ลอสแองเจลิส (Los Angeles) หรือแอลเอ (L.A.) เป็นมหานครที่อยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสองในประเทศสหรัฐอเมริกา ตามหลังนิวยอร์กซิตี้เพียงเมืองเดียว
คนไทยน่าจะรู้จักเมืองแห่งนี้จากภาพยนตร์ฮอลลีวูดมากมายหลายเรื่อง และลอสแองเจลิสเองก็เป็นเมืองหลวงของอุตสาหกรรมภาพยนตร์เลยก็ว่าได้ ซึ่ง Hollywood Sign ที่มีชื่อเสียงโด่งดังก็ตั้งอยู่ที่นี่ครับ
เราไปรู้จักเมืองนี้กันอย่างละเอียดกันดีกว่า และไปดูกันว่าลอสแองเจลิสจะมีสถานที่ท่องเที่ยวไหนบ้างครับ
รู้จักลอสแองเจลิส (Los Angeles)
ลอสแองเจลิส (Los Angeles) เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานประมาณ 200 ปีเศษ โดยนักสำรวจชาวสเปนได้เดินทางมายังดินแดนแถบนี้ และได้ตั้งเมืองขนาดเล็กขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 18 โดยผู้ที่เข้ามาอยู่ในอาศัยในเมืองในช่วงแรกคือชาวเม็กซิกันจากอาณานิคม New Spain (เม็กซิโกในปัจจุบัน) และพวก Mestizo ซึ่งเป็นลูกครึ่งระหว่างชาวสเปนและชาวพื้นเมือง
ช่วงห้าสิบปีแรกเป็นช่วงที่ตัวเมืองเติบโตอย่างช้าๆ ในช่วงปี ค.ศ.1820 เมืองลอสแองเจลิสมีประชากรเพียง 600 คนเท่านั้น เมื่อเม็กซิโกได้อิสรภาพจากสเปน ลอสแองเจลิสได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นเมืองหลวงของจังหวัด Alta California ซึ่งครอบคลุมรัฐแคลิฟอร์เนียในปัจจุบันเกือบทั้งหมด
ในปี ค.ศ.1846 กองทัพสหรัฐอเมริกาได้รุกราน Alta California จนเกิดเป็นสงครามใหญ่ระหว่างสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโก ปรากฏว่าสหรัฐอเมริกาเป็นฝ่ายได้ชัยชนะ ทำให้เม็กซิโกต้องยกเมืองลอสแองเจลิสและดินแดนแคลิฟอร์เนียให้เป็นการถาวร
กระแสตื่นทองและการที่รัฐบาลอเมริกันสร้างทางรถไฟเชื่อมรัฐแคลิฟอร์เนียกับส่วนอื่นของประเทศได้ทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากอพยพมาอาศัยที่รัฐแคลิฟอร์เนีย จำนวนประชากรในเมืองใหญ่ของรัฐอย่างลอสแองเจลิสจึงเพิ่มจำนวนขึ้นไปด้วย ในช่วงปี ค.ศ.1900 ผู้ที่อยู่อาศัยในเมืองมีจำนวนมากถึง 100,000 คนเลยทีเดียว
ในช่วงทศวรรษ 1900-1910 บริษัททำภาพยนตร์จำนวนมากย้ายมาตั้งอยู่ที่เมือง Hollywood เมืองเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ใกล้กับลอสแองเจลิส เพราะบริษัทเหล่านี้ต้องการหลบหลีกกรณีพิพาทกับบริษัทของเอดิสันที่ครอบครองลิขสิทธิ์เทคโนโลยีการทำภาพยนตร์จำนวนมาก การย้ายมาอยู่ฝั่งตะวันตกที่กันดารกว่าทำให้การบังคับใช้ลิขสิทธิ์ยากขึ้น นอกจากนี้ดินแดนแถบนี้ยังมีภูมิประเทศและภูมิอากาศที่ดี แถมค่าที่ดินยังถูกมากๆ อีกด้วย เหมาะต่อการขยับขยายกิจการ
ด้วยเหตุนี้ทำให้เมือง Hollywood ได้กลายเป็นศูนย์กลางการทำภาพยนตร์ของสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ.1910 ชาวเมืองได้โหวตรวมตัวเมืองเข้าเป็นส่วนหนึ่งของลอสแองเจลิส ทำให้ลอสแองเจลิสกลายเป็นฮับของอุตสาหกรรมภาพยนตร์มาจนถึงทุกวันนี้
ประชากรในเมืองลอสแองเจลิสเพิ่มมากขึ้นตามลำดับในช่วง Roaring Twenties และ Great Depression ส่วนหนึ่งเพราะความเจริญทางเศรษฐกิจของเมืองที่เกิดจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่เฟื่องฟู ผู้คนจากต่างถิ่นจึงอพยพเข้ามาอาศัยที่นี่จนประชากรพุ่งทะลุ 1 ล้านคนในปี ค.ศ.1930 และขยับขึ้นมาเป็นมากกว่า 13 ล้านคนในปัจจุบัน (ถ้านับรวมบริเวณมหานครทั้งหมด)
นอกจากอุตสาหกรรมภาพยนตร์แล้ว ปัจจุบันลอสแองเจลิสได้เป็นศูนย์กลางของการค้าขาย และการผลิตในฝั่งตะวันตกของประเทศสหรัฐอเมริกา ท่าเรือและสนามบินของเมืองแออัดไปด้วยเรือคอนเทนเนอร์ขนาดยักษ์และเครื่องบินจำนวนมากมาย ถ้าเปรียบเทียบในเรื่องของ GDP แล้ว ลอสแองเจลิสมี GDP สูงกว่าเมืองใดๆ ในโลก ยกเว้นแต่เพียงโตเกียวและนิวยอร์กซิตี้เท่านั้นเองครับ
ไปเที่ยวลอสแองเจลิส (Los Angeles) อย่างไรดี?
ลอสแองเจลิส (Los Angeles) เป็นหนึ่งในเมืองในสหรัฐอเมริกาที่คนไทยนิยมไปเที่ยวมากที่สุด คุณสามารถมาเที่ยวลอสแองเจลิสด้วยตัวเอง ซึ่งไม่ยากอะไรนัก คุณสามารถบินจากกรุงเทพมาถึงลอสแองเจลิสโดยหลากหลายสายการบิน อาทิเช่น Korean Air, Cathay Pacific, ANA ฯลฯ โดยใช้เวลาไม่เกิน 20 ชั่วโมงครับ สำหรับเรื่องตั๋วเครื่องบิน ผมแนะนำให้อ่านคู่มือการจองตั๋วเครื่องบินมายังอเมริกาเพิ่มเติมครับ
ทั้งนี้ลอสแองเจลิสห่างจาก Las Vegas ประมาณ 430 กิโลเมตร และห่างจาก Yosemite 450 กิโลเมตร (ถ้าใช้เส้นทางที่ใกล้ที่สุด) ดังนั้นถ้าคุณชอบขับรถเที่ยว คุณสามารถขับไปทั้งสองแห่งได้โดยไม่ยากอะไรนักครับ
แต่สำหรับ Yosemite แล้ว นักท่องเที่ยวที่มีเวลาเที่ยวมากจะเลือกเส้นทางเลียบหาดผ่าน Pacific Coast Highway ซึ่งจะใช้เวลามากกว่า แต่สวยกว่าและมีจุดให้แวะเที่ยวมากกว่าครับ
ถ้าคุณจะใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะเข้าออกเมือง ผมแนะนำให้ลองพิจารณา Omio ครับ เพราะใช้ง่ายดี คุณจะเห็นตารางการให้บริการและราคาของพาหนะทุกอย่างตั้งแต่รถ รถไฟ และเครื่องบินได้บนแพลตฟอร์ม ทำให้คุณสามารถเปรียบเทียบปัจจัยต่างๆ และซื้อได้เลยทันทีครับ
ประหยัดเงินด้วย Los Angeles Pass
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวนั้น แทบทุกแห่งจะเสียค่าเข้า ซึ่งคุณสามารถประหยัดได้ด้วยการซื้อ Los Angeles Pass กับ GoCity ครับ โดยบัตรนี้ครอบคลุมค่าเข้าสถานที่ดังต่อไปนี้
- Hollywood Sign Tour – ทัวร์พิเศษที่จะใช้เวลา 90 นาที ไกด์จะแนะนำให้คุณรู้จักกับประวัติศาสตร์ของ LA และย่าน Hollywood อย่างละเอียด ซึ่งจะรวมค่าเข้าชมสถานที่ต่างๆ ทั้งหมดแล้วครับ
- Universal Studios Hollywood (ต้องซื้อ Pass แบบ 3 วันขึ้นไปเท่านั้น)
- Aquarium of the Pacific
- Six Flags Magic Mountain
- ล่องเรือที่ San Pedro (45 นาที)
- Minibus Tour สำหรับชมย่านที่พักอาศัยของดารานักแสดงฮอลลีวู้ด
- พิพิธภัณฑ์ต่างๆ อาทิเช่น Hollywood Museum, Grammy Museum, Battleship IOWA Museum ฯลฯ
รวมๆ แล้วมีสถานที่และทัวร์กว่า 35 แห่งด้วยกันที่คุณสามารถเข้าไปชมได้ในลอสแองเจลิสโดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มแล้ว และในบางเคสอาจจะไม่ต้องต่อคิวเลยด้วยครับ
ในส่วนของค่าบัตรจะมีตั้งแต่ 1-7 วัน โดยจะเริ่มต้นที่ $99 (ผ่าน GoCity โดยตรง) หรือ 3,380 บาทผ่าน Klook ครับ
**Tips** การซื้อ Pass จะคุ้มในกรณีที่คุณอยากเข้าสถานที่หลายแห่ง โดยไม่ได้อยากจะเก็บบรรยากาศในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งนานเกินไป แต่ถ้าคุณสนใจแค่ไม่กี่ที่ ในกรณีนี้ไม่ซื้อ Pass เลยอาจจะคุ้มกว่าครับ
1. Hollywood Sign
Hollywood Sign เป็นป้ายอักษร 9 ตัว “Hollywood” ตั้งอยู่บนภูเขาชื่อเดียวกัน ป้ายนี้เองที่เป็นสัญลักษณ์ของย่านและเมืองลอสแองเจลิสที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลก
เดิมทีป้ายนี้มีคำว่า “Land” อยู่ด้วย โดยสร้างขึ้นในช่วงทศวรรษ 20 เพื่อโฆษณาย่านที่อยู่อาศัยใหม่ที่มีชื่อว่า “Hollywoodland” ป้ายดังกล่าวอยู่ยงคงกระพันมานานถึงเกือบ 60 ปี ทำให้มันกลายเป็นส่วนหนึ่งของเมืองไปแล้ว การบูรณะจึงเกิดขึ้นในปี ค.ศ.1978 โดยตัดคำว่า “Land” ออกไป กลายเป็น “Hollywood” อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบันครับ
2. Walk of Fame/Kodak Theatre
Walk of Fame เป็นทางเดินตามถนนชื่อ Hollywood Boulevard บนพื้นถนนจะมีดวงดาวซึ่งจะจารึกชื่อและบทบาทของบุคลากรในวงการบันเทิงอเมริกันที่เคยสร้างผลงานอันสุดยอดเอาไว้เรียงรายกันไป ในปัจจุบันมีดาวเหล่านี้มากกว่า 2,500 ดวงด้วยกันครับ
บนถนนเดียวกันมีโรงละครที่มีชื่อเสียงหลายแห่งตั้งอยู่ บางแห่งมีอายุร่วมร้อยปีแล้ว แต่ที่มีชื่อที่สุดก็คือ Kodak Theatre ซึ่งใช้ประกาศผลรางวัลออสการ์ทุกปีครับ
3. Universal Studio Hollywood
Universal Studios Hollywood เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่ของ Universal และเป็นสตูดิโอถ่ายทำภาพยนตร์ด้วย เครื่องเล่นที่นี่อย่างเช่น The Wizarding World of Harry Potter หรือ Jurassic World- The Ride ต่างได้รับความนิยมสูงมากครับ ถ้าเหนื่อยแล้วสามารถไปเดินเล่นที่ Universal City Walk เพื่อเก็บบรรยากาศ ถ่ายรูป และหาอะไรกินก็ได้เช่นกันครับ
ดังนั้นถ้าคุณมาถึงลอสแองเจลิสแล้ว การไปเที่ยวสวนสนุกแห่งนี้สักครั้งเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยครับ สำหรับค่าเข้าจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าคุณไปช่วง Non-Peak, Mid-Peak หรือ Peak Season และคุณต้องการ Express หรือว่า VIP Experience รึเปล่า โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 3,676 บาทสำหรับ 2 วัน (ซื้อ 1 แถม 1) ครับ
4. Disneyland
Disneyland ตั้งอยู่ที่ Anaheim โดยห่างจากลอสแองเจลิสไม่ไกลนัก ที่นี่เป็นสวนสนุกดิสนีย์แลนด์แห่งแรกของโลก โดยเปิดทำการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1950 และเป็นดิสนีย์แลนด์แห่งเดียวที่ถูกสร้างในการควบคุมดูแลของวอลท์ ดิสนีย์ ประธานผู้ก่อตั้งของบริษัทดิสนีย์โดยตรงจนเสร็จสิ้น
ตัวสวนสนุกแน่นอนว่าใช้ theme ตัวละครต่างๆ จากแอนิเมชันและภาพยนตร์อื่นๆ ของดิสนีย์ครับ แม้ว่าขนาดจะใหญ่ไม่เท่า Disney World แต่ที่นี่ก็มีดีที่ความเป็นสวนสนุกแบบออริจินัลซึ่งให้ความสุขกับคุณและครอบครัวได้อย่างแน่นอนครับ
ค่าเข้าจะเริ่มต้นที่ 3,551 บาทต่อหนึ่งวันหนึ่งสวนสนุกครับ แต่ถ้าอยากเข้าสองแห่งในวันเดียวจะต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม (เลือกแบบ Park Hopper)
5. Griffith Park
Griffith Park เป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดในรัฐแคลิฟอร์เนีย และครอบคลุมพื้นที่บริเวณแนวเขา Santa Monica โดยอยู่ห่างจาก Hollywood Sign ไม่ไกลนัก
ภายในสวนสาธารณะแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจหลายแห่ง อาทิเช่น
- Griffith Observatory – หอดูดาวขนาดใหญ่ที่คุณสามารถมาใช้กล้องโทรทรรศน์คุณภาพเยี่ยมมาดูท้องฟ้าในยามค่ำคืนได้ นอกจากนี้ยังเป็นพิพิธภัณฑ์อวกาศอีกด้วยครับ ทั้งนี้หอดูดาวตั้งอยู่บนภูเขา ทำให้มองเห็นดาวได้อย่างชัดเจน แม้ว่าจะอยู่ใกล้กับเมืองใหญ่ก็ตามครับ ทัวร์เข้าชมจะอยู่ที่ 990 บาทครับ
- Los Angeles Zoo – สวนสัตว์ขนาดใหญ่แห่งเมืองลอสแองเจลิส มีสัตว์นานาชนิดให้ชมเช่นยีราฟ โคอาลา ช้าง ฯลฯ
6. Museums
เช่นเดียวกับเมืองใหญ่ๆ ทั่วไปของสหรัฐอเมริกา ลอสแองเจลิสมีพิพิธภัณฑ์ชั้นยอดอยู่หลายแห่งด้วยกัน ซึ่งมีทั้งพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และศิลปะ เราไปดูกันดีกว่าครับว่ามีที่ไหนบ้าง
- Natural History Museum of Los Angeles County – พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ธรรมชาติที่มีไฮไลท์สำคัญคือฟอสซิลไดโนเสาร์ และฟอสซิลที่นี่เป็นแบบทั้งตัว ไม่ใช่แค่ส่วนแขนขาเหมือนกับในพิพิธภัณฑ์บางแห่งครับ
- California Science Center – พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีขนาดใหญ่โตอลังการ และมีสิ่งจัดแสดงในทุกสาขาของวิทยาศาสตร์ ไม่ว่าจะเป็นระบบนิเวศที่มีพืชและสัตว์อันหลากหลาย หรือว่ากระสวยอวกาศที่ปลดระวางแล้วอย่าง Endeavour ครับ
- Los Angeles County Museum of Art (LACMA) – พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันตกของสหรัฐอเมริกา และมีงานศิลปะให้ชมมากถึง 13,000 ชิ้นครับ
- Getty Center – พิพิธภัณฑ์ที่ตั้งอยู่บนแนวเขา Santa Monica ภายในพิพิธภัณฑ์มีผลงานศิลปะมากมาย โดยส่วนมากจะเป็นภาพเขียนของจิตรกรชาวยุโรปครับ
- Peterson Automotive Museum – พิพิธภัณฑ์สำหรับคนรักรถและมอเตอร์ไซค์ครับ โดยมีรถให้ชมมากกว่า 300 คัน แต่ละคันมาจากต่างยุคต่างสมัยกันครับ
- The Broad – พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่เน้นไปที่ศิลปะร่วมสมัยช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ
- Museum of Contemporary Art (MOCA) – พิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่รวบรวมงานศิลป์จำนวนมากหลังสมัยสงคราม
- Battleship Iowa Museum – อดีตเรือประจัญบาน (USS Iowa) ที่ถูกเปลี่ยนเป็นพิพิธภัณฑ์ คุณจะได้เห็นว่าชีวิตของทหารเรืออเมริกันเป็นอย่างไรครับ
7. Long Beach
Long Beach เป็นย่านที่น่าสนใจย่านหนึ่งของเมืองลอสแองเจลิส และมีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งด้วยกัน
สถานที่เที่ยวแห่งแรกที่น่าสนใจคือ RMS Queen Mary อดีตเรือเดินสมุทรข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกของบริษัท Cunard Line และเคยได้รางวัล Blue Riband ซึ่งจะให้สำหรับเรือที่ข้ามมหาสมุทรได้รวดเร็วที่สุดด้วย (เคยมีข่าวลือว่าเรือไททานิกพยายามจะเอารางวัลนี้ให้ได้ด้วย แต่ก็ล้มเหลวเพราะเรือจม)
ปัจจุบันเรือแห่งนี้ได้ทอดสมออยู่ริมฝั่ง และได้กลายสภาพเป็นโรงแรมสุดหรู และพิพิธภัณฑ์ ถ้าคุณอยากดูว่าเรือเดินสมุทรในช่วงยุคคลาสสิกเป็นอย่างไรก็สามารถดูได้บนเรือลำนี้ครับ
ห่างออกไปไม่ไกลนักคือ Aquarium of the Pacific พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่มีสัตว์มากถึง 11,000 ตัวจากมหาสมุทรแปซิฟิกให้ได้ชมกัน ภายในพิพิธภัณฑ์มีกิจกรรมมากมายที่คุณจะได้เรียนรู้และสัมผัสชีวิตของสัตว์ทะเลครับ ค่าเข้าชมในส่วนนี้จะอยู่ที่ 1,184 บาท ถ้าซื้อผ่าน Klook ก็จะไม่ต้องต่อคิวยาวครับ
หรือถ้าเบื่อแล้วอยากจะไปช็อปปิ้งหรือหาอะไรกิน คุณสามารถไปที่ Shoreline Village ที่นั่นจะมีร้านอาหารและร้านขายของมากมายให้คุณได้เลือกสรรครับ
แต่ถ้าใครอยากสัมผัสกับบรรยากาศท้องทะเล คุณสามารถนั่งเรือออกไปจากท่าเรือเพื่อไปชมวิวทะเลที่เกาะชื่อ Catalina Island ได้ครับ เกาะนี้มีหาดสวยๆ และร้านอาหารริมทะเลมากมาย เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันครับ
8. La Brea Tar Pits
La Brea Tar Pits เป็นสถานที่ที่คนรักฟอสซิลพลาดไม่ได้ เพราะแอ่งแห่งนี้เป็นจุดที่นักบรรพชีวินวิทยากำลังขุดซากฟอสซิลอยู่จริงๆ ส่วนใหญ่แล้วซากฟอสซิลของที่นี่จะเป็นของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่มีอายุประมาณ 10,000-40,000 ปี อาทิเช่นช้างแมมมอธ เสือเขี้ยวดาบ ฯลฯ
ใกล้กับแอ่งดังกล่าวมีพิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ คุณจะได้เห็นฟอสซิลมากมายที่ถูกจัดเรียงเหมือนกับครั้งที่มันมีชีวิตอยู่ และได้ทราบถึงกระบวนการการขุดฟอสซิลครับ
9. Beaches
ลอสแองเจลิสเป็นเมืองชายทะเล ดังนั้นที่นี่จึงมีหาดสวยๆ อยู่หลายแห่งด้วยกัน อาทิเช่น
- Santa Monica – หาดทรายสีทองที่มีสัญลักษณ์เป็นชิงช้าสวรรค์ขนาดใหญ่ นอกจากนี้บริเวณท่าเรือยังมีร้านค้ามากมายให้คุณได้เดินช็อปปิ้งด้วยครับ
- Venice Beach – หาดทรายสีขาวที่เป็นสถานที่พักผ่อนของชาวเมือง คุณจะได้เห็นพวกเขามาที่นี่เพื่อเล่นสเก็ตบอร์ดกันมากมายเลยครับ ที่นี่มีอาหารขายหลายรูปแบบ โดยเฉพาะของกินเล่นอย่างเช่น funnel cakes ครับ
- Zuma Beach – หาดที่มีคลื่นลมรุนแรง เหมาะต่อการเล่นกระดานโต้คลื่น