เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของกะลาสีเรือนายหนึ่ง เขาเป็นผู้ที่มีหัวใจอันยิ่งใหญ่ หนักแน่น และมั่นคง เขาเป็นเหมือนกำแพงที่ป้องกันนิโคลัสและครอบครัวเอาไว้ในช่วงเวลาอันยากลำบากที่สุดนี้ ช่างน่าเศร้าที่เขาไม่ได้รับโอกาสให้จากไปพร้อมกับเจ้านาย และตัวเขาเองก็ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แม้กระทั่งผู้สนใจในเรื่องโรมานอฟก็ตามที
กะลาสีเรือผู้นี้คือ คลีแมนธีย์ นากอร์นี
ความผูกพันกับอเล็กเซย์
นากอร์นี หรือ คลีแมนธีย์ กริกอริเยวิช นากอร์นี (Климе́нтий Григо́рьевич Наго́рный) มีชาติกำเนิดเป็นชาวนา เขาเกิดที่หมู๋บ้าน Pustovarovka ในปี ค.ศ.1887 บ้านเกิดของเขาอยู่ใกล้กับเมืองเคียฟ (Kiev) ซึ่งในเวลานั้นอยู่ในการปกครองของจักรวรรดิรัสเซีย
เราไม่รู้ชีวิตช่วงแรกของนากอร์นีมากนัก เรารู้แต่เพียงว่าเขาเข้ามาเป็นกะลาสีเรือบนเรือ Standart ซึ่งเป็นเรือส่วนตัวของครอบครัวโรมานอฟ ต่อมานากอร์นีก็ได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ช่วยของเดเรเวนโก พี่เลี้ยงของอเล็กเซย์
ด้วยความที่อเล็กเซย์ป่วยเป็นฮีโมฟีเลีย เขาจึงต้องได้รับการดูแลอย่างพิเศษ นากอร์นีจึงต้องรับการฝึกฝนพิเศษเพื่อที่จะดูแลเด็กที่อาการเช่นนี้ เขาอุ้มอเล็กเซย์ไปที่ต่างๆ มากมาย พยายามทำให้เขามีความสุข และดูแลไม่ให้เขาเจ็บป่วย
แต่เมื่ออเล็กเซย์ล้มเจ็บด้วยโรคของเขา นากอร์นีจะอยู่ดูแลข้างกายไม่ห่าง มีอยู่ครั้งหนึ่งอเล็กเซย์ป่วยหนักมากจนไม่อาจนอนราบได้ นากอร์นีเป็นผู้พยุงเด็กชายไว้ตลอดทั้งคืน
ด้วยความรักและผูกพันตลอด 4 ปี ทำให้นากอร์นีรักอเล็กเซย์เหมือนกับลูกคนหนึ่ง
หลังจากการปฏิวัติกุมภาพันธ์ ครอบครัวโรมานอฟตกอับทำให้เดเรเวนโกทิ้งอเล็กเซย์และครอบครัวโรมานอฟไป นากอร์นีรู้สึกโกรธมากกับการกระทำของเดเรเวนโก สำหรับนากอร์นีแล้ว เขาปฏิเสธที่จะทิ้งเจ้านายไปในเวลาอันยากลำบากเช่นนี้ และยังคงอยู่กับครอบครัวโรมานอฟต่อไป ทั้งๆที่เขารู้ว่า การอยู่กับครอบครัวนี้ต่อไปไม่มีอนาคต และเขาอาจจะเป็นอันตรายได้ทุกเมื่อ
นิโคลัสและอเล็กซานดราไว้ใจนากอร์นีมาก ทั้งสองจึงมอบหมายให้นากอร์นีเป็นผู้ดูแลอเล็กเซย์ หรือ ที่เรียกกันว่า Dyadka (แปลว่า “คุณอา”) เจ้าชายน้อยจึงเรียกนากอร์นีว่า “คุณอา” นับตั้งแต่บัดนั้น
ระหว่างที่อยู่ที่ทาบอสค์ อเล็กเซย์นอนห้องเดียวกับนากอร์นีทุกคืน ไม่ต้องสงสัยว่าทั้งสองจะผูกพันกันเพียงใด
ในเดือนเมษายน ค.ศ.1918 ทหารกองใหม่มาประจำที่บ้านอิสรภาพในทาบอสค์ ผู้นำของทหารกองนี้คือ Khokhryakov ผู้เคยมีพื้นเพเป็นกะลาสีเรือเชื้อสายบอลติกมาก่อน เขาทราบว่านากอร์นีเป็นกะลาสีเรือเชื้อสายบอลติกด้วยเช่นกัน เขาจึงขู่นากอร์นีว่า ถ้านากอร์นีไม่ลาออกไป เขาจะจับกุมนากอร์นีข้อหา “ทรยศต่อการปฏิวัติ” หรือ “ทำลายเกียรติยศของกองเรือปฏิวัติ”
ความกลัวไม่เคยทำให้นากอร์นีหวั่นไหว นากอร์นีปฏิเสธที่จะทำตามคำขู่ของผู้นำบอลเชวิคผู้นี้ ทำให้เขาเป็นที่หมายตาของพวกบอลเชวิคตั้งแต่บัดนั้น
เจ็บแค้นพวกบอลเชวิค
นากอร์นีดูแลอเล็กเซย์จนมีอาการดีขึ้น เขาติดตามเจ้าชายน้อยขึ้นเรือรูสเพื่อไปสมทบกับนิโคลัสและอเล็กซานดราที่เยกาเตรินเบิร์ก ในคืนวันนั้นราดิโอนอฟสั่งล็อคห้องของอเล็กเซย์และนากอร์นีจากด้านนอก นากอร์นีโกรธมาก เขาตวาดด่าพวกบอลเชวิคทันที
หยาบคายอะไรเช่นนี้ แค่เด็กที่กำลังป่วยคนหนึ่งจะไปห้องน้ำ เขายังทำไม่ได้เลย
“ความกล้า” ที่จะต่อกรกับพวกบอลเชวิคทำให้พวกบอลเชวิคบางคนเริ่มรู้สึกว่าเขาเป็นอุปสรรคในการจัดการกับครอบครัวซาร์
เมื่อลงมาถึงเยกาเตรินเบิร์ก นากอร์นีก็ทะเลาะกับพวกบอลเชวิคอีก เมื่อพวกบอลเชวิคห้ามไม่ให้เขาเข้าไปช่วยทาเทียน่าลากกระเป๋า ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่านากอร์นีทะเลาะกับพวกบอลเชวิคอย่างรุนแรงจนเกือบจะวางมวยกัน
นากอร์นีเคยแสดงออกว่าตัวเขาคาดไว้อยู่แล้วว่าเขาจะต้องตายในไม่ช้า เขาเคยบอก Tegleva นางกำนัลคนหนึ่งว่า
ลองดูที่หน้าสกปรกๆ ของพวกมันสิ แค่ราดิโอนอฟคนเดียวก็ดูมีอะไรในใจอยู่แล้ว เอาเถอะ ให้พวกมันฆ่าฉัน แต่ฉันขอต่อยปากพวกมันสักทีสองทีก่อนหน้านั้น
ตัวเขาได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบ้านอิปาตเยฟได้ แต่เขาต้องลงนามในสัญญาต่อไปนี้ สัญญาดังกล่าวมีว่า
ข้าพเจ้า ผู้ลงนาม พลเมืองผู้มีนามว่า นากอร์นี คลีแมนธีย์ กริกอรีเยวิช จากจังหวัดเคียฟ อำเภอสเวียร์สกี้ ตำบลแอนโทนอฟสกี้ หมู่บ้านปุสตาวารอฟกา ยืนยันว่าฉันปรารถนาที่จะรับใช้อดีตซาร์นิโคลัส โรมานอฟ และสัญญาว่าจะทำตามคำสั่งของคณะกรรมการอูรัลที่มาจากผู้บังคับบัญชาบ้านสำหรับจุดประสงค์พิเศษ และถือว่าตัวข้าพเจ้าอยู่ในสถานะเดียวกับครอบครัวโรมานอฟที่เหลือ
24 พฤษภาคม 1918
การลงนามในสัญญาฉบับนี้ของนากอร์นีไม่ต่างอะไรกับสัญญาสั่งตาย เมื่อเขายอมรับว่าเขาอยู่ในสถานะเดียวกับครอบครัวโรมานอฟ เท่ากับว่าเขาไม่มีสิทธิเสรีภาพใดๆ เหลืออยู่เลย พวกบอลเชวิคจะทำอะไรกับเขาก็ได้ เรียกได้ว่านากอร์นีเสียสละทุกสิ่งให้กับครอบครัวโรมานอฟแล้ว
เมื่อนากอร์นีเข้าไปในบ้าน เขาพบว่าพวกทหารยามวาดภาพและข้อความลามกต่างๆ ที่ล้อเลียนอเล็กซานดราและสี่สาวโรมานอฟเต็มกำแพงบ้านไปหมด นากอร์นีจึงพยายามลบภาพและข้อความเหล่านั้นออกเพื่อไม่ให้ครอบครัวโรมานอฟเห็น
วาระสุดท้าย
หากแต่ว่า เพียงแค่สี่วันหลังจากที่นาร์โกนีเข้าไปในบ้านอิปาตเยฟ นาร์โกนีและเซตเนฟ กะลาสีเรือเพื่อนของเขาก็ถูกจับกุม และนำตัวไปขังคุก
สาเหตุคือนากอร์นีและเซตเนฟพยายามขัดขวางไม่ให้พวกบอลเชวิคขโมยสร้อยคอทองคำของอเล็กเซย์ที่วางอยู่บนหัวเตียงของเด็กชาย
แทนที่พวกขโมยจะถูกจับ แต่นากอร์นีกลับถูกจับแทน เขาและเซดเนฟเดินทางขึ้นรถของพวกบอลเชวิคไปยังคุกอย่างกล้าหาญ
จริงๆแล้ว พวกบอลเชวิคต้องการจะกำจัดนากอร์นีมาตั้งแต่ในเรือรูสแล้ว เพราะว่าเขาอายุยังน้อย แข็งแรง แถมยังกล้าหาญที่จะต่อกรกับพวกบอลเชวิคด้วย ถ้าเขาอยู่ในบ้านอิปาตเยฟต่อไป การจะจัดการกับครอบครัวโรมานอฟย่อมไม่ง่าย พวกบอลเชวิคอาจจะเสียเลือดเสียเนื้อก็ได้
นี่จึงเป็นโอกาสให้พวกบอลเชวิคเอานากอร์นีออกไปจากบ้านได้สำเร็จ และทำให้ภายในบ้านไม่เหลือคนหนุ่มที่แข็งแรงเอาไว้ต่อกรกับพวกบอลเชวิคอีกต่อไป
นากอร์นีใช้ชีวิตอยู่ในคุกเป็นเวลาเดือนเศษ เขาก็ถูกนำตัวไปสังหาร ก่อนที่เขาจะตาย เขาไม่ได้แสดงออกว่าเขากลัวตายอย่างใด เมื่อเขาจากไป เขามีอายุได้เพียง 31 ปี และไม่เคยได้แต่งงาน เพราะเขาอุทิศชีวิตทั้งหมดให้กับครอบครัวโรมานอฟ
ร่างของนากอร์นีถูกทิ้งเอาไว้ในป่าโดยไม่ได้มีการฝัง แต่เมื่อกองทัพรัสเซียขาวมาพบร่างของเขาหลังจากยึดเยกาเตรินเบิร์กได้ ร่างของนากอร์นีจึงได้รับการทำพิธีทางศาสนาและฝังอย่างเรียบร้อย หากแต่ว่าหลุมศพและร่างของเขากลับถูกทำลายในสมัยโซเวียต เพราะรัฐบาลโซเวียตได้สร้างสวนสาธารณะขึ้นบนสถานที่ที่เคยเป็นสุสานของเขา
อ่านตั้งแต่ตอนแรก และติดตามตอนต่อไปได้ที่ วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ ติดตามตอนที่ 23 ได้ที่นี่
หนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่