ประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่มีมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมและธรรมชาติรวมแล้วถึง 29 แห่ง (ณ เดือนพฤศจิกายน 2019) ในจำนวนนี้ 18 แห่งเป็นมรดกโลกทางด้านวัฒนธรรมซึ่งทรงคุณค่า และมีความงดงาม ยิ่งใหญ่ ควรค่าแก่การไปเที่ยวชมอย่างมาก
ในโพสนี้ผมจึงขอเลือกมา 9 แห่ง ซึ่งเราน่าไปเยี่ยมเยือนสักครั้ง จะมีที่ไหนบ้าง ไปดูกันเลยครับ
1. เครมลินแห่งมอสโกและจัตุรัสแดง
เครมลินแห่งมอสโก (Moscow Kremlin) และจัตุรัสแดง (Red Square) ตั้งอยู่ที่ใจกลางกรุงมอสโก เครมลินเป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยแกรนด์ดัชชีแห่งมอสโกแล้ว ในอดีตซาร์แห่งรัสเซียทุกพระองค์จะทำพิธีราชาภิเษกในเครมลินแห่งมอสโก แม้ว่าเมืองหลวงจะย้ายไปเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กแล้วก็ตาม
ในปัจจุบันเครมลินแห่งมอสโกมีอายุเกือบหนึ่งพันปี และเป็นสถานที่พำนักของประธานาธิบดีรัสเซียด้วย
ส่วนจัตุรัสแดงเองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ในบริเวณนี้มีสิ่งก่อสร้างสำคัญอย่างมหาวิหารเซนต์เบซิล (St.Basil Cathedral) และสุสานของเลนิน (Lenin Mausoleum) ทำให้สถานที่แห่งนี้ทรงคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมรัสเซียเป็นอย่างยิ่ง
2. เซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก
ยูเนสโกให้มอบความเป็นมรดกโลกให้กับย่านเก่าแก่ของเมืองเซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก และรวมไปถึงพระราชวังต่างๆ โดยรอบ ทำให้ขนาดของมรดกโลกแห่งนี้ถือว่าใหญ่โตทีเดียว
เซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก (St.Petersburg) เคยเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิรัสเซีย ครั้งหนึ่งเมืองแห่งนี้เคยได้สมญานามว่า “เวนิสแห่งอุดรทิศ” (Venice of the North) ผ่านไปหลายร้อยปี เซนต์ปีเตอร์สเปิร์กยังคงความยิ่งใหญ่ และสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็น ทำให้ปัจจุบันสถานะของเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กเป็นเมืองหลวงทางวัฒนธรรมของประเทศรัสเซีย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า ถ้าเดินทางมาเที่ยวรัสเซีย เซนต์ปีเตอร์สเปิร์กเป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวห้ามพลาดโดยเด็ดขาด ตัวเมืองแห่งนี้ทั้งเมืองเปรียบได้กับพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งขนาดใหญ่ที่สามารถเดินเที่ยวชมได้อย่างต่อเนื่องครับ
3. The Trinity Lavra of St. Sergius
The Trinity Lavra of St.Sergius (Тро́ице-Се́ргиева Ла́вра) เป็นมหาวิหารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเมือง Sergiev Posad ใกล้กับกรุงมอสโก (ทัวร์ไทยบางทัวร์ชอบเรียกชื่อเมืองนี้ว่า Zagorsk ซึ่งเป็นชื่อในสมัยโซเวียต ทั้งๆที่มันถูกเปลี่ยนกลับเป็น Sergiev Posad มานานกว่า 28 ปีแล้ว) และเป็นส่วนหนึ่งของเมืองท่องเที่ยวในกลุ่ม Golden Ring
มหาวิหารแห่งนี้เปรียบได้กับ “กรุงโรม” ของชาวรัสเซียที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายรัสเซียนออโธดอกซ์ เพราะที่นี่เป็นศูนย์รวมจิตใจและจิตวิญญาณของพวกเขา ทุกวันผู้แสวงบุญและผู้ศรัทธาจะเดินทางมายังมหาวิหารแห่งนี้เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมไปถึงรองน้ำศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำไปดื่มกินที่บ้านด้วย
แม้ว่าสิ่งก่อสร้างหลายแห่งจะถูกทำลาย และของมีค่าถูกปล้นสะดมในสมัยโซเวียต แต่ความศักดิ์สิทธิ์และความงดงามของมหาวิหารแห่งนี้ยังคงอยู่มิเสื่อมคลาย
4. Kizhi Pogost
Kizhi Pogost เป็นศาสนสถานที่ประกอบด้วย โบสถ์ที่สร้างขึ้นตามสถาปัตยกรรมรัสเซียจำนวน 2 หลัง และหอระฆังอีกหลังหนึ่ง ศาสนสถานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่เกาะในทะเลสาบ Onega ในสาธารณรัฐ Karelia ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของรัสเซีย
ความโดดเด่นของศาสนสถานแห่งนี้คือ โบสถ์ทั้งสองและหอระฆังสร้างขึ้นจาก “ไม้” ซึ่งเป็นวัสดุที่ไม่คงทนเท่าไรนัก แต่กลับมีอายุมาแล้วอย่างน้อย 300 ปี และยังคงความสวยงามเช่นเดิม แม้ว่าจะแทบไม่ได้รับการดูแลใดๆ เลยในสมัยโซเวียตก็ตาม
Kishi Pogost จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงความสามารถของช่างไม้รัสเซียโบราณ และเป็นมรดกที่สำคัญของมนุษยชาติ เพราะภายในโลกยากที่หาสิ่งก่อสร้างที่ทำจากไม้ใดที่ทนทานได้ขนาดนี้
5. Kazan Kremlin
เครมลินแห่งคาซาน (Kazan Kremlin) เป็นป้อมปราการที่ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองคาซาน เมืองเอกของรัสเซียในรัฐ Tatarstan
ลักษณะของเครมลินแห่งคาซานต่างจากเครมลินที่มอสโก เพราะเครมลินแห่งนี้สร้างขึ้นโดยเป็นการผสมผสานของศิลปะรัสเซีย ตาตาร์ โกลเด้นฮอร์ด และอื่นๆ อีกหลายประเภท ทำให้อาคารแต่ละหลังในเครมลินแห่งคาซานมีรูปร่างและความงามที่ต่างออกไปจากที่อื่นๆ
อายุของเครมลินเชื่อกันว่าอย่างน้อย 500-600 ปี แต่ถ้านับสิ่งก่อสร้างที่มีอยู่เดิมแล้ว อาจจะมีอายุเก่าแก่ถึง 1,000 ปีเลยทีเดียว เพราะเครมลินแห่งคาซานสร้างทับปราสาทเก่าแก่ของข่านแห่งคาซาน หลังจากที่อีวานผู้เลวร้ายตีเมืองนี้ได้สำเร็จ
ในอดีตคาซานแห่งเครมลินเคยยิ่งใหญ่และอลังการกว่านี้ แต่พวกคอมมิวนิสต์ได้ทำลายมหาวิหารไปหลายหลังด้วยกัน แต่โชคยังดีที่อาคารหลักๆ อย่าง Söyembikä Tower ยังอยู่มาถึงปัจจุบันนี้
6. Solovetsky Monastery
Solovetsky Monastery เป็นมหาวิหารขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือสุดของรัสเซีย ใกล้กับเหมือน Arkhangelsk วิหารแห่งนี้มีอายุเกือบ 600 ปี และผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ ในประวัติศาสตร์รัสเซียมาหลายเหตุการณ์ด้วยกัน
มหาวิหารแห่งนี้เคยเป็นสถานที่นักบุญฟิลิปแห่งมอสโกเคยเป็นเจ้าอาวาส ก่อนที่เขาจะถูกใส่ความและสังหารโดยซาร์อีวานผู้เลวร้าย (Ivan the Terrible) ในเวลาต่อมายังเป็นฐานที่มั่นสำคัญของพวกศาสนิกเก่า (Old Believers) หลังจากที่มีการปฏิรูปศาสนาในสมัยของซาร์อเล็กเซย์ด้วย
ในสมัยโซเวียต มหาวิหารแห่งนี้ถูกพวกโซเวียตเปลี่ยนไปเป็นคุกต้นแบบ (gulag) ซึ่งพวกโซเวียตได้นำโมเดลที่ใช้ในมหาวิหารแห่งนี้ไปใช้กับที่อื่นๆ ในเวลาต่อมา สถานที่แห่งนี้จึงเรียกได้ว่าทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง
ปัจจุบันมหาวิหารแห่งนี้ยังคงตั้งตระหง่านอยู่อย่างเงียบสงบ และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้ สิ่งก่อสร้างในมหาวิหารยังคงเป็นของเดิมตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 16 ซึ่งยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ถึงกระนั้นรัฐบาลรัสเซียกำลังซ่อมแซมมหาวิหารเพื่อทำให้กลับมาสวยงามเช่นเดิม
7. Novodevichy Convent
Novodevichy Convent เป็นอารามขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในกรุงมอสโก อารามแห่งนี้มีอายุเกือบ 500 ปี และเป็นอารามไม่กี่แห่งที่รอดพ้นมือของพวกโซเวียตมาได้
ในอดีตอารามแห่งนี้ถูกใช้เป็นสถานที่ทางศาสนาสำหรับเชื้อพระวงศ์ของแกรนด์ดัชชีแห่งมอสโก รวมไปถึงเคยถูกใช้เป็นสถานที่คุมขังเชื้อพระวงศ์ระดับสูงอย่างเจ้าหญิงโซเฟียที่แย่งอำนาจกับซาร์ปีเตอร์มหาราชด้วย แต่ในเวลาต่อมากลับถูกใช้เป็นสำนักแม่ชีแทน
อารามแห่งนี้มีสิ่งก่อสร้างมากมายที่สร้างขึ้นด้วยศิลปะแบบ Moscovite Baroque ซึ่งมีความสวยงามไม่เหมือนใคร ทำให้มหาวิหารแห่งนี้โดดเด่นจากระยะไกล ถ้าท่านเดินทางมามอสโก อารามแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่พลาดไม่ได้เลยทีเดียว
8. Vladimir and Suzdal
วลาดิเมียร์ (Vladimir) และซูสดัล (Suzdal) เป็นเมืองในย่านโกลเด้นริงที่อยู่ใกล้กับกรุงมอสโก ในอดีตเมืองทั้งสองเคยอยู่ในปกครองของนครรัฐเดียวกันที่มีชื่อว่า วลาดิเมียร์-ซูลดัล
ยูเนสโกได้ให้สิ่งก่อสร้างหลายแห่งในทั้งสองเมืองเป็นมรดกโลกในนาม สิ่งก่อสร้างสีขาวในวลาดิเมียร์และซูลดัล (White Monuments of Vladimir and Suzdal)
สิ่งก่อสร้างเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นโบสถ์และศาสนสถานที่มีสีขาว อาทิเช่น
- Cathedral of the Assumption (วลาดิเมียร์)
- Golden Gate (วลาดิเมียร์)
- The Monastery of Our Saviour and St Euthymius (ซูสดัล)
- Cathedral of the Nativity (ซูลดัล)
โบสถ์และศาสนสถานเหล่านี้เป็นสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ที่สุดในรัสเซียที่เหลือรอดมาถึงปัจจุบัน โดยมีอายุอย่างน้อย 800 ปี และสร้างขึ้นด้วยศิลปะเก่าแก่แบบดั้งเดิม ทำให้หาชมได้ยากมาก ด้วยความที่เมืองทั้งสองอยู่ไม่ไกลจากมอสโกมากนัก ถ้าเหลือเวลาในมอสโก สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้ครับ
9. Novgorod
Novgorod หรือ Veliky Novgorod เป็นเมืองสำคัญที่รุ่งเรืองอย่างมากในช่วงศตวรรษที่ 9-14 ถ้าเปรียบกับเมืองอื่นๆ ในรัสเซียในช่วงนั้น ไม่มีเมืองใดที่เก่าแก่และรุ่งเรืองมากกว่าเมืองนี้อีกแล้ว แม้กระทั่งมอสโกก็ตาม
ในอดีต Novgorod เป็นเมืองแห่งการค้าขนาดใหญ่ ทำให้มีผู้เข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก พัฒนาการทางศิลปะและสถาปัตยกรรมจึงก้าวหน้าตามไปด้วย ชาวรัสเซียถือว่า Novgorod เป็นบ้านเกิดของศิลปะรัสเซียเลยทีเดียว
ทุกวันนี้ Novgorod ยังเหลือสิ่งก่อสร้างเก่าแก่หลายหลัง ซึ่งอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเครมลินแห่งนอฟโกรอดอันเก่าแก่ที่เคยถูกโจมตีมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง หรือมหาวิหารเซนต์โซเฟียอันศักดิ์สิทธิ์ที่มีอายุเกือบหนึ่งพันปี นอกจากนี้ภายในเมืองยังมีพิพิธภัณฑ์หลายแห่งที่เก็บรักษาผลงานศิลปะแบบดั้งเดิมเอาไว้ด้วย
อย่างไรก็ตามการไปเที่ยวเมืองนี้ต้องตั้งใจไปจริงๆ เพราะ Novgorod ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กพอดี วิธีไปที่ง่ายที่สุดคือต้องนั่งรถไฟไปนั่นเอง
ส่งท้าย
[sc name=”travelthai” ][/sc]Sources: