ท่องเที่ยว9 อะทอล (Atoll) แห่งทะเลมัลดีฟส์ที่คุณควรจะเลือกไปพักผ่อน

9 อะทอล (Atoll) แห่งทะเลมัลดีฟส์ที่คุณควรจะเลือกไปพักผ่อน

ประเทศมัลดีฟส์เป็นประเทศที่มีเกาะปะการังรูปวงแหวนหรืออะทอล (Atoll) อยู่มากมาย ซึ่งหลายๆ แห่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมและรีสอร์ทจำนวนมาก นักท่องเที่ยวหลายคนที่สนใจจะไปมัลดีฟส์จึงตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกไปอะทอลไหนดีที่จะได้ประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุด

ในโพสนี้ผมจะรวบรวมจุดแข็งของแต่ละอะทอล เพื่อที่คุณจะได้ตัดสินใจได้ง่ายดายมากขึ้นครับ

ความงดงามของทะเลมัลดีฟส์

ความแตกต่างของแต่ละอะทอล

หลายคนอาจจะสงสัยว่าแต่ละอะทอลของทะเลมัลดีฟส์นั้นแตกต่างกันอย่างไร และส่งผลอย่างไรต่อการเลือกที่พัก สิ่งที่แตกต่างกันมีดังต่อไปนี้ครับ

  • ความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำ – บางอะทอลนั้นเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์น้ำ ดังนั้นจะมีสัตว์น้ำให้ชมมากกว่า หรือว่าสัตว์น้ำที่หายากให้ชมเป็นต้น
  • กิจกรรมต่างๆ – บางอะทอลอาจจะมีกิจกรรมพิเศษให้ผู้มาเยือนได้ทำ เช่นชมทะเลเรืองแสง (Sea of Stars) ที่ Raa Atoll หรือชมวัดพุทธโบราณที่เกาะ Rasdhoo
  • ระยะทางจากมาเล่ (Male) – บางอะทอลอยู่ไกลจากมาเล่มาก ดังนั้นคุณจะมีตัวเลือกเดียวในการเดินทางไปกลับ นั่นก็คือเครื่องบินทะเล (Seaplane) หรือไม่ก็ใช้เวลาเดินทางไปกลับโดยเรือนานมาก ผลที่ตามมาคือค่าเดินทางจะมีราคาสูงมากครับ
  • ความ Exclusive – บางอะทอลจะมีเฉพาะที่พักแบบ 5 ดาวประเภทหรูเลิศอลังการ ซึ่งจะให้ความเป็นส่วนตัวแบบ 100% แก่ผู้เข้าพัก
  • ราคาที่พัก – ที่พักบนอะทอลบางแห่งจะสูงกว่าที่อื่นๆ แม้ว่าจะเป็นโรงแรมหรือรีสอร์ทในระดับเดียวกันก็ตาม

ความแตกต่างเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อการเลือกรีสอร์ทและโรงแรมในมัลดีฟส์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผมจึงแนะนำอย่างยิ่งให้ตรวจสอบข้อมูลทุกอย่างให้ดีก่อนที่จะจอง และเลือกอะทอลให้เหมาะสมกับความต้องการของคุณครับ

1. Baa Atoll

Baa Atoll เป็นหนึ่งในอะทอลยอดนิยมของนักท่องเที่ยวมัลดีฟส์เลยก็ว่าได้ สาเหตุหนึ่งเพราะที่นี่เป็น World Biosphere Reserve ขององค์การ UNESCO ทำให้ไม่ต้องสงสัยว่าท้องทะเลอุดมสมบูรณ์เป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นฉลาม แมนต้า เต่า ไปจนถึงปะการัง แต่ที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็น Hanifaru Huraa อ่าวที่เต็มไปด้วยแพลงตอนที่เป็นอาหารของสัตว์ทะเลนั่นเอง

ความงดงามของ Baa Atoll

อะทอลแห่งนี้จึงเป็นที่นิยมในหมู่นักดำน้ำตื้นอย่างมาก และเรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักทะเลเลยก็ว่าได้

By Ahmed Abdul Rahman , CC BY-SA 4.0,

โรงแรมในอะทอลแห่งนี้ก็มีมากมายให้เลือกสรร ดังนั้นถือเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ เลยครับ แต่ก็มีข้อเสียอยู่บ้างคือตัวอะทอลห่างจากมาเล่ (Male) เมืองหลวงของมัลดีฟส์ถึง 114 กิโลเมตร ถ้าจะเดินทางมาที่อะทอลนี้จะต้องบินโดยใช้เครื่องบินทะเลครับ (ใช้เวลาประมาณ 35 นาที)

2. North/South Ari Atoll

Ari Atoll เป็นอะทอลที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ โดยมีเกาะเล็กเกาะน้อยถึง 105 เกาะด้วยกัน ในปัจจุบันรัฐบาลมัลดีฟส์ได้แบ่งการปกครองอะทอลแห่งนี้เป็นสองส่วน ได้แก่ North Ari Atoll และ South Ari Atoll ครับ

ที่นี่มีหนึ่งในแนวปะการังที่ดีที่สุดที่มัลดีฟส์ นอกจากปะการังสีสันสวยงามแล้ว ยังมีสัตว์น้ำทั้งเล็กและใหญ่ให้ชมอย่างจุใจด้วย ดังนั้นถ้าอยากจะดำน้ำดูปะการัง (ได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึก) แล้ว เลือกที่นี่ไปได้เลยครับ

จุดที่น่าสนใจในหมู่เกาะนี้มีอยู่หลายแห่ง อย่างเช่นที่ South Ari Atoll (Alifu Daalu) จะมีฉลามวาฬให้ชมตลอดปี ตลอดจนสัตว์น้ำอื่นๆ นานาชนิด ถ้าอยากได้ความหลากหลาย ที่นี่ถือว่ายอดเยี่ยมครับ

By Bruno de Giusti – Own work, CC BY-SA 2.5 it

ส่วนทางตอนเหนืออย่าง North Ari Atoll (Alifu Alifu) ก็มีทั้งแมนต้าเรย์ ฉลามหัวค้อน และอื่นๆ อีกมากมายครับ แต่ถ้าใครเบื่อท้องทะเลแล้ว คุณก็สามารถไปเที่ยวเกาะ Rasdhoo ซึ่งเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในอะทอลแห่งนี้ ที่นี่เป็นที่ตั้งของวัดพุทธเก่าแก่ (สร้างตั้งแต่ศาสนาอิสลามเข้ามาในมัลดีฟส์) รวมไปถึงมัสยิดที่มีอายุหลายร้อยปีครับ

ด้วยความที่เป็นอะทอลขนาดใหญ่ ที่นี่จึงมีโรงแรมและรีสอร์ทจำนวนมาก รวมไปถึงโรงแรมในเครือ Centara, Conrad, Radisson Blu ที่คนไทยคุ้นเคยอีกด้วยครับ

Veligandu Island ที่ North Ari Atoll

เนื่องจาก Ari Atoll มีเกาะต่างจำนวนมาก ดังนั้นระยะทางจากมาเล่จะไม่เท่ากัน โดยจะอยู่ที่ 38-105 กิโลเมตร ซึ่งการเดินทางจะต้องใช้ speedboat หรือว่าเครื่องบินทะเลครับ

3.Male Atoll

Male Atoll เป็นอะทอลที่เป็นที่ตั้งของมาเล่ เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศมัลดีฟส์ และเป็นเมืองที่มีความหนาแน่นของประชากรสูงที่สุดในโลกด้วย เพราะเกือบหนึ่งในสามของชาวมัลดีฟส์ได้ลงหลักปักฐานที่นี่ครับ

แม้ว่าจะเป็นอะทอลเมืองหลวง แต่ก็มีเกาะน้อยใหญ่อยู่รายรอบ ท้องทะเลของที่นี่ก็มีสัตว์ทะเลและปะการัง ตลอดจนหาดทรายสีขาวที่สวยงามให้คุณได้ชมและผ่อนคลายอิริยาบถครับ

สำหรับใครที่ชอบดำน้ำลึก ทางตอนเหนือของอะทอลมีจุดชื่อ Gaafaru Falhu ซึ่งเป็นจุดดำเรือจมที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศมัลดีฟส์ครับ และใกล้ๆ ยังมีจุดยอดนิยมสำหรับการเล่น surfing อีกด้วย

โรงแรมที่อะทอลแห่งนี้ก็มีมากมายให้เลือก แต่จุดแข็งของการเลือกพักที่ Male Atoll (ไม่ว่าจะ North หรือ South) คือ คุณไม่จำเป็นต้องเสียเงินแพงๆ ในการนั่งเครื่องบินทะเล เพราะคุณสามารถเดินทางไปจากมาเล่โดยใช้ speedboat ในเวลาไม่เกินครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

แถมราคาที่พักต่อคืนก็ยังไม่แรงเท่ากับเกาะอื่นๆ ที่อยู่ไกล ดังนั้นเหมาะมากสำหรับใครที่อยากประหยัดค่าใช้จ่ายครับ

4. Shaviyani Atoll

Shaviyani Atoll เป็นอะทอลที่อยู่ทางตอนเหนือสุดของประเทศ และเป็นจุดที่คงความเป็นมัลดีฟส์แบบดั้งเดิมมากที่สุด จุดเด่นของอะทอลแห่งนี้คือหาดทรายสีขาวที่มีความงดงามเป็นอันดับต้นๆ ของหมู่เกาะมัลดีฟส์ รวมไปถึงหินทรายที่เป็นแหล่งอนุบาลเต่าทะเลที่สำคัญของท้องทะเลแถบนี้ครับ

นอกจากนี้บริเวณอะทอลแห่งนี้ยังมีโบราณสถานอย่างเช่นมัสยิดเก่าแก่หลายร้อยปีที่มีจารึกอักษร Thaana ที่เก่าแก่ที่สุดอีกด้วย ดังนั้นใครอยากชมวัฒนธรรมมัลดีฟส์โบราณ ที่นี่ถือว่าน่าสนใจเลยทีเดียวครับ

โรงแรมที่อะทอลแห่งนี้ถือว่าน้อยกว่าที่อื่น เท่าที่ผมเห็นส่วนมากจะเป็นโรงแรมระดับ 5 ดาวสุดหรูครับ

อย่างไรก็ดีข้อเสียของอะทอลนี้คือ ระยะทางที่ไกลจากมาเล่มาก (ประมาณ 200 กิโลเมตร) ทำให้คุณต้องบินด้วยเครื่องบินทะเลเท่านั้น ซึ่งจะใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงครับ

5. Vaavu Atoll

Vaavu Atoll เป็นอะทอลที่มีหนึ่งในจุดดำน้ำลึกที่ดีที่สุดของมัลดีฟส์อย่าง Fotteyu Kandu ซึ่งจุดดำน้ำนี้มีภูมิประเทศที่แปลกตากว่าจุดอื่นๆ ในมัลดีฟส์ไม่ว่าจะเป็นถ้ำขนาดเล็ก โตรกแคบๆ ฯลฯ แถมยังมีฉลามและกระเบนอีกมากมายครับ

ไม่เพียงเท่านั้นที่นี่เป็นจุดยอดนิยมของนักท่องเที่ยวในการตกปลา และทำกิจกรรมทางน้ำอื่นๆ แต่สิ่งที่ดีที่สุดเหมือนจะเป็นจำนวนนักท่องเที่ยวที่หนาแน่นน้อยกว่าที่อื่นครับ

สำหรับเรื่องที่พักนั้นมีให้เลือกหลายระดับทีเดียว ตั้งแต่รีสอร์ทสุดหรูไปจนถึงเกสต์เฮ้าส์ แต่ราคาทั่วไปจะถูกกว่าที่อะทอลดังๆ ดังนั้นคุณสามารถได้ห้องพักชั้นยอดในราคาประหยัดครับ

อะทอลแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากมาเล่มากนัก (48-70 กิโลเมตร) ดังนั้นวิธีการเดินทางมีให้เลือกทั้ง speedboat หรือเครื่องบินทะเล และการเดินทางจะใช้เวลาไม่นานเท่าไรนักอีกด้วย

6. Raa Atoll

แม้ว่าในอดีตอะทอลแห่งนี้จะไม่เปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความงาม แต่ในปัจจุบัน Raa Atoll เป็นอะทอลขนาดใหญ่ (90 เกาะ) ที่เต็มไปด้วยรีสอร์ทและที่พักมากมายครับ

จุดแข็งของอะทอลแห่งนี้คือ แหล่งดำน้ำอันอุดมสมบูรณ์ที่มีภูมิประเทศใต้น้ำอันแปลกตา รวมไปถึงสัตว์ต่างๆ ไม่แพ้กับ Baa Atoll นอกจากนี้ที่นี่ยังมีจุดเล่น surfing ยอดนิยมอีกด้วยครับ

น้ำทะเลในลากูนของที่นี่ก็แน่นอนว่าเป็นสี turquoise อันสวยงาม แต่จุดที่โดดเด่นที่สุดคือ Sea of Stars ของเกาะ Vaadhoo Island ซึ่งน้ำทะเลบริเวณหาดบนเกาะจะเห็นเป็นสีน้ำเงินเรืองแสงในตอนกลางคืน สาเหตุก็คือบริเวณนั้นมี phytoplankton มากมายนั่นเองครับ

ราคาที่พักต่อคืนของอะทอลนี้ถือว่าสูง เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยังอะทอล เพราะว่าตัวอะทอลห่างจากมาเล่ 125-180 กิโลเมตรเลยครับ

7. Noonu Atoll

Noonu Atoll เป็นอะทอลที่ห่างจากมาเล่ถึง 200 กิโลเมตร ดังนั้นการเดินทางไปอะทอลแห่งนี้ใช้ทั้งเวลาและค่าใช้จ่าย แต่ถ้าคุณอยากได้ความเป็นส่วนตัวแบบสุดๆ แล้วละก็ อะทอลแห่งนี้น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในมัลดีฟส์เลยครับ

ที่นี่มีทั้งจุดดำน้ำระดับท็อป ไปจนถึงลากูนที่สวยงาม และหาดทรายสีขาวสะอาดที่แทบไม่มีใครได้สัมผัสมาก่อน แต่พิเศษกว่าที่อื่นคือทั้งอะทอลมีแต่รีสอร์ทระดับท็อปสำหรับนักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก

ดังนั้นถ้าเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับคุณ และคุณอยากได้ความ exclusive ผมมองว่าไม่มีตัวเลือกไหนดีกว่าที่นี่ครับ

8. Lhaviyani Atoll

บริเวณโดยรอบของ Lhaviyani Atoll นั้นเต็มไปด้วยแหล่งดำน้ำระดับโลกที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์น้ำ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมทางน้ำให้คุณได้ทำหลายอย่างตั้งแต่เจ๊ทสกี พายเรือ หรือแม้กระทั่งรับประทานอาหารที่ห้องอาหารใต้ทะเล ทำให้เป็นตัวเลือกที่ดีมากของใครที่ชอบกิจกรรมสนุกๆครับ

ส่วนโรงแรมนั้นถือว่าหลากหลาย โดยมีตั้งแต่รีสอร์ทระดับ 3 ดาว (คืนละพันกว่าบาท) ไปจนถึงแบบอลังการดาวล้านดวง (คืนละเกือบสองแสนบาท) ครับ

ระยะทางจากมาเล่มายังอะทอลแห่งนี้ถือว่าไกลพอสมควร (100-130 กิโลเมตร) ดังนั้นในการเดินทาง คุณจะต้องใช้เครื่องบินทะเลเป็นพาหนะ ซึ่งจะใช้เวลา 30-40 นาทีครับ

9. Faafu Atoll

ถ้าคุณเป็นสายรักความสงบแบบสุดๆ และเบื่อหน่ายที่เที่ยวที่มีคนพลุกพล่าน ผมมองว่า Faafu Atoll แห่งนี้จะเหมาะที่สุดสำหรับคุณ

อะทอลแห่งนี้มีนักท่องเที่ยวไม่มากเท่าไรนัก แต่ความสวยกลับไม่ได้ยิ่งหย่อนกว่าที่อื่นเลย ที่นี่มีลากูนขนาดใหญ่ที่ให้คุณชมความงามของท้องทะเล ย่างเท้าลงบนหาดทรายเนียนนุ่ม พร้อมกับสัมผัสกับสายลมที่พัดผ่านไปได้อย่างเต็มอิ่มครับ

นอกจากนี้คุณยังสัมผัสกับชีวิตชาวประมงของที่นี่ได้อีกด้วย เพราะว่าที่นี่มีหมู่บ้านชาวประมงตั้งอยู่ ซึ่งชนพื้นเมืองหาเลี้ยงชีพด้วยการจับปลามาตั้งแต่อดีตกาลครับ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีมัสยิดอายุเกือบพันปีให้ชมอีกด้วย

เที่ยวมัลดีฟส์ช่วงไหนดี

ช่วงเวลาดีที่สุดในการเที่ยวมัลดีฟส์คือช่วงฤดูร้อน (ธันวาคมถึงเมษายน) ซึ่งจะเป็นช่วงที่อากาศดี คุณไม่ต้องกลัวมรสุมหรือพายุต่างๆ ในมหาสมุทรอินเดียครับ ข้อเสียของช่วงนี้ก็คือราคาที่พักจะสูงกว่าช่วงอื่นอย่างชัดเจนนั่นเอง

แต่จริงๆ แล้วช่วงอื่นของปีก็สามารถเที่ยวได้เช่นกัน แต่อากาศจะไม่ค่อยดี เพราะมรสุมจะพัดผ่านหมู่เกาะ ฝนจึงจะตกบ่อย และเพิ่มอันตรายให้กับกิจกรรมต่างๆ

อย่างไรก็ดีในช่วง off-season นั้น ค่าห้องพักต่อคืนจะถูกกว่ามาก ในบางกรณีอาจจะถูกกว่าถึง 80% ทำให้คุณประหยัดค่าใช้จ่ายได้อย่างมากเลยครับ

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwathttps://victorytale.com/about-victorytale/
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Victory Tale ผมชื่นชอบในหลากหลายสาขาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี ไปจนถึงการลงทุน หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ผมก็ได้เป็นนักลงทุนในหุ้น, ติวเตอร์, นักเขียน (ตีพิมพ์ไปแล้ว 3 เล่ม) และในปัจจุบันก็เป็นเจ้าของเว็บไซต์ครับ

สถานที่ท่องเที่ยว

โรงแรมที่พัก

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!