ประวัติศาสตร์จีนจ้านกว๋อการตายของซูฉิน และการทำลายสัญญาร่วมประสานของจางอี้ (3)

การตายของซูฉิน และการทำลายสัญญาร่วมประสานของจางอี้ (3)

ตอนที่ 1 อยู่ที่นี่

ฉินหวางทรงส่งทูตไปเจรจากับแคว้นเว่ยตามแผนการของจางอี้ เมื่อเว่ยฮุ่ยหวางได้ยินว่าแคว้นฉินจะคืนดินแดนให้ก็ถึงกับดีใจจนตัวสั่น และยินยอมในข้อเสนอของฉินหวางทันที แคว้นเว่ยส่งทูตกลับไปที่เมืองเสียนหยาง เมืองหลวงของแคว้นฉินเพื่อพูดคุยเรื่องงานมงคลสมรส ฉินหวางเลยคืนดินแดนเจ็ดหัวเมืองกลับไปเป็นของแคว้นเว่ยเป็นการตอบแทน

ส่วนแคว้นเยียน เยียนเหวินหวางที่ทรงทำสัญญากับซูฉินเสด็จสวรรคตหลังจากทำสัญญาได้ไม่นาน เยียนยี่หวาง กษัตริย์พระองค์ใหม่ตกลงเป็นพันธมิตรกับแคว้นฉิน

ภายในการเดินหมากตาเดียวของจางอี้ แคว้นฉินสามารถทำลายพันธมิตรร่วมประสานไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว

ด่านหานกู่ ด่านสำคัญที่คุ้มกันเมืองเสียนหยาง เมืองหลวงของแคว้นฉิน By Flaumfeder – Own work, CC BY-SA 4.0,

การตายของซูฉิน

ในขณะนั้นข่าวแคว้นเว่ยและแคว้นเยียนไปเป็นพันธมิตรกับแคว้นฉินไปถึงแคว้นจ้าว จ้าวสู้หวางเรียกตัวซูฉินมาเข้าพบและกล่าวบริภาษว่า

ท่านริเริ่มทำสัญญาร่วมประสานได้ไม่ถึงปี บัดนี้แคว้นเว่ย แคว้นเยียนกลับตระบัดสัตย์ไปเข้ากับแคว้นฉิน สัญญาร่วมประสานเห็นทีจะไม่เป็นไปตามนั้นเสียแล้ว ถ้ากองทัพฉินยกมาตีแคว้นจ้าวเราเล่า จะไปคาดหวังให้ผู้ใดช่วยได้

ซูฉินในใจคิดหวาดกลัวจึงทูลจ้าวหวางขอไปแคว้นเว่ย แคว้นเยียน เพื่อตรวจสอบว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จริงๆแล้วซูฉินต้องการจะเอาตัวรอดเพราะเกรงว่าจ้าวสู้หวางจะเล่นงานตนเสีย

เริ่มแรกซูฉินไปถึงเมืองหลวงแคว้นเยียนก่อน เยียนหวางกล่าวว่า

ท่านเป็นสมุหนายกของหกแคว้นมิใช่หรือ หวางองค์ก่อนทรงเชื่อถือท่าน เลยไปลงพระนามในสัญญาร่วมประสาน เมื่อทรงสวรรคต พระศพยังไม่ทันเย็น แคว้นฉีฉวยโอกาสมาโจมตีแคว้นข้า ยึดเมืองไปสิบหัวเมือง เช่นนี้ท่านจะไม่ให้ข้าเป็นมิตรกับแคว้นฉินได้อย่างไร

ซูฉินทำอะไรไม่ถูกแล้วเลยทูลอย่างลนลานว่าจะไปแคว้นฉีเพื่อสอบถามฉีซวนหวางให้กับแคว้นเยียน

พอมาถึงแคว้นฉี ซูฉินเข้าเฝ้าฉีซวนหวางที่เมืองหลวงหลินจือ ซูฉินจึงทูลว่า

เยียนหวางทรงเป็นพันธมิตรกับต้าหวาง และในเร็วๆนี้ทรงยังเป็นราชบุตรเขย ของฉินหวางอีกด้วย ต้าหวางทรงได้สิบหัวเมืองจากแคว้นเยียน แต่เป็นศัตรูกับทั้งแคว้นเยียนและแคว้นฉิน จะคุ้มค่ากันแล้วหรือ

ฉีซวนหวางเห็นด้วยจึงคืนสิบหัวเมืองให้แคว้นเยียนไป

เมื่อซูฉินนำหัวเมืองมาคืนแคว้นเยียนได้สำเร็จ เยียนหวางชมเชยเขายกใหญ่ ทำให้ซูฉินตัดสินใจอยู่ที่แคว้นเยียน และไม่กลับไปแคว้นจ้าวอีกแล้ว

ระหว่างนั้น เหวินไท่โฮ่ว (ไทเฮา) พระชนนีของเยียนยี่หวางเลื่อมใสความเฉลียวฉลาดในการพูดจาของซูฉิน นางจึงเรียกตัวซูฉินให้เข้ามาพบในวัง สุดท้ายทั้งสองลักลอบได้เสียกัน

เยียนยี่หวางทรงทราบเรื่องราวทั้งหมด แต่ทรงกลับทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ซูฉินหวาดกลัวว่าจะโดนประหารชีวิตจึงคิดจะหนีเอาตัวรอดไปจากแคว้นเยียน ซูฉินเลยทูลต่อเยียนหวางว่า

แคว้นฉีกับแคว้นเยียนอยู่ในสถานการณ์ที่คับขันอยู่ร่วมกันไม่ได้ ขอให้ต้าหวางทรงคาดโทษข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะทำเป็นหลบหนีไปแคว้นฉี ฉีหวางคงจะมอบหมายให้ข้าพระองค์ทำหน้าที่ในตำแหน่งสำคัญ ข้าพระองค์จะทำให้ราชการแผ่นดินแคว้นฉีเสียหาย ต้าหวางจะทรงใช้โอกาสนี้โจมตีแคว้นฉี ต้าหวางทรงคิดอย่างไร

เยียนหวางเห็นด้วยจึงอนุญาตตามคำขอของซูฉิน

แผนการของซูฉินที่ให้แคว้นเยียนรอจังหวะโจมตีแคว้นฉีนี้ทำลายเจตจำนงของสัญญาร่วมประสานที่ไม่ให้หกแคว้นรบกันเองไปเสียทั้งหมด แม้แต่ซูฉินเองก็ไม่สามารถทำตามสัญญาที่ตนเองร่างไว้ได้ แล้วจะให้ผู้อื่นทำได้อย่างไร?

หลังจากที่ซูฉินหนีมาแคว้นฉี ฉีซวนหวางแต่งตั้งให้เป็นขุนนางอาคันตุกะคนหนึ่งอยู่ในราชสำนัก ซูฉินโป้ปดมดเท็จให้ฉีหวางลุ่มหลงมัวเมาในสุรานารีและไม่สนใจราชการแผ่นดิน เพื่อที่แคว้นเยียนจะได้เข้าโจมตี สมุหนายกเถียนอิงออกโรงคัดค้านอย่างหนักไม่ให้ฉีหวางฟังซูฉิน แต่ฉีหวางกลับไม่เชื่อถือคำพูดของสมุหนายกผู้ซื่อสัตย์ภักดี

ต่อมาไม่นานฉีซวนหวางกลับสวรรคต องค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์มีพระนามว่า ฉีหมิ่นหวาง

ในแคว้นฉีมีแต่ผู้เกลียดชังซูฉิน เมื่อฉีซวนหวางเสด็จสวรรคต ศัตรูของซูฉินจึงบุกเข้ามารุมแทงเขาจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังอุตส่าห์หนีตายไปพบกับฉีหมิ่นหวางได้ ซูฉินที่ใกล้ตายกราบทูลเรื่องให้ฉีหมิ่นหวางทราบทั้งหมด

ฉีหมิ่นหวางจะให้หาตัวผู้ร้าย และซูฉินกลับกล่าวว่า

ข้าพระองค์ได้รับบาดเจ็บสาหัส คงจะไม่รอดชีวิตแล้ว หลังจากข้าพระองค์ได้ตายไปแล้ว ขอให้ต้าหวางตัดศีรษะข้าพระองค์ไปแขวนไว้ที่กลางเมืองหลินจือ พร้อมกับติดประกาศว่า ข้าพระองค์เป็นไส้ศึกของแคว้นเยียนเจตนามาทำลายแคว้นฉี บัดนี้พระองค์ทรงต้องการมอบรางวัลพันตำลึงให้ผู้กล้าที่สังหารไอ้ไส้ศึกผู้นี้ ขอให้ท่านผู้กล้าออกมาแสดงตัว เช่นนี้ต้าหวางก็ทรงได้ตัวมือสังหารที่สังหารข้าพระองค์เป็นแน่

พอพูดจบซูฉินก็ขาดใจตาย

ฉีหมิ่นหวางทำตามคำสั่งเสียของซูฉิน ปรากฏว่ามีผู้มาเสนอตัวจริงๆ ว่าเป็นมือสังหารซูฉิน ฉีหมิ่นหวางทรงลงอาญาสถานหนักแก่บุคคลผู้นั้นโดยให้ประหารชีวิตทั้งครอบครัว

หากแต่ว่าต่อมา ฉีหมิ่นหวางทราบว่าซูฉินมาแคว้นฉีเพื่อทำให้แคว้นฉีปั่นป่วนเพื่อประโยชน์ของแคว้นเยียน แคว้นฉี กับแคว้นเยียนจึงเป็นศัตรูกันตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ซูฉินจึงไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลยสักอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นในด้านการเมืองหรือด้านอื่นๆ เขาเป็นได้แค่นักฉวยโอกาสที่อาศัยลมปากของตนเองในการไต่เต้าเท่านั้น

ข่าวเรื่องซูฉินโดนลอบสังหารเสียชีวิตมาถึงหูจางอี้ที่แคว้นฉิน จางอี้ยิ้มอย่างดีใจและกล่าวว่า

ถึงเวลาที่ข้าจะได้แลบลิ้นแล้ว

จางอี้ทำลายสัญญาร่วมประสาน

ก่อนที่ซูฉินเสียชีวิต จางอี้ได้ทราบข่าวว่าซูฉินออกจากแคว้นจ้าวไปแล้ว เขามั่นใจอย่างยิ่งว่าพันธมิตรสัญญาร่วมประสานกำลังจะพินาศ เขารีบไปทูลฉินฮุ่ยเหวินหวางทันที

ในบัดนี้ข้าพระองค์คิดว่า พันธมิตรหกแคว้นกำลังจะแตกสลาย ข้าพระองค์เห็นควรที่เราจะผิดสัญญากับแคว้นเว่ยที่จะยกดินแดนเซียงหลิงให้มัน ขอให้ต้าหวางทรงพิจารณาด้วยเถิด

ฉินฮุ่ยเหวินหวางไม่อยากจะยกดินแดนให้ผู้ใดอยู่แล้วจึงสนับสนุนแผนนี้อย่างเต็มที่ แคว้นฉินจึงส่งทูตไปแคว้นเว่ยว่า ฉินหวางทรงไม่ให้ดินแดนเซียงหลิงแล้ว

ในขณะนั้นเว่ยฮุ่ยหวางสวรรคตแล้ว เว่ยเซียงหวางได้ขึ้นครองราชย์ กษัตริย์แคว้นเว่ยคนใหม่พิโรธอย่างยิ่งจึงให้ทูตไปทวงถามแคว้นฉินเรื่องดินแดนทันที แต่ฉินฮุ่ยเหวินหวางไม่ให้ และบอกแคว้นเว่ยว่าถ้าอยากได้ก็ให้ส่งกองทัพมาชิงเอาไป

ฉินฮุ่ยเหวินหวางใช้เรื่องนี้เป็นข้ออ้างในการประกาศสงคราม  จางอี้จึงได้เป็นแม่ทัพยกไปตีแคว้นเว่ยตีได้หลายหัวเมืองแล้วยกทัพกลับมา แต่จางอี้จอมเจ้าเล่ห์กลับทูลฉินหวางว่า ขอให้มอบหัวเมืองที่ตีได้กลับคืนไปให้แคว้นเว่ย

ฉินฮุ่ยเหวินหวางไม่เข้าใจเจตนาของจางอี้

จางอี้จึงทูลว่า

ขอให้ต้าหวางทรงคืนหัวเมืองให้แคว้นเว่ยไป รวมถึงส่งองค์ชายคนหนึ่งเป็นตัวประกันในแคว้นเว่ย ข้าพระองค์ขอเป็นผู้ส่งเสด็จองค์ชายที่แคว้นเว่ย ข้าพระองค์รับประกันว่าต้าหวางจะทรงได้มากกว่าหัวเมืองเหล่านี้อย่างแน่นอน

ฉินฮุ่ยเหวินหวางอนุญาตให้ดำเนินการได้ จางอี้จึงเดินทางไปที่แคว้นเว่ยกับองค์ชายแคว้นฉินคนหนึ่ง เมื่อพบเว่ยหวางจึงกล่าวว่า

ฉินหวางทรงให้ข้าพระองค์เป็นแม่ทัพยกมาตีแคว้นเว่ยได้หัวเมืองเว่ยหลายหัวเมือง แต่ฉินหวางทรงมีพระทัยโอบอ้อมอารีจึงต้องการคืนดินแดนให้แคว้นเว่ย และยังทรงส่งราชนิกูลมาที่แคว้นเว่ยเป็นตัวประกันอีกด้วย ต้าหวางจะทรงรับข้อเสนอของฉินหวางหรือไม่

เว่ยเซียงหวางเห็นข้อเสนออันงดงามเช่นนั้นจึงรีบตอบรับทันที จางอี้ทูลต่อไปว่า

ฉินหวางทรงมีบุญคุณกับแคว้นเว่ยมากถึงเพียงนี้ ได้เมืองก็ไม่ทรงครอบครอง ต้าหวางจะมิทรงตอบแทนความดีงามของฉินหวางเสียบ้างหรือ

เว่ยเซียงหวางถามจางอี้ว่าจะตอบแทนบุญคุณฉินหวางอย่างไรดี

จางอี้จึงกล่าวว่า

ข้าพระองค์ว่าสิ่งที่ตอบแทนฉินหวางได้นั้น ก็มีแต่ดินแดนบางส่วนของแคว้นเว่ยเท่านั้น ถ้าพระองค์ทรงตัดดินแดนพระราชทานให้ฉินหวางแล้ว แคว้นเว่ยกับฉินก็จะเป็นมิตรกันไปตลอดกาลนาน ถ้าต้าหวางทรงได้แคว้นฉินเป็นพันธมิตรแล้ว ต้าหวางจะไปยึดครองดินแดนของอีกห้าแคว้นตะวันออกอีกเท่าไรก็สามารถกระทำได้โดยง่าย”

เว่ยเซียงหวางหลงกลจึงยินดีมอบหัวเมืองเซียวเหลียงให้แคว้นฉิน นอกจากนี้ยังไม่กล้ารับตัวประกันเอาไว้ ทำให้แคว้นฉินได้ประโยชน์ถึงสองต่อ นั่นคือได้ดินแดนมาฟรีๆ โดยชอบธรรม และยังทำลายสัญญาร่วมประสานไปโดยตัวอีกด้วย

ฉินฮุ่ยเหวินหวางเห็นแคว้นฉินได้ประโยชน์สองต่อเช่นนั้นจึงเลื่อนจางอี้เป็นสมุหนายกทันที

เมื่อได้เป็นสมุหนายกแล้ว จางอี้ส่งจดหมายไปยังแคว้นฉู่เพื่อทูลฉู่ไหวหวางให้ส่งบุตรภรรยาตนเองมาอยู่ที่แคว้นฉิน มิหนำซ้ำยังฟ้องว่าตนเองเคยถูกใส่ร้ายว่าขโมยหยกเหอสื้อปี้จนต้องถูกเฆี่ยนเจียนตายด้วย

ฉู่ไหวหวางจึงบริภาษสมุหนายกแคว้นฉู่ (คนเดียวกับที่เฆี่ยนตีจางอี้) เป็นการใหญ่ว่า

จางอี้เป็นบุคคลมีสติปัญญา เหตุใดท่านถึงไม่แนะนำให้หวางองค์ก่อนทรงใช้ มิหนำซ้ำยังไปใส่ความเขาว่าขโมยหยก จนเขาแค้นเคืองหนีไปรับใช้แคว้นฉิน

สมุหนายกโดนบริภาษเช่นนั้นจึงรู้สึกละอายใจ ในเวลาไม่นานนักก็ล้มป่วยเสียชีวิต

จางอี้เห็นหกแคว้นยังรวมตัวอยู่อย่างหลวมๆ แต่ยังไม่สามารถจะทำลายให้หมดสิ้นไปได้ เขาทูลต่อฉินฮุ่ยเหวินหวางว่า

ข้าพระองค์ขอให้ต้าหวางปลดข้าพระองค์ออกจากตำแหน่ง หลังจากนั้นข้าพระองค์จะอาสาไปเป็นไส้ศึกในแคว้นเว่ย ทำให้แคว้นเว่ยปั่นป่วนจนอ่อนน้อมต่อแคว้นฉินเป็นแคว้นแรก ถ้าแคว้นเว่ยมาอ่อนน้อมแล้ว แคว้นอื่นจะดูแคว้นเว่ยเป็นตัวอย่าง แล้วกระทำตาม สัญญาร่วมประสานย่อมแตกสลายไปเอง

ฉินหวางโปรดปรานจางอี้จึงไม่ต้องการให้จางอี้ไป แต่คำนึงว่าจางอี้ลึกล้ำคงมีแผนการดีๆอยู่ ฉินฮุ่ยเหวินหวางจึงอนุญาตให้จางอี้ไป

เมื่อจางอี้ไปถึงแคว้นเว่ย ก็ได้เป็นสมุหนายกแคว้นเว่ยทันทีตามที่ตนเองได้คาดการณ์ไว้ ในฐานะสมุหนายกแคว้นเว่ย จางอี้ทูลให้เว่ยเซียงหวางอ่อนน้อมต่อแคว้นฉิน แต่เว่ยเซียงหวางยังไม่อาจจะตัดสินใจได้ จางอี้จึงลอบส่งข่าวให้ฉินหวางยกกองทัพมาตีแคว้นเว่ย

กองทัพฉินตีกองทัพเว่ยแตกกระจัดกระจาย ยึดได้เมืองชิ่วโว่ เมืองสำคัญของแคว้นเว่ย

เว่ยเซียงหวางทรงพิโรธใหญ่ เขาจึงส่งทูตไปขอความร่วมมือกับแคว้นต่างๆ ให้ฟื้นฟูสัญญาร่วมประสานมาโจมตีแคว้นฉิน ซึ่งเป็นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับสิ่งที่จางอี้ได้วางแผนไว้โดยสิ้นเชิง

แต่กว่าแคว้นทั้งห้า (ยกเว้นแคว้นฉี) จะรวมตัวกันมาโจมตีแคว้นฉินก็ใช้เวลาถึงสามปี หลังจากเว่ยเซียงหวางสวรรคตไปแล้ว กองทัพห้าแคว้นถึงจะยกมารวมกันเพื่อโจมตีแคว้นฉิน

กองทัพห้าแคว้นมีจำนวนมหาศาลยกมาถึงด่านหานกู่ ปากทางของเมืองเสียนหยางเมืองหลวงของแคว้นฉิน แต่กองทัพพันธมิตรมีปัญหาตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะไม่มีความเป็นหนึ่งเดียว ไม่มีผู้บัญชาการสูงสุด การสั่งการบังคับบัญชาจึงไม่มีความเด็ดขาด บรรดาแม่ทัพต่างเกี่ยงกันเข้าตีด่านหานกู่เพื่อต่อสู้กับกองทัพฉินที่เข้มแข็ง ดังนั้นการที่มีทหารมากก็เหมือนมีทหารน้อย กองทัพห้าแคว้นจึงได้แต่ตั้งค่ายหน้าด่านหานกู่เท่านั้น

เมื่อตีด่านหานกู่ไม่ได้ การรุกของกองทัพห้าแคว้นก็ชะงักงัน

แม่ทัพฉิน ซู่ลี่จีเห็นจุดอ่อนของกองทัพพันธมิตรจึงนำกองทัพออกมาท้ารบ แต่กองทัพพันธมิตรกลับเกรงกลัวความเข้มแข็งของทหารแคว้นฉิน จึงไม่มีผู้ใดขันอาสาออกไปรบเลย

ในคืนนั้นแม่ทัพซู่ลี่จีเข้าโจมตีกองทัพพันธมิตร โดยเริ่มจากกองทัพฉู่ที่เป็นแกนกลางก่อน ซู่ลีจีเข้าทำลายค่ายเสบียงของแคว้นฉู่ กองทัพฉู่ไม่รู้ตัวว่าจะถูกโจมตีจึงแตกพ่ายยับเยิน และเริ่มขาดเสบียงอาหาร

เมื่อเห็นว่ากองทัพห้าแคว้นอยู่ในสภาพที่รวนเรถึงที่สุดแล้ว ซู่ลี่จีจึงสั่งให้เข้าโจมตีกองทัพพันธมิตรทันที กองทัพฉินมีน้อยกว่าแต่ก็เป็นทหารมีฝีมือทำศึกมาอย่างโชกโชน กองทัพพันธมิตรถูกไล่ฆ่าฟันเกลื่อนกลาด ทหารฉินตัดศีรษะทหารพันธมิตรได้ถึงแปดหมื่นสองพันคน แถมยังจับเป็นแม่ทัพได้อีกมากมาย

หมายเหตุ: ทหารฉินมีค่านิยมในการตัดศีรษะศัตรูกลับไปเพื่อนำไปเป็นรางวัล ถ้าผู้ใดได้ศีรษะศัตรูมากก็จะยิ่งได้รางวัลมาก ดังนั้นตัวเลขทหารที่ตายจึงมีอยู่ในบันทึกทางประวัติศาสตร์

ค่านิยมประเภทนี้นั้นเกิดขึ้นเพราะการปฎิรูปของซางยางที่ให้ความสำคัญกับความดีความชอบนั่นเอง ผลที่ตามมาคือกองทัพของแคว้นทั้งหกตลอดจนราษฎรจึงเกรงกลัวความเหี้ยมโหดของทหารฉินมาก

จางอี้เห็นว่าแคว้นทั้งห้าพ่ายแพ้สงครามยับเยินจึงเข้าไปทูลเว่ยไอ้หวาง กษัตริย์พระองค์ใหม่ว่า

ต้าหวางทรงเห็นหรือไม่ ข้าพระองค์ได้ทูลหวางองค์ก่อนให้ยอมอ่อนน้อมเป็นพันธมิตรกับแคว้นฉิน  แต่หวางองค์ก่อนทรงมิกระทำตาม กลับไปร่วมมือกับห้าแคว้นโจมตีแคว้นฉิน แล้วผลเป็นอย่างไร แคว้นฉินแคว้นเดียวสามารถตีกองทัพแคว้นทั้งห้าแตกยับเยิน แล้วซูฉินผู้เป็นประธานพันธมิตรสัญญาร่วมประสานเล่า ก็รักษาชีวิตตนเองไว้ไม่ได้ ถึงแก่ความตายไปเสียแล้ว นอกจากนั้นต้าหวางจะทรงมั่นพระทัยได้อย่างไรว่าแคว้นอื่นจะไม่ฉวยโอกาสมาโจมตีแคว้นเว่ยเรา ขนาดพี่น้องท้องเดียวกันยังแก่งแย่งชิงดีกัน นี่เป็นคนละแคว้นกันจะไปเชื่อได้อย่างไรว่าจะไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง ถ้าแคว้นอื่นไปร่วมมือกับแคว้นฉินมาโจมตีแคว้นเว่ย แคว้นเว่ยเราก็เห็นทีจะล่มสลายเป็นแน่

เว่ยไอ้หวางจึงให้จางอี้เป็นทูตไปยังแคว้นฉิน ฉินหวางทรงรับเป็นไมตรีกับแคว้นเว่ยด้วยดี ส่วนตัวจางอี้ก็ถือโอกาสกลับมาเป็นสมุหนายกแคว้นฉินตามเดิม

เท่ากับว่าแผนจางอี้ล้มเหลวในตอนแรก แต่กลับมาสำเร็จเพราะความเข้มแข็งของแคว้นฉินนั่นเอง

ในขณะนั้นฉีหมิ่นหวางได้ชัยชนะเหนือแคว้นเยียนครั้งใหญ่ แคว้นฉีมั่งคั่งเข้มแข็งและเป็นมิตรกับแคว้นฉู่ ฉีหมิ่นหวางต้องการจะยกทัพมาโจมตีแคว้นฉินอีกครั้ง ฉินฮุ่ยเหวินหวางวิตกยิ่งนักจึงถามจางอี้ว่าจะทำอย่างไรดี

จางอี้ทูลว่าตนเองจะเดินไปแคว้นฉู่เพื่อให้แคว้นทั้งสองแตกแยกกัน ในวันนั้นจางอี้จึงคืนตำแหน่งสมุหนายกให้ฉินฮุ่ยเหวินหวาง และเดินทางไปแคว้นฉู่

ทั้งนี้จางอี้สืบทราบมาว่า แคว้นฉู่มีขุนนางกังฉินผู้หนึ่งชื่อว่าจิ้นซ่าง เขาผู้นี้ละโมบโลภมากและเป็นคนสนิทของฉู่ไหวหวาง จางอี้จึงเข้าไปตีสนิทและมอบสินบนให้จำนวนมากมาย จิ้นซ่างจึงพาตัวจางอี้มาเข้าเฝ้าฉู่ไฮวหวาง

ฉู่ไฮวหวางเคยได้ยินชื่อเสียงของจางอี้อยู่แล้ว เขาจึงไต่ถามจางอี้ว่ามีคำแนะนำอะไรจะมอบให้ตนเองหรือไม่

จางอี้ทูลว่า

ในยุคนี้แคว้นใหญ่มีอยู่เจ็ดแคว้น แต่แคว้นที่ใหญ่ที่สุดก็มีแคว้นฉี ฉู่ และฉิน สามแคว้นเท่านั้น หากแต่แคว้นฉินเราถ้าร่วมกับแคว้นใด แคว้นนั้นจะเข้มแข็งเจริญรุ่งเรืองไปด้วย แต่ฉินหวางเจ้านายของข้าพระองค์ไม่ปรารถนาจะร่วมมือกับแคว้นฉี เพราะถึงแม้แคว้นฉีจะเป็นญาติกับแคว้นฉินเรา แต่กลับทรยศแคว้นเรามิรู้ต่อกี่ครั้ง เช่นนั้นถ้าต้าหวางทรงยินดีตัดไมตรีกับแคว้นฉี ฉินหวางจะทรงคืนดินแดนหกร้อยลี้ที่ท่านซางยางยึดมาจากแคว้นฉู่กลับไปให้ต้าหวาง และฉินหวางจะทรงพระราชทานพระธิดามาเป็นพระสนมอีกด้วย แคว้นฉินและฉู่จะได้เป็นไมตรีกันตลอดไป ต้าหวางทรงเห็นด้วยหรือไม่

ฉู่ไหวหวางเห็นข้อเสนองดงามเช่นนั้นก็ละโมบ เขารีบตอบตกลงทันที

อันที่จริงฉู่หวางน่าจะเคยได้ยินแคว้นฉินตระบัดสัตย์ในเรื่องคืนดินแดนกับแคว้นเว่ยมาแล้ว วิธีที่จางอี้ใช้จึงเป็นวิธีเดิมๆที่เคยใช้มาแล้วอย่างซ้ำซาก การตกลงประเภทนี้จึงไม่น่าจะเกิดขึ้นมาได้เพราะทูตจากแคว้นฉินไม่น่าจะเหลือความน่าเชื่อถืออยู่

อย่างไรก็ตามผมสันนิษฐานว่าคำพูดจางอี้จี้ใจดำของหวางของแคว้นทั้งหกที่ต้องการดินแดนคืนมากกว่าสิ่งใด ความโลภจึงเอาชนะทุกสิ่งไปโดยปริยาย

เหตุการณ์จะเป็นไปอย่างไรต่อไป ติดตามได้ในตอนหน้าครับ

Sources:

  • Sima Qian, Records Of the Grand Historian
  • วิวัฒน์ ประชาเรืองวิทย์, เลียดก๊ก เล่ม 3

บทความประวัติศาสตร์

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!