ประวัติศาสตร์จีนจ้านกว๋อซูฉิน-จางอี้ (จบ) ฉู่หวางถูกหลอก ปมเหตุความแค้นฉู่-ฉิน

ซูฉิน-จางอี้ (จบ) ฉู่หวางถูกหลอก ปมเหตุความแค้นฉู่-ฉิน

ตอนที่ 1 อยู่ที่นี่

ด้วยความโลภอย่างได้ดินแดน ฉู่ไหวหวางตัดสินใจเชื่อจางอี้จอมโกหกระดับห้าดาว โดยยินยอมตัดสัมพันธ์กับแคว้นฉี แลกกับการเป็นไมตรีกับแคว้นฉิน เพื่อที่แคว้นฉินจะได้มอบดินแดนหกร้อยลี้คืนให้กับแคว้นฉู่

เหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นปฐมบทแห่งความเกลียดชังของชาวฉู่ที่มีต่อชาวฉิน และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ในอีกร้อยกว่าปีต่อมา เซี่ยงอวี่นำเชื้อพระวงศ์ฉินทั้งหมดมาประหารชีวิตอย่างไร้ความปรานี

มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

โบราณวัตถุที่สืบมาจากสมัยของฉู่ไหวหวาง By Editor at Large – Own work, CC BY-SA 2.5,

จางอี้สับปลับ

จางอี้ส่งทูตมาเชิญฉู่ไหวหวางให้เดินทางไปแคว้นฉิน เพื่อที่จะเจรจาความเมืองด้วยกัน ฉู่ไหวหวางปรารถนาที่จะไปเพื่อที่จะได้ดินแดนคืนมา

หากแต่ว่ามีขุนนางแคว้นฉู่อยู่สองคนได้แก่ เฉินเจิ่นและชูหยวนที่มองกลลวงของจางอี้ออกทั้งหมด เฉินเจิ่นทัดทานกษัตริย์ของตนเองว่า

ต้าหวางทรงลืมไปแล้วหรืออย่างไร การที่แคว้นฉินมาให้ความสำคัญกับแคว้นเรา นั่นก็เพราะมีแคว้นเรามีแคว้นฉีเป็นพันธมิตร ถ้าต้าหวางทรงตัดไมตรีกับแคว้นฉี แล้วเป็นมิตรกับแคว้นฉิน แคว้นฉู่เราจะโดดเดี่ยวทันที ดั่งเนื้ออยู่ข้างกายเสือ เมื่อแคว้นเราโดดเดี่ยวแล้ว แคว้นฉินจะมีเหตุอันใดที่จะมามอบดินแดนมากถึงหกร้อยลี้ให้ ข้าพระองค์คิดว่านี่ต้องเป็นอุบายหลอกลวงของจางอี้อย่างแน่นอน แล้วถ้ามันไม่มอบดินแดนให้ต้าหวางอย่างที่มันว่า แคว้นฉีจะไปรวมกับแคว้นฉินยกมาตีแคว้นเรา ผู้ใดจะไปป้องกันแคว้นฉู่ไม่ให้สูญสิ้นได้ ข้าพระองค์เสนอว่าให้ขุนนางไปแคว้นฉินรับมอบดินแดนก่อน ถ้าแคว้นฉินมอบดินแดนมาจริง เราค่อยตัดไมตรีกับแคว้นฉีก็ไม่สายเกินไป

ชูหยวนก็รีบทูลสนับสนุนเฉินเจิ่นว่า

คำพูดของท่านเฉินเจิ่นถูกต้องแล้ว จางอี้มันเป็นคนกลับกลอกเคยหลอกลวงแคว้นเว่ยไปแล้วครั้งหนึ่ง ต้าหวางทรงจำไม่ได้หรืออย่างไร

จิ้นซ่าง ขุนนางกังฉินที่เป็นคนสนิทของฉู่ไหวหวางกลับทูลว่า ถ้าไม่ตัดไมตรีกับแคว้นฉี แคว้นฉินคงจะไม่คืนดินแดนมาให้เราก่อนแน่นอน และสนับสนุนให้ฉู่ไหวหวางเดินทางไปแคว้นฉิน

ฉู่ไฮวหวางด้วยความละโมบจึงบอกกับเฉินเจิ่นชูหยวนว่า

พวกท่านสองคนไม่ต้องพูดอีก ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะทำตามข้อเสนอของจางอี้

หลังจากนั้นจึงส่งทูตตามจางอี้ไปเข้าแคว้นฉินด้วยกัน

ระหว่างจะเข้าเมืองเสียนหยางนั้น จางอี้หาเหตุแยกกับทูตแคว้นฉู่ที่หน้าเมือง โดยบอกให้ไปรอที่ห้องพักแขกเมืองล่วงหน้าเสียก่อน

หลายวันผ่านไป ทูตแคว้นฉู่ไปขอเข้าเฝ้าฉินหวาง ฉินหวางส่งคนมาบอกว่ายังไม่อนุญาตให้เข้าเฝ้า ทูตแคว้นฉู่จึงไปตามหาจางอี้ที่บ้าน จางอี้กลับอ้างป่วยและไม่ออกมาพบเช่นเดียวกัน

เป็นแบบนี้นานถึงสามเดือน ทูตแคว้นฉู่ก็ยังไม่ได้เรื่องได้ราวแต่อย่างใด

อยู่มาวันหนึ่ง ฉินหวางอนุญาตให้ทูตแคว้นฉีเข้าพบได้และกล่าวกับทูตแคว้นฉู่ว่า

จางอี้ได้ทำสัญญาว่าจะคืนดินแดนให้กับแคว้นฉู่ ข้ายินดียกให้ตามนั้น แต่แคว้นฉู่ยังไม่ได้ตัดไมตรีกับแคว้นฉีตามสัญญา ข้าเกรงกลัวว่าจะกลัวโดนแคว้นฉู่หลอกลวงเอา แล้วจางอี้ยังไม่หายป่วย ข้าจึงไม่อาจจะยกดินแดนให้แคว้นฉู่ไป

ทูตแคว้นฉู่จึงรายงานเรื่องทั้งหมดให้ฉู่ไหวหวางทราบ ฉู่ไฮว้หวางกลับคิดว่าเป็นเพราะแคว้นฉู่ยังไม่ตัดขาดกับแคว้นฉี ดังนั้นจึงส่งทหารบุกเข้าไปในเขตแดนแคว้นฉี และด่าฉีหมิ่นหวางด้วยคำหยาบคายมากมาย

ฉีหมิ่นหวางเป็นกษัตริย์ที่มีความมั่นใจในตนเอง และหยิ่งทรนงสูงยิ่งกว่ากษัตริย์ธรรมดาทั่วไป ฉีหมิ่นหวางจึงโกรธราวกับไฟเผา เขาใช้ให้ทูตไปยังแคว้นฉินเพื่อขอเป็นพันธมิตรโจมตีแคว้นฉู่

ส่วนจางอี้ เขาแกล้งทำเป็นป่วยมาตลอดหลายเดือน พอได้ยินข่าวว่าแคว้นฉีส่งทูตมาขอเป็นไมตรีกับแคว้นฉินแล้ว ก็หัวเราะเพราะรู้ว่าอุบายของตนเองสำเร็จแล้ว เขาจึงมาพบทูตแคว้นฉู่ และทำเป็นถามว่า ทำไมทูตแคว้นฉู่ยังอยู่ในเมืองเสียนหยาง และไม่กลับไปหลังจากได้รับมอบดินแดน

ทูตแคว้นฉู่กล่าวว่าฉินหวางมีคำสั่งให้จางอี้มาชี้ขาดเรื่องการมอบพื้นที่เสียก่อน เขาจึงไปไหนไม่ได้

จางอี้ทำเป็นหน้าตายแล้วกล่าวว่า

เพราะเหตุใดท่านจะต้องไปหาฉินหวางอีกเล่า ดินแดนที่ข้าสัญญาจะให้แคว้นฉู่ก็เป็นที่ดินศักดินาของข้าจำนวนหกลี้อย่างไรเล่า

ทูตแคว้นฉู่แทบจะล้มทั้งยืน เขาพูดขึ้นว่า

หกลี้เช่นนั้นหรือ อะไรกัน ข้าได้รับบัญชาจากฉู่หวางว่า ท่านสมุหนายกสัญญาว่าแคว้นฉินจะมอบดินแดนหกร้อยลี้คืนให้ ไม่ใช่ดินแดนเท่านี้อย่างแน่นอน”

จางอี้จึงตอบว่า

ดินแดนแคว้นฉินนั้น ทหารฉินเราเสียเลือดเนื้อมากมายกว่าจะได้มา จะมอบให้คนอื่นได้อย่างไร อย่าว่าแต่หกร้อยลี้เลย แค่ลี้เดียวก็มอบให้ไม่ได้แล้ว

ทูตแคว้นฉู่ทำอะไรไม่ถูกจึงกลับไปรายงานต่อฉู่ไหวหวาง ฉู่ไหวหวางโกรธจัดจึงด่าว่าจางอี้อย่างรุนแรงจนถึงกับจะบุกไปฆ่าจางอี้เสียให้ได้

เฉินเจิ่นจึงทูลว่าบัดนี้ตนเองสามารถอ้าปากได้หรือยัง ฉู่ไหวหวางเสียงอ่อยจึงบอกให้เขาพูดต่อไปได้

เฉินเจิ่นทูลว่า

ต้าหวางทรงตัดไมตรีกับแคว้นฉี แล้วต้าหวางจะไปโจมตีแคว้นฉินที่เข้มแข็งได้อย่างไร ขอให้ต้าหวางทรงมอบสองหัวเมืองให้แคว้นฉินมันไปเป็นสินบน แล้วนำทหารเราไปรบกับแคว้นฉี ถึงจะเสียไปสองหัวเมืองให้แคว้นฉิน แต่ต้าหวางก็ทรงได้ดินแดนหลายหัวเมืองคืนจากแคว้นฉีเป็นแน่

ฉู่ไหวหวางกลับกล่าวว่า

แคว้นฉินหลอกลวงข้า แคว้นฉีไม่ได้มีความผิด ไม่โจมตีฉินแต่ไปโจมตีฉี จะมีแต่ผู้คนหัวเราะเยาะข้าได้

พอพูดจบทรงสั่งให้กองทัพฉู่หนึ่งแสนคนเข้าตีแคว้นฉินทันที

แคว้นฉู่พินาศยับเยิน

ฉินฮุ่ยเหวินหวางทราบข่าวศึกจึงให้แม่ทัพแซ่จาง (ในหนังสือสื่อจี้ไม่เปิดเผยชื่อตัวว่าชื่ออะไร) เป็นแม่ทัพใหญ่นำทหารฉินหนึ่งแสนคนเข้าต่อสู้ แล้วส่งทูตไปแจ้งให้ฉีหมิ่นหวางยกทัพมาตีกระหนาบ

กองทัพฉู่ต่อสู้กับกองทัพสองแคว้นที่เมืองตันหยาง ด้วยความที่มีกำลังน้อยกว่าและยังโดนตีกระหนาบจากสองด้าน กองทัพฉู่จึงแตกพ่ายยับเยิน กองทัพฉินและฉีติดตามโจมตีเข้าไปในแดนฉู่และไล่ฆ่าฟันทหารฉู่ล้มตายเป็นจำนวนมาก

ความเสียหายของฝ่ายฉู่น่าเวทนายิ่งนัก แม่ทัพใหญ่ฝ่ายฉู่ถูกทหารฉินจับเป็นได้ จำนวนทหารฉู่ที่ตายมากมายถึงแปดหมื่นกว่าคน บรรดาทหารระดับนายทัพตายไปเจ็ดสิบกว่าคน กองทัพฉินยึดดินแดนฉู่ไปได้ถึงหกร้อยลี้ และครอบครองดินแดนฮั่นจงได้เกือบทั้งหมด

ฉู่ไหวหวางหวาดกลัวยิ่งนักจึงส่งทูตไปสงบศึก ฉินฮุ่ยเหวินหวางกล่าวว่า

ข้ายินดีจะมอบข้อตกลงสงบศึกที่งดงามแก่ท่าน แคว้นฉินยินดีจะมอบดินแดนแคว้นซางที่จางอี้จะมอบให้เดิม แลกกับการที่แคว้นฉู่ยินดีมอบดินแดนเมืองฮั่นจงที่แคว้นฉินยึดไว้ได้แล้วจะเป็นอย่างไร ถ้าฉู่หวางทรงตกลง กองทัพฉินก็จะถอยทัพทันที

ข้อเสนอของฉินหวางงดงามยิ่งนัก เพราะดินแดนแคว้นซางเดิมก็หกร้อยลี้ ดินแดนฮั่นจงที่ถูกยึดครองใหม่ก็หกร้อยลี้ แคว้นฉู่จะไม่เสียอะไรมากนัก เพียงแค่อาจจะเสียจุดยุทธศาสตร์ไปบ้าง

ด้วยความขาดสติ ฉู่ไหวหวางกลับตอบฉินหวางไปว่า

ข้าไม่ต้องการดินแดนใดๆมาแลกเปลี่ยนขอแค่ฉินหวางทรงส่งจางอี้มาให้ข้าเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าขอมอบดินแดนที่กองทัพฉินยึดครองอยู่นั้น เป็นสิทธิ์ขาดของแคว้นฉินโดยชอบธรรม

ฉู่ไฮวหวางโกรธแค้นจางอี้มากจนลืมหมดทุกสิ่ง เขาละทิ้งแม้กระทั่งข้อเสนอที่งดงามอย่างยิ่งสำหรับผู้แพ้สงครามที่ฉินหวางทรงมอบให้ และปรารถนาจะนำตัวจางอี้มาเชือดเท่านั้น

อย่างไรก็ตามถ้ามองอีกแง่หนึ่ง ฉู่ไหวหวางเกรงว่าตนเองจะถูกหลอกซ้ำซากเป็นรอบที่สองจึงเลิกทำข้อเสนอเรื่องดินแดนกกับแคว้นฉิน

ส่งตัวจางอี้

เมื่อฉินฮุ่ยเหวินหวางได้รับสาส์นก็ตกใจมาก เขาปรึกษาเหล่าขุนนางว่าจะทำอย่างไรกันดีกับกรณีนี้ เพราะจางอี้มีความดีความชอบกับแคว้นฉินอย่างมากมาย และเป็นคนโปรดด้วย

ในช่วงที่ผ่านมา จางอี้มีความดีความชอบมากเกินไป ทำให้มีผู้ริษยาเขาไม่น้อย พวกขุนนางจึงพากันทูลฉินหวางว่า

ต้าหวางทรงเอาคนๆเดียวแลกไปกับดินแดนหกร้อยลี้กับแคว้นฉู่นั้น แคว้นเราได้ประโยชน์มากประมาณ ขอให้ต้าหวางทรงส่งท่านสมุหนายกจางอี้ไปเถิด

ฉินฮุ่ยเหวินหวางปฏิเสธเพราะเห็นว่าถ้าส่งจางอี้ไปแคว้นฉู่ จางอี้คงตายสถานเดียว

จางอี้กลับทูลฉินหวางว่า

ข้าพระองค์ทูลขอให้ต้าหวางส่งข้าพระองค์ให้ฉู่ไหวหวางเถิด แคว้นฉินเราจะได้ดินแดนฮั่นจงอันอุดมสมบูรณ์หกร้อยลี้ โดยแลกกับข้าพระองค์เพียงคนเดียว ถึงแม้ข้าพระองค์จะสิ้นชีวิต ข้าพระองค์ก็รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำเพื่อแคว้นฉินเรา

ฉินฮุ่ยเหวินหวางตกตะลึงในความใจเด็ดของจางอี้ แต่ในเวลาไม่นาน เขาก็คิดได้ว่าจางอี้อาจจะมีแผนการดีๆ อยู่ก็ได้ จึงให้จางอี้ทูลให้ทราบทันที

จางอี้ทูลฉินหวางไปว่า

ข้าพระองค์เคยผูกมิตรกับจิ้นซ่าง ขุนนางคนสนิทของฉู่หวาง ข้าพระองค์คิดว่าเขาคงช่วยคุ้มครองข้าพระองค์ นอกจากนั้นข้าพระองค์ได้ทราบมาว่าฉู่หวางทรงมีพระมเหสีที่ชาญฉลาดพระองค์หนึ่งที่ฉู่หวางทรงลุ่มหลงยิ่งนักนามว่า เจิ้งสิ้ว จิ้นซ่างคอยติดตามรับใช้พระนางอยู่ ถ้าให้จิ้นซ่างไปเพ็ดทูลให้พระนางทรงช่วย ข้าพระองค์คิดว่าน่าจะมีโอกาสรอดกลับมาได้ นอกจากนั้นขอให้ต้าหวางทรงให้กองทัพไว้ที่เมืองฮั่นจงเตรียมการทำสงครามไว้พร้อมสรรพ แคว้นฉู่มีหรือจะกล้าที่จะสังหารข้าพระองค์

ฉินฮุ่ยเหวินหวางจึงอนุญาตให้จางอี้ไปได้

เมื่อจางอี้พอมาถึงนครหลวงยิงตูของแคว้นฉู่ก็โดนจับล่ามโซ่ทันที ฉู่ไฮวหวางตั้งใจว่าจะสับจางอี้เป็นหมื่นๆชิ้นที่ศาลบุรพชนแคว้นฉู่ แต่จางอี้สั่งให้คนใช้ไปรายงานจิ้นซ่างเรียบร้อยแล้ว

จิ้นซ่างจึงเข้าไปหาพระนางเจิ้งสิ้วและทูลว่า

ข้าพระองค์เห็นว่า ต้าหวางคงจะเลิกโปรดปรานพระองค์ในอีกไม่นานนักเป็นแน่ พระนางโปรดหาวิธีทำอะไรสักอย่างเถิด

เจิ้งสิ้วตกใจยิ่งนักเลยถามจิ้นซ่างว่าเพราะเหตุอันใด

จิ้นซ่างทูลว่า

ถ้าแคว้นฉินยอมทำตามที่ต้าหวางทรงร้องขอ นำตัวจางอี้มาแลกกับดินแดนฮั่นจงหกร้อยลี้ ในเวลาต่อไปก็คงเป็นไมตรีกัน แคว้นฉินคงส่งพระธิดาที่มีสิริโฉมงดงามมาเป็นพระชายาองค์ใหม่ของต้าหวาง หากพระธิดาของแคว้นฉินมาถึง ต้าหวางก็คงจะต้องให้ความสำคัญ แล้วพระนางจะไปอยู่ที่ใดกันเล่า

เจิ้งสิ้วถามจิ้นซ่างว่าควรจะทำอย่างไรดี

จิ้นซ่างจึงว่าขอให้นางทูลให้ฉู่ไหวหวางให้ส่งจางอี้กลับไป เพียงเท่านี้ทุกอย่างจะเรียบร้อย เจิ้งสิ้วรับปากจิ้นซ่างว่าในคืนนี้จะทำตามคำแนะนำ

ในคืนนั้นฉู่ไหวหวางมาหาเจิ้งสิ้ว นางรีบฉวยโอกาสทูลว่า

หม่อมฉันขอให้ต้าหวางตรงติตรองดูใหม่ในเรื่องที่จะสังหารจางอี้ แคว้นฉินอุตส่าห์ส่งจางอี้มาก่อนเพื่อแสดงเจตจำนงขอเป็นไมตรี กองทัพฉินตั้งอยู่ที่เมืองฮั่นจงอยู่ห่างไปจากเมืองยิงตูไปไม่กี่มากน้อย ถ้าพระองค์ทรงสังหารจางอี้แล้ว ฉินหวางจะไม่ทรงใช้เป็นข้ออ้างยกกองทัพฉินมาตีแคว้นฉู่หรือ แล้วหม่อมฉันกับพระองค์จะเป็นเช่นไรถ้าแคว้นฉู่สูญสิ้นไปเล่า

ฉู่ไหวหวางจึงลังเลที่จะสังหารจางอี้ขึ้นมา เขาจึงไปปรึกษาจิ้นซ่าง กังฉินผู้นี้ก็พูดคล้ายๆ กันกับนางเจิ้งสิ้ว ฉู่ไฮวหวางถึงกับอึ้งไปเพราะไม่อยากเสียดินแดนดังกล่าวเช่นเดียวกัน สุดท้ายจึงยินยอมปล่อยจางอี้กลับไปแคว้นฉิน หากแต่ว่าชูหยวนรีบทูลทัดทานว่า

ต้าหวางไม่สังหารจางอี้ได้อย่างไร ต้าหวางทรงลืมไปแล้วหรือว่าแคว้นฉู่ตกอยู่ในสถานะนี้เป็นเพราะใคร แล้วต้าหวางจะทรงเป็นไมตรีกับแคว้นฉิน และห่างเหินอีกห้าแคว้นกระนั้นหรือ ข้าพระองค์เกรงว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกต้องเลย

ฉู่ไหวหวางจึงรีบส่งทหารไปจับจางอี้กลับมา แต่ว่าจอมปลิ้นปล้อนได้เดินทางทั้งกลางวันกลางคืนไปถึงเมืองฮั่นจง ถึงค่ายกองทหารฉินที่มารอรับเรียบร้อยแล้ว จางอี้จึงรอดชีวิตไปได้เพราะอุบายของตนเองไปอย่างเส้นยาแดงผ่าแปด

เมื่อถึงเมืองเสียนหยาง จางอี้รีบเข้าเฝ้าฉินฮุ่ยเหวินหวางแล้วทูลว่า

ข้าพระองค์ไปที่แคว้นฉู่ ได้สังเกตเห็นว่าฉู่หวางทรงหวาดกลัวแคว้นฉินเรา เพื่อประโยชน์ระยะยาว ขอให้ต้าหวางทรงมอบดินแดนบางส่วนที่ยึดมาได้คืนให้กับแคว้นฉู่ไป และแต่งงานดองญาติกัน ข้าพระองค์จะได้ใช้เรื่องนี้เป็นหลักฐานการมีคุณธรรมของแคว้นฉินเรา เพื่อไปเจรจาทำการแยกสลายสัญญาร่วมประสานของซูฉินให้แตกไปหมดสิ้นและชักนำให้แต่ละแคว้นมาเป็นมิตรกับแคว้นเรา เช่นนี้พวกหกแคว้นที่อยู่ใกล้กันจะทำสงครามกันเอง แคว้นฉินเราจะยึดครองแผ่นดินได้โดยง่าย

ฉินฮุ่ยเหวินหวางจึงอนุญาตให้คืนพื้นที่ส่วนหนึ่งให้แคว้นฉู่ และส่งทูตมาขอเป็นไมตรี เมื่อฉู่ไหวหวางได้ดินแดนกลับคืนไปจึงยินดียิ่งนัก

อย่างไรก็ตามหลังจากที่จางอี้เสียชีวิตไปแล้ว ฉู่ไหวหวางกลับถูกแคว้นฉินหลอกหลวงอีกครั้งในสมัยของฉินจาวเซียงหวาง แคว้นฉินหลอกฉู่ไหวหวางให้เดินทางมาแคว้นฉินเพื่อมาเจรจาเรื่องดินแดน แต่ทหารฉินกลับจับฉู่ไหวหวางเป็นตัวประกันเพื่อบังคับให้แคว้นฉู่ยกดินแดนให้เป็นการไถ่ตัว หากแต่ฉู่ไหวหวางกลับไม่ทรงยกให้ ขุนนางแคว้นฉู่จึงอภิเษกองค์รัชทายาทเป็นหวางพระองค์ใหม่แห่งแคว้นฉู่

ต่อมาฉู่ไหวหวางหลบหนีจากแคว้นฉินออกมาได้ แต่ก็โดนจับตัวกลับไปอีก สุดท้ายฉู่ไหวหวางจึงประชวรสวรรคตในแคว้นฉิน

ชาวฉู่ทุกคนต่างรู้สึกโกรธแค้นแคว้นฉินมาก ชาวฉู่รุ่นหลังยังไม่เคยลืมความแค้นที่มีต่อแคว้นฉิน นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เซี่ยงอวี่สังหารเชื้อพระวงศ์ฉินทั้งหมด และเผาทำลายเมืองเสียนหยางจนวอดวาย

เชื่อมแนวขวาง

หลังจากเสร็จเรื่องแคว้นฉู่แล้ว จางอี้ออกเดินทางจากเสียนหยางไปแคว้นฉีและกล่าวกับฉีหมิ่นหวางว่า

ต้าหวางทรงคิดว่าแคว้นฉียิ่งใหญ่เทียบเท่าแคว้นฉิน กองทหารก็เข้มแข็งเท่าเทียมกัน ขนาดก็ใหญ่เท่าๆกัน และแคว้นฉีก็อยู่ทางตะวันออกสุด ติดทะเลใหญ่ เช่นนี้กองทัพฉินไม่สามารถจะไม่มาราวีแคว้นฉีได้ หากแต่ว่าแคว้นฉินได้เป็นพันธมิตรกับแคว้นฉู่แล้ว ฉินหวางทรงดองญาติกับฉู่หวาง พวกแคว้นสามจิ้นก็ไม่ได้อยู่นิ่งยอมตัดดินแดนมามอบเพื่อเป็นไมตรีกับแคว้นฉินแล้วทั้งนั้น ถ้าเมื่อใดกองทัพสามจิ้นรวมกับกองทัพฉิน แล้วมาโจมตีแคว้นฉี แคว้นฉีจะเป็นอย่างไร

ในความเป็นจริงจางอี้มาแคว้นฉีที่แรก แคว้นฉินยังไม่ได้เป็นพันธมิตรกับแคว้นสามจิ้น สิ่งที่พูดจึงเป็นการ “บลัฟ” ให้ฉีหมิ่นหวางหลงเชื่อและเกรงกลัวเท่านั้น

ปรากฏว่าฉีหมิ่นหวางหลงเชื่อจริงๆ จึงทรงยอมเป็นพันธมิตรกับแคว้นฉิน เขามอบสิ่งของมีค่ามากมายให้จางอี้นำกลับไปแคว้นฉินเพื่อขอเป็นพันธมิตร

เมื่อออกจากแคว้นฉีแล้ว จางอี้สั่งให้รถนำของกลับไปเมืองเสียนหยาง ในขณะที่ตนเองแอบไปแคว้นจ้าว และแคว้นเยียนอย่างเงียบๆ เพื่อเจรจากับทั้งสองแคว้น

ด้วยวาทศิลป์ของจางอี้ แคว้นจ้าว และแคว้นเยียนก็ตกลงเป็นพันธมิตรกับแคว้นฉิน โดยยอมตัดดินแดนส่วนหนึ่งให้แคว้นฉิน ทำให้แคว้นฉินได้ดินแดนมาฟรีๆ เพราะลมปากของจางอี้เท่านั้น

ยุทธศาสตร์ของจางอี้นี้เรียกว่าเชื่อมแนวขวาง หรือว่าแคว้นฉินจะผูกมิตรกับแคว้นในหกแคว้นตะวันออก และปล่อยให้แคว้นเหล่านี้ต่อสู้กันเอง

จางอี้เห็นแผนทุกอย่างสำเร็จตามที่คิดไว้ จึงรีบกลับไปแคว้นฉินทันที หากแต่ว่าเขากับพบกับเรื่องเศร้าที่สุดเรื่องหนึ่ง

ฉินฮุ่ยเหวินหวาง เจ้านายที่เชื่อถือเขาเป็นดั่งแขนขาของพระองค์ได้ประชวรสวรรคตเสียแล้ว องค์รัชทายาทได้ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ ทรงพระนามว่า ฉินหวู่หวาง

ฉินหวู่หวางเป็นนักรบ เขาจึงมีนิสัยเหมือนกับนักรบทั่วไป นั่นคือมีบุคลิกตรงๆ พูดจาตรงๆ และเกลียดชังพวกชอบปลิ้นปล้อนอย่างจางอี้ ถึงแม้เขาจะช่วยให้แคว้นฉินได้ประโยชน์มานักต่อนักก็ตาม

ระหว่างที่ฉินหวู่หวางขึ้นครองราชย์ใหม่ๆ จางอี้ก็เที่ยวไปในแคว้นต่างๆ ไม่ได้อยู่รับใช้ บรรดาขุนนางแคว้นฉินที่อิจฉาจางอี้จึงใส่ความจางอี้ให้ฉินหวู่หวางฟังตลอดเวลา ฉินหวู่หวางจึงคิดหาเหตุจะปลดจางอี้ออกจากตำแหน่งสมุหนายกแต่ยังไม่มีจังหวะ

จางอี้เป็นคนฉลาด เขาคิดว่าถ้าตนเองดึงดันจะอยู่ในตำแหน่งต่อไป ตนเองคงไม่รอดพ้นชะตากรรมแบบซางยางที่ถูกประหารชีวิตทั้งครอบครัว จางอี้จึงหาทางเอาตัวรอดไปจากแคว้นฉิน

พอดีเขาได้ข่าวมาจากแดนไกล นั่นก็คือฉีหมิ่นหวางจับได้ว่า แคว้นฉินยังไม่ได้เป็นพันธมิตรกับแคว้นสามจิ้น (จ้าว หาน เว่ย) อย่างที่จางอี้มาโม้ให้ฟัง ฉีหมิ่นหวางจึงโกรธอย่างยิ่ง

ทันใดนั้นจางอี้จึงคิดหาทางเอาตัวรอดได้แผนหนึ่ง

ในวันรุ่งขึ้นจางอี้ทูลฉินหวู่หวางว่า

ฉีหวางโกรธข้าพระองค์ยิ่งนัก ที่ถูกข้าพระองค์หลอกลวง ข้าพระองค์มั่นใจว่าถ้าข้าพระองค์อยู่ที่ใดก็จะยกทัพไปตีแคว้นนั้นเพื่อจับข้าพระองค์สังหาร เช่นนั้นขอให้ต้าหวางทรงริบตำแหน่งสมุหนายกของข้าพระองค์เสีย แล้วขับไล่ไปแคว้นเว่ย ฉีหวางจะยกกองทัพไปรุกรานแคว้นเว่ย ขอให้ต้าหวางทรงใช้โอกาสนั้นบุกตีแคว้นหานเพื่อเปิดทางสู่เมืองลั่วหยาง เมืองหลวงของราชวงศ์โจว ถ้าต้าหวางทรงยึดเมืองลั่วหยางได้แล้วนั้น เท่านี้แผ่นดินทั้งหมดก็จะอยู่ใต้อำนาจต้าหวางอย่างชอบธรรม พระองค์จะได้สถาปนาตนเองเป็นจักรพรรดิ แผนการนี้ต้าหวางเห็นว่าดีหรือไม่

ฉินหวู่หวางตื่นเต้นกับแผนการของจางอี้ยิ่งนัก นอกจากจะได้ปลดจางอี้แล้ว ตนเองยังจะได้เป็นจักรพรรดิอีก เขาจึงรีบอนุมัติให้จางอี้พ้นจากตำแหน่งสมุหนายกทันที

จางอี้จึงรีบออกจากเมืองเสียนหยางไป และไปที่ต้าเหลียงเมืองหลวงของแคว้นเว่ย เว่ยหวางจึงแต่งตั้งจางอี้เป็นสมุหนายก

เมื่อฉีหมิ่นหวางทราบข่าวว่าจางอี้เป็นสมุหนายกอยู่ที่แคว้นเว่ย เขาจึงนำทัพมาตีแคว้นเว่ยทันที จางอี้เกรงแคว้นเว่ยจะไม่ปลอดภัยจึงรีบส่งคนสนิทไปทูลฉีหวางว่า

ต้าหวางอย่าได้ทรงหลงกลแผนการของจางอี้ แผนการของมันคือถ้าต้าหวางทรงโจมตีแคว้นเว่ย ทำสงครามกันยืดเยื้อ แคว้นฉินจะมาโจมตีแคว้นหานที่อ่อนแอ เพื่อเปิดทางให้ทัพฉินยึดครองเมืองลั่วหยาง เมืองหลวงของราชวงศ์โจวในที่สุด

ฉีหมิ่นหวางตกใจเพราะเกรงว่าจะหลงกลอีกครั้ง เขาจึงยกทัพกลับแคว้นฉีทันที นั่นแปลว่าแผนการของจางอี้จอมปลิ้นปล้อนประสบความสำเร็จ ตัวเขารอดตายมาจากแคว้นฉินและแคว้นเว่ยก็ปลอดภัยด้วย

เว่ยหวางจึงเชื่อถือจางอี้มากขึ้นกว่าเดิม หากแต่ว่าด้วยความแก่ชรา จางอี้เป็นสมุหนายกแคว้นเว่ยได้ปีกว่าก็ล้มป่วย และเสียชีวิตในแคว้นเว่ย

ด้วยลมปากของจางอี้ พันธมิตรสัญญาร่วมประสานที่ซูฉินสร้างมาจึงแตกกระจายไปหมดสิ้น เขามีส่วนสำคัญยิ่งในความสำเร็จของแคว้นฉินในบั้นปลาย

Sources:

  • Sima Qian, Records Of the Grand Historian
  • วิวัฒน์ ประชาเรืองวิทย์, เลียดก๊ก เล่ม 3

บทความประวัติศาสตร์

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!