ท่องเที่ยว13 กิจกรรมสนุกที่น้ำตกไนแอการา (Niagara Falls) ที่คุณห้ามพลาด

13 กิจกรรมสนุกที่น้ำตกไนแอการา (Niagara Falls) ที่คุณห้ามพลาด

น้ำตกไนแอการา (Niagara Falls) เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ทางตอนบนสุดของรัฐนิวยอร์กของประเทศสหรัฐอเมริกา และตั้งอยู่บริเวณพรมแดนสหรัฐอเมริกา-แคนาดา

ความสวยงามของน้ำตกแห่งนี้เป็นที่เลื่องลือ ทำให้นักท่องเที่ยวนับแสนนับล้านเดินทางมาชมน้ำตกแห่งนี้ทุกปีครับ ที่น้ำตกเองก็มีกิจกรรมหลายอย่างที่น่าสนใจ และจะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่ดีมากขึ้นกว่าเดิม

เราไปดูกันเลยดีกว่าครับว่ามีอะไรบ้าง

ไปเที่ยวน้ำตกไนแอการา (Niagara Falls) อย่างไรดี?

การไปเที่ยวน้ำตกไนแอการา (Niagara Falls) ที่ดีที่สุดควรไปชมทั้งสองฝั่ง นั่นคือทั้งฝั่งอเมริกาและฝั่งแคนาดา แต่คุณจะต้องทำวีซ่าของทั้งสองประเทศนะครับ ช่วงที่ดีที่สุดในการไปชมน้ำตกไนแอการาคือช่วงฤดูร้อนหรือเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม เพราะคุณจะสามารถทำกิจกรรมทุกอย่างได้อย่างเต็มที่

น้ำตกไนแอการา (Niagara Falls)
น้ำตกไนแอการา (Niagara Falls) ในยามค่ำคืน By Youzhen Ding, flickr, CC By SA 2.0

ในช่วงฤดูหนาว คุณไม่สามารถเล่นหรือล่องเรืออะไรได้เลย สาเหตุเดียวที่คุณจะไปในช่วงนั้นคือไปดูน้ำตกทั้งหมดแข็งเป็นน้ำแข็งครับ ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่แปลกตาดี แต่ผมมองว่าช่วงฤดูร้อนหรือฤดูใบไม้ร่วงสวยกว่ามากครับ

สำหรับเรื่องการเดินทางจะแตกต่างกันไป

ถ้าเป็นฝั่งอเมริกา คุณสามารถเริ่มต้นที่นิวยอร์ก (New York) แล้วมีทางเลือกดังต่อไปนี้ครับ

ทางแรกคือนั่งรถบัส หรือรถไฟมาจากนิวยอร์กโดยตรง โดยรถบัสจะเร็วกว่าเล็กน้อย เพราะจะใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมงเศษ แต่ถ้าเป็นรถไฟจะอยู่ที่ 9 ชั่วโมงครับ นอกจากนี้รถบัสยังราคาถูกกว่าด้วย (เริ่มต้นที่ $44) เมื่อเทียบกับรถไฟที่ราคาเริ่มต้นที่ $68 ต่อเที่ยว อย่างไรก็ดีราคานี้เปลี่ยนได้ตลอดเพราะหลายปัจจัยครับ เพราะฉะนั้นกดปุ่มด้านล่างเพื่อดูราคาของวันที่จะไปจะดีที่สุด


ถ้าคุณอยากไปถึงให้เร็วที่สุดเพื่อประหยัดเวลา คุณสามารถนั่งเครื่องบินจากนิวยอร์กไปลงที่ Buffalo/Niagara International Airport ได้เช่นกัน ค่าตั๋วจะอยู่ที่ประมาณ $158 ต่อเที่ยว โดยจะใช้เวลาบิน 1 ชั่วโมง 40 นาที แต่ปัญหาคือคุณต้องเดินทางไปสนามบินอย่าง JFK หรือ Newark ซึ่งจะใช้เวลาเดินทางไปจากกลางเมืองนิวยอร์กประมาณ 1 ชั่วโมง แถมคุณยังต้องบวกการนั่งรถจากสนามบิน Buffalo เข้าเมืองอีกประมาณเกือบชั่วโมงด้วยกัน

ดังนั้นทำไปทำมา คุณอาจจะต้องจ่ายแพงกว่า 3 เท่า (ค่าเครื่องบิน + ค่าเดินทางเข้าออกสนามบิน) โดยที่ซื้อเวลาได้แค่ 2-3 ชั่วโมง ผมจึงมองว่าไม่คุ้มค่าครับ การนั่งรถบัสจึงเป็นทางเลือกที่ผมมองว่าดีกว่าอย่างชัดเจน

อีกทางเลือกหนึ่งคือฝั่งอเมริกาคือซื้อทัวร์น้ำตกผ่าน Klook ครับ ทัวร์นี้จะรวมค่าเดินทางด้วยรถบัสไปกลับ บวกกับ Scenic Trolley และ Maid of the Mist ไว้หมดแล้ว สนนราคาอยู่ที่ 6,275 บาทเท่านั้นเอง

จองทัวร์น้ำตกไนแอการาผ่าน Klook

เวลาออกทัวร์ก็คือ 5 ทุ่ม ดังนั้นคุณจะได้ถึงน้ำตกตอนเช้าพอดี เท่ากับว่าประหยัดค่าโรงแรมในนิวยอร์กไปอีกคืนนึงด้วยครับ


ขณะที่ฝั่งแคนาดา คุณสามารถเริ่มทริปได้ที่โตรอนโต (Toronto) แล้วนั่งรถบัสหรือขับรถมาเองยังน้ำตกไนแอการาก็ได้ครับ ค่ารถบัสจะเริ่มต้นที่ $10 เท่านั้นเอง ซึ่งถือว่าประหยัดค่าเดินทางกว่าฝั่งอเมริกาและใกล้เมืองใหญ่กว่าด้วยครับ


หลายคนอาจจะเลือกไปเที่ยวน้ำตกไนแอการากับทัวร์จีนในอเมริกา แต่จากที่เคยไปมาแล้ว ผมบอกเลยว่าไม่แนะนำ เพราะคุณจะได้ชมน้ำตกน้อยมาก และนั่งรถนานมากๆ ทำให้เหนื่อยมากๆ เลยทีเดียว นอกจากนี้การเที่ยวน้ำตกไนแอการายังไม่จำเป็นต้องใช้ทัวร์สักเท่าใดนัก เพราะทุกอย่างเรียบง่ายมากๆ ไม่มีที่ให้หลง ไม่มีอะไรซับซ้อนครับ คุณสามารถเที่ยวเองได้อย่างสบายๆ

ฝั่งอเมริกา

การชมน้ำตกไนแอการา (Niagara Falls) สามารถทำได้ทั้งจากฝั่งอเมริกาและฝั่งแคนาดา เราจะมาเริ่มต้นที่ฝั่งอเมริกากันก่อนครับ

Niagara Falls By denisbin, Flickr, CC By ND 2.0

1. ชม Niagara Falls จากจุดชมวิว

จากฝั่งอเมริกาคุณจะยืนอยู่เคียงข้าง American Falls น้ำตกใหญ่ที่นำมวลน้ำของแม่น้ำไนแอการาไหลลงสู่ทะเลสาบเบี้องล่าง ห่างจากคุณไปไกลๆ ทางด้านซ้ายจะเป็น Horseshoe Falls ครับ

American Falls จากฝั่งอเมริกา ด้านขวาของรูปไกลๆ คือ Horseshoe Falls By Ken Lund, Flickr, CC By 2.0

บริเวณจุดชมวิว (Observation Tower) จะมีที่นั่งให้คุณชมได้ยาวๆ เลยครับ ในช่วงกลางคืนก็ยังชมได้แถมยังสวยมากด้วย เพราะว่ามีการเปิดไฟสปอตไลท์ที่น้ำตกทั้งสองครับ

2. Maid of the Mist

Maid of the Mist จะเป็นการลงเรือเพื่อเข้าไปชมน้ำตกอย่าง American Falls และ Horseshoe Falls อย่างใกล้ชิด ซึ่งคุณจะต้องใส่เสื้อกันฝนที่เรือเตรียมเอาไว้ด้วย เพราะคุณจะตัวเปียกแน่นอนจากสายน้ำและละอองน้ำครับ

Maid of the Mist By Mike G, Flickr, CC By 2.0

การล่องเรือจะใช้เวลา 30 นาที และจะล่องได้เฉพาะช่วงเดือนเมษายน-พฤศจิกายนเท่านั้น เนื่องจากในช่วงฤดูอื่น น้ำตกจะแข็งเป็นน้ำแข็งครับ

3. Cave of the Winds

Cave of the Winds เป็นจุดชมวิวที่ตั้งอยู่ด้านล่างของ American Falls และ Bridal Veil Falls ดังนั้นถ้าคุณอยากชมน้ำตกจากด้านล่าง จุดนี้เป็นอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจมาก เพราะสายน้ำของน้ำตกจะห่างจากคุณไปไม่กี่เมตรเท่านั้นครับ บรรยากาศที่ได้จะแตกต่างกับการชมจาก Observation Tower มากเลยครับ

Cave of the Winds By Char, Flickr, CC By SA 2.0

4. Aquarium of Niagara

ใกล้กับน้ำตกไนแอการามีพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่น่าสนใจ ภายในพิพิธภัณฑ์มีสัตว์น้ำกว่า 200 สปีชีส์ให้ชม และยังมีโชว์สัตว์อย่างเช่นสิงโตทะเล และนกเพนกวินให้ดูอีกด้วยครับ ค่าเข้าชมสำหรับผู้ใหญ่อยู่ที่ $14.95 ครับ

ฝั่งแคนาดา

การเที่ยวชมน้ำตกไนแอการาของคุณจะยังไม่สมบูรณ์ ถ้าคุณยังไม่ได้ไปชมน้ำตกไนแอการาจากฝั่งแคนาดาครับ

1. Journey Behind the Falls

Journey Behind the Falls เป็นจุดชมวิวของ Horseshoe Falls คุณจะต้องเดินเท้าลงไปด้านล่าง และลอดผ่านอุโมงค์อายุมากกว่า 130 ปี เพื่อลงไปสัมผัสกับสายน้ำอันยิ่งใหญ่ที่ไหลบ่าลงมาจากน้ำตกขนาดยักษ์แห่งนี้

Journey Behind the Falls By Brent Ozar, Flickr, CC By SA 2.0

วิวที่อยู่เบี้องล่างนั้นสวยมาก แต่ก็เปียกเช่นเดียวกัน คุณควรจะใส่เสื้อกันฝนลงไปด้วยครับ

2. Hornblower Niagara Cruises

Hornblower Niagara Cruises จะให้คุณนั่งเรือสองชั้นเหมือนกับ Maid of the Mist และเข้าไปชมน้ำตกไนแอการาอย่าง American Falls และ Horseshoe Falls รวมไปถึงเกาะแก่งอื่นๆ อย่างใกล้ชิด ซึ่งการชมจะเปียกเช่นเดียวกับ Maid of the Mist ครับ เพราะฉะนั้นควรจะสวมใส่เสื้อกันฝนที่มีเตรียมไว้ให้เช่นเดียวกัน

Hornblower Niagara Cruises By Joe deSousa, Flickr, Public Domain

3. White Water Walk

สำหรับใครก็ตามที่อยากสัมผัสความมหัศจรรย์ของสายน้ำ คุณสามารถลงลิฟต์ไปสู่พื้นดินเบี้องล่าง ที่นั่นจะมีทางเดินอย่างดีที่คุณจะสามารถมองดูสายน้ำและคลื่นที่เชี่ยวกรากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก (ความเร็วน้ำมากถึง 48 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) นอกจากนี้คุณจะได้เห็นชั้นหินของโตรกที่มีอายุมากถึง 410 ล้านปีด้วยครับ ตามทางเดินเองก็มีจุดชมวิวหลายแห่งให้คุณหยุดชมความงามและถ่ายรูปด้วย

Niagara Falls's White Water Walk
White Water Walk By Robert Linsdell

4. Zipline to the Falls

Zipline to the Falls เป็นกิจกรรมสำหรับสายลุย หรือใครก็ตามที่หลงใหลในความตื่นเต้น อยากให้ร่างกายหลั่งอะดรีนาลิน คุณจะได้ลอยตัวไปกับเส้น Zipline ที่มีความยาวถึง 670 เมตร โดยผ่านเส้นน้ำที่เชี่ยวกรากของทะเลสาบเบี้องล่าง และเห็นน้ำตกไนแอการาทั้งสามได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเลยครับ

5. Whirlpool Aero Car

Whirlpool Aero Car เป็นกระเช้าเก่าแก่ตั้งแต่ปี ค.ศ.1916 ซึงพาดผ่านสายน้ำสีขาวอันเชี่ยวกรากเบี้องล่าง คุณสามารถชมวิวสวยๆ ของน้ำตกไนแอการาได้รอบทิศ รวมไปถึงน้ำวนในทะเลสาบด้วยครับ

Whirlpool Aero Car By S.Rae, Flickr, CC By 2.0

6. Whirlpool Adventure Course

Whirlpool Adventure Course เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของสายลุย คุณจะได้ปีนป่ายสะพานเชือก เสา และโรยตัวไปตามเส้น Zipline และอื่นๆ อีกมากมาย เส้นทางที่คุณจะได้ทำกิจกรรมจะลัดเลาะไปตามสายน้ำอันสวยงามของน้ำตกไนแอการาครับ

เส้นทางมีให้คุณเลือกตั้งแต่แบบ kids (สำหรับเด็ก) Classic (แบบคลาสสิก) และ Extreme (สำหรับสายแข็งจริงๆ) นอกจากนี้ยังมีหอให้คุณกระโดดด้วย กิจกรรมกระโดดหอเรียกว่า “What’s to Fear Jump” ครับ

7. Niagara’s Fury

Niagara’s Fury เป็นกิจกรรมที่สนุกได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คุณจะได้เข้าไปนั่งในโรงภาพยนตร์แบบ 4D และสัมผัสกับบรรยากาศเสมือนที่จำลองว่าคุณกำลังไหลไปตามแม่น้ำไนแอการาอันเชี่ยวกรากในช่วงยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย (Last Ice Age) ครับ ประสบการณ์ที่ได้จะเป็นแบบ 360 องศา ความเปียกและความหนาวจะมาเยือนร่างกายของคุณอย่างแน่นอน

8. Butterfly Conservatory

Butterfly Conservatory เป็นเขตอนุรักษ์ผีเสื้อครับ ด้านในจะมีผีเสื้อจำนวนกว่า 2,000 ตัวจาก 40 สปีชีส์ซึ่งบินไปบินมาตามธรรมชาติ ถ้าคุณเบื่อน้ำตกแล้วสามารถมาแวะชมผีเสื้อสีสันสวยๆ ที่นี่ได้ครับ

Butterfly Conservatory By Laura Wolf, Flickr, CC By 2.0

9. Skylon Tower

Skylon Tower เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดที่ตั้งอยู่ใกล้เคียงกับน้ำตกไนแอการา ด้วยความสูงถึง 235 เมตร ทำให้คุณสามารถชมน้ำตกทั้ง American Falls และ Horseshoe Falls แบบ Bird’s eye view โดยไม่ต้องซื้อทัวร์เฮลิคอปเตอร์ซึ่งแพงกว่ามาก

Skylon Tower By BradReeseCom

ด้านบนของหอคอยมีร้านอาหารที่หมุนไปมาตั้งอยู่ด้วย ถ้าคุณขึ้นไปรับประทานอาหารที่นี่ คุณจะสามารถเห็นวิวน้ำตกได้รอบเลยครับ

ส่งท้าย

[sc name=”travelthai” ][/sc]

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwathttps://victorytale.com/about-victorytale/
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Victory Tale ผมชื่นชอบในหลากหลายสาขาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี ไปจนถึงการลงทุน หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ผมก็ได้เป็นนักลงทุนในหุ้น, ติวเตอร์, นักเขียน (ตีพิมพ์ไปแล้ว 3 เล่ม) และในปัจจุบันก็เป็นเจ้าของเว็บไซต์ครับ

สถานที่ท่องเที่ยว

โรงแรมที่พัก

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!