ประวัติศาสตร์ฌ้อปาอ๋อง (8): เซี่ยงอวี่หลงกลหลิวปังติดๆ กัน

ฌ้อปาอ๋อง (8): เซี่ยงอวี่หลงกลหลิวปังติดๆ กัน

ตอนที่ 1 อยู่ที่นี่

ชัยชนะครั้งใหญ่ของเซี่ยงอวี่ต่อหลิวปังที่เผิงเฉิงเป็นจุดสูงสุดจุดหนึ่งในชีวิตของเซี่ยงอวี่ เพราะการที่หลิวปังพ่ายแพ้ยับเยินทำให้สถานการณ์เริ่มพลิกกลับ แคว้นต่างๆ ที่เคยยอมจำนนต่อหลิวปังหวนกลับมาสวามิภักดิ์เซี่ยงอวี่ แม้กระทั่งแคว้นฉีที่เคยก่อกบฏยังส่งทูตมาขอหย่าศึก ฝ่ายฉู่จึงเป็นฝ่ายได้เปรียบอีกครั้งหนึ่ง

อย่างไรก็ตามหลิวปังยังมีชีวิตอยู่ แม้กองทัพของเขาจะพินาศย่อยยับ แต่ทหารจำนวนมากที่ตายเป็นทหารของแคว้นต่างๆ ที่มาสวามิภักดิ์ก่อนหน้านี้ หลิวปังยังมีกองทัพเจนศึกของหานสิ้นอยู่ แถมดินแดนกวนจงที่อุดมสมบูรณ์ยังอยู่ในกำมือของเขา ดังนั้นไม่มีเหตุผลใดๆ ที่หลิวปังจะต้องยอมแพ้

หลิวปัง

ฝ่ายฮั่นเริ่มฟื้นตัว

หลังจากพ่ายยับที่เผิงเฉิง หลิวปังหนีทหารฉู่อย่างไม่คิดชีวิต บ้างว่าเขาถึงกับผลักลูกสองคนลงจากรถ เพื่อที่รถม้าจะวิ่งได้เร็วขึ้น แต่เรื่องนี้น่าจะเป็นตำนานที่มีผู้แต่งขึ้นมาเพื่อดิสเครดิตหลิวปังเสียมากกว่า

หลิวปังหนีเอาตัวรอดมาได้ถึงเมืองซิงหยาง พวกทหารที่แตกกระจายจึงค่อยๆกลับมารวมตัวกันทีละน้อย พอดีกับที่หานสิ้นนำกองทัพกลับมาและเซียวเหอส่งกองทัพมาจากกวนจง ทำให้หลิวปังเริ่มใจชื้นขึ้น เขาปรึกษาจางเหลียงกับเฉินผิงว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี

จางเหลียงเสนอว่าตั้งแต่เซี่ยงอวี่ให้ยิงปู้ไปสังหารฉู่ไหวหวาง ทั้งสองคนก็บาดหมางกัน ส่วนเผิงเยวี่ยเองก็ต่อสู้กับเซี่ยงอวี่มาเป็นเวลานานแล้ว ถ้าหลิวปังส่งทูตไปเกลี้ยกล่อม ทั้งสองน่าจะมายอมเข้าด้วย

หลิวปังได้ฟังก็เห็นด้วย ทูตจึงถูกส่งออกไปทันทีเพื่อไปเกลี้ยกล่อมทั้งสอง

ปรากฏว่าเป็นไปอย่างที่จางเหลียงคาดไว้ ทั้งสองยอมเป็นพันธมิตรร่วมกับหลิวปังแทบจะในทันที

เมื่อเซี่ยงอวี่ทราบว่ายิงปู้ทรยศตนก็โกรธมาก เขาสั่งให้หลงจีว์นำกองทัพไปปราบ หลงจีว์ยกไปตีเมืองจิวเจียงที่ยิงปูัปกครองอยู่ได้สำเร็จ และสังหารครอบครัวของยิงปู้ด้วย ยิงปู้ไม่มีทางเลือกนอกจากหนีไปหาหลิวปัง

หลิวปังได้ต้อนรับเขาอย่างดียิ่ง ทำให้ยิงปู้เป็นหนึ่งในขุนพลสำคัญของฝ่ายฮั่นตั้งแต่บัดนั้น หลิวปังสั่งให้ยิงปู้นำทหารฮั่นหมื่นกว่าคนไปยังเฉิงเกา เพื่อแย่งชิงเมืองในปกครองของยิงปู้เองกลับมา

นอกจากนี้หลิวปังยังให้หานสิ้นเป็นแม่ทัพยกไปรุกรานแคว้นบริวารของฝ่ายฉู่ กองทัพของหานสิ้นเอาชนะฝ่ายฉู่ได้หลายครั้ง และตีชิงเมืองขึ้นของเซี่ยงอวี่ได้เป็นจำนวนมาก เซี่ยงอวี่รู้สึกขัดเคืองอย่างยิ่ง ประกอบกับในเวลานั้นทราบว่าหลิวปังอยู่ที่เมืองซิงหยางด้วย เซี่ยงอวี่จึงให้เตรียมกองทัพใหญ่ยกมาตีเมืองซิงหยาง ในใจของเขาคิดจะเผด็จศึกหลิวปังให้ได้ในการรบครั้งนี้

กำจัดฟ่านเจิง

กองทัพเจนศึกของฝ่ายฉู่มาถึงซิงหยาง ทหารฮั่นที่อยู่ในเมืองมีจำนวนน้อยกว่ามาก เพราะว่ากองทัพของหานสิ้นเองก็ไม่อยู่ กำลังฝ่ายฮั่นที่แตกไปตั้งแต่การรบที่เผิงเฉิงเองก็ยังไม่ฟื้นฟูดีนัก

อย่างไรก็ตามกองทัพฮั่นที่เหลืออยู่ยังคงตั้งมั่นรักษากำแพงเมืองอย่างแข็งขัน ทหารฉู่พยายามเข้าตีหลายครั้งก็ยังตีไม่ได้ แต่สถานการณ์ฝ่ายฮั่นย่ำแย่กว่า ภายในเมืองไม่มีความมั่นใจว่าจะสามารถตั้งรับต่อไปได้อีกสักเท่าใด

เฉินผิงจึงเสนอให้หลิวปังใช้แผนสอดไส้ยาพิษเพื่อกำจัดฟ่านเจิง เสนาธิการของกองทัพฉู่ และก่อความวุ่นวายภายในกองทัพศัตรู กำลังฝ่ายฉู่จะได้อ่อนแอลง

หลิวปังถามเฉินผิงว่าเขาจะทำอย่างไร เฉินผิงตอบว่าถ้าหลิวปังยอมมอบทองคำประมาณ 40,000 ตำลึงเพื่อติดสินบนพวกทหารฉู่ให้ปล่อยข่าวลือ เรื่องนี้น่าจะสำเร็จได้ หลิวปังเห็นเฉินผิงมั่นใจมาก เขาจึงให้เฉินผิงไปลองดู

ภายในคืนวันหนึ่ง เฉินผิงแบ่งทองคำให้ทหารฮั่นหลายร้อยนาย แล้วสั่งให้ปลอมตัวเป็นทหารฉู่ และปะปนเข้าไปในกองทัพฉู่ ทหารเหล่านี้ใช้ทองคำติดสินบนทหารฉู่ภายในค่ายไปเรื่อย เพียงแค่สามวันเท่านั้น ทหารฉู่หลายแสนคนต่างซุบซิบนินทากันว่า ฟ่านเจิงแอบติดต่อกับหลิวปัง ส่วนแม่ทัพจงหลีโม่ก็น้อยใจที่ไม่ได้รับมอบศักดินาเหมือนกับแม่ทัพอื่นๆ ทำให้เขาน้อยใจจนจะไปยอมแพ้หลิวปังอยู่แล้ว

เซี่ยงอวี่ทราบข่าวลือเช่นเดียวกัน และอดไม่ได้ที่จะระแวงสงสัย แต่ยังไม่สามารถพูดออกมาได้ เพราะฟ่านเจิงเป็นเสนาธิการผู้ใหญ่ที่ตัวเซี่ยงอวี่เองก็เคารพ เซี่ยงอวี่จึงไปคุมการตีเมืองซิงหยางด้วยตนเอง เพื่อที่จะจับหลิวปังให้จงได้

ฝ่ายหลิวปังเห็นเซี่ยงอวี่คุมทหารเข้าตีเมืองอย่างดุเดือด ในใจเขาเริ่มกังวลว่าเมืองจะแตก หลิวปังจึงถ่วงเวลาด้วยการส่งทูตไปขอสงบศึก เซี่ยงอวี่ได้รับสาส์นจากหลิวปังจึงขอนำมาพิจารณาดูก่อน แล้วให้ทูตของตนไปแจ้งให้หลิวปังทราบ

เฉินผิงเห็นทูตฝ่ายฉู่เข้ามาในเมืองซิงหยาง เขาเห็นสบโอกาสจะเล่นละครฉากใหญ่เพื่อหลอกทูตฝ่ายฉู่ เขาจึงเดินทางไปเตี๊ยมหลิวปังไว้ล่วงหน้าว่าให้เล่นละครแบบนี้ๆ

เมื่อทูตฉู่เข้ามาถึง หลิวปังเสแสร้งว่าตนเองเมาเหล้าอย่างหนัก เฉินผิงจึงเชิญทูตแคว้นฉู่ออกไปคุยกันเป็นการส่วนตัว เพราะว่าหลิวปังไม่สะดวกที่จะพูดคุยด้วย

เฉินผิงนำอาหารชั้นเลิศมาเลี้ยงทูตฉู่ และนำของขวัญมาให้อย่างมากมาย หลังจากนั้นเฉินผิงจึงถามทูตฉู่หลายคำถามด้วยกัน ความว่า

ท่านคงเป็นทูตของท่านฟ่านเจิง ท่านฟ่านเจิงอยู่ที่ใดในเวลานี้ แล้วท่านมีจดหมายจากท่านฟ่านเจิงหรือไม่

ทูตฉู่ปฏิเสธโดยกล่าวว่า เขาเป็นทูตที่มาเจรจาสันติภาพ ไม่ใช่ทูตที่ฟ่านเจิงส่งมา

เฉินผิงได้ฟังเช่นนั้นจึงตีหน้าว่าตกใจสุดๆ เขาสั่งให้คนรับใช้นำอาหารและของขวัญทั้งหมดออกไปทันที และทิ้งให้ทูตฉู่อยู่ในกระโจมนั้นอีกสองชั่วโมง หลังจากนั้นถึงจะนำอาหารแบบบ้านๆ อย่างข้าวกับน้ำแกงมาให้ทูตฉู่กิน ระหว่างที่ทูตฉู่กำลังกินอ้าปากก็ได้ยินเสียงพวกคนครัวคุยกันว่า

เขาไม่ใช่คนที่ท่านฟ่านเจิงส่งมา เขาจะมากินอาหารดีๆ ได้อย่างไร

ทูตฉู่รู้สึกโกรธมาก แต่ยอมฝืนกินลงไปเพราะความหิว แต่เมื่ออาหารเข้าปากเท่านั้น ทูตฉู่รู้สึกว่าข้าวที่เฉินผิงจัดมาให้เน่าเสียแล้ว เหล้าที่จัดมาให้ก็รสชาติแย่มาก

ด้วยความโกรธ ทูตฉู่เดินทางกลับค่ายไปทันที เขาแจ้งให้เซี่ยงอวี่ทราบเรื่องทั้งหมด และชี้ให้เห็นว่าฟ่านเจิงน่าจะทรยศ

เซี่ยงอวี่เป็นคนซื่อๆ เมื่อได้ยินทูตเล่าก็โกรธจัดเพราะเดิมทีเซี่ยงอวี่ระแวงฟ่านเจิงอยู่บ้างแล้วจากข่าวลือที่แพร่สะพัดในค่ายฉู่ เซี่ยงอวี่จึงด่าว่าฟ่านเจิงอย่างมากมาย พวกทหารต้องพยายามหยุดยั้งอารมณ์ของเซี่ยงอวี่เอาไว้

ขณะนั้นเองฟ่านเจิงที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวกลับเดินทางมาพบเซี่ยงอวี่เพื่อขอให้เซี่ยงอวี่โจมตีเมืองซิงหยางให้หนักขึ้น หลิวปังจะได้หนีไปไม่ได้อีก ฟ่านเจิงแจ้งแผนการของตนให้เซี่ยงอวี่ทราบ แต่เซี่ยงอวี่กลับไม่พูดอะไรเลย

ความเคารพและความโกรธกำลังต่อสู้กันภายในจิตใจของเซี่ยงอวี่ จนสุดท้ายความโกรธก็ชนะ เซี่ยงอวี่โผล่งออกมาว่า

เจ้าขอให้ข้าโจมตีเมืองซิงหยาง ข้าไม่ใช่ว่าไม่เชื่อเจ้า แต่ก่อนที่เมืองนี้จะแตก ชีวิตของข้าคงจบสิ้นเพราะเจ้าไปแล้ว

ตอนแรกฟ่านเจิงไม่เข้าใจว่าตนเองทำอะไรผิด แต่สักพักเขาพอสดับได้ว่าเซี่ยงอวี่คงจะหลงกลยุยงเสียแล้ว ฟ่านเจิงมองหน้าของเซี่ยงอวี่แล้วเห็นว่า ตัวเขาพูดอะไรไปคงไม่มีประโยชน์อีก

ฟ่านเจิงจึงขออนุญาตเซี่ยงอวี่เดินทางกลับไปยังบ้านเกิด เพราะตัวเขาเองก็แก่เฒ่าแล้ว เซี่ยงอวี่ปล่อยฟ่านเจิงกลับไปตามที่ใจของเขาปรารถนา โดยที่ไม่ได้รั้งตัวไว้เลย

ระหว่างที่ฟ่านเจิงเดินทางกลับไปยังบ้านเกิด ฟ่านเจิงกลับป่วยขึ้นมาและสิ้นชีวิตลงด้วยอายุ 71 ปี การตายของฟ่านเจิงทำให้กองทัพฉู่อ่อนแอลงมาก เพราะตัวเขาเป็นเหมือนมันสมองให้กับเซี่ยงอวี่ให้กับกองทัพฉู่ เมื่อปราศจากมันสมองแล้ว กองทัพฉู่จึงได้แต่รอวันพ่ายแพ้เท่านั้น

นักประวัติศาสตร์ในอดีตได้วิพากษ์วิจารณ์ฟ่านเจิงว่าพยายามลวงหลิวปังมาฆ่าเสียที่งานเลี้ยงที่หงเหมิน สุดท้ายตนเองก็ต้องประสบเคราะห์เพราะถูกคนอื่นหลอกลวง ราวกับว่าเป็นกรรมตามสนอง

หลิวปังหนีออกจากเมือง

เมื่อเซี่ยงอวี่ทราบข่าวว่าฟ่านเจิงตายแล้วก็เศร้าใจมาก เขาหวนคิดไปว่าฟ่านเจิงรับใช้เขาด้วยความซื่อสัตย์มานานหลายปี ไม่น่าที่จะคิดกบฏได้ ทุกอย่างน่าจะเป็นแผนของหลิวปัง

พอตาสว่างแล้ว เซี่ยงอวี่รู้สึกโกรธขึ้นมา กองทัพฉู่ทุกกรมกองจึงได้รับคำสั่งให้โจมตีเมืองซิงหยางให้ได้ เพื่อที่จะได้จับหลิวปังมาล้างแค้น

ฝ่ายหลิวปังดีใจมากที่ฟ่านเจิงตายแล้ว แต่เมื่อได้รับรายงานว่ากองทัพฉู่เข้าตีเมืองอย่างหนักจนเมืองกำลังจะแตกอยู่แล้วก็รู้สึกหวั่นกลัว หลิวปังถามจางเหลียงกับเฉินผิงว่ามีแผนการแก้ไขสถานการณ์หรือไม่ ทั้งสองไม่สามารถให้แผนการที่ดีกับหลิวปังได้จึงนิ่งอยู่

หนึ่งในแม่ทัพฮั่นชื่อ จี้ซิ่น กลับเดินออกมาและทูลว่า เขามีแผนการลับที่จะช่วยแก้สถานการณ์ได้ หลิวปังจึงใช้ให้คนภายนอกออกไปก่อน เมื่อทุกคนออกไปแล้ว จี้ซิ่นกล่าวว่า

ทูลต้าหวาง เมืองซิงหยางนี้ต้านทานศัตรูมานานหลายเดือนแล้ว ภายในเมืองหมดสิ้นเสบียงอาหาร กองทัพศัตรูเล่าก็ล้อมเมืองทั้งสี่ด้านอย่างแข็งขัน ข้าพระองค์เห็นว่าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหลอกลวงข้าศึก ข้าพระองค์จะปลอมตัวเป็นต้าหวางและทำทีออกไปสวามิภักดิ์ ระหว่างที่กองทัพศัตรูไม่ระวัง ขอให้ต้าหวางทรงเร่งหนีออกไปจากเมืองเถิด

หลิวปังได้ฟังจึงถามขึ้นว่า ถ้าทำเช่นนั้นแล้วจี้ซิ่นจะไม่เป็นอันตรายหรือ จี้ซิ่นทูลว่า

ถ้าเมืองนี้แตก ผู้คนในเมืองคงจะตายทั้งหมด ข้าพระองค์ตายก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร แต่ถ้าต้าหวางทรงใช้แผนการนี้ ข้าพระองค์ตายเพียงผู้เดียว แต่ได้ช่วยชีวิตต้าหวางและทหารนับหมื่น ข้าพระองค์ถือว่าได้ตายอย่างสมเกียรติแล้ว!

หลิวปังยังไม่ต้องการใช้แผนการนี้สักเท่าใดนัก สีหน้าของเขายังแสดงถึงความกริ่งเกรงอยู่

จี้ซิ่นจึงกระชากดาบออกจากฝักจะเชือดคอตนเองตาย หลิวปังเห็นเข้าจึงลงมาจากที่นั่งและขัดขวางเขาเอาไว้ และกล่าวว่าเขายินยอมให้ทำตามแผนการของจี้ซิ่นแล้ว จี้ซิ่นดีใจมาก เขาเดินออกจากห้องไปทันที

หลิวปังเรียกเฉินผิงมาปรึกษาเรื่องแผนการของจี้ซิ่น เฉินผิงได้ฟังก็เห็นด้วย แต่เสนอให้หลิวปังลวงเซี่ยงอวี่เพิ่มเติม หลิวปังได้ฟังจึงเร่งให้เฉินผิงไปทำตามนั้น

ในวันนั้นสาส์นขอสวามิภักดิ์ก็ถูกส่งไปยังค่ายเซี่ยงอวี่ ภายในหนังสือเขียนว่าหลิวปังจะสวามิภักดิ์ในคืนนี้ เซี่ยงอวี่ดีใจมาก เขาไม่ต้องการไว้ชีวิตหลิวปังอีกต่อไป เขาสั่งให้ทหารฉู่เตรียมตัวจับหลิวปังมาสังหารทันทีเมื่อได้ตัว

เมื่อตะวันลับขอบฟ้า ทหารฉู่นับหมื่นต่างเห็นผู้หญิงจำนวนมากออกจากเมืองซิงหยางทางประตูทิศตะวันออก ผู้หญิงเหล่านี้ได้รับคำสั่งของเฉินผิงให้ออกจากเมืองก่อน แผนการของเฉินผิงคือผู้หญิงพวกนี้จะได้เบนความสนใจของทหารฉู่

ปรากฏว่าเป็นไปตามแผนที่วางไว้จริงๆ ทหารฉู่คิดว่าหลิวปังจะสวามิภักดิ์แล้วจึงไม่เข้มงวดกวดขันนัก และเมื่อได้พบกับหญิงสาว พวกเขาต่างพากันมามุงดู ทำให้การรักษาการณ์ด้านอื่นหย่อนยานลงมาก

ในจังหวะนี้เอง หลิวปังและทหารฮั่นต่างควบม้าอย่างสุดกำลังออกจากประตูเมืองไปทางทิศตะวันตก เซี่ยงอวี่เองไม่ทราบเรื่อง เพราะใจของเขาจดจ่อกับประตูเมืองตะวันออก เซี่ยงอวี่คิดว่าหลิวปังปล่อยสตรีออกมาจากเมืองทางด้านนั้น ตัวหลิวปังน่าจะออกมาสวามิภักดิ์ทางด้านนั้นด้วย

เมื่อใกล้เที่ยงคืน มีรถสำหรับกษัตริย์คันหนึ่งออกมาจากเมืองจริงๆ รถคนดังกล่าวมาหยุดกึกหน้ากองทัพฉู่ แต่ปรากฏว่าไม่มีใครเดินลงมาจากรถ

เซี่ยงอวี่รู้สึกโกรธมาก เขาตวาดว่าทำไมหลิวปังถึงไม่ลงมาจากรถเพื่อคำนับตน เซี่ยงอวี่จึงใช้ให้คนนำคบไฟไปส่องดู ปรากฏว่าผู้ที่นั่งอยู่ในเมืองสวมเสื้อสำหรับกษัตริย์ แต่ไม่ใช่หลิวปัง ชายผู้นี้คือจี้ซิ่นนั่นเอง

เมื่อเห็นว่าไม่ใช่หลิวปัง เซี่ยงอวี่ยิ่งโกรธเข้าไปใหญ่ เขาตวาดว่าทำไมจี้ซิ่นถึงมาปลอมตัวเป็นหลิวปัง จี้ซิ่นหัวเราะเสียงดังลั่น และกล่าวขึ้นว่า

ไอ้เซี่ยงอวี่ เจ้าจงฟังไว้เถิด ต้าหวางของข้าทำไมต้องสวามิภักดิ์ต่อเจ้า บัดนี้ทรงออกจากเมืองนี้ไปแล้วเพื่อนำกองทัพทั้งหมดมาบดขยี้เจ้า ข้าคาดว่าเจ้าต้องพ่ายยับอย่างแน่นอน!

หลังจากนั้นจี้ซิ่นก็หัวเราะเสียงดังลั่นอีกยกใหญ่ เซี่ยงอวี่โกรธจนทนไม่ไหว เขาจึงสั่งให้เผาจี้ซิ่นเสียบนรถ

จี้ซิ่นร้องด่าเซี่ยงอวี่ไปจนตาย ตัวเขาไม่ได้ร้องด้วยความเจ็บปวดเลยสักคำเดียว จี้ซิ่นจากไปด้วยความจงรักภักดีต่อหลิวปังโดยแท้ เขาไม่รู้เลยว่าความเสียสละของเขาทำให้หนึ่งในราชวงศ์อันยิ่งใหญ่ที่สุดของจีนได้ถูกก่อตั้งขึ้นในเวลาต่อมา

ติดตามตอนต่อไปได้ที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!