ประวัติศาสตร์แกรนด์ดัชชีแห่งมอสโก จากหมู่บ้านเล็กๆ สู่มหาอำนาจของโลก

แกรนด์ดัชชีแห่งมอสโก จากหมู่บ้านเล็กๆ สู่มหาอำนาจของโลก

มอสโก หรือ มาสควา (Moscow, Москва) เป็นเมืองหลวงของรัสเซียในปัจจุบัน หากแต่ว่าท่านทราบหรือไม่ ความเป็นชาติของรัสเซียในปัจจุบันมีต้นกำเนิดมาจากเมืองนี้

มอสโกเป็นเมืองร่วมสมัยกับอยุธยา มอสโกตั้งในปี ค.ศ.1280 ส่วนอยุธยาก่อตั้งในปีช่วงปี ค.ศ.1350 ซึ่งทำให้ระยะเวลาไม่ห่างกันเท่าใดนัก

หากแต่ว่าสถานะของมอสโกและอยุธยาในเวลานั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง อยุธยาเริ่มต้นด้วยการเป็นเมืองหลวง และเจริญรุ่งเรือง ส่วนมอสโกไม่ได้เป็นมากกว่าหมู่บ้านธรรมดาที่เอาไว้ใช้ค้าขายเล็กๆ ดังนั้นในจุดเริ่มต้นมอสโกน่าจะเล็กกว่าอยุธยาเสียอีก

ไม่มีใครคาดคิดว่าภายในเวลาสองร้อยปี มอสโกจะกลายเป็นมหาอำนาจและเป็นต้นกำเนิดของจักรวรรดิรัสเซียในเวลาต่อมา

มอสโกในฐานะเมืองระดับกลางช่วงสมัยศตวรรษที่ 14

จุดเริ่มต้นของมอสโก

พวกมองโกลทำลายอาณาจักรคีฟสกา รุส ในปลายศตวรรษที่ 13 ทำให้เมืองต่างๆ ในดินแดนรัสเซียต้องจำนนต่อข่านแห่งมองโกล แผ่นดินรัสเซียแตกสาแหรกขาด แตกแยกเป็นแว่นแคว้นต่างๆ

มอสโกเป็นหนึ่งในดินแดนของนครรัฐวลาดิเมียร์-ซูสดัลที่ปกครองโดยอเล็กซานเดอร์ เนฟสกี้ วีรบุรุษของชาวรัสเซีย เมื่อเนฟสกี้สิ้นชีวิต เหล่าลูกๆ ของเขาได้แบ่งดินแดนดังกล่าวกัน โดยดานีล หรือ แดเนียล (Даниил, Daniel) บุตรชายคนสุดท้องของเนฟสกี้ได้รับดินแดนที่แย่ที่สุด นั่นก็คือหมู่บ้านมอสโกแห่งนี้นี่เอง

ด้วยเหตุนี้ดานีลจึงเป็นคเนียสคนแรกแห่งมอสโก ซึ่งยศตำแหน่งของเขาเทียบเท่ากับ “เจ้าชาย” (Prince)

ถึงแม้จะเป็นหมู่บ้านที่เล็กและเทียบไม่ได้กับเมืองอื่นๆ แต่มอสโกมีข้อดีคือติดแม่น้ำ และมีป่าสูงอยู่รายรอบ ทำให้พวกศัตรูเข้าถึงยาก และตัวหมู่บ้านก็เล็กเกินกว่าที่จะมีใครมาสนใจ

ดานีลสร้างความเจริญให้กับมอสโกอย่างมากมาย เมื่อมอสโกเริ่มเจริญรุ่งเรืองขึ้น ดานีลเริ่มส่งกำลังออกเข้าโจมตีเมืองรายรอบ ภายในต้นศตวรรษที่ 13 ดานีลชิงเมือง Kolomna ป้อมปราการสำคัญแถบนั้นได้สำเร็จ ทำให้มอสโกควบคุมแม่น้ำมาสควาทั้งสาย การค้าขายเริ่มจะรุ่งเรืองตามลำดับ จากที่เคยเป็นหมู่บ้าน มอสโกจึงเริ่มกลายเป็นเมือง

ระหว่างที่หัวเมืองอื่นๆของรัสเซียสู้รบกันเองเพื่อแย่งชิงอำนาจและดินแดน ดานีลนำมอสโกออกจากการต่อสู้ดังกล่าว และใช้เวลาพัฒนาเมืองให้รุ่งเรืองขึ้น เมื่อดานีลสิ้นพระชนม์ มอสโกกลายเป็นเมืองขนาดย่อม และมีกำลังมากขึ้น

ยูรี่ (Юрий, Yuriy) คเนียสคนใหม่ได้ขยายดินแดนออกไปทางทิศตะวันตก และส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับข่านมองโกลแห่งอาณาจักรโกลเด้นฮอร์ด ผู้ที่หัวเมืองต่างๆ ของรัสเซียต้องยอมอ่อนน้อมในเวลานั้น

การทูตอันชาญฉลาดทำให้ในสายตาของข่านแห่งโกลเด้นฮอร์ดแล้วนั้น มอสโกดูเหมือนลูกรัก ด้วยเหตุนี้จึงอนุญาตให้ยูรี่อ้างสิทธิ์ในนครรัฐวลาดิเมียร์-ซูสดัลซึ่งเป็นนครรัฐใหญ่ได้

ยูรี่จึงกลายเป็นแกรนด์คเนียสแห่งวลาดิเมียร์ และปกครองเมืองหลายแห่งที่อยู่ในการครอบครองเดิมของนครรัฐดังกล่าวด้วย อย่างไรก็ตาม ยูรี่ไม่ได้ย้ายเมืองหลวงไปที่วลาดิเมียร์ แต่ยังคงตั้งเมืองหลวงอยู่ที่มอสโกตามเดิม อำนาจและอิทธิพลของมอสโกจึงเพิ่มขึ้นนับสิบเท่า สถานะของมอสโกถูกยกสูงขึ้นกลายเป็นแกรนด์ดัชชีแห่งมอสโก

ภายใต้พวกมองโกล

อีวานที่ 1 แกรนด์คเนียสคนต่อมาได้ดำเนินยุทธศาสตร์ใหม่ นั่นคือตีสนิทพวกมองโกลให้อนุญาตให้มอสโกเป็นผู้รวบรวมภาษีจากหัวเมืองต่างๆในรัสเซียเพื่อส่งต่อให้กับข่านแห่งโกลเด้นฮอร์ดอีกทีหนึ่ง ด้วยเหตุนี้มอสโกจึงยิ่งเป็นเมืองสำคัญ บารมีของมอสโกจึงเริ่มสูสีกับติเว (Tver, Тверь) และกลายเป็นคู่แข่งบารมีกัน

อีวานที่ 1

ในปี ค.ศ.1327 ติเวได้เป็นกบฏต่อพวกมองโกล ทำให้อีวานรับอาสานำกำลังไปปราบ กองทัพมอสโกสามารถเอาชนะติเวได้สำเร็จ พวกมองโกลจึงยิ่งมอบรางวัลและอำนาจให้กับอีวานอย่างมากมาย ในฐานะเมืองขึ้นผู้ซื่อสัตย์

อีวานไม่ได้ต้องการเป็นเมืองขึ้นของพวกมองโกลตลอดไป แต่เขารู้ดีว่ามอสโกเป็นแค่ไม้ซีกไม่อาจจะไปงัดกับไม้ซุงได้ เรื่องการปลดปล่อยดินแดนรัสเซียต้องเป็นเรื่องของชนรุ่นหลัง หน้าที่ของเขาคือสร้างความเข้มแข็งให้มอสโกมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาจึงใช้เงินทองมากมายที่ได้จากพวกมองโกล “ซื้อ” ดินแดนจากนครรัฐอื่นๆ ให้มาเป็นของมอสโก ทำให้บริเวณภาคกลางของรัสเซียนั้น มอสโกเป็นนครรัฐที่เข้มแข็งที่สุด

ความยิ่งใหญ่ของมอสโกเริ่มทำให้เพื่อนบ้านของมอสโกตื่นตระหนก โดยเฉพาะสาธารณรัฐนอฟโกรอดที่ครองความยิ่งใหญ่อยู่ทางตอนเหนือของรัสเซีย และแกรนด์ดัชชีแห่งลิทัวเนียที่ครอบครองดินแดนอันกว้างใหญ่ของยูเครนและเบลารุส การกระทบกระทั่งจึงมีอยู่บ่อยครั้ง

หากแต่ว่าเหล่าแกรนด์คเนียสแห่งมอสโกล้วนแต่ตระหนักดีว่า ศัตรูอันดับหนึ่งของมอสโกคืออาณาจักรโกลเด้นฮอร์ดของชาวมองโกลที่อยู่ทางตอนใต้นั่นเอง มอสโกต้องสะสมกำลังเพื่อปลดแอกดินแดนรัสเซียทั้งปวงจากพวกมองโกล

โอกาสของมอสโกมาถึงในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 14 อาณาจักรโกลเด้นฮอร์ดมีสงครามกลางเมืองทำให้กำลังอ่อนแอลงมาก แกรนด์คเนียสดมิทรี อิวาโนวิช หรือ ดมิทรีแห่งแม่น้ำดอนได้ประกาศตัวเป็นศัตรูกับพวกมองโกล ทำให้กองทัพมองโกลขนาดใหญ่ยกมาปราบ

ดมิทรีรวบรวมหัวเมืองรัสเซียทั้งหลายเข้าเป็นกองทัพ และเข้าปะทะกับพวกมองโกลในยุทธการแห่งคูลิโคโว การต่อสู้ดำเนินไปอย่างรุนแรง กองทัพรัสเซียจวนจะแตกพ่ายอยู่แล้ว แต่ในเสี้ยววินาทีสุดท้าย กองทัพรัสเซียเป็นฝ่ายตีโต้และได้ชัยชนะ

ชัยชนะของดมิทรีเป็นชัยชนะเหนือพวกมองโกลเป็นครั้งแรกของชาวรัสเซีย แม้ว่าดมิทรียังไม่สามารถปลดแอกดินแดนรัสเซียจากพวกมองโกลได้อย่างเด็ดขาด เพราะกองทัพมองโกลกองใหม่ได้เข้าตีมอสโกจนแตก และทำให้ดมิทรีต้องยอมรับอำนาจของพวกมองโกลอีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตามดมิทรีได้แสดงให้เห็นว่า พวกมองโกลก็แพ้เป็น หลังจากนั้นเมืองในรัสเซียทั้งหลายต่างยอมอยู่ภายใต้การนำของมอสโกทั้งหมด มอสโกจึงอยู่ในสถานะเป็นผู้นำของรัสเซียไปโดยปริยาย

ในรัชสมัยของดมิทรี มอสโกประสบกับการรุกรานจากแกรนด์ดัชชีแห่งลิทัวเนียด้วยเช่นกันถึงสามครั้ง แต่ทว่าทุกครั้งดมิทรีสามารถเอาชนะการรุกรานดังกล่าวได้

หลายสิบปีหลังจากชัยชนะของดมิทรี มอสโกรุ่งเรืองขึ้นมากกว่าเดิม และได้ประโยชน์จากการที่ติมูร์ (บรรพบุรุษของบาเบอร์) รุกรานอาณาจักรโกลเด้นฮอร์ด มอสโกจึงปฏิเสธที่จะจ่ายภาษีและมอบบรรณาการให้กับพวกมองโกลอีกต่อไป

ในช่วงกลางศตวรรษที่ 15 มอสโกกลับต้องเผชิญหน้ากับสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์รัสเซียยุคเก่าในสมัยของแกรนด์คเนียสวาซิลีที่ 2 แต่สุดท้ายทุกอย่างก็จบลง มอสโกกลับคืนสู่ความสงบสุขตามเดิม

เรืองอำนาจ

อีวานที่ 3 (Ivan III) หรือ อีวานมหาราช ขึ้นเป็นแกรนด์คเนียสแห่งมอสโกในปี ค.ศ.1462 รัชสมัยของอีวานเป็นรัชสมัยแห่งการพัฒนาของมอสโกในทุกด้าน

อีวานที่ 3

สิ่งที่อีวานกระทำคือ เขารวบรวมหัวเมืองรัสเซียต่างๆ ให้อยู่ในการควบคุมของมอสโกโดยตรงทั้งหมด เขาถอดคเนียสของหัวเมืองต่างๆ และเปลี่ยนเมืองเหล่านั้นให้เป็นจังหวัดของมอสโก เช่นเดียวกับดินแดนของน้องชายของเขาด้วย ด้วยเหตุนี้มอสโกจึงเริ่มกลายเป็นอาณาจักรที่ครอบคลุมดินแดนรัสเซียอันกว้างใหญ่ ที่มีอำนาจสูงสุดอยู่ที่แกรนด์คเนียสแต่เพียงผู้เดียว โครงสร้างแบบรัฐซ้อนรัฐที่มีมาตั้งแต่สมัยคีฟสกา รุส จึงไม่มีอีกต่อไป

อำนาจที่เพิ่มพูนของมอสโกทำให้มอสโกเข้าสู่สงครามกับนอฟโกรอด มหาอำนาจเก่าแก่ที่ปะทะกันมานานนับร้อยปี (เหมือนไทยกับพม่า) และได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ อีวานผนวกดินแดนมากมายของนอฟโกรอดเข้าเป็นส่วนหนึ่งของมอสโก หลังจากนั้นนอฟโกรอดไม่อาจช่วงชิงความยิ่งใหญ่กับมอสโกได้อีกเลย

แต่เหนือสิ่งอื่นใด อีวานได้ทำให้มอสโกและรัสเซียพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของอาณาจักรโกลเด้นฮอร์ดของชาวมองโกลอย่างเป็นทางการ อีวานฉีกสาส์นของข่านของอาณาจักรโกลเด้นฮอร์ดออกเป็นชิ้นๆ และนำกองทัพเข้าเผชิญหน้ากับกองทัพมองโกล แต่กองทัพมองโกลถอยไปก่อนที่จะได้ปะทะกัน

หลังจากนั้นไม่นานอาณาจักรโกลเด้นฮอร์ดก็มีความวุ่นวายภายในและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทำให้มอสโกและรัสเซียเป็นอิสระจากพวกมองโกลโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้เขายังส่งกองทัพเข้าโจมตีคาซาน และทำให้คาซานยอมอ่อนน้อมต่อมอสโกด้วย

อีวานได้แต่งงานกับเจ้าหญิงโซเฟียแห่งจักรวรรดิไบแซนไทน์ หลานสาวของจักรพรรดิไบแซนไทน์คนสุดท้ายที่สวรรคตในการเสียกรุงคอนสแตนติโนเปิล ทำให้สถานะของอีวานสูงยิ่งขึ้น ในเวลาต่อมาศักดิ์ของแกรนด์คเนียสจะกลายเป็น “ซาร์” (Tsar) แห่งรัสเซีย

ตลอดเวลาสี่สิบกว่าปีที่อีวานครองราชย์ มอสโกได้กลายเป็นอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในยุโรป ดินแดนภายใต้มอสโกได้เพิ่มขึ้นเป็นสามเท่า แผ่นดินรัสเซียถูกรวมเข้าเป็นหนึ่ง อีวานได้สร้างรากฐานสำคัญให้กับจักรวรรดิรัสเซียภายภาคหน้า

ธงประจำเมืองมอสโก

ราชวงศ์โรมานอฟ

หลายสิบปีหลังจากที่อีวานมหาราชสวรรคต อีวานที่ 4 หรือ อีวานผู้เลวร้ายได้ครองบัลลังก์แห่งมอสโก และได้สถาปนาตนขึ้นเป็นซาร์แห่งรัสเซียอย่างเป็นทางการในปี ค.ศ.1547 อาณาจักรรัสเซียจึงเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ แกรนด์ดัชชีแห่งมอสโกจึงกลายเป็นอดีตไปแล้ว

แม้รัชสมัยของอีวานจะดำเนินไปด้วยความโหดร้าย และเต็มไปด้วยการฆ่าฟัน แต่อีวานประสบความสำเร็จในการสยบคาซานที่แข็งข้อได้อย่างถาวร และเริ่มบุกเบิกดินแดนทางทิศตะวันออก ทำให้อำนาจของรัสเซียเริ่มแพร่เข้าไปในเขตอูรัลและไซบีเรีย

อย่างไรก็ตามแผ่นดินรัสเซียทำให้เกิดความวุ่นวายใหญ่ในช่วงที่เรียกว่า Time of Troubles ในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 มอสโกและแผ่นดินรัสเซียอยู่ในการยึดครองของกองทัพโปแลนด์ ทำให้ชาวรัสเซียสุ่มเสี่ยงต่อการตกเป็นเมืองขึ้นอีกครั้ง

Coat of Arms ของจักรวรรดิรัสเซีย สังเกตว่าที่ตรงกลางมีสัญลักษณ์ของมอสโกอยู่

หากแต่ว่าเรื่องมหัศจรรย์กลับเกิดขึ้น เจ้าชายโพชาสกี้และคูซมา มินิน ได้รวบรวมกองกำลังกู้ชาติขึ้น และเอาชนะกองทัพโปลได้อย่างเด็ดขาดที่มอสโก

เมื่อกองทัพโปลแตกไปจากดินแดนรัสเซียแล้ว สภาชนชั้นสูงได้เลือกมิคาอิล โรมานอฟ ที่พำนักอยู่ที่วิหารอิปาตเยฟเป็นซาร์พระองค์ใหม่

มิคาอิลจึงได้เป็นซาร์พระองค์แรกแห่งราชวงศ์โรมานอฟ และฟื้นฟูอาณาจักรรัสเซียขึ้นมาอย่างดังเดิม สืบไปอีกสองชั่วคน ปีเตอร์มหาราชได้เป็นซาร์แห่งรัสเซีย และเอาชนะสวีเดนได้สำเร็จใน Great Northern War หลังจากนั้นปีเตอร์ได้ยกสถานะของรัสเซียให้เป็นจักรวรรดิ

จักรวรรดิรัสเซียจึงเริ่มต้นนับแต่บัดนั้น และได้เป็นหนึ่งในมหาอำนาจของโลกมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งถ้าย้อนกลับไปแล้ว จักรวรรดิรัสเซียก็มีที่มาจากหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อมอสโกนั่นเอง

บทความประวัติศาสตร์

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!