ในตอนที่แล้ว คลีโอพัตรากำลังอยู่ในศึกช่วงชิงอำนาจกับโตเลมีที่ 13 (Ptolemy XIII) ผู้เป็นน้องชาย เมื่อเวลาผ่านไปโตเลมีที่ 13 ก็ยิ่งได้เปรียบ อำนาจส่วนใหญ่ในอียิปต์พลิกกลับเป็นของโตเลมีที่ 13 และดูเหมือนว่ายิ่งนานไป คลีโอพัตรายิ่งหมดอำนาจไปทุกวัน
แต่ทว่าความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ขึ้นที่อาณาจักรโรมันกลับทำให้คลีโอพัตราได้โอกาสในการช่วงชิงอำนาจกลับมา

สงครามกลางเมืองโรมัน
จูเลียส ซีซาร์ วีรบุรุษที่ปวงชนโรมันนิยมมากได้ประกาศสงครามต่อกลุ่มอำนาจเก่าในสภาซีเนตในปี 49 BC (ก่อนค.ศ.49 ปี) ทำให้ทั้งอาณาจักรโรมันอยู่ในสภาวะแห่งสงคราม ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างหนักหลายต่อหลายแห่ง และต่างต้องการกำลังสนับสนุน
พอมพีย์ แม่ทัพคนสำคัญของฝ่ายสภาซีเนตจึงส่งบุตรชายของเขามาขอให้อียิปต์ ขอให้อียิปต์เลือกข้าง และสนับสนุนเขาในการรบกับซีซาร์ โตเลมีที่ 13 และคลีโอพัตราจึงส่งเรือ 60 ลำกับทหาร 500 คน รวมถึงทหารโรมันทั้งหมดที่อยู่ในอียิปต์ไปช่วยพอมพีย์ โดยมีข้อแม้ว่าหนี้สินที่อียิปต์ติดโรมอยู่จะต้องยกเลิกไปส่วนหนึ่ง
จริงๆ ข้อเสนอนี้ถือว่าฝ่ายอียิปต์เดินเกมได้ดี เพราะทหารและเรือของอียิปต์จริงๆที่ส่งไปช่วยมีจำนวนน้อยมาก แถมยังได้กำจัดพวกทหารโรมันที่ก่อปัญหาในอียิปต์ และลดหนี้อีกด้วย

แต่ทว่าหลังจากที่มอบกำลังทหารให้พอมพีย์ไปได้ไม่นาน ความสัมพันธ์ระหว่างคลีโอพัตรา และโตเลมีที่ 13 ก็ทลายลงอย่างสมบูรณ์ อียิปต์ตกอยู่ในสงครามกลางเมืองไม่ต่างอันใดกับโรมัน คลีโอพัตราและผู้สนับสนุนเธอต้องหนีจากอเล็กซานเดรียที่เป็นเมืองหลวงไปยังที่ต่างๆ หลายแห่งเพื่อรวบรวมกำลังมาต่อสู้กับโตเลมีที่ 13
การตายของพอมพีย์
ซีซาร์เอาชนะพอมพีย์ ผู้ที่ช่วยเหลือบิดาของคลีโอพัตราได้ที่สมรภูมิแห่งฟาเซลัส สถานการณ์ทั้งหมดจึงอยู่ในกำมือของซีซาร์ กองทัพของซีซาร์ไล่ตีกองกำลังของพอมพีย์จนเขาต้องหนีไปยังตะวันออกกลาง
ขณะนั้นพอมพีย์ผู้เคยยิ่งใหญ่เห็นว่าตนเองหมดสิ้นสถานที่จะหลบหนีแล้ว แต่ก็คิดได้ว่าตนเองเคยมีบุญคุณกับอียิปต์อยู่ เขาหวังว่าอียิปต์จะให้กำลังอุดหนุนตนในการฟื้นฟูกองทัพไปต่อสู้กับซีซาร์อีก ด้วยเหตุนี้พอมพีย์และผู้สนับสนุนที่มีอยู่น้อยนิดจึงมุ่งหน้ามายังอียิปต์
การมาของอียิปต์ทราบไปถึงโตเลมีที่ 13 ซึ่งในขณะนั้นกำลังทำสงครามกับคลีโอพัตราอยู่ โตเลมีที่ 13 ไม่ปรารถนาที่จะให้พอมพีย์เข้ามาใช้ทรัพยากรของอียิปต์เพื่อประโยชน์ของตนเอง และอาจจะทำให้อียิปต์ถูกทำลายไปด้วยก็ได้
ดังนั้นเมื่อพอมพีย์ก้าวเท้าลงที่แผ่นดินอียิปต์ คนของโตเลมีที่ 13 ก็เข้ามากลุ้มรุมและจับพอมพีย์สังหารทันที โตเลมีที่ 13 หวังว่าซีซาร์ผู้ชนะจะปลาบปลื้มใจที่เขาสังหารศัตรูคนสำคัญให้ โตเลมีที่ 13 จึงส่งศีรษะของพอมพีย์ไปให้กับซีซาร์
เรื่องกลับเป็นไปแบบตรงกันข้าม เพราะซีซาร์โศกเศร้าที่เห็นอดีตมิตรและศัตรูอย่างพอมพีย์ถูกสังหารอย่างไร้เกียรติเช่นนั้น ด้วยความโกรธ ซีซาร์จึงสั่งให้คนส่งจดหมายไปยังอียิปต์ว่า ขอให้โตเลมีที่ 13 และคลีโอพัตราคืนดีกัน และให้ทั้งสองฝ่ายสลายกองทัพไปเสีย ก่อนที่เขาจะยาตราทัพเข้ามาในอียิปต์

สัมพันธ์รักกับซีซาร์
หลังจากนั้นไม่นาน ในปี 48 BC ซีซาร์ก็เดินทางมาที่อียิปต์พร้อมกับทหาร 4,000 นาย เมื่อพบว่าโตเลมีที่ 13 ยังไม่สลายกองทัพของเขา ทำให้ซีซาร์ยิ่งรู้สึกเดือดดาลเข้าไปใหญ่ ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ชอบโตเลมีที่ 13 อยู่แล้ว เพราะได้สังหารพอมพีย์อย่างไร้เกียรติ
หากแต่ว่าซีซาร์ก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับโตเลมีที่ 13 ในภายนอกจึงยังให้เกียรติกันอยู่
คลีโอพัตรากลับมายังอเล็กซานเดรียหลังจากที่ซีซาร์มาถึง เธอได้ยินมาว่าซีซาร์ชอบมีความสัมพันธ์กับเหล่าเชื้อพระวงศ์หญิง เธอจึงแอบมาหาซีซาร์เป็นการลับ

เรื่องที่ว่า “ลับ” นี่เล่ากันไปหลายแบบ
พลูตาร์คเล่าว่าคลีโอพัตราซ่อนตัวอยู่ในผ้าปูที่นอน เหล่าบริวารของเธอขนผ้าปูที่นอนดังกล่าวมามอบให้ซีซาร์เพื่อที่จะได้ไม่มีใครสงสัย หลังจากนั้นคลีโอพัตราผู้เลอโฉมจึงปรากฏกายออกมาจากผ้าปูที่นอนต่อหน้าซีซาร์
อีกแบบก็ว่า คลีโอพัตราก็แอบไปพบซีซาร์แบบปกติ แต่แต่งตัวให้ดูน่าหลงใหลเท่าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ซีซาร์ในวัย 52 ปี ก็ตกหลุมรักราชินีแห่งอียิปต์ในวัย 21 ปีในบัดดล หลังจากนั้นมาทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย ประชาชนทั้งหลายรู้กันโดยทั่วไป รวมไปถึงโตเลมีที่ 13 ผู้เป็นน้องชาย (และอาจจะสามี) ของคลีโอพัตราด้วย
สำหรับโตเลมีที่ 13 แล้ว สถานการณ์ขณะนั้นแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าซีซาร์เลือกที่จะเข้าข้างใคร
ซีซาร์ไกล่เกลี่ย
โตเลมีที่ 13 เห็นว่าซีซาร์ไม่อยู่ข้างตน เขาจึงพยายามปลุกระดมประชาชนชาวอเล็กซานเดรียให้ลุกขึ้นต่อต้านซีซาร์ (อาจจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์กับคลีโอพัตรา) แต่ซีซาร์ไม่ใช่ธรรมดา เขามีความสามารถในการพูดอย่างที่หาตัวจับได้ยาก ซีซาร์จึงพูดให้ปวงชนเข้าใจและสลายตัวไปเอง แผนการของโตเลมีที่ 13 จึงล้มเหลวไปเอง
ต่อมาซีซาร์พยายามเข้ามาไกล่เกลี่ยด้วยการนัดหมายให้คลีโอพัตรา โตเลมีที่ 13 อาร์ซิโนที่ 4 และโตเลมีที่ 14 ซึ่งทั้งหมดเป็นบุตรชายและบุตรสาวของโตเลมีที่ 12 ฟาโรห์องค์ก่อนของอียิปต์มายังที่ประชุมเพื่อตกลงเรื่องบัลลังก์
ณ ที่นั่น ซีซาร์ได้เปิดพินัยกรรมของโตเลมีที่ 12 ที่ให้คลีโอพัตราและโตเลมีที่ 13 ครองอียิปต์ร่วมกัน แสดงให้เห็นว่าระหว่างพี่สาวและน้องชาย ทั้งสองจะต้องมีสิทธิในแผ่นดินอียิปต์เท่าเทียมกัน ซีซาร์จึงหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะยอมรับข้อตกลงเดิมของบิดาได้ ส่วนอาร์ซิโนและโตเลมีที่ 14 ซีซาร์หวังว่าทั้งสองจะยอมไปปกครองไซปรัสร่วมกัน เพียงเท่านี้ปัญหาแย่งชิงบัลลังก์ก็จะจบไป

ทุกฝ่ายเห็นตรงกันได้ นอกจากโตเลมีที่ 13 เท่านั้น โตเลมีที่ 13 ตระหนักว่าตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบในสงครามกลางเมืองก่อนหน้านี้ เงื่อนไขของซีซาร์เป็นการ “ช่วย” คลีโอพัตราอย่างชัดเจนที่สุด
นอกจากนี้โตเลมีที่ 13 ยังคิดว่าเขามีกำลังอยู่ 20,000 นาย ส่วนซีซาร์มีเพียง 4,000 นาย ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไรในการที่จะบดขยี้กองกำลังของซีซาร์ โตเลมีที่ 13 จึงให้ Potheinos นำกำลังทั้งหมดเข้าโจมตีกองกำลังของซีซาร์ แต่ซีซาร์สามารถสังหาร Potheinos ได้ก่อนทำให้ความพยายามของโตเลมีที่ 13 ต้องหยุดชะงักไป ส่วนโตเลมีที่ 13 ถูกซีซาร์จับกุมไว้ได้
กำจัดศัตรูให้คู่รัก
ขณะนั้นน้องสาวอีกคนของคลีโอพัตรา หรือ อาร์ซิโนที่ 4 ฉวยโอกาสนั้นเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองด้วยเช่นกัน เธอกับแม่ทัพของโตเลมีที่ 13 ได้เป็นพันธมิตรกัน ดังนั้นกองกำลังที่จงรักภักดีต่ออาร์ซิโนที่ 4 และโตเลมีที่ 13 จึงเข้าโจมตีซีซาร์และคลีโอพัตราในอเล็กซานเดรียในปลายปี 48 BC
ซีซาร์เห็นกำลังทหารศัตรูมีมาก เขาจึงพยายามต่อรองแต่กลับไม่เป็นผล เพราะทูตของซีซาร์กลับถูกสังหารโดยฝ่ายศัตรู
กองกำลังอียิปต์สามารถยึดส่วนใหญ่ของเมืองได้ แต่ยังไม่สามารถจับกุมซีซาร์และคลีโอพัตราได้ ถึงกระนั้นพวกเขาก็สามารถหลอกซีซาร์ให้ปล่อยโตเลมีที่ 13 ออกมาได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นโตเลมีที่ 13 และอาร์ซิโนที่ 4 จึงเร่งส่งกำลังเพื่อบดขยี้ซีซาร์ให้แหลกลาญ แต่กองทหารโรมันของซีซาร์ยังต้านทานไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง
ในต้นปี 47 BC ซีซาร์ได้เรียกกำลังสนับสนุนมาจากเอเชียไมเนอร์ ทำให้กำลังของทั้งสองฝ่ายใกล้เคียงกัน ซีซาร์โจมตีกองกำลังอียิปต์ของโตเลมีที่ 13 และอาร์ซิโนที่ 4 จนแตกยับ โตเลมีที่ 13 พยายามข้ามแม่น้ำไนล์เพื่อหลบหนี แต่เรือของเขากลับล่มลง ทำให้โตเลมีที่ 13 จมน้ำตาย ส่วนอาร์ซิโนที่ 4 ถูกซีซาร์จับกุมได้
ความพ่ายแพ้ของโตเลมีที่ 13 และอาร์ซิโนที่ 4 ทำให้บัลลังก์อียิปต์ว่างลง ซีซาร์ได้จัดการให้คลีโอพัตราขึ้นครองบัลลังก์พร้อมกับโตเลมีที่ 14 น้องชายคนสุดท้อง ในช่วงนี้ถึงแม้คลีโอพัตราจะได้บัลลังก์กลับคืนมา แต่เธอกลับไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนมากนัก
นั่นก็เพราะว่า เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของเธอกับซีซาร์นั่นเอง
เรื่องจะเป็นไปอย่างไร ติดตามได้ในตอนหน้าครับ