ท่องเที่ยว8 อุทยานสุดสวยแห่งรัฐ Alaska ที่คุณต้องไปเที่ยวสักครั้ง

8 อุทยานสุดสวยแห่งรัฐ Alaska ที่คุณต้องไปเที่ยวสักครั้ง

Alaska เป็นรัฐที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศสหรัฐอเมริกา และไม่ได้มีพรมแดนติดต่อกับแผ่นดินแม่แต่อย่างใด Alaska เป็นรัฐที่มีผู้คนอาศัยอยู่น้อยมาก เพราะอากาศอันหนาวเหน็บ และภูมิประเทศที่มีลักษณะเป็นไทก้าและทุนดราอันเย็นยะเยือก

อย่างไรก็ดีคงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า Alaska เป็นรัฐที่มีธรรมชาติสวยที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศสหรัฐอเมริกา หรืออาจจะของโลกด้วยซ้ำไป

อุทยานที่อยู่ใน Alaska มีหลายแห่ง และแต่ละแห่งมีขนาดใหญ่โตมาก (อย่างเช่น Denali National Park นั้นใหญ่เป็น 12 เท่าของเขาใหญ่) ด้านในอุทยานเต็มไปด้วยภูเขาหิมะ ธารน้ำแข็ง ภูเขาน้ำแข็ง ฟยอร์ด ทะเลสาบ และอื่นๆ มากมายให้คุณได้ไปสัมผัส

เราไปดูกันดีกว่าครับ Alaska มีอุทยานไหนที่สวยๆ บ้าง

Denali National Park Image by David Mark from Pixabay

ไปเที่ยวอุทยานในรัฐ Alaska อย่างไรดี?

ส่วนมากแล้วบริษัททัวร์ไทยที่จัดทัวร์ Alaska มักจะพาคุณไปขึ้นเรือสำราญ ดังนั้นถ้าคุณไปกับทัวร์ ส่วนมากคุณจะได้ไปแค่ Glacier Bay National Preserve เท่านั้น ส่วนอุทยานอื่นๆ คุณจะต้องไปเองครับ

[sc name=”travelthai” ][/sc]

การเดินทางแน่นอนว่า คุณจะต้องเดินทางมายังเมือง Anchorage เมืองที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในรัฐ Alaska และมีสนามบินนานาชาติตั้งอยู่ โดยในการบินจากกรุงเทพจะใช้เวลา 22-25 ชั่วโมงเป็นอย่างต่ำ เพราะคุณต้องเปลี่ยนเครื่อง 2 ครั้งครับ สำหรับรการจองตั๋วเครื่องบิน ผมแนะนำให้อ่านบทความจองตั่วเครื่องบินไปยังอเมริกาของผมเพิ่มเติมครับ

เมื่อคุณมาถึง Anchorage แล้ว คุณอาจจะต้องขับรถหรือบินในรัฐเพื่อเดินไปทางไปอุทยานที่คุณเล็งไว้ แต่ไม่ใช่ทุกอุทยานจะเข้าถึงได้ง่ายครับ อย่างเช่น Gates of the Arctic เข้าถึงยากมากๆ คุณจะต้องนั่งเครื่องบินเล็กเข้าไปยังอุทยานครับ แต่ถ้าเป็น Denali ก็จะง่ายกว่าหน่อย เพราะสามารถเข้าถึงได้ทั้งทางรถยนต์และรถไฟครับ

สำหรับใครที่สนใจจะใช้ขนส่งสาธารณะ ผมแนะนำให้ใช้เว็บไซต์ Omio ครับ เพราะคุณสามารถดูตารางการเดินรถไฟ รถบัส และเครื่องบินได้ทั้งหมด พร้อมกับเปรียบเทียบราคา และซื้อได้ทันทีอีกต่างหาก

1. Denali National Park & Preserve

Denali National Park & Preserve เป็นอุทยานอันเป็นที่ตั้งของ Denali ยอดเขาที่สูงที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ (6,190 เมตร) อุทยานแห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ใน Alaska ครับ ส่วนหนึ่งเพราะบรรดานักปีนเขาตัวยงที่ต้องการพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในทุกทวีปจะเดินทางมาปีนยอด Denali เพื่อเก็บสถิตินั่นเอง

Denali

สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไป Denali เป็นดินแดนสวรรค์สำหรับการชมธรรมชาติไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบ ภูเขาหิมะ หุบเขา ป่าสน รวมไปถึงสัตว์และพืชรวมแล้วนับพันสปีชีส์ ในช่วงฤดูร้อนชาวอเมริกันนิยมมาถ่ายรูป ตั้งแคมป์พักผ่อนกันในอุทยาน แต่ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวก็จะเล่นสกีหรือสโนว์โมบิลครับ

จำนวนนักท่องเที่ยวที่นี่มีไม่ถึง 20% ของอุทยานดังๆ ในอเมริกาอย่างเช่น Yellowstone หรือ Yosemite เพราะฉะนั้นเป็นสถานที่อัน perfect สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมธรรมชาติสวยๆ อลังการอย่างเงียบๆ ครับ

ค่าเข้าชมอุทยานอยู่ที่ $15 ต่อคน โดยจะอยู่ในอุทยานได้มากถึง 1 สัปดาห์ครับ อย่างไรก็ดีถ้าคุณต้องการตั้งแคมป์ในอุทยาน หรือว่าปีนยอดเขา Denali ในส่วนนี้จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ

2. Katmai National Park & Preserve

Katmai National Park & Preserve เป็นอุทยานที่อุดมไปด้วยภูเขาหิมะ ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น หุบเขาอันกว้างใหญ่ และหลุม crater ที่เกิดจากการปะทุของภูเขาไฟเมื่อครั้งอดีตกาล ปัจจุบันภายใน crater เป็นทะเลสาบสีฟ้าครับ ขนาดของอุทยานแห่งนี้ก็ไม่เล็กอีกเช่นเดียวกัน เพราะใหญ่เป็น 8 เท่าของเขาใหญ่ครับ

Katmai Crater lake Image by skeeze from Pixabay

จริงๆ แล้วไฮไลท์ของที่นี่คือ Brown Bear หรือหมีสีน้ำตาลที่เรารู้จักกันดีนั่นเอง คุณจะมีโอกาสเห็นหมีเหล่านี้คอยดักกินปลาแซลมอนจำนวนมหาศาลที่แหวกว่ายในแม่น้ำครับ

Brown Bear ดักกินแซลมอน Image by skeeze from Pixabay

การเข้าชม Katmai National Park ไม่มีค่าเข้าใดๆ คุณสามารถเข้าได้ฟรี แต่ถ้าต้องการพักข้างในอุทยานอย่างเช่นการตั้งแคมป์ คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ

3. Glacier Bay National Park & Preserve

Glacier Bay National Park & Preserve เป็นอุทยานใน Alaska ที่มีนักท่องเที่ยวมากที่สุด ที่นี่เต็มไปด้วยธารน้ำแข็งอันตระการตา และยังมีภูเขาหิมะ และผืนป่าอันกว้างใหญ่ รวมๆ แล้วมีขนาดใหญ่เป็น 6.5 เท่าของเขาใหญ่ครับ

Glacier Bay Image by David Mark from Pixabay

ไฮไลท์ของที่นี่คือธารน้ำแข็งที่สวยงามและสมบูรณ์มากอย่างเช่น Johns Hopkins Glacier ซึ่งมีความยาวถึง 19 กิโลเมตรด้วยกัน นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือและขึ้นเครื่องบินเล็กเพื่อชมความงามของธรรมชาติที่นี่ครับ อย่างไรก็ดีสายลุยสามารถเช่าเรือคายัคหรือจัดทีมไปพายเรือเล็กในทะเลสาบเพื่อชมวิวก็ได้เช่นกัน

ส่วนเรื่องค่าเข้าและค่าตั้งแคมป์ ทางอุทยานไม่เก็บค่าใช้จ่ายใดๆ เลยครับ คุณจะอยู่นานเท่าไรก็ได้ตามความชอบใจเลยครับ

4. Gates of the Arctic

Gates of the Arctic National Park & Preserve แค่ชื่อก็บอกใบ้มาแล้วว่าตั้งอยู่ที่ไหน ตัวอุทยานตั้งอยู่เกือบเหนือสุดของรัฐ Alaska เลยครับ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยว่าจะอยู่เหนือเส้น Arctic Circle ด้วย ขนาดอุทยานก็ใหญ่โตเหมือนเดิม นั่นคือใหญ่ประมาณ 5.5 เท่าของเขาใหญ่ครับ

ที่นี่มีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์มาก อย่างเช่นหุบเขาที่เกิดจากการกัดเซาะของธารน้ำแข็ง และแม่น้ำอันคดเคี้ยวที่ไหลเชี่ยว อากาศก็สุดแสนจะบริสุทธิ์ปราศจาก pm 2.5 นักท่องเที่ยวจึงมักมาเดินเทรคกิ้ง ตั้งแคมป์ ดูสัตว์ หรือพายเรือคายัคครับ

สิ่งที่คุณควรทราบคือภายในอุทยานกันดารถึงกันดารมาก เพราะไม่มีถนนลาดยางเลยสักเส้นเดียว สิ่งอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวก็แทบจะเป็นศูนย์ ว่ากันว่าช่วงฤดูหนาวจะไม่มีแสงไฟเลยในอุทยาน มีแต่แสงเหนือเท่านั้นที่จะชี้ทางให้กับคุณครับ

Gates of the Arctic Image by skeeze from Pixabay

ค่าใช้จ่ายในการเข้าอุทยาน และแคมปิ้งจะฟรีครับ แต่คุณจะต้องได้รับการอบรมก่อนที่จะเข้าไปอุทยาน เพราะถ้าคุณเกิดเป็นอะไรขึ้นมาด้านใน การช่วยเหลือคุณจะทำได้ยากมากครับ

5. Kenai Fjords National Park

Kenai Fjords National Park เป็นอุทยานในAlaskaที่หลงเหลือมาจากยุคน้ำแข็งเมื่อ 12,000 ปีก่อน ภายในอุทยานมีธารน้ำแข็งที่ใหญ่โตมากถึง 40 แห่ง รวมไปถึงฟยอร์ดที่สวยงามอีกหลายแห่งด้วยกัน กรมอุทยานของอเมริกาเรียกอุทยานแห่งนี้ว่าเป็นสถานที่ที่ “ยอดเขา น้ำแข็ง และท้องทะเลมาพบเจอกัน”

ขนาดของอุทยานนี้จัดว่ากะทัดรัดเมื่อเทียบกับที่อื่นเพราะใหญ่ใกล้เคียงกับเขาใหญ่ครับ

ภาพระดับคลาสสิก วาฬหลังค่อมกระโดดเหนือน้ำที่ Kenai Fjords National Park Image by skeeze from Pixabay

นอกจากธารน้ำแข็งและฟยอร์ดแล้ว อีกสิ่งที่คุณจะได้ชมก็คือสัตว์มากมายทั้งสัตว์บกสัตว์น้ำ ไม่ว่าจะเป็นวาฬ แมวน้ำ สิงโตทะเล หมีดำ ฯลฯ นักท่องเที่ยวจึงมักมาชมสัตว์ เดินเที่ยวชมธารน้ำแข็ง และล่องเรือชมฟยอร์ดครับ

ค่าเข้าและค่าแคมปิ้งทางอุทยานให้ฟรีครับ แต่ถ้าคุณอยากนอนในอาคารภายในอุทยาน คุณจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มครับ

6. Wrangell-St Elias

Wrangell-St Elias National Park & Preserve เป็นอุทยานที่ทำให้อุทยานอื่นๆ ใน Alaska เล็กไปเลยในทันที เพราะอุทยานแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็น 26.5 เท่าของเขาใหญ่! โดยมีพื้นที่ถึง 53,320 ตารางกิโลเมตรครับ รวมแล้วจัดว่าเป็นอันดับ 1 ในประเทศสหรัฐอเมริกา และใหญ่กว่าประเทศสวิสเซอร์แลนด์ทั้งประเทศ!

ไฮไลท์ของที่นี่คือยอดเขา Mount St. Elias ซึ่งมีความสูงเกือบ 5,500 เมตร นอกจากนี้ยังมีภูเขาหิมะ ธารน้ำแข็ง ผืนป่าสน และลำธารที่ไหลเชี่ยวให้ได้ชมด้วยครับ นักท่องเที่ยวมักมาปีนเขา พายเรือ ตั้งแคมป์ ชมสัตว์ และทำกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ อีกมากมายครับ

ค่าเข้าอุทยานแห่งนี้ฟรีโดยไม่มีค่าใช้จ่ายครับ

7. Bering Land Bridge National Preserve

Bering Land Bridge National Preserve เป็นอุทยานที่ครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันตกของรัฐ Alaska ในส่วนที่ใกล้กับช่องแคบ Bering พื้นที่บริเวณนี้มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์มาก เพราะว่าเป็นเคยเป็นเส้นทางที่มนุษย์ก่อนประวัติศาสตร์เดินทางจากทวีปเอเชียมายังทวีปอเมริกาเหนือครับ (Bering Land Bridge)

ส่วนขนาดของอุทยานใหญ่เหมือนเดิม นั่นคือประมาณเกือบ 5 เท่าของเขาใหญ่ครับ

พื้นที่ในอุทยานเต็มไปด้วยทะเลสาบ ภูเขาสูง ปากอ่าว บ่อน้ำร้อน และที่สำคัญที่สุดคือเต็มไปด้วยสัตว์มากมายตั้งแต่แมวน้ำ วาฬ หมาป่าหิมะ หงส์ กวาง Caribou วอลรัส รวมๆ แล้วหลายร้อยสปีชีส์ สัตว์เหล่านี้อาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว ทำให้บริเวณนี้มีฟอสซิลสัตว์โบราณที่ถูกค้นพบเป็นจำนวนมากครับ

นักท่องเที่ยวนิยมมาปีนเขา ตกปลา ชมวิว เดินเทรคกิ้ง และกิจกรรมกลางแจ้งอื่นๆ ครับ ส่วนเรื่องค่าเข้าก็ฟรีครับ

8. Kobuk Valley National Park

Kobuk Valley National Park เป็นอุทยานที่จัดว่าแปลกกว่าอุทยานแห่งอื่นใน Alaska เพราะว่าที่นี่มีพื้นที่สันทรายขนาดใหญ่ราวกับว่าอยู่ในทะเลทราย และยังมีแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว เช่นเดียวกับผืนป่าอันใหญ่โตและภูเขาหิมะ รวมๆแล้วมีขนาดประมาณ 3.5 เท่าของเขาใหญ่ครับ

ตัวอุทยานครอบคลุมเส้นทางที่เหล่าฝูงกวาง Caribou จำนวน 250,000 ตัวใช้อพยพทุกปีครับ ซึ่งคุณสามารถมารอดูพวกมันได้เช่นกัน และยังมีสัตว์อื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากด้วย ทั้งนี้นักท่องเที่ยวนิยมมาชมวิวด้วยการล่องเรือหรือนั่งเครื่องบินเล็ก หรือถ้าคุณอยากจะพายเองก็สามารถทำได้เหมือนกันครับ

ส่วนเรื่องค่าเข้าชมไม่มีครับ เข้าฟรีตลอดครับ

Pun Anansakunwat
Pun Anansakunwathttps://victorytale.com/about-victorytale/
ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ Victory Tale ผมชื่นชอบในหลากหลายสาขาตั้งแต่ประวัติศาสตร์ การท่องเที่ยว เทคโนโลยี ไปจนถึงการลงทุน หลังจากที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย (Columbia University) ผมก็ได้เป็นนักลงทุนในหุ้น, ติวเตอร์, นักเขียน (ตีพิมพ์ไปแล้ว 3 เล่ม) และในปัจจุบันก็เป็นเจ้าของเว็บไซต์ครับ

สถานที่ท่องเที่ยว

โรงแรมที่พัก

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!