ท่องเที่ยวAmritsar เมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวซิกข์มีสถานที่ไหนน่าไปเยือนบ้าง

Amritsar เมืองศักดิ์สิทธิ์ของชาวซิกข์มีสถานที่ไหนน่าไปเยือนบ้าง

Amritsar (อัมริตสาร์) หรือ Ambarsar เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐปัญจาบ รัฐสำคัญทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดีย และติดกับพรมแดนอินเดีย-ปากีสถาน

เมืองแห่งนี้เป็นเมืองที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของชาวซิกข์ เพราะก่อตั้งโดย Guru Ram Das กูรูคนที่สี่แห่งศาสนาซิกข์ นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของวัดทองคำ (Golden Temple) ที่เป็นที่เคารพนับถืออันดับต้นๆ อีกด้วย ทำให้ศาสนิกชาวซิกข์ทั่วโลก (รวมไปถึงในประเทศไทย) ต่างปรารถนาที่จะเดินทางไปเยือนเมืองแห่งนี้สักครั้ง

ในโพสนี้ ผมจะอธิบายว่าเมือง Amritsar มาที่มาอย่างไร หลังจากนั้นจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวเป็นลำดับต่อไปครับ

Amritsar

แนะนำ Amritsar

Amritsar ถือว่าเป็นเมืองค่อนข้างใหม่ในอินเดีย เพราะตัวเมืองเพิ่งก่อตั้งในช่วงศตวรรษที่ 16 นี้เอง ถ้าเทียบกับเมืองอื่นๆ ที่อายุสองพันปีขึ้นไปแล้ว Amritsar ถือว่าเป็นเมืองใหม่มากครับ

อย่างไรก็ดีมีตำนานเล่าขานว่า ในยุคที่พระวิษณุอวตารมาเป็น “ราม” เพื่อปราบ “ราวณะ” ในมหากาพย์รามายณะนั้น ดินแดนที่เป็นเมือง Amritsar ในปัจจุบันเคยเป็นที่อยู่อาศัยของฤาษีวาลมิกิ และเป็นสถานที่ที่ “สีดา” ให้กำเนิดโอรสแฝดสองคนอีกด้วย

หากแต่ว่าในหน้าประวัติศาสตร์นั้น ตัวเมืองถูกสร้างขึ้นหลังจากที่กูรูชาวซิกข์ได้รับอนุญาตจากอักบาร์มหาราช จักรพรรดิโมกุลให้สร้างสระชื่อ Amrit Sarovar ซึ่งตั้งอยู่ข้างวัดทองคำได้ หลังจากที่สระสร้างเสร็จแล้ว Guru Ram Das ได้สร้างอาคารหลายหลังขึ้นมาใกล้เคียงกับสระดังกล่าว และเชื้อเชิญบรรดาพ่อค้าและช่างฝีมือจากที่ต่างๆ ให้มาอยู่ที่นี่ด้วย

เมือง Amritsar จึงถือกำเนิดขึ้นมาในที่สุด และได้ชื่อมาจากสระ “Amrit Sarovar” นั่นเอง

มหาราชาแห่งปัญจาบรับฟังการเทศน์ของกูรูในศาสนาซิกข์ที่เมือง Amritsar

ในช่วงศตวรรษที่ 20 ตัวเมืองกลับมีปัญหาความรุนแรงตลอดเพราะเกิดจากความขัดแย้งทางเชื้อชาติและศาสนา ทำให้มีผู้เสียชีวิตนับหมื่นคน หลังจากที่อินเดียและปากีสถานแยกประเทศกัน ชาวมุสลิมที่เคยอาศัยอยู่ที่ Amritsar จึงหนีไปอยู่ที่ปากีสถานจนเกือบหมด ประชากรในเมืองจึงลดลงไปชั่วคราว แต่ก็ถูกทดแทนอย่างรวดเร็วโดยชาวซิกข์และชาวฮินดูที่อพยพเข้ามาใหม่ครับ

Amritsar เป็นข่าวใหญ่โตในช่วงปี ค.ศ.1984 เพราะรัฐบาลของนางอินทิรา คานธีได้พยายามกำจัดกลุ่มติดอาวุธชาวซิกข์ใกล้กับวัดทองคำ (Operation Blue Star) ผลที่ออกมาคือมีการต่อสู้กันใหญ่โต และทำให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากต้องเสียชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่แล้วก็เป็นชาวซิกข์นั่นเอง องครักษ์ชาวซิกข์ของเธอสองคนเก็บงำความโกรธแค้นนี้ไว้ในใจ และลอบสังหารนางอินทิรา คานธีในอีกสี่เดือนต่อมา

หลังจากเรื่องร้ายๆ ผ่านพ้นไป ความสงบก็ได้หวนกลับไปมาสู่ Amritsar อีกครั้งหนึ่ง ในปี ค.ศ.2015 Amritsar ได้เป็นหนึ่งในเมืองในโครงการ HRIDAY ซึ่งจะได้รับเงินสนับสนุนพิเศษในการดูแลรักษามรดกอันล้ำค่าของเมืองครับ

ในปัจจุบัน Amritsar เป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญของรัฐปัญจาบ นอกจากวัดทองคำแล้ว สิ่งที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองก็คือ “อาหาร” อาหารอินเดียสไตล์ปัญจาบของ Amritsar มีชื่อเสียงเลื่องลือ ถ้าคุณมาถึงเมืองแห่งนี้แล้ว คุณไม่ควรพลาดที่จะลองชิมสักครั้งหนึ่งครับ

ชาวซิกข์หลั่งไหลมาสักการะที่วัดทองคำใน Amritsar

1. Golden Temple

Golden Temple (Harmandir Sahib) หรือวัดทองคำ เป็นศาสนสถานที่ชาวซิกข์เคารพนับถือมากที่สุด ตัววิหารมีอยู่สองชั้น และชั้นบนเป็นชั้นที่หุ้มด้วยทองคำแท้ตลอดทั้งบริเวณวิหาร ความสวยของมหาวิหารสามารถทำให้คุณตกตะลึงได้ไม่ยากเลยครับ

Golden Temple และสระ Amrit Sarovar Image by Richard Mcall from Pixabay

ใกล้กับวัดทองคำจะมีสระน้ำขนาดใหญ่ตั้งอยู่ สระนี้เองคือสระ Amrit Sarovar ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของเมืองนี้ ชาวซิกข์เชื่อว่าน้ำในสระนี้เป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์และสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ครับ ชาวซิกข์บางคนจะลงอาบน้ำหรือไม่ก็นั่งสวดภาวนาบริเวณรอบสระแห่งนี้ครับ

ก่อนที่คุณจะเข้าไปสู่บริเวณศาสนสถานได้ คุณจะต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยเสียก่อน นั่นคือเก็บผมของคุณให้ดี ถอดรองเท้า และล้างเท้าของคุณให้สะอาด หลังจากนั้นคุณควรจะเดินตามเข็มนาฬิกาไปตามเส้นทางหินอ่อนเพื่อสู่บริเวณมหาวิหารครับ ระหว่างเส้นทางคุณจะได้ยินเสียงสวดมนต์ของศาสนิกชนชาวซิกข์อยู่ตลอด

ภายในเองก็สวยงามไม่แพ้ด้านนอก ความเหลืองอร่ามของทองคำช่างวิจิตรตระการตาจริงๆ ครับ

ด้านในของ Golden temple By Amritpal Singh Mann , CC BY-SA 4.0,

สิ่งที่คุณไม่ควรพลาดอีกอย่างหนึ่งคือ โรงทานขนาดยักษ์ (Langar Hall) ที่ตั้งอยู่ที่นี่ครับ โรงทานแห่งนี้เป็นโรงทานที่ใหญ่ที่สุดในโลก และให้บริการอาหารฟรีกับผู้มาเยือนทุกคนโดยไม่มีข้อจำกัดใดๆ ทั้งสิ้น

พ่อครัวที่ทำอาหารก็เป็นอาสาสมัครเกือบทั้งหมด คุณเองก็สามารถไปลองชิมอาหารมังสวิรัติ หรือจะไปช่วยทำด้วยก็ได้! ในแต่ละวันที่นี่มีผู้มารับอาหารหลายหมื่นคนเลยครับ

Langar Hall By shankar s, CC BY 2.0,

ไม่ไกลจากมหาวิหารนักจะมีอาคารสีขาวสะอาดที่มีโดมสีทองเหลืองอร่ามด้านบนตั้งอยู่ อาคารแห่งนี้เรียกว่า Akal Takht ปัจจุบันที่นี่เป็นที่ตั้งของสถาบันศาสนาสูงสุดของชาวซิกข์ครับ ภายในจะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของชาวซิกข์จัดแสดงอยู่ครับ

Akal Takht By Amarpreet.singh.in , CC BY-SA 3.0,

ตรงกันข้ามของ Akal Takht คุณจะเห็นอาคารสีขาวที่มีหอคอยคู่ตั้งอยู่ สถานที่แห่งนี้เรียกว่า Ramgarhia Burga ซึ่งทำหน้าที่ตรวจตราบริเวณโดยรอบและป้องกันผู้รุกรานครับ

Ramgarhia Burga by Soman CC BY 2.5

ถ้าคุณมาในช่วงเทศกาล Guru Nanak Dev Gurpurab (ช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี) อาคารเหล่านี้จะถูกตบแต่งด้วยไฟอย่างสวยงามมากเลยครับ

นักท่องเที่ยวจำนวนมากเลือกที่จะพักที่โรงแรมหรือเกสต์เฮ้าส์ใกล้กับวัดทองคำ เพื่อที่จะได้สัมผัสบรรยากาศตอนเช้า กลางวัน ตอนเย็นและกลางคืนได้อย่างครบถ้วน ซึ่งความสวยงามจะต่างกันออกไปครับ

Golden Temple ในยามค่ำคืน Image by shalender kumar from Pixabay

2. Shri Durgiana Mandir

Shri Durgiana Mandir หรือ Durgiana Temple เป็นวัดที่มีชื่อเสียงมากแห่งเมือง Amritsar ถ้าคุณดูเผินๆ ตัววัดจะเหมือนกับ Golden Temple อย่างมากเพราะสร้างขึ้นโดยใช้สถาปัตยกรรมรูปแบบเดียวกันเป๊ะๆ แถมยังตั้งอยู่ริมสระเหมือนกันอีก

แต่อันที่จริงแล้ว วัดแห่งนี้เป็นของคนละศาสนาเลยครับ โดย Durgiana Temple เป็นวัดฮินดูซึ่งอุทิศให้กับ พระแม่ทุรกา (Durga) พระแม่ลักษมีและพระวิษณุ ครับ

ตัววัดสร้างขึ้นโดยใช้หินอ่อนเป็นส่วนใหญ่ มีแต่เพียงบริเวณโดมและบางส่วนของชั้นสองเท่านั้นที่มีทองคำปกคลุม แต่ก็มีความสวยงามตระการตาอย่างมากครับ สำหรับใครที่อยากได้โชคได้ลาภ สามารถเข้าไปสักการะบูชาพระแม่ลักษมี เทพเจ้าแห่งลาภยศได้ครับ

3. Jallianwala Bagh

ไม่ไกลจาก Golden Temple คือสวน Jallianwala Bagh ที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ Jallianwala Bagh Massacre เหตุการณ์สะเทือนขวัญชาวอินเดียในปี ค.ศ.1919 กล่าวคือทหารอังกฤษได้ยิงสังหารชาวอินเดียผู้เรียกร้องเอกราชที่เมือง Amritsar ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากถึง 1,500 คน

Jallianwala Bagh By Sychonet

ภายในสวนแห่งนี้คุณจะได้เห็นกำแพงและซากปรักหักพังที่ครั้งหนึ่ง ผู้ชุมนุมเคยใช้เป็นสถานที่หลบกระสุนปืน ปัจจุบันร่องรอยของกระสุนเหล่านี้ยังปรากฏให้เห็นอยู่บนกำแพงเหล่านี้ครับ

4. Partition Museum

สำหรับใครที่สนใจเรื่องราวการแบ่งแยกประเทศระหว่างอินเดียและปากีสถาน คุณต้องมาที่พิพิธภัณฑ์ Partition Museum พิพิธภัณฑ์ที่สร้างขึ้นในเมือง Amritsar เพื่อบอกเล่าเรื่องราวดังกล่าวโดยตรง

คุณจะได้เห็นหนังสือพิมพ์ ภาพเก่าๆ และการบอกเล่าเรื่องราวของผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้น อย่างไรก็ดีผมบอกได้เลยว่าเรื่องการแบ่งแยกประเทศเกี่ยวข้องกับความรุนแรง ดังนั้นอาจจะไม่เหมาะกับบางท่านครับ

5. Gobindgarh Fort

Gobindgarh Fort เป็นป้อมปราการเก่าแก่ที่เคยใช้ปกป้องเมือง Amritsar จากการคุกคามมานานกว่าสองร้อยปี ในอดีตเคยมีทหารประจำการที่นี่นับหมื่นคนเลยครับ

Gobindgarh Fort By Gobindgarh Fort , CC BY-SA 4.0,

ปัจจุบันป้อมปราการอิฐสีแดงแห่งนี้ได้แปรสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์หลายแห่ง อาทิเช่น

  • พิพิธภัณฑ์ผ้าคลุมหัว (Turban Museum)
  • พิพิธภัณฑ์อาวุธ
  • พิพิธภัณฑ์ศิลปะแบบซิกข์
  • พิพิธภัณฑ์เหรียญ

ในช่วงกลางคืนจะมีการเล่นแสงสีเสียงควบคู่กับการแสดงวัฒนธรรมปัญจาบที่ป้อมปราการเหล่านี้นะครับ ถ้าใครสนใจก็สามารถมาชมได้

6. Baba Atal

Baba Atal เป็นหอคอยสูงเก้าชั้นที่มีความสูงประมาณ 40 เมตร ตัวหอคอยสร้างขึ้นจากหินอ่อนสีขาว และบริเวณโดมจะมีทองคำปกคลุมอยู่ ทำให้คุณสังเกตเห็นได้จากระยะไกล

ตัวหอคอยสร้างขึ้นเพื่อระลึกถึง Altal Rai บุตรชายของกูรูซิกข์คนหนึ่ง เพราะ Atai Rai ได้สร้างปาฏิหาริย์ด้วยการชุบชีวิตมนุษย์คนหนึ่งขึ้นมาจากความตายครับ

คุณสามารถขึ้นไปชมวิวที่บนสุดของหอคอยได้ ซึ่งคุณจะสามารถมองเห็นเมือง Amritsar โดยรอบ รวมไปถึงวัดทองคำด้วยครับ

7. Khalsa College

Khalsa College เป็นมหาวิทยาลัยที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของ Amritsar มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีชื่อเสียงในเรื่องสถาปัตยกรรมที่สวยงามอลังการ เพราะเป็นการผสมผสานของศิลปะ Indo-Saracenic, Western รวมไปถึง Persia ด้วยครับ

Khalsa College By Harvinder Chandigarh CC BY-SA 4.0,

เพราะความสวยงาม ทำให้ที่นี่ถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์บอลลีวูดบ่อยมาก คุณสามารถเข้าไปถ่ายรูปได้ แต่ต้องระมัดระวังอย่าไปรบกวนเหล่านักศึกษาของมหาวิทยาลัยครับ

นอกเมือง Amritsar

สถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้อยู่นอกเมือง Amritsar แต่ก็ห่างออกไปไม่ไกลนัก คุณสามารถไปเยี่ยมเยือนได้ครับ

1. Wagah Border

Wagah Border เป็นพรมแดนระหว่างอินเดียและปากีสถาน และอยู่ห่างจากเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร ตัวพรมแดนไม่มีความน่าเที่ยวอะไรเลย แต่สาเหตุที่นี่ได้รับความนิยมก็เพราะนักท่องเที่ยวจะมาดูพิธีปิดพรมแดนและนำธงชาติลงมาจากยอดเสาของทหารตั้งสองฝ่ายครับ

พิธีนี้บอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะ “เล่นใหญ่” กันสุดๆ ทั้งฝ่ายอินเดียและปากีสถาน เหล่าทหารทั้งสองฝ่ายจะยกเท้าสูงมากราวกับจะข่มขวัญอีกฝ่ายหนึ่ง แถมยังมีเสียงกลองและเสียงดนตรีประกอบพิธีตลอดเวลาด้วย ส่วนเสียงเชียร์โห่ร้องของคนที่มาดูก็ดังสนั่น (เพราะว่ามีมากถึง 5,000 คน) ทำให้เหมือนกับว่าเรามาดูโชว์มากกว่าครับ หรือว่าจริงๆ พิธีนี้ก็คือโชว์นั่นแหละ

2. Ram Tirth Temple

Ram Tirth Temple เป็นวัดที่ชาวฮินดูสร้างขึ้นบนตำแหน่งที่เชื่อกันว่าเป็นอารามที่พำนักของฤาษีวาลมิกิ และเป็นจุดที่โอรสแฝดของรามได้เกิดจากครรภ์ของสีดาด้วย วัดแห่งนี้อยู่ห่างจากเมืองประมาณ 20 กิโลเมตรครับ

ตัววัดสร้างขึ้นด้วยหินสีเหลืองทั้งหลัง ทำให้มีความสวยงามมาก โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน ที่นี่เป็นอีกสถานที่หนึ่งที่ศาสนิกชาวฮินดูมักจะมาแสวงบุญ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลดิวาลีครับ ชาวฮินดูมักจะมาอาบน้ำที่สระใกล้กับวัดเพื่อชำระล้างบาป และสักการะพระวิษณุครับ

ไปเที่ยว Amritsar อย่างไรดี?

ถ้าคุณต้องการจะเที่ยวเอง คุณสามารถบินมา Amritsar จากกรุงเทพได้ แต่ต้องแวะเปลี่ยนเครื่องที่เมืองในอินเดียก่อน 1 ครั้ง (อย่างเช่นเดลีเป็นต้น) สายการบินที่น่าสนใจคือ Air India หรือ Malindo Air ครับ

[sc name=”travelthai” ][/sc]

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!