ประวัติศาสตร์ราชินีคลีโอพัตรา (2): สัมพันธ์รักกับจูเลียส ซีซาร์

ราชินีคลีโอพัตรา (2): สัมพันธ์รักกับจูเลียส ซีซาร์

ในตอนที่แล้ว คลีโอพัตรากำลังอยู่ในศึกช่วงชิงอำนาจกับโตเลมีที่ 13 (Ptolemy XIII) ผู้เป็นน้องชาย เมื่อเวลาผ่านไปโตเลมีที่ 13 ก็ยิ่งได้เปรียบ อำนาจส่วนใหญ่ในอียิปต์พลิกกลับเป็นของโตเลมีที่ 13 และดูเหมือนว่ายิ่งนานไป คลีโอพัตรายิ่งหมดอำนาจไปทุกวัน

แต่ทว่าความเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ขึ้นที่อาณาจักรโรมันกลับทำให้คลีโอพัตราได้โอกาสในการช่วงชิงอำนาจกลับมา

รูปปั้นซีซาร์

สงครามกลางเมืองโรมัน

จูเลียส ซีซาร์ วีรบุรุษที่ปวงชนโรมันนิยมมากได้ประกาศสงครามต่อกลุ่มอำนาจเก่าในสภาซีเนตในปี 49 BC (ก่อนค.ศ.49 ปี) ทำให้ทั้งอาณาจักรโรมันอยู่ในสภาวะแห่งสงคราม ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างหนักหลายต่อหลายแห่ง และต่างต้องการกำลังสนับสนุน

พอมพีย์ แม่ทัพคนสำคัญของฝ่ายสภาซีเนตจึงส่งบุตรชายของเขามาขอให้อียิปต์ ขอให้อียิปต์เลือกข้าง และสนับสนุนเขาในการรบกับซีซาร์ โตเลมีที่ 13 และคลีโอพัตราจึงส่งเรือ 60 ลำกับทหาร 500 คน รวมถึงทหารโรมันทั้งหมดที่อยู่ในอียิปต์ไปช่วยพอมพีย์ โดยมีข้อแม้ว่าหนี้สินที่อียิปต์ติดโรมอยู่จะต้องยกเลิกไปส่วนหนึ่ง

จริงๆ ข้อเสนอนี้ถือว่าฝ่ายอียิปต์เดินเกมได้ดี เพราะทหารและเรือของอียิปต์จริงๆที่ส่งไปช่วยมีจำนวนน้อยมาก แถมยังได้กำจัดพวกทหารโรมันที่ก่อปัญหาในอียิปต์ และลดหนี้อีกด้วย

คลีโอพัตรา

แต่ทว่าหลังจากที่มอบกำลังทหารให้พอมพีย์ไปได้ไม่นาน ความสัมพันธ์ระหว่างคลีโอพัตรา และโตเลมีที่ 13 ก็ทลายลงอย่างสมบูรณ์ อียิปต์ตกอยู่ในสงครามกลางเมืองไม่ต่างอันใดกับโรมัน คลีโอพัตราและผู้สนับสนุนเธอต้องหนีจากอเล็กซานเดรียที่เป็นเมืองหลวงไปยังที่ต่างๆ หลายแห่งเพื่อรวบรวมกำลังมาต่อสู้กับโตเลมีที่ 13

การตายของพอมพีย์

ซีซาร์เอาชนะพอมพีย์ ผู้ที่ช่วยเหลือบิดาของคลีโอพัตราได้ที่สมรภูมิแห่งฟาเซลัส สถานการณ์ทั้งหมดจึงอยู่ในกำมือของซีซาร์ กองทัพของซีซาร์ไล่ตีกองกำลังของพอมพีย์จนเขาต้องหนีไปยังตะวันออกกลาง

ขณะนั้นพอมพีย์ผู้เคยยิ่งใหญ่เห็นว่าตนเองหมดสิ้นสถานที่จะหลบหนีแล้ว แต่ก็คิดได้ว่าตนเองเคยมีบุญคุณกับอียิปต์อยู่ เขาหวังว่าอียิปต์จะให้กำลังอุดหนุนตนในการฟื้นฟูกองทัพไปต่อสู้กับซีซาร์อีก ด้วยเหตุนี้พอมพีย์และผู้สนับสนุนที่มีอยู่น้อยนิดจึงมุ่งหน้ามายังอียิปต์

การมาของอียิปต์ทราบไปถึงโตเลมีที่ 13 ซึ่งในขณะนั้นกำลังทำสงครามกับคลีโอพัตราอยู่ โตเลมีที่ 13 ไม่ปรารถนาที่จะให้พอมพีย์เข้ามาใช้ทรัพยากรของอียิปต์เพื่อประโยชน์ของตนเอง และอาจจะทำให้อียิปต์ถูกทำลายไปด้วยก็ได้

ดังนั้นเมื่อพอมพีย์ก้าวเท้าลงที่แผ่นดินอียิปต์ คนของโตเลมีที่ 13 ก็เข้ามากลุ้มรุมและจับพอมพีย์สังหารทันที โตเลมีที่ 13 หวังว่าซีซาร์ผู้ชนะจะปลาบปลื้มใจที่เขาสังหารศัตรูคนสำคัญให้ โตเลมีที่ 13 จึงส่งศีรษะของพอมพีย์ไปให้กับซีซาร์

เรื่องกลับเป็นไปแบบตรงกันข้าม เพราะซีซาร์โศกเศร้าที่เห็นอดีตมิตรและศัตรูอย่างพอมพีย์ถูกสังหารอย่างไร้เกียรติเช่นนั้น ด้วยความโกรธ ซีซาร์จึงสั่งให้คนส่งจดหมายไปยังอียิปต์ว่า ขอให้โตเลมีที่ 13 และคลีโอพัตราคืนดีกัน และให้ทั้งสองฝ่ายสลายกองทัพไปเสีย ก่อนที่เขาจะยาตราทัพเข้ามาในอียิปต์

ธีโอโดตุส คนของโตเลมีที่ 13 มอบศีรษะพอมพีย์ให้กับซีซาร์

สัมพันธ์รักกับซีซาร์

หลังจากนั้นไม่นาน ในปี 48 BC ซีซาร์ก็เดินทางมาที่อียิปต์พร้อมกับทหาร 4,000 นาย เมื่อพบว่าโตเลมีที่ 13 ยังไม่สลายกองทัพของเขา ทำให้ซีซาร์ยิ่งรู้สึกเดือดดาลเข้าไปใหญ่ ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ชอบโตเลมีที่ 13 อยู่แล้ว เพราะได้สังหารพอมพีย์อย่างไร้เกียรติ

หากแต่ว่าซีซาร์ก็ยังไม่ได้ทำอะไรกับโตเลมีที่ 13 ในภายนอกจึงยังให้เกียรติกันอยู่

คลีโอพัตรากลับมายังอเล็กซานเดรียหลังจากที่ซีซาร์มาถึง เธอได้ยินมาว่าซีซาร์ชอบมีความสัมพันธ์กับเหล่าเชื้อพระวงศ์หญิง เธอจึงแอบมาหาซีซาร์เป็นการลับ

คลีโอพัตรากับซีซาร์

เรื่องที่ว่า “ลับ” นี่เล่ากันไปหลายแบบ

พลูตาร์คเล่าว่าคลีโอพัตราซ่อนตัวอยู่ในผ้าปูที่นอน เหล่าบริวารของเธอขนผ้าปูที่นอนดังกล่าวมามอบให้ซีซาร์เพื่อที่จะได้ไม่มีใครสงสัย หลังจากนั้นคลีโอพัตราผู้เลอโฉมจึงปรากฏกายออกมาจากผ้าปูที่นอนต่อหน้าซีซาร์

อีกแบบก็ว่า คลีโอพัตราก็แอบไปพบซีซาร์แบบปกติ แต่แต่งตัวให้ดูน่าหลงใหลเท่าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ซีซาร์ในวัย 52 ปี ก็ตกหลุมรักราชินีแห่งอียิปต์ในวัย 21 ปีในบัดดล หลังจากนั้นมาทั้งสองก็อยู่ด้วยกันอย่างเปิดเผย ประชาชนทั้งหลายรู้กันโดยทั่วไป รวมไปถึงโตเลมีที่ 13 ผู้เป็นน้องชาย (และอาจจะสามี) ของคลีโอพัตราด้วย

สำหรับโตเลมีที่ 13 แล้ว สถานการณ์ขณะนั้นแสดงให้เห็นชัดเจนแล้วว่าซีซาร์เลือกที่จะเข้าข้างใคร

ซีซาร์ไกล่เกลี่ย

โตเลมีที่ 13 เห็นว่าซีซาร์ไม่อยู่ข้างตน เขาจึงพยายามปลุกระดมประชาชนชาวอเล็กซานเดรียให้ลุกขึ้นต่อต้านซีซาร์ (อาจจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์กับคลีโอพัตรา) แต่ซีซาร์ไม่ใช่ธรรมดา เขามีความสามารถในการพูดอย่างที่หาตัวจับได้ยาก ซีซาร์จึงพูดให้ปวงชนเข้าใจและสลายตัวไปเอง แผนการของโตเลมีที่ 13 จึงล้มเหลวไปเอง

ต่อมาซีซาร์พยายามเข้ามาไกล่เกลี่ยด้วยการนัดหมายให้คลีโอพัตรา โตเลมีที่ 13 อาร์ซิโนที่ 4 และโตเลมีที่ 14 ซึ่งทั้งหมดเป็นบุตรชายและบุตรสาวของโตเลมีที่ 12 ฟาโรห์องค์ก่อนของอียิปต์มายังที่ประชุมเพื่อตกลงเรื่องบัลลังก์

ณ ที่นั่น ซีซาร์ได้เปิดพินัยกรรมของโตเลมีที่ 12 ที่ให้คลีโอพัตราและโตเลมีที่ 13 ครองอียิปต์ร่วมกัน แสดงให้เห็นว่าระหว่างพี่สาวและน้องชาย ทั้งสองจะต้องมีสิทธิในแผ่นดินอียิปต์เท่าเทียมกัน ซีซาร์จึงหวังว่าทั้งสองฝ่ายจะยอมรับข้อตกลงเดิมของบิดาได้ ส่วนอาร์ซิโนและโตเลมีที่ 14 ซีซาร์หวังว่าทั้งสองจะยอมไปปกครองไซปรัสร่วมกัน เพียงเท่านี้ปัญหาแย่งชิงบัลลังก์ก็จะจบไป

อนุสาวรีย์ซีซาร์ในกรุงโรม Cr: Leomudde

ทุกฝ่ายเห็นตรงกันได้ นอกจากโตเลมีที่ 13 เท่านั้น โตเลมีที่ 13 ตระหนักว่าตนเองเป็นฝ่ายได้เปรียบในสงครามกลางเมืองก่อนหน้านี้ เงื่อนไขของซีซาร์เป็นการ “ช่วย” คลีโอพัตราอย่างชัดเจนที่สุด

นอกจากนี้โตเลมีที่ 13 ยังคิดว่าเขามีกำลังอยู่ 20,000 นาย ส่วนซีซาร์มีเพียง 4,000 นาย ดังนั้นจึงไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไรในการที่จะบดขยี้กองกำลังของซีซาร์ โตเลมีที่ 13 จึงให้ Potheinos นำกำลังทั้งหมดเข้าโจมตีกองกำลังของซีซาร์ แต่ซีซาร์สามารถสังหาร Potheinos ได้ก่อนทำให้ความพยายามของโตเลมีที่ 13 ต้องหยุดชะงักไป ส่วนโตเลมีที่ 13 ถูกซีซาร์จับกุมไว้ได้

กำจัดศัตรูให้คู่รัก

ขณะนั้นน้องสาวอีกคนของคลีโอพัตรา หรือ อาร์ซิโนที่ 4 ฉวยโอกาสนั้นเข้ามาแทรกแซงทางการเมืองด้วยเช่นกัน เธอกับแม่ทัพของโตเลมีที่ 13 ได้เป็นพันธมิตรกัน ดังนั้นกองกำลังที่จงรักภักดีต่ออาร์ซิโนที่ 4 และโตเลมีที่ 13 จึงเข้าโจมตีซีซาร์และคลีโอพัตราในอเล็กซานเดรียในปลายปี 48 BC

ซีซาร์เห็นกำลังทหารศัตรูมีมาก เขาจึงพยายามต่อรองแต่กลับไม่เป็นผล เพราะทูตของซีซาร์กลับถูกสังหารโดยฝ่ายศัตรู

กองกำลังอียิปต์สามารถยึดส่วนใหญ่ของเมืองได้ แต่ยังไม่สามารถจับกุมซีซาร์และคลีโอพัตราได้ ถึงกระนั้นพวกเขาก็สามารถหลอกซีซาร์ให้ปล่อยโตเลมีที่ 13 ออกมาได้เป็นผลสำเร็จ หลังจากนั้นโตเลมีที่ 13 และอาร์ซิโนที่ 4 จึงเร่งส่งกำลังเพื่อบดขยี้ซีซาร์ให้แหลกลาญ แต่กองทหารโรมันของซีซาร์ยังต้านทานไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง

ในต้นปี 47 BC ซีซาร์ได้เรียกกำลังสนับสนุนมาจากเอเชียไมเนอร์ ทำให้กำลังของทั้งสองฝ่ายใกล้เคียงกัน ซีซาร์โจมตีกองกำลังอียิปต์ของโตเลมีที่ 13 และอาร์ซิโนที่ 4 จนแตกยับ โตเลมีที่ 13 พยายามข้ามแม่น้ำไนล์เพื่อหลบหนี แต่เรือของเขากลับล่มลง ทำให้โตเลมีที่ 13 จมน้ำตาย ส่วนอาร์ซิโนที่ 4 ถูกซีซาร์จับกุมได้

ความพ่ายแพ้ของโตเลมีที่ 13 และอาร์ซิโนที่ 4 ทำให้บัลลังก์อียิปต์ว่างลง ซีซาร์ได้จัดการให้คลีโอพัตราขึ้นครองบัลลังก์พร้อมกับโตเลมีที่ 14 น้องชายคนสุดท้อง ในช่วงนี้ถึงแม้คลีโอพัตราจะได้บัลลังก์กลับคืนมา แต่เธอกลับไม่ปรากฏตัวต่อสาธารณชนมากนัก

นั่นก็เพราะว่า เธอกำลังตั้งครรภ์ลูกของเธอกับซีซาร์นั่นเอง

เรื่องจะเป็นไปอย่างไร ติดตามได้ในตอนหน้าครับ

ย้อนอ่านตอนเก่า

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!