ประวัติศาสตร์รัสเซียครอบครัวซาร์พิธีราชาภิเษกครั้งสุดท้ายของรัสเซีย: นิโคลัสที่ 2 และอเล็กซานดรา

พิธีราชาภิเษกครั้งสุดท้ายของรัสเซีย: นิโคลัสที่ 2 และอเล็กซานดรา

หลังจากซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 3 สิ้นลมหายใจ ซาร์นิโคลัสที่ 2 ถือว่าได้เป็นซาร์และจักรพรรดิแห่งรัสเซียโดยพฤตินัยแล้ว แต่ตามธรรมเนียมแล้ว การไว้อาลัยให้อดีตจักรพรรดิจะใช้เวลานานถึง 1 ปี ทำให้พิธีราชาภิเษกต้องชะลอไปก่อน

ปลายปี ค.ศ.1895 การไว้อาลัยสิ้นสุดลง ทั่วทั้งรัสเซียต่างตื่นเต้นกับพิธีราชาภิเษกอย่างมาก พิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้จะเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม ค.ศ.1896 ที่เมืองมอสโก (มาสควา) เมืองหลวงเก่าของรัสเซียมาตั้งแต่เดิม

ฝ่ายจัดงานเริ่มซ่อมแซมส่วนของพระราชวังที่ชำรุดทรุดโทรม และประดับประดาเมืองทั้งเมืองเพื่อรับกับงานนี้ จดหมายเชิญถูกส่งไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลก เพื่อเชิญตัวแทนจากส่วนต่างๆ ของรัสเซียและประเทศต่างๆ ให้มาแสดงความยินดีกับพิธีราชาภิเษกที่จะจัดขึ้นอย่างหรูหราที่มอสโก เหรียญจำนวนนับแสนถูกทำขึ้นเพื่อเป็นของที่ระลึกแก่ประชาชนและแขกที่มาร่วมในงานดังกล่าว

ช่วงเวลาของงานยาวนานถึง 20 วัน นั่นคือเริ่มในวันที่ 6 พฤษภาคม และเสร็จสิ้นสมบูรณ์ในวันที่ 26 พฤษภาคม

ซาร์นิโคลัสที่ 2

นิโคลัสและอเล็กซานดรามาถึง

การจัดเตรียมงานดำเนินไปอย่างเรียบร้อย ฝ่ายจัดงานได้สร้างสถานที่พักพิเศษที่เนิน Sparrow Hills เพื่อเป็นที่พักอาศัยของนิโคลัสและอเล็กซานดราที่กำลังมาถึงมอสโก ภายในคืนวันที่ 5 พฤษภาคม แขกที่ได้รับเชิญทุกคนก็มาถึงบริเวณพิธีเพื่อรอการมาของซาร์องค์ใหม่ในวันรุ่งขึ้น

นิโคลัสและอเล็กซานดราเดินทางมาด้วยรถไฟและถึงสถานีรถไฟ Smolensky ที่มอสโก ในเช้าของวันที่ 6 พฤษภาคม แกรนด์ดยุคเซอร์เกย์และเหล่าเชื้อพระวงศ์เดินทางมาต้อนรับ และอัญเชิญนิโคลัสและอเล็กซานดราไปยังพระราชวังเปตรอฟสกี้ (Petrovsky Palace)

ขบวนพิธี

ในวันที่ 7 พฤษภาคม นิโคลัสและอเล็กซานดราต้อนรับเอมีร์แห่งบูคารา มิตรสหายคนสำคัญของราชวงศ์โรมานอฟจากเอเชียกลางที่เดินทางมาด้วยตนเอง นอกจากนั้นยังมีแขกคนสำคัญอื่นๆ อย่างข่านแห่งเอเชียกลาง และผู้ปกครองดินแดนต่างๆ อีกมากมาย หลังจากนั้นทั้งสองได้พักผ่อนและใช้เวลาไปกับการเตรียมตัวเข้าพระราชวังเครมลินในวันที่ 9 พฤษภาคม

คืนวันที่ 8 พฤษภาคม เสียงดนตรีอันไพเราะถูกบรรเลงอย่างไพเราะในกรุงมอสโกโดยนักดนตรีและนักขับร้องกว่า 1,200 คน ปวงชนรัสเซียต่างตื่นเต้นกับสิ่งที่เห็นเป็นอย่างมาก

เข้าสู่เครมลิน

เช้าวันที่ 9 พฤษภาคม เหล่าทหารราบและทหารม้าจัดเรียงเป็นแถวเพื่อรอต้อนรับขบวนของนิโคลัสและอเล็กซานดราที่จะเข้าสู่เครมลิน เสียงดนตรียังดังไปทั่วเมืองเช่นเดิม นิโคลัสและอเล็กซานดราออกจากพระราชวัง Petrovsky และมุ่งหน้ามายังพระราชวังเครมลิน

เหล่าทหารต่างเตรียมพร้อม

ระหว่างนั้นชาวเมืองมอสโกหลายหมื่นคนมองไปยังซาร์และซาริซาองค์ใหม่ของพวกเขาที่กำลังเดินเข้าสู่ประตูเครมลิน พวกเขาถอดหมวกออกและทำสัญลักษณ์ไม้กางเขน เพื่อทำความเคารพต่อซาร์แห่งรัสเซีย ผู้เป็นเหมือนผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกเขาด้วย บางคนถึงกับร้องไห้ด้วยความปลาบปลื้มใจ

ตามเส้นทางสู่เครมลิน นิโคลัสและอเล็กซานดราพบว่าบาทหลวงในคริสตจักรรัสเซียนออโธดอกซ์จำนวนมากได้รอทั้งสองอยู่แล้ว เหล่าบาทหลวงประสิทธิ์ประสาทพรให้กับซาร์และซาริซาองค์ใหม่

หลังจากนั้นนิโคลัสได้ขึ้นม้าสีเทา และนำขบวนของเหล่าเชื้อพระวงศ์มุ่งหน้าไปยังส่วนของมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ในเครมลิน เมื่อถึงบริเวณ Chapel of Our Lady of Iver นิโคลัสลงจากม้าและช่วยอเล็กซานดราและซาริซามาเรียที่โดยสารรถม้าลงจากรถ หลังจากนั้นนิโคลัสจึงเข้าไปสักการะรูปเคารพของ Blessed Virgin of Iver รูปเคารพที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของมอสโก ตามธรรมเนียมเก่าแก่ที่ว่าเมื่อซาร์แห่งรัสเซียจะเข้าสู่เครมลินจะต้องมาสักการะที่นี่ก่อนทุกครั้ง

ตัวแทนจากสยาม

ต่อมานิโคลัสและอเล็กซานดราเดินทางไปสักการะมหาวิหารศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามในพระราชวังเครมลินได้แก่ มหาวิหาร Assumption (Uspensky Cathedral) มหาวิหาร Archangel และมหาวิหาร The Annunciation หลังจากนั้นทั้งสองจึงไปพักผ่อนที่ส่วนพระราชวังในเครมลิน

ในวันที่ 10-11 นิโคลัสและอเล็กซานดราออกมาต้อนรับทุตานุทูตจากประเทศต่างๆ หลายสิบประเทศที่เดินทางมาแสดงความยินดี หนึ่งในนั้นมีตัวแทนของสยามด้วย ส่วนวันที่ 12-13 ไม่มีพิธีใดๆ แต่เป็นเวลาให้ฝ่ายจัดงานได้จัดเตรียมงานในขั้นสุดท้ายให้พร้อม สัญลักษณ์ของราชวงศ์โรมานอฟถูกนำไปประดับประดาอย่างเรียบร้อยในส่วนท้องพระโรงของพระราชวังเครมลิน

พิธีราชาภิเษก

นิโคลัสและอเล็กซานดราระหว่างพิธีราชาภิเษก

ในวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ.1896 วันนั้นนิโคลัสและอเล็กซานดราตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ อเล็กซานดรากังวลมากเพราะกลัวว่าจะทำพลาด นิโคลัสจึงต้องใช้เวลาปลอบเธอว่าทุกอย่างจะดำเนินไปอย่างเรียบร้อย

นิโคลัสเล่าในไดอารี่ว่าวันนั้นเป็นวันที่ท้องฟ้าสดใสดีเยี่ยม นิโคลัสและอเล็กซานดราสวมใส่เครื่องแต่งกายสำหรับพิธีอย่างอลังการ แต่ตอนนั้นอเล็กซานดราทรมานมากเพราะชุดของเธอหนักมากเพราะมันเต็มไปด้วยอัญมณี

ในเวลาประมาณ 10 โมงเช้า ทั้งสองเข้าอยู่ในขบวนแห่ที่เรียกว่าสุดยอดที่สุดในรัสเซีย เพราะมีทั้งสัญลักษณ์ของราชวงศ์ทุกชนิดตั้งแต่ มหามงกุฎองค์ใหญ่ องค์เล็กไปจนถึงสิ่งของล้ำค่าของราชวงศ์อื่นๆ เช่นรถม้าอันล้ำค่าของแคทเทอรีนมหาราชเป็นต้น

มงกุฎของราชวงศ์โรมานอฟ

ขบวนดังกล่าวนำนิโคลัสและอเล็กซานดราไปสู่มหาวิหาร Assumption อันเป็นที่ประกอบพิธีราชาภิเษก ตลอดเส้นทางมีตัวแทนของประเทศต่างๆ ยืนรอแสดงความยินดี

เมื่อนิโคลัสเข้าใกล้ถึงบริเวณพิธีแล้ว Metropolitan (เป็นชื่อตำแหน่งของผู้นำทางศาสนา) แห่งเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กได้นำไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์มาให้นิโคลัสได้จูบ เช่นเดียวกับ Metropolitan แห่งเคียฟที่พรมน้ำศักดิ์สิทธิ์ไปที่นิโคลัสและอเล็กซานดรา

ขบวนพิธี

ต่อมานิโคลัสและอเล็กซานดราได้เดินเข้าไปในมหาวิหาร Assumption และได้สักการะรูปเคารพต่างๆ สามครั้งตามพิธี หลังจากนั้นทั้งสองจึงเดินเข้าไปที่ส่วนกลางของมหาวิหาร บัลลังก์สามที่รอทั้งสองอยู่แล้ว

บัลลังก์ตรงกลางที่นิโคลัสจะนั่งเป็นบัลลังก์ของซาร์มิคาอิล ซาร์องค์แรกของราชวงศ์โรมานอฟ ส่วนอเล็กซานดราจะนั่งลงบนบัลลังก์ของอีวานที่ 3 แห่งมอสโก บัลลังก์อีกที่หนึ่งเป็นของซาร์อเล็กเซย์และจะถูกนั่งโดยอดีตซาริซามาเรีย มารดาของนิโคลัส

บัลลังก์ทั้งสามนี้มีเพชรและอัญมณีมีค่าอื่นๆ นับพันเม็ด ทำให้บัลลังก์ทั้งสามเรียกว่ามีค่าจนประมาณไม่ได้

เหล่าบาทหลวงได้เดินเข้ามาหาซาร์องค์ใหม่และมอบหนังสือบทสวดมนต์ให้นิโคลัสได้อ่าน เมื่อนิโคลัสอ่านบทสวดมนต์เสร็จสิ้นแล้ว Metropolitan แห่งเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กกล่าวว่า

คำอวยพรของดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์อยู่กับท่าน อาเมน

หลังจากนั้นการเปลี่ยนเครื่องแต่งกายบางส่วนก็เริ่มต้นขึ้น นิโคลัสถอดสร้อยของ Order of St.Andrew ออกเพื่อที่เหล่าสังฆราชาแห่งเซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก เคียฟ และมอสโกจะได้นำผ้าสีม่วงอันเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงจักรพรรดิมาสวมใส่ให้นิโคลัส รวมไปถึงสร้อยเพชรของ Order of St.Andrew เส้นใหม่ที่ถูกสวมใส่ที่หัวไหล่ด้วย

นิโคลัสเข้ารับการเจิมโดย Metropolitan

เมื่อแต่งกายเสร็จสิ้นแล้ว นิโคลัสคุกเข่าลงเพื่อภาวนาให้กับรัสเซียและประชาชนทั้งมวล และรับการเจิมที่ศีรษะด้วยน้ำมันศักดิ์สิทธิ์โดยเหล่าสังฆราชา

ต่อมานิโคลัสและอเล็กซานดราเดินขึ้นบันไดเพื่อที่จะขึ้นไปยังบัลลังก์ จังหวะนั้นเองนิโคลัสกลับทำสร้อยของ Order of St.Andrew หลุดและร่วงไปยังพื้น แทบจะไม่มีใครสังเกตเห็นนอกจากผู้ที่อยู่ใกล้นิโคลัสที่สุดไม่กี่คน ถึงกระนั้นบางคนคิดว่านี่เป็นลางร้ายที่จะเกิดขึ้นกับนิโคลัสและราชวงศ์

จริงๆ นิโคลัสจะทำมันตกก็ไม่แปลก สร้อยถูกวางบนหัวไหล่ แถมบนตัวของนิโคลัสมีเครื่องประดับมากมายเต็มไปหมด มือขวาของเขาถือคทา ส่วนมือซ้ายถือลูกแก้ว การจะทำของบางชิ้นตกจึงไม่ใช่เรื่องประหลาดเลย

หลังจากนั้นเหล่าสังฆราชาได้ว่ากล่าวบทสวดมนต์ เมื่อการสวดมนต์เสร็จสิ้นแล้วพิธีมอบมงกุฎก็เริ่มต้นขึ้น สังฆราชาแห่งเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กจึงนำมงกุฎแห่งราชวงศ์ที่ใช้มาตั้งแต่สมัยแคทเทอรีนมหาราชมามอบให้กับนิโคลัส

นิโคลัสนำมงกุฎดังกล่าวสวมใส่บนศีรษะของตนเองตามธรรมเนียมโบราณที่ซาร์แห่งรัสเซียจะต้องสวมมงกุฎด้วยตนเอง เดิมทีนิโคลัสไม่ต้องการใช้มงกุฎนี้ในการประกอบพิธีเลย เพราะมันหนักมาก และนิโคลัสเองอยากสวมใส่มงกุฎเก่าแก่ของศตวรรษที่ 12 มากกว่า แต่แน่นอนว่าความต้องการของนิโคลัสเป็นไปไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นซาร์แห่งรัสเซีย แต่นิโคลัสไม่อาจละเมิดธรรมเนียมเก่าแก่ได้

พิธีราชาภิเษก

หลังจากนั้นนิโคลัสนั่งลงบนบัลลังก์ของซาร์มิคาอิล และเรียกอเล็กซานดราเข้ามาใกล้ๆ เพื่อทำพิธีราชาภิเษกซาริซา

นิโคลัสยืนขึ้น เขาถอดมงกุฎบนศีรษะออกและสวมมันลงไปที่ศีรษะของอเล็กซานดราเป็นพิธี หลังจากนั้นนิโคลัสได้นำมงกุฎของเขากลับไปสวมบนศีรษะไว้ตามเดิม นิโคลัสได้มงกุฎที่เล็กกว่ามาสวมใส่บนศีรษะของอเล็กซานดราแทนตามประเพณีโบราณ

นิโคลัสวางมงกุฎบนศีรษะของอเล็กซานดรา ในภาพมงกุฎน่าจะเล็กกว่าความเป็นจริง

พิธีการดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว นิโคลัสและอเล็กซานดรานั่งบนบัลลังก์ที่จัดไว้ให้ และให้เหล่าเชื้อพระวงศ์เข้ามาถวายพระพรและความจงรักภักดี หลังจากนั้นเสียงคอรัสภายในโบสถ์ก็ดังขึ้น เพลงดังกล่าวอวยพรให้ซาร์และซาริซาองค์ใหม่มีความสุขสถาพรตลอดไป เมื่อเสียงเพลงจบลง เสียงปืน 101 นัดก็ดังขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองพิธีดังกล่าว

ต่อมานิโคลัสยืนขึ้นและเอ่ยบทสวดมนต์อีกครั้ง เมื่อเสร็จสิ้นแล้วเหล่าบาทหลวงก็เอ่ยบทสวดมนต์ปิดท้าย ในตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่นิโคลัสและอเล็กซานดราจะลงจากบัลลังก์ได้

หลังจากที่นิโคลัสและอเล็กซานดราลงจากบัลลังก์และออกจากมหาวิหาร พิธีราชาภิเษกถือว่าเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ ทั้งสองเดินทางไปพักผ่อนก่อนที่จะต้องเดินทางไปรับประทานอาหารตามพิธีในช่วงบ่ายของวันนั้น

นิโคลัสและอเล็กซานดราต่างอิ่มเอมใจกับพิธีในวันนั้นอย่างมาก นิโคลัสบรรยายในบันทึกของเขาว่า

ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในมหาวิหาร assumption แม้ว่ามันจะช่างเหมือนความฝันเสียเหลือเกิน จะไม่ถูกลืมตลอดชีวิตของฉัน

นอกจากนิโคลัสจะไม่ลืมแล้ว ผู้ที่เข้าร่วมในงานนั้นก็ไม่ลืมเช่นเดียวกัน เพราะว่านั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่รัสเซียมีงานใหญ่เช่นนั้น

การเฉลิมฉลอง

หลังจากพิธีเสร็จสิ้นแล้ว การเฉลิมฉลองดำเนินต่อไปอย่างยิ่งใหญ่ นิโคลัสและอเล็กซานดราจัดงานต้อนรับตัวแทนประชาชนและเหล่าทูตในเครมลิน ทุกอย่างดูเรียบร้อยมาก เรียบร้อยเสียจนไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น

เครมลินถูกประดับประดาอย่างยิ่งใหญ่เพื่อการเฉลิมฉลอง

ในวันที่ 18 พฤษภาคม ค.ศ.1896 ตามกำหนดการแล้วนิโคลัสและอเล็กซานดราจะต้องออกไปให้ประชาชนชมบารมีที่ทุ่ง Khodynka แต่แล้วการประสานงานที่ผิดพลาด การคุมฝูงชนที่ล้มเหลว และข่าวลือที่ไม่มีมูลทำให้งานที่ควรจะเป็นงานมงคลกลับเป็นงานอวมงคล เพราะฝูงชนกลับเหยียบกันตายจนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 1,300 คน

นิโคลัสรู้สึกเจ็บปวดมากกับเหตุการณ์วันนั้น เขาบันทึกความเจ็บปวดของเขาลงในไดอารี่ นิโคลัสรู้สึกว่ามันเป็นบาปมหันต์ที่ตัวเขาได้ทำลงไป ทั้งๆที่จริงๆแล้วโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความผิดของนิโคลัสเลยแม้แต่น้อย

แม้พิธีราชาภิเษกจะจบลงด้วยความเศร้า แต่เราปฏิเสธไม่ได้เลยว่านั่นเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ นับตั้งแต่บัดนั้นรัสเซียไม่มีพิธีที่ยิ่งใหญ่และหรูหราเทียบเท่าครั้งนั้นอีกเลย ความยิ่งใหญ่ของพิธีครั้งนั้นกลายเป็นตำนานที่ไม่อาจจะหวนคืน

Sources:

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwathttps://victorytale.com/about-victorytale/
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Victory Tale ผมชื่นชอบในหลากหลายสาขาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี ไปจนถึงการลงทุน หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ผมก็ได้เป็นนักลงทุนในหุ้น, ติวเตอร์, นักเขียน (ตีพิมพ์ไปแล้ว 3 เล่ม) และในปัจจุบันก็เป็นเจ้าของเว็บไซต์ครับ

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!