแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือหลังจากการล่มสลายของราชวงศ์ชิง

ตัวบ้านพักถูกสร้างขึ้นอย่างสวยงามโดยผสมผสานระหว่างศิลปะตะวันออกและตะวันตก ภายในบ้านมีห้องหับมากถึง 74 ห้องให้คุณได้เข้าชมครับ นอกจากนี้สำหรับใครที่ชอบประวัติศาสตร์ อย่าลืมชมนิทรรศการด้านใน ซึ่งจะเล่าถึงชีวิตอันดราม่าของจางจั๋วหลิน และจางเซวียเหลียง บุตรชายของเขาผู้ที่เคยจี้เจียงไคเช็กที่ซีอานครับ

4. September 18th Historical Museum

September 18th Historical Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รัฐบาลจีนสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงวันที่ 18 กันยายน ค.ศ.1931 ซึ่งเป็นวันสำคัญในประวัติศาสตร์จีนที่ชาวเมืองเสิ่นหยางไม่เคยลืม

วันนั้นเป็นวันที่กองทัพญี่ปุ่นเริ่มรุกรานประเทศจีน โดยใช้ข้ออ้างว่าจีนทำลายเส้นทางรถไฟของญี่ปุ่นใกล้กับเสิ่นหยาง หรือมุกเด็น (เหตุการณ์นี้จึงมีชื่อเรียกในประวัติศาสตร์ว่า Mukden Incident) ต่อมาญี่ปุ่นได้แยกแมนจูเรียจากจีน และตั้งเป็นประเทศแมนจูกัว หรือรัฐในอารักขาของญี่ปุ่น ทั้งนี้ส่วนที่ถูกแยกออกไปนั้นรวมไปถึงเมืองเสิ่นหยางด้วย

ตลอดเวลาที่ถูกญี่ปุ่นยึดครอง ชาวจีนถูกทำร้ายต่างๆ นาๆ ซึ่งคุณจะได้เห็นจากรูปภาพ การแสดงแสงสีเสียง ตลอดจนหุ่นขึ้ผึ้งที่สร้างขึ้นเพื่อจำลองสิ่งที่เกิดขึ้นครับ จากที่ผมเข้าไปชมมาแล้ว ผมว่าการจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ทำได้ดีเยี่ยมเลยทีเดียว

สำหรับใครที่ชอบประวัติศาสตร์ สามารถนั่งรถไปชมพิพิธภัณฑ์อีกแห่งหนึ่งชื่อ Liaoning Provincial Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาโบราณวัตถุต่างๆ ที่พบในมณฑลเหลียวหนิงครับ

5. Shenyang Botanical Garden

Shenyang Botanical Garden หรือสวนพฤษภศาสตร์แห่งเสิ่นหยางเป็นสวนดอกไม้ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง เพราะเคยจัดงานดอกไม้ระดับโลกมาแล้วหลายครั้ง

ที่นี่มีดอกไม้จำนวนมากให้คุณชมเกือบตลอดทั้งปี อย่างในช่วงฤดูใบไม้ผลิ คุณจะได้ชมดอกซากุระ กล้วยไม้ ทิวลิป ขณะที่ในเดือนสิงหาคมจะมีดอกบัวและลิลลี่ให้คุณได้ถ่ายรูปเป็นต้น

ภายในสวนจะมีหอคอยที่สูงถึง 100 เมตรตั้งอยู่ คุณสามารถขึ้นไปชมวิวดอกไม้และเมืองเสิ่นหยางจากบนหอคอยได้ครับ

สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ

นอกเหนือจากสถานที่เหล่านี้ เสิ่นหยางยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ที่น่าสนใจด้วยเช่นกัน อาทิเช่น

  • Shenyang International Ice and Snow Festival – เทศกาลหิมะแบบเดียวกับที่ฮาร์บิน และมีความสวยงามไม่แพ้กัน ส่วนมากจะจัดขึ้นที่ Qipanshan Ski Resort, Dongbeiya Ski Resort และ Baiqingzhai Ski Resort ครับ
  • Strange Slope – ทำไมรถที่อยู่นิ่งที่เนินแห่งนี้กลับไหล “ขึ้น” ภูเขา แทนที่จะไหล “ลง” ภูเขา ต้องมาพิสูจน์ที่นี่ครับ
  • Benxi Water Caves – หนึ่งในถ้ำใต้ดินที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีแม่น้ำภายใน ตัวถ้ำมีความสวยงามมาก แต่การเดินทางอาจจะยากสักหน่อย เพราะถ้ำห่างจากเสิ่นหยางเกือบ 100 กิโลเมตรเลยครับ

เดินทางไปเที่ยวเสิ่นหยางอย่างไรดี?

การไปเที่ยวเสิ่นหยางสามารถไปเองได้ เพราะการคมนาคมค่อนข้างสะดวกสบาย คุณสามารถนั่งเครื่องบินไปลงปักกิ่งก่อน แล้วต่อยนั่งรถมาเสิ่นหยาง และฮาร์บินก็ได้ครับ ซึ่งบริษัททัวร์ไทยก็มักจะจัดทัวร์ในลักษณะนี้เช่นเดียวกัน (ปักกิ่ง-เสิ่นหยาง-ฉางชุน-ฮาร์บิน)

ช่วงที่ดีที่สุดในการเที่ยวเสิ่นหยาง ผมบอกว่าเป็นช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ครับ เพราะคุณจะได้ชมเทศกาลหิมะได้ทั้งที่เสิ่นหยางและฮาร์บินในทริปเดียว

[sc name=”travelthai” ][/sc]
Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwathttps://victorytale.com/about-victorytale/
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Victory Tale ผมชื่นชอบในหลากหลายสาขาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี ไปจนถึงการลงทุน หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ผมก็ได้เป็นนักลงทุนในหุ้น, ติวเตอร์, นักเขียน (ตีพิมพ์ไปแล้ว 3 เล่ม) และในปัจจุบันก็เป็นเจ้าของเว็บไซต์ครับ

สถานที่ท่องเที่ยว

โรงแรมที่พัก

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!