ท่องเที่ยว10 สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติใน "สหรัฐอเมริกา" ที่น่าไปชม

10 สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติใน “สหรัฐอเมริกา” ที่น่าไปชม

ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่กว้างใหญ่ นอกจากอเมริกาจะมีเมืองที่น่าไปเที่ยวอย่างนิวยอร์ก, ลอสแองเจลิส, ชิคาโก, หรือวอชิงตัน ดีซีแล้ว ประเทศแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามระดับโลกเช่นเดียวกัน

เรามาดูกันครับว่าจะมีที่ไหนบ้าง

1. Grand Canyon

Grand Canyon (แกรนด์แคนยอน) เป็นโตรกผาขนาดยักษ์ในรัฐแอริโซนา (AZ) ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก แม้ว่ามันจะไม่ได้มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก แต่มันมีความยิ่งใหญ่ อลังการ และความสวยงามเฉพาะตัวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนทุกปี

แกรนด์แคนยอน By Murray Foubister – CC BY-SA 2.0

แกรนด์แคนยอนมีหลายจุดที่สวยงาม แต่บริเวณที่เป็นที่นิยมที่สุดคือส่วนทางตอนใต้ (South Rim) นักท่องเที่ยวมักเดินทางมาชมวิว ล่องแก่ง ดูพระอาทิตย์ขึ้น ปีนเขา ตั้งแคมป์ หรือเดินเทรกกิ้งที่นี่

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรเตือนใจไว้อย่างหนึ่งคือ อากาศที่แกรนด์แคนยอนร้อนและแห้งมาก โดยเฉพาะในบางฤดูกาล ทำให้การเตรียมน้ำติดไปด้วยให้เพียงพอจึงเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง

เดือนที่ควรจะไปเที่ยวที่นี่คือช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม และ กันยายน-พฤศจิกายน เพราะอุณหภูมิจะไม่ร้อนเกินไป นักท่องเที่ยวจะไม่มากเกินไป และที่สำคัญที่สุดคือพายุฝนฟ้าคะนองจะน้อยครับ

2. Niagara Falls

Niagara Falls หรือ น้ำตกไนแอการา เป็นน้ำตกที่ตั้งอยู่บริเวณพรมแดนสหรัฐอเมริกา-แคนาดา ด้วยขนาดที่ใหญ่ (แต่ไม่ได้ใหญ่ที่สุดในโลก) และความสวยงามทำให้น้ำตกแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่เป็นที่นิยมมากมานับร้อยปีแล้ว

น้ำตกไนแอการาฝั่งอเมริกา By Robert F. Tobler – Own work, CC BY-SA 4.0,

คิดเอาง่ายๆ ถึงขนาดมีป้าคนหนึ่งที่เอาตัวเองใส่ถังเบียร์ และไหลตามกระแสน้ำจากด้านบนสู่เบี้องล่างมาแล้ว!

น้ำตกไนแอการาตั้งอยู่ใกล้กับเมือง Niagara Falls (ชื่อเดียวกับน้ำตก) ในรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และเมือง Niagara Falls (ชื่อเดียวกันกับน้ำตก และเมืองในฝั่งอเมริกา) ในจังหวัดออนตาริโอ ประเทศแคนาดา

ดังนั้นการเที่ยวน้ำตกแห่งนี้ทำได้จากฝั่งอเมริกา และแคนาดา ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะชมจากทั้งสองฝั่งเช่นเดียวกัน ส่วนกิจกรรมที่ควรจะทำคือ การลงเรือไปชมน้ำตกใกล้ๆ สายน้ำที่ไหลลงมาจากน้ำตก เพราะมันช่างสดชื่นเป็นอย่างยิ่ง

การเที่ยวน้ำตกไนแอการาควรทำในฤดูร้อนหรือช่วงมิถุนายน – สิงหาคม เพราะน้ำมีมาก และไม่จับตัวเป็นน้ำแข็ง อากาศก็ไม่หนาวด้วย ทั้งนี้ในช่วงฤดูหนาวน้ำในน้ำตกจะแข็งเป็นน้ำแข็ง และทำให้เราหมดสิทธิ์ที่จะลงไปชมด้านล่างด้วย

3. Yellowstone National Park

Yellowstone (เยลโล่ว์สโตน) เป็นอุทยานแห่งชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเรื่องของน้ำพุร้อน บ่อเดือด ที่มีขนาดใหญ่มากและสวยงาม อาณาบริเวณเขตอุทยานยังมีสัตว์มากมายที่ให้ชมด้วยเช่นกัน

ดังนั้น Yellowstone จึงเป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่เป็นที่นิยมมากทั้งชาวอเมริกันและชาวต่างประเทศ ในปี ค.ศ.2015 อุทยานแห่งนี้มีผู้มาเยี่ยมเยือนถึง 3 ล้านคนเลยทีเดียว

Grand Prismatic Spring สัญลักษณ์ของ Yellowstone By David L. Sifry – David L. Sifry, CC BY-SA 3.0,

ตัวอุทยานกินพื้นที่ของสามรัฐได้แก่รัฐ Wyoming, Idaho และ Montana ทำให้ตัวอุทยานมีพื้นที่มากถึง 8,987 ตารางกิโลเมตร (มากกว่า 4 เท่าของเขาใหญ่)

ไฮไลท์ของ Yellowstone คือน้ำพุร้อนที่พุ่งสูงหลายเมตรจากพื้นดิน หุบเขามากมายที่เต็มไปด้วยสัตว์ และสระต่างๆที่เต็มไปด้วยกรดแก่และมีความร้อนสูงมาก

การท่องเที่ยวที่อุทยานแห่งนี้ นักท่องเที่ยวควรใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่ง จุดใดมีป้ายเตือนว่าห้ามเข้า นั่นคือห้ามเข้าจริงๆ

ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ที่อุทยานแห่งนี้มีพวกซ่า และพวกชอบเซลฟี่แบบแผลงๆ ตกลงไปในบ่อเดือดและเสียชีวิตมาแล้ว นอกจากนี้ท่านที่มีลูกน้อยต้องระวังเป็นพิเศษด้วย

High season ของ Yellowstone คือช่วงฤดูร้อน แต่ช่วงที่ดีที่สุดที่จะไปคือ ช่วงเมษายน-พฤษภาคม และกันยายน-ตุลาคม เพราะคนน้อย และอากาศไม่ร้อนจนเกินไป

4. Mammoth Cave

Mammoth Cave ที่ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติชื่อเดียวกันเป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่มีการค้นพบมา เส้นทางในถ้ำครอบคลุมระยะทางถึง 640 กิโลเมตร ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าด้านในถ้ำจะมีความอลังการมากเพียงใด

Mammoth Cave By Daniel Schwen – Own work, CC BY-SA 4.0,

ตัวถ้ำตัวอยู่ที่รัฐเคนตักกี (Kentucky) ของประเทศสหรัฐอเมริกา นอกจากมาชมตัวถ้ำแล้ว นักท่องเที่ยวยังสามารถดูสัตว์หายาก เดินเทรคกิ้งและพายเรือด้วย

ทั้งนี้อุณหภูมิภายในถ้ำค่อนข้างเย็น (12 องศา) ตลอดเวลา นักท่องเที่ยวควรพกเสื้อกันหนาวเข้าไปในถ้ำด้วย

ถ้ำ Mammoth Cave สามารถเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ข้อเสียสำคัญคือไม่มีรถสาธารณะใดๆ ที่เดินทางไปที่นั่นแม้กระทั่งรถบัสหรือแท็กซี่ ทำให้นักท่องเที่ยวต้องใช้เช่ารถขับไป หรือเดินทางไปกับทัวร์เท่านั้น

5. Redwood National and State Parks

Redwood National and State Parks เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย จุดเด่นของอุทยานแห่งนี้ต่างไปจากอุทยานอื่นๆ อย่างสิ้นเชิง เพราะว่ามันคือ ต้นไม้ชื่อ “เรดวู้ด” (Redwood) นั่นเอง

ต้นเรดวู้ดในอุทยาน By Carol M. Highsmith

ต้นเรดวู้ดสามารถสูงได้มากถึง 379 เมตร (สูงกว่าเทพีเสรีภาพที่นิวยอร์กเสียอีก) และมีอายุได้ถึง 2,000 ปี ลำต้นของต้นเรดวู้ดแต่ละต้นมีขนาดยักษ์ ถึงขนาดที่ต้องใช้คนโอบมากกว่าสิบคนเลยทีเดียว

เวลาที่เหมาะสมกับการเยี่ยมเยือนอุทยานแห่งนี้คือช่วงเดือนมิถุนายน-สิงหาคม เพราะฝนจะตกน้อย ทำให้การเดินเท้าชมความยิ่งใหญ่เหล่านี้สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย เช่นเดียวกับการตั้งแคมป์นอนกลางป่าด้วย

ด้วยความที่ตัวอุทยานแทบจะอยู่ไม่ใกล้กับเมืองใหญ่ใดๆ เลย ทำให้วิธีการเดินทางไปที่ง่ายที่สุดคือ การใช้รถยนต์เท่านั้น หรือไม่ก็ซื้อทัวร์เช่นเดิม

6. Denali National Park

Denali National Park หรือ อุทยานแห่งชาติเดนาลีเป็นที่ตั้งของยอดเขาเดนาลี ยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ ตัวอุทยานตั้งอยู่ในรัฐอลาสกา (Alaska) รัฐทางตอนเหนือสุดที่แยกออกจากแผ่นดินแม่สหรัฐอเมริกา

ยอดเขาเดนาลี และ Reflection Pool By Copyright 2002, Ryan Holliday (Wrh2), CC BY-SA 4.0,

อุทยานแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก โดยมันใหญ่กว่ารัฐแมซซาชูเซสต์ทั้งรัฐ! และใหญ่เป็นสิบกว่าเท่าของเขาใหญ่ อาณาบริเวณแห่งนี้ประกอบไปด้วยยอดเขาหิมะที่สวยงาม ทะเลสาบที่น่าหลงใหล และสัตว์แปลกที่หาดูได้ยากอีกมากมาย

นักท่องเที่ยวมักจะมาเยี่ยมเยือนอุทยานแห่งนี้ในช่วงฤดูร้อน (กลางเดือนมิถุยายน-สิงหาคม) เพื่อถ่ายรูป ปีนเขา ตั้งแคมป์ พายเรือ ล่องแก่ง และตามดูสัตว์ แต่ไฮไลท์ของอุทยานแห่งนี้คือ การชมวิวที่ Reflection Pond ที่จะให้วิวของยอดเขาเดนาลีสะท้อนลงมาเป็นผืนน้ำนั่นเอง

เดนาลีจัดว่าเป็นอุทยานที่เข้าถึงง่าย เพราะสามารถมาได้โดยรถยนต์ รถไฟและรถบัส นอกจากนี้ทัวร์ก็ยังมีให้ซื้อเช่นเดิม

7. Arches National Park

อุทยานแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติในประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีจุดเด่นของตัวเอง

Arches National Park By Palacemusic – Prise de vue personnelle, CC BY-SA 3.0,

Arches National Park มีจุดเด่นอยู่ที่หินรูปเสาโค้ง (arches) ตามธรรมชาติ ซึ่งภายในอุทยานแห่งนี้มีหินทรงแบบนี้มากกว่า 2,000 ลูก ทั้งหมดเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ และไม่ใช่ผลงานของมนุษย์แต่อย่างใด

ตัวอุทยานตั้งอยู่ในรัฐยูทาห์ (Utah) ของประเทศสหรัฐอเมริกา โดยตั้งอยู่ในเขตทะเลทรายของที่ราบสูงโคโลราโด ซึ่งเป็นจุดที่แห้งแล้งที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกาแห่งนี้

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางที่นี่มาเพื่อชมหินโค้งเหล่านี้ซึ่งเป็นความแปลกที่สร้างขึ้นโดยธรรมชาติ ช่างภาพชาวอเมริกันเองก็มักจะมาเก็บรูปสวยๆ ที่นี่ นอกจากนี้การเดินเทรคกิ้งยังได้รับความนิยมอย่างมากเช่นเดียวกัน

เนื่องจาก Arches National Park อยู่ในทะเลทราย โปรดตระหนักว่าอุณหภูมิในช่วงกลางวันจะสูงมาก เพราะฉะนั้นเตรียมน้ำและอุปกรณ์คลายร้อนเอาไว้ด้วยครับ

8. Yosemite National Park

Yosemite National Park หรืออุทยานแห่งชาติโยเซมิตี เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในสถานที่เที่ยวทางธรรมชาติที่เป็นที่นิยมมากที่สุดด้วย

Yosemite Valley By King of Hearts – Own work, CC BY-SA 3.0,

ภายในอุทยานประกอบด้วยภูเขาหินต่างๆ ที่มีรูปทรงที่แปลกตาและสวยงาม ภูเขาหิมะ ทะเลสาบ ธารน้ำแข็ง รวมไปถึงน้ำตกโยเซมิตีที่ไหลบ่าลงมาจากยอดเขาที่สูงมากกว่าหลายร้อยเมตร และยังมีไม้ตระกูล Sequoia ขนาดยักษ์อีกด้วย

อย่างไรก็ตามนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาที่นี่จะรวมตัวอยู่ที่บริเวณ Yosemite Valley อันเป็นสัญลักษณ์ของอุทยานเท่านั้น

ตัวอุทยานตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และสามารถเข้าถึงได้โดยรถบัส รถไฟและรถยนต์ทั่วไป ช่วงที่เหมาะสมที่จะไปเที่ยวที่สุดคือ ช่วงเดือนพฤษภาคม-กันยายน เพราะในช่วงฤดูหนาวถนนและเส้นทางเดินเท้าหลายเส้นจะปิดทำการ เพราะหิมะที่ตกลงมาอย่างหนาแน่น

เวลาเที่ยวในอุทยาน โปรดระวัง “หมี” ให้จงดี โดยเฉพาะในจุดที่เปล่าเปลี่ยว เพราะบางทีพวกมันจะได้กลิ่นอาหารในรถของคุณ และจะดึงประตูรถออกมาเพื่อบุกเข้าไปกินอาหารในนั้น

9. Grand Teton National Park

Grand Teton National Park หรืออุทยานแห่งชาติแกรนด์ธีตอน เป็นอุทยานแห่งชาติที่อยู่ในรัฐ Wyoming ของประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวอุทยานเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาร็อคกี้ เทือกเขาสำคัญในทวีปอเมริกาเหนือ

Grand Teton National Park By Jon Sullivan, PD Photo

ความสวยงามของแกรนด์ธีตอนอยู่ที่ยอดเขาหิมะที่ยาวต่อเนื่องกันไป รวมไปถึงทะเลสาบและธารน้ำแข็งที่งดงามด้วย อุทยานแห่งนี้เป็นที่นิยมมากในหมู่ช่างภาพชาวอเมริกันมาทุกยุคทุกสมัย

แกรนด์ธีตอนอยู่ใกล้กับ Yellowstone อย่างมาก ทำให้เราสามารถเที่ยวทั้งสองอุทยานไปได้ในทริปเดียว นักท่องเที่ยวสามารถขับรถยนต์และรถบัสเข้าสู่อุทยานได้อย่างง่ายดาย

เวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะไปคือ ในช่วงกลางเดือนพฤษภาคม-กันยายน ในช่วงฤดูหนาว ถนนและสิ่งอำนวยความสะดวกเกือบทั้งหมดจะถูกปิดลง แต่อุทยานยังคงเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเล่นสกีได้เช่นกัน

10. Glacier National Park

Glacier National Park เป็นอุทยานแห่งชาติที่ตั้งอยู่บริเวณชายแดนสหรัฐอเมริกา-แคนาดา และครอบคลุมบริเวณตอนเหนือของรัฐ Montana

Glacier National Park by US National Park Service

ความงดงามของอุทยานแห่งนี้อยู่ที่ทะเลสาบ ภูเขาหิมะ และธารน้ำแข็ง วิธีการชมสถานที่ต่างๆ ในอุทยานแห่งนี้ค่อนข้างง่าย เพราะสามารถชมได้แทบทั้งหมดโดยการนั่งรถชมวิว ถึงกระนั้นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวสามารถทำได้ในอุทยานแห่งนี้ยังมีมากมาย อาทิเช่นพายเรือ ขี่จักรยาน ตกปลา ปีนเขา หรือแม้กระทั่งขี่ม้า

ในช่วงฤดูหนาวนักท่องเที่ยวสามารถทำกิจกรรมฤดูหนาวอย่างเล่นสกีได้ด้วย ทำให้อุทยานแห่งนี้ตอบโจทย์นักท่องเที่ยวทุกรูปแบบเลยทีเดียว

การเข้าถึงอุทยานแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาที่นี่ได้โดยรถไฟ รถบัส หรือขับรถมาเอง ช่วงที่เหมาะสมที่สุดคือช่วงมิถุนายน-ตุลาคม ช่วงอื่นๆก็สามารถไปได้เช่นกัน แต่อาจจะชมทิวทัศน์ได้ไม่ดีเท่าในช่วงเดือนดังกล่าว

เรื่องที่ควรทราบ

  • แต่ละอุทยานมีกฎระเบียบและข้อบังคับที่แตกต่างกัน การปฏิบัติตามข้อบังคับเป็นสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอุทยานอย่าง Yellowstone
  • ทุกสถานที่ในที่นี้สามารถเดินทางไปได้กับทัวร์ท้องถิ่น หรือแม้กระทั่งทัวร์จีน สำหรับทัวร์จีน ผมได้ชี้แจงข้อดีข้อเสียไว้แล้วในโพสนี้
[sc name=”travelthai” ][/sc]

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwathttps://victorytale.com/about-victorytale/
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Victory Tale ผมชื่นชอบในหลากหลายสาขาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี ไปจนถึงการลงทุน หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ผมก็ได้เป็นนักลงทุนในหุ้น, ติวเตอร์, นักเขียน (ตีพิมพ์ไปแล้ว 3 เล่ม) และในปัจจุบันก็เป็นเจ้าของเว็บไซต์ครับ

ที่เที่ยวในอเมริกา

โรงแรมที่พักในอเมริกา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!