เมืองอัครา (Agra) มีสถานที่ไหนน่าไปเที่ยวบ้าง? + เคล็ดลับ/ประวัติศาสตร์

อัครา (Agra) เป็นเมืองในประเทศอินเดียที่หลายคนน่าจะได้ยินชื่อมาบ้าง เพราะเมืองนี้เป็นสถานที่ตั้งของทัชมาฮาล (Taj Mahal) อนุสรณ์แห่งความรักของชาห์จาฮาน (Shah Jahan) จักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโมกุลที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของอินเดีย

อย่างไรก็ดีอัครามีสถานที่อื่นที่ยิ่งใหญ่และสวยงามไม่แพ้ทัชมาฮาล ก่อนที่เราไปว่ากันถึงสถานที่ท่องเที่ยว ผมขอเล่าประวัติย่อๆ ของเมืองนี้ให้ทุกคนได้ทราบก่อนครับ

รู้จักเมืองอัครา (Agra)

อัครา (Agra) เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐอุตตรประเทศของอินเดีย ตัวเมืองตั้งอยู่ริมแม่น้ำยมุนาและห่างจากกรุงนิวเดลีไปทางใต้ประมาณ 200 กิโลเมตร

ประวัติของเมืองอัคราย้อนกลับไปได้หลายพันปี นักประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่าเมืองอัคราในปัจจุบันน่าจะเป็นเมืองเดียวกับอัคราวานา (Agravana) เมืองที่ปรากฏอยู่ในมหากาพย์มหาภารตะ แต่ที่แน่ๆ คืออัคราปรากฏอยู่ในหลักฐานกรีกในนาม “อัครา” ซึ่งเหมือนกับชื่อในปัจจุบันไม่มีผิดเพี้ยน

อย่างไรก็ดีเราไม่รู้ว่าอัคราในสมัยโบราณเผชิญกับอะไรบ้าง ตัวเมืองน่าจะจะล่มสลายไปแล้วครั้งหนึ่ง เพราะบางหลักฐานให้ข้อมูลว่า อัคราเป็นเพียงแค่หมู่บ้านเล็กๆ ในสมัยที่ศตวรรษที่ 16 เท่านั้น นักประวัติศาสตร์บางคนจึงสันนิษฐานว่าอัคราน่าจะถูกทำลายในสมัยที่กองทัพมุสลิมอัฟกันเข้ารุกรานในสมัยศตวรรษที่ 10-12 ซึ่งเป็นชะตากรรมเดียวกับมหาวิทยาลัยนาลันทา

ในช่วงศตวรรษที่ 16 ความเจริญที่อัครากลับถือกำเนิดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เพราะรัฐสุลต่านแห่งเดลี (Delhi Sultanate) ได้ย้ายเมืองหลวงมายังอัครา ตัวเมืองจึงรุ่งเรืองนับตั้งแต่บัดนั้นจนกระทั่งบาเบอร์ จักรพรรดิโมกุลพระองค์แรกพิชิตรัฐสุลต่านแห่งเดลีได้สำเร็จ

สมัยโมกุลที่ตามมาเป็นช่วงที่อัครารุ่งเรืองถึงขีดสุด เพราะจักรพรรดิโมกุลอย่างอักบาร์มหาราช และชาห์จาฮานได้ตั้งเมืองหลวงขึ้นที่นี่ สิ่งก่อสร้างมากมายจึงถูกสร้างขึ้นที่อัครา ไม่ว่าจะเป็นป้อมปราการ หอคอย สวนอันสวยงาม ฯลฯ

สมเด็จพระจักรพรรดิชาห์ชะฮัน หรือ ชาห์จาฮาน (Shah Jahan) ลุ่มหลงในสถาปัตยกรรมอย่างมาก ดังนั้นเมื่อมุมตัส มาฮาล ผู้เป็นมเหสีสวรรคต ชาห์จาฮานจึงสร้างทัชมาฮาล (Taj Mahal) เพื่อเก็บร่างของพระนาง และเป็นอนุสรณ์ให้พระองค์ระลึกถึงพระมเหสีที่รัก ทัชมาฮาลใช้เวลาสร้าง 21 ปีและเสร็จสมบูรณ์ในปี ค.ศ.1653

ทัชมาฮาลได้กลายเป็นสิ่งก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในอินเดียและเป็นมรดกโลกโดยองค์การ UNESCO ในเวลาต่อมา ถึงขนาดที่ว่าถ้าเอ่ยถึงสุดยอดของสถาปัตยกรรมโมกุลแล้วจะไม่เอ่ยถึงทัชมาฮาลไม่ได้เลย เพราะตัวอาคารมีความงดงามทางสถาปัตยกรรมอย่างสมบูรณ์แบบครับ

ในช่วงศตวรรษที่ 17-19 จักรวรรดิโมกุลย้ายเมืองหลวงไปยังเดลีและเริ่มเสื่อมอำนาจ ทำให้อัคราเสื่อมถอยลงไปด้วย แต่ก็ยังคงเป็นเมืองสำคัญเช่นเดิม หลังอินเดียได้รับอิสรภาพ อัคราได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ของอินเดียที่ผู้มาเยือนนับล้านในแต่ละปี เพราะที่เมืองอัครามีมรดกโลกขององค์กร UNESCO อยู่หลายแห่งเลยครับ

ไปเที่ยวเมืองอัคราอย่างไรดี

คุณสามารถไปเที่ยวเมืองอัคราตามเส้นทาง Golden Triangle หรือสามเมืองสุดยอดแห่งอินเดียทางประวัติศาสตร์และสถาปัตยกรรมที่อยู่ใกล้กัน นั่นคือเดลี อัครา และชัยปุระ (ไจปูร์) ซึ่งจะทำให้คุณได้สัมผัสกับสถาปัตยกรรมโมกุลอย่างเต็มอิ่มครับ

กล่าวคือจากกรุงเทพ คุณจะบินไปลงเดลีด้วยสายการบินต่างๆ อย่างเช่นการบินไทย หรือ Air India หลังจากนั้นก็เดินทางต่อไปยังอัคราโดยใช้รถไฟหรือรถยนต์ครับ โดยค่าใช้จ่ายจะใกล้เคียงกัน (เริ่มต้นประมาณ 90-150 รูปี) แต่รถไฟจะเร็วกว่านั่งรถบัสพอสมควร เพราะใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเศษ (รถบัสจะใช้ 4 ชั่วโมง)

อย่างไรก็ดีการเดินทางในประเทศอินเดียอาจจะประสบกับปัญหาความล่าช้าได้ นอกจากนี้สุขอนามัยก็ยังไม่ดีนัก ผมแนะนำเป็นอย่างยิ่งให้ซื้อประกันการเดินทางไปด้วยครับ เพราะคุณจะได้มั่นใจว่า ถ้าเจอเหตุสุดวิสัย คุณจะได้รับการชดเชยที่เหมาะสมนั่นเอง

1. Taj Mahal (ทัชมาฮาล)

ทัชมาฮาล (Taj Mahal) เป็นอนุสรณ์สถานแห่งความรักที่เป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก และมรดกโลกขององค์การยูเนสโก ลักษณะของสิ่งก่อสร้างจะมีอาคารคล้ายมัสยิดทรงโมกุลขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตรงกลาง และโดยรอบจะมีหอคอย (minaret) อีก 4 ต้น ทั้งตัวอาคารและหอคอยใช้หินอ่อนสีขาวในการสร้างทั้งหมด ทำให้ทัชมาฮาลเปล่งประกายออกมาจากระยะไกล

ด้านในทัชมาฮาลถูกตบแต่งอย่างวิจิตรตระการตาไม่แพ้กัน ไม่ว่าคุณมองไปที่จุดใด คุณจะเห็นงานจิตรกรรมอันซับซ้อนตั้งอยู่ ทั้งนี้บริเวณตรงกลางจะมีโลงพระศพที่เก็บรักษาร่างของชาห์จาฮานและมุมตัสมาฮาลตั้งอยู่ครับ

ด้านหน้าของทัชมาฮาลมีสวนและรางน้ำอันสวยงามตั้งอยู่ สวนเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นโดยศิลปะโมกุลซึ่งได้รับอิทธิพลมาจากเปอร์เซียอีกทีหนึ่ง รางน้ำตรงกลางเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงแม่น้ำแห่ง Jannah หรือสรวงสวรรค์ตามความเชื่อของชาวมุสลิมครับ

คุณสามารถเข้าชมทัชมาฮาลได้ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน เพราะมีความสวยไม่ต่างกัน อย่างไรก็ดีบางคนจะชอบช่วงพระอาทิตย์ขึ้น เพราะจะได้เห็นแสงแดดค่อยๆ อาบตัวอาคารทีละน้อย ส่วนบางคนอาจจะชอบตอนกลางคืนช่วงพระจันทร์เต็มดวง เพราะอยากเห็นแสงจันทร์ทอแสงลงเหนืออนุสรณ์แห่งความรักแห่งนี้ครับ

นอกจากนี้ทางตอนเหนือของทัชมาฮาลมีสวนเก่าแก่ชื่อ Mehtab Bagh ตัวสวนสร้างขึ้นตามสวนทั้งสี่ในตำนานที่บรรยายไว้ในคัมภีร์อัลกุรอ่าน ถ้าสังเกตดูดีๆ สวนแห่งนี้จะมีความสมมาตรที่สมบูรณ์แบบ และมีความสวยงามมาก นักท่องเที่ยวจึงมักมาถ่ายรูปกันที่นี่ครับ

2. Agra Fort (ป้อมอัครา)

Agra Fort หรือป้อมอัคราคือป้อมปราการที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันเมืองอัคราซึ่งในสมัยนั้นเป็นเมืองหลวงของจักรวรรดิโมกุล นอกจากจะเป็นป้อมปราการแล้ว ที่นี่ยังมีพระราชวังด้วยชื่อว่า Jahangir Mahal ตัวพระราชวังมีขนาดใหญ่มากและสร้างขึ้นโดยใช้การผสมผสานระหว่างศิลปะสองแขนง นั่นคือศิลปะฮินดูของอินเดียและศิลปะมุสลิมของเอเชียกลาง ทำให้พระราชวังมีความงามโดดเด่นมาก

ทั้งนี้อักบาร์มหาราช (Akbar The Great) และจักรพรรดิแห่งราชวงศ์โมกุลพระองค์อื่นใช้ที่นี่เป็นพระราชวังหลวง จนกระทั่งในปี ค.ศ.1638 ที่ชาห์จาฮานย้ายเมืองหลวงไปที่เดลีครับ

นอกจากนี้ด้านในป้อมปราการยังมีพระราชวังอีกแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นจากหินอ่อนและหินทรายสีแดงชื่อ Khaas Mahal, อาคารประชุมขนาดใหญ่เรียกว่า Diwan-i-Khas และสถานที่อื่นๆที่สวยงามอีกมากมายครับ

จะว่าไปแล้วความใหญ่ของที่นี่ทำให้ดูเหมือนเป็นเมืองแห่งหนึ่งเลยมากกว่า ไม่ต้องสงสัยเลยว่า Agra Fort จะเป็นมรดกโลกเช่นเดียวกับทัชมาฮาลครับ

3. Tomb of Akbar The Great

Tomb of Akbar The Great หรือ Akbar’s Mausoleum เป็นสุสานที่เก็บรักษาพระศพของอักบาร์มหาราช จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิโมกุล ภายในเวลา 50 ปีแห่งการครองราชย์ อักบาร์ทำให้จักรวรรดิโมกุลมั่นคง (หลังจากลุ่มๆ ดอนๆ ในสมัยของบาเบอร์และฮูมายุน) และขยายขนาดของอาณาจักรเป็นสามเท่าจากของเดิม

ตัวสุสานสร้างขึ้นจากหินทรายสีแดงและหินอ่อนสีขาว ซึ่งสถาปนิกได้จัดเรียงอย่างประณีตพร้อมทั้งใช้จิตรกรรมพู่กันตบแต่งเข้าไป ทำให้ทั้งด้านนอกและด้านในของสุสานสวยงามเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้สิ่งที่ประกอบตัวสุสานอยู่ด้วยคือหอคอยสีขาว (minaret) ทั้งหมด 4 ต้น และสวนสวยๆ สไตล์โมกุลที่งามเป็นอันดับต้นๆ ในเมืองอัคราครับ

4. Itimad-ud-daulah’s Tomb

Itimad-ud-daulah’s Tomb เป็นสุสานที่เก็บรักษาร่างของ Mirza Ghiyas Beg ขุนนางเปอร์เซียที่รับใช้ราชสำนักโมกุล สุสานแห่งนี้เป็นสถานที่แรกที่ใช้เทคนิคการสร้างของอินเดียอย่าง “pietra dura” หรือการใช้หินสีสวยขนาดเล็กมาสร้างลวดลายดอกไม้บนหินอ่อนก้อนใหญ่

เชื่อกันว่าที่นี่เป็นแบบหรือแรงบันดาลใจให้กับชาห์จาฮานในการสร้างทัชมาฮาล เพราะสุสานแห่งนี้สร้างขึ้นก่อนทัชมาฮาล และเทคนิคที่ใช้สร้างอย่าง pietra dura, ลักษณะอาคาร รวมไปถึงวัสดุที่ใช้สร้างล้วนแต่เหมือนกับทัชมาฮาล แต่ว่ามีขนาดเล็กกว่าเท่านั้นเองครับ

5. Gurudwara Guru Ka Tal

Gurudwara Guru Ka Tal เป็นสถานที่ทางศาสนาอันสวยงามของชาวซิกข์ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับกูรูคนที่เก้า ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือโดยทั่วไป สิ่งก่อสร้างแห่งนี้สร้างขึ้นจากหินอ่อนเป็นส่วนใหญ่ แต่ก็มีหินทรายสีแดงบ้างเล็กน้อย สิ่งที่เด่นชัดคือการตบแต่งด้านในและด้านนอกจะเป็นแบบซิกข์ ต่างจากที่อื่นๆ ในเมืองที่จะเป็นสไตล์โมกุลครับ

เช่นเดียวกับวัดทองคำที่เมือง Amritsar คุณสามารถรับประทานอาหารจากครัวกลางของวัดได้ฟรีครับ

6. Jama Masjid

Jama Masjid เป็นมัสยิดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงกันข้ามกับ Agra Fort ชาห์จาฮานได้สร้างมัสยิดแห่งนี้ขึ้นเพื่อมอบให้กับ Jahanara Begum ธิดาสุดที่รักที่ดูแลพระองค์จนถึงวาระสุดท้ายของพระชนม์ชีพ

ตัวมัสยิดสร้างขึ้นด้วยหินทรายสีแดงและหินอ่อน จุดเด่นของมัสยิดแห่งนี้คือโดมสามหลังที่มีรูปร่างสวยงามเหมือนกับดอกบัว ซึ่งดูน่าตื่นตาตื่นใจสำหรับผู้ที่ได้พบเห็น นอกจากนี้ด้านในมัสยิดยังมีการใช้จิตรกรรมตบแต่งอย่างสวยงามเช่นกัน อักษรเปอร์เซียที่แกะสลักลงไปตามหินแต่ละก้อนนั้นล้วนแต่สรรเสริญความดีของชาห์จาฮานและ Jahanara Begum ครับ

7. Fatehpur Sikri

Fatehpur Sikri เป็นเมืองโบราณที่ตั้งอยู่ห่างออกไปจากอัคราประมาณ 40 กิโลเมตร ครั้งหนึ่งเมืองแห่งนี้เคยเป็นเมืองหลวงสั้นๆ ของจักรวรรดิในสมัยอักบาร์มหาราช โดยมีจุดประสงค์ในการสร้างคือเพื่อยกย่อง Salim Chishti นักบวชในศาสนาอิสลามผู้หนึ่งที่ได้ทำนายทายทักถึงการเกิดของรัชทายาทอย่างแม่นยำ

ภายในเมืองประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่และงดงามมากมาย ส่วนใหญ่จะสร้างขึ้นจากหินทรายสีทองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น

• Jama Masjid – อดีตมัสยิดหลวงขนาดใหญ่ และเป็นหนึ่งในมัสยิดที่ใหญ่ที่สุดในอินเดีย (โปรดอย่าสับสนกับ Jama Masjid ที่ใจกลางเมืองอัครา เพราะชื่อเหมือนกันแต่คนละแห่งกันครับ)
• Buland Darwasa – ประตูทางเข้าสู่ตัวเมืองโดยมีความสูงถึง 54 เมตร
• Tomb of Salim Chishti – สุสานอันสวยงามของนักบวชผู้พยากรณ์การเกิดของรัชทายาท
• พระราชวังที่สวยงามหลายแห่งอย่างเช่น Panch Mahal, Jodha Bai ka Rauza

ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็นมรดกโลกขององค์กร UNESCO เช่นเดียวกันครับ