บูดาเปสต์ (Budapest) เป็นเมืองหลวงของประเทศฮังการี (Hungary) หนึ่งในประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก ด้วยความที่บูดาเปสต์ตั้งอยู่ริมแม่น้ำดานูบ และมีสิ่งก่อสร้างที่สวยงามจำนวนมาก ทำให้หลายคนเปรียบว่าบูดาเปสต์เป็น “ปารีสแห่งยุโรปตะวันออก” เลยทีเดียว
ในโพสนี้เราไปดูข้อมูลคร่าวๆ ของเมืองนี้กันก่อน ตามมาด้วยสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองบูดาเปสต์เป็นลำดับต่อไปครับ
รู้จักกรุงบูดาเปสต์ (Budapest)
ย้อนกลับไปเมื่อสองพันปีก่อน ชาวโรมันได้ครอบครองดินแดนลุ่มแม่น้ำดานูบในบริเวณที่เป็นเมืองบูดาเปสต์ในปัจจุบัน และสร้างเป็นเมืองขึ้น เมืองแห่งนี้มีนามว่า Aquincum เดิมทีตัวเมืองเป็นที่ตั้งของกองทัพเท่านั้น แต่ได้เจริญรุ่งเรืองกลายเป็นเมืองใหม่อย่างรวดเร็ว ภายในศตวรรษที่ 2 Aquincum ก็ได้เป็นเมืองเอกของภูมิภาคดังกล่าวแล้ว
อย่างไรก็ดีในช่วงปลายศตวรรษที่ 4 ตัวเมือง Aquincum ถูกทำลายอย่างยับเยิน เพราะการรุกรานของพวกอนารยชน พื้นที่แห่งนี้จึงกลับมารกร้างอีกครั้งหนึ่ง
พวกอนารยชนเผ่า Avar สามารถตีชิงดินแดนแห่งนี้จากจักรวรรดิโรมันได้สำเร็จ และปกครองพื้นที่บริเวณนี้เป็นเวลานานเกือบ 300 ปีในช่วงศตวรรษที่ 6-9 จนกระทั่งในปี ค.ศ.829 อาณาจักรบัลแกเรียได้เข้ามาครอบครองบริเวณดังกล่าว และได้สร้างป้อมปราการขึ้นสองป้อมชื่อ Buda และ Pest ทั้งสองป้อมตั้งอยู่คนละฝั่งของแม่น้ำดานูบ
ปลายศตวรรษที่ 9 พวกเผ่า Magyar ได้ขับไล่พวกบัลแกเรียออกไปจากดินแดนลุ่มแม่น้ำดานูบ รวมไปถึงที่เมือง Buda และ Pest ด้วย ชนเผ่านี้เองได้สถาปนาอาณาจักรฮังการีขึ้นมาในเวลาต่อมา และได้เริ่มต้นนับถือศาสนาคริสต์ด้วย
แม้ว่าจะยังไม่ได้เป็นเมืองหลวง แต่ทั้ง Buda และ Pest กลับเจริญรุ่งเรืองตามลำดับในช่วงศตวรรษที่ 10-13 เพราะมีผู้อพยพย้ายเข้ามาอาศัยเป็นจำนวนมาก เมืองทั้งสองจึงเริ่มเป็นเมืองค้าขายสำคัญของอาณาจักร แต่ความรุ่งเรืองของเมืองก็ต้องชะงักงันเพราะกองทัพมองโกลรุกรานฮังการีในปี ค.ศ.1241-1242 และทำให้ทั้ง Buda และ Pest ได้ความเสียหายอย่างหนัก
ในช่วงศตวรรษที่ 14 กษัตริย์ฮังการีได้สร้างเมือง Buda ให้เป็นเมืองหลวงของอาณาจักร ปราสาท พระราชวังและมหาวิทยาลัยถูกสร้างขึ้นมากมาย แต่แล้วตัวเมืองกลับถูกอาณาจักรออตโตมันตีแตกในปี ค.ศ.1541 ทำให้ Buda ตกอยู่ในการปกครองของชาวออตโตมันเป็นเวลานานถึง 150 ปี
ในช่วงนี้ผู้ปกครองชาวออตโตมันได้สร้างสถานที่อาบน้ำแบบเตอร์กิชขึ้นมาในเมืองเป็นจำนวนมาก และเป็นสาเหตุให้เมืองบูดาเปสต์มีชื่อเสียงเรื่องโรงอาบน้ำมาจนถึงทุกวันนี้ อย่างไรก็ดีในปัจจุบันเหลือโรงอาบน้ำแบบเตอร์กิชที่สมบูรณ์เท่านี้ไม่กี่แห่งเท่านั้นครับ
กองทัพคริสต์ได้ตีชิงเมืองนี้กลับคืนได้สำเร็จในปี ค.ศ.1686 ทำให้อาณาจักรฮังการีได้เมือง Buda และ Pest กลับคืนมา และทำให้ฮังการีพ้นจากการครอบงำของชาวออตโตมันด้วย
ในปี ค.ศ.1849 สะพานเชื่อมระหว่างเมือง Buda และ Pest ได้ถูกสร้างขึ้น และอีกไม่กี่ทศวรรษต่อมาเมืองทั้งสองก็ได้ถูกรวมเข้ากับเมือง Obuda (Old Buda) กลายเป็นเมืองใหม่ขึ้นนามว่าบูดาเปสต์ (Budapest)
เมืองใหม่แห่งนี้ได้รับสถานะเป็นหนึ่งในเมืองหลวงของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.1867 (คู่กับเมืองเวียนนาในออสเตรีย) บูดาเปสต์จึงเจริญขึ้นมาตามลำดับ และกลายเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งในดินแดนฮังการี
หลังจากจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีล่มสลายในปี ค.ศ.1918 บูดาเปสต์ได้กลายเป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐฮังการี ประเทศใหม่ที่เกิดขึ้นหลังสงคราม ทุกอย่างดูเหมือนจะเรียบร้อยดีจนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้น
บูดาเปสต์ได้รับความเสียหายยับเยินจากการทิ้งระเบิด และการแย่งชิงเมืองระหว่างกองทัพโซเวียตและกองทัพเยอรมัน ในช่วงสงครามนี้เองที่ Raoul Wallenberg นักการทูตชาวสวีเดนได้ช่วยเหลือชาวยิวที่อาศัยที่บูดาเปสต์ไว้นับหมื่นคน
เมื่อสงครามสงบ ฮังการีที่อยู่ในกำมือโซเวียตได้เปลี่ยนเป็นประเทศคอมมิวนิสต์ด้วยความไม่พอใจเท่าไรนัก ในปี ค.ศ.1956 พลเมืองบูดาเปสต์จึงจับมือกันต่อต้าน ทำให้รัฐบาลโซเวียตส่งกำลังเข้าปราบปราม และมีผู้เสียชีวิตมากถึง 3,000 คน เลยทีเดียว
ชาวฮังการีต้องรอถึงในปี ค.ศ.1989 ถึงจะได้รับอิสรภาพกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง นับตั้งแต่บัดนั้นบูดาเปสต์ได้ถูกพัฒนาเป็นศูนย์กลางของประเทศในทุกๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ การเมือง วัฒนธรรม เทคโนโลยี การศึกษา ฯลฯ
นอกจากนั้นสิ่งก่อสร้างสวยๆ ที่อยู่ในเมืองถูกบูรณะและดูแลรักษาเป็นอย่างดี ทำให้ได้รับการยกย่องว่าเป็นมรดกโลกขององค์กร UNESCO หลายแห่งเลยทีเดียว บูดาเปสต์ได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของยุโรปตะวันออก โดยมีนักท่องเที่ยวมากถึง 12 ล้านคนในแต่ละปีครับ
ถัดไป เราไปดูกันดีกว่าครับว่าบูดาเปสต์มีสถานที่เที่ยวไหนบ้างที่คุณควรไปเยือน
การเดินทางไปยังบูดาเปสต์
ก่อนจะไปว่ากันถึงที่เที่ยวบูดาเปสต์ ผมขอแนะนำเรื่องการเดินทางและการจัดทริปก่อนครับ
เนื่องจากบูดาเปสต์อยู่ห่างไม่ไกลจากเมืองสวยอื่นๆ ของยุโรป ไม่ว่าจะเป็นเวียนนา, ปราก และมิวนิค และการคมนาคมก็สะดวกสบายตามมาตรฐานของยุโรป ทำให้คุณสามารถเที่ยวเมืองเหล่านี้ได้ภายในทริปเดียวครับ
ดังนั้นถ้าคุณตัดสินใจไปเที่ยวเอง การบินไปลงเวียนนา หรือมิวนิคอาจจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่าการบินมาลงที่บูดาเปสต์โดยตรงครับ เพราะตัวเลือกของไฟลต์จะมากกว่า คุณสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า และคุณสามารถไปเที่ยวเมืองเหล่านั้นได้อีกด้วยครับ
สำหรับการเดินทางจากเวียนนาหรือมิวนิคมายังบูดาเปสต์นั้นไม่ยากอะไรเลย อย่างเวียนนา คุณสามารถซื้อตั๋วจากลิงค์ด้านล่างในราคาแค่ 9-10 ยูโร สำหรับรถบัส ขณะที่รถไฟอยู่ที่ 10-50 ยูโร อย่างไรก็ดีราคานี้เปลี่ยนแปลงได้ตลอดนะครับ เพราะผู้ให้บริการที่ถูกที่สุดอาจจะเต็มเป็นต้น
ถ้าเป็นเรื่องความเร็วแล้ว การเดินทางด้วยรถไฟจะเร็วกว่าอย่างมีนัยสำคัญ ผมจึงแนะนำให้เลือกเดินทางมาบูดาเปสต์จากเมืองทั้งสองด้วยรถไฟครับ
1. Hungarian Parliament Building
คงไม่มีใครปฏิเสธได้ว่า Hungarian Parliament Building หรือ Országház เป็นไฮไลท์ของเมืองอย่างแท้จริง อาคารรัฐสภาฮังการีแห่งนี้มีขนาดใหญ่เป็นอันดับสามของโลก และยังสวยงามอย่างมากด้วย เพราะสร้างขึ้นด้วยสไตล์ Neo-Gothic ครับ รัฐบาลออสเตรีย-ฮังการีได้อาคารแห่งนี้ขึ้นในปี ค.ศ.1886 เนื่องในโอกาสที่ประเทศฮังการีมีอายุครบ 1,000 ปี
คุณสามารถเข้าชมภายในอาคารได้โดยผ่านจากทัวร์เข้าไป อาคารแห่งนี้มีห้องหับต่างๆ ที่สวยงามถึง 691 ห้อง และมีทางเดินและบันไดที่มีความยาวรวมกันถึง 19 กิโลเมตร นอกจากนี้ยังมีอัญมณีและของมีค่าต่างๆ ของราชวงศ์ให้คุณได้ชมด้วยครับ ถ้าสนใจสามารถติดต่อเว็บทางการของอาคารรัฐสภาได้ครับ
อีกหนึ่งวิธีการชมอาคารแห่งนี้ที่น่าสนใจมากๆคือการล่องแม่น้ำดานูบครับ ตัวอาคารรัฐสภาตั้งอยู่ริมแม่น้ำ ทำให้ถ้าคุณลงเรือชมเมืองแล้ว คุณสามารถชมตัวอาคารได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้งเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่วงกลางคืนครับ
ใกล้กับ Hungarian Parliament Building มี Museum of Ethnography หรือพิพิธภัณฑ์ชนชาติต่างๆ ในฮังการีที่คุณสามารถเข้าไปชมได้ด้วยครับ ด้านนอกของพิพิธภัณฑ์เองก็สวยไม่เบา น่าไปถ่ายรูปเช่นกัน
อีกอาคารที่สวยงามและอยู่ใกล้กันคือ Ministry of Agriculture ครับ ถ้ามีเวลาเหลือก็น่าไปถ่ายรูปเก็บไว้ครับ
2. Castle Hill
Castle Hill เป็นเนินเขาสูงที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำดานูบ และใจกลางเมืองบูดาเปสต์ เนินเขาแห่งนี้เป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญอายุหลายร้อยปีของเมือง
สิ่งก่อสร้างที่สำคัญที่สุดบน Castle Hill คือ Buda Castle (ปราสาทบูดา) ปราสาทสมัยศตวรรษที่ 18 ขนาด 200 ห้อง ในปัจจุบันด้านในของปราสาทแห่งนี้เป็นพิพิธภัณฑ์สำคัญๆ ด้วยกัน อาทิเช่น Hungarian National Gallery และ Budapest History Museum พิพิธภัณฑ์ที่เล่าประวัติความเป็นมาของเมืองนี้ครับ
บน Castle Hill ยังมีจุดที่เรียกว่า Fisherman’s Bastion หรือ Halászbástya ในอดีตบริเวณนี้คือที่ตั้งของป้อมปราการที่สมาคมชาวประมงสร้างขึ้นในช่วงยุคกลางเพื่อป้องกันการรุกรานจากข้าศึกศัตรู แต่สงครามในช่วงหลายศตวรรษต่อมาได้ทำให้ป้อมปราการเก่าเสียหายอย่างมาก
ในช่วงศตวรรษที่ 19 รัฐบาลออสเตรีย-ฮังการีสร้างหอสังเกตการณ์ ระเบียงทางเดิน เสาต่างๆ ตลอดจนกำแพงขึ้นมาที่จุดเดิม สิ่งก่อสร้างเหล่านี้เป็นสไตล์ Neo-Romanesque ซึ่งสวยและน่าประทับใจอย่างยิ่งครับ ไม่เพียงเท่านี้เมื่อคุณขึ้นไปบนหอคอย คุณจะเห็นเมืองบูดาเปสต์ได้โดยรอบเลยครับ
อีกหนึ่งแลนด์มาร์กบน Castle Hill ที่คุณพลาดไม่ได้จริงๆ คือ Matthias Church ตัวโบสถ์สร้างขึ้นตั้งแต่ช่วงศตวรรษที่ 11 และผ่านการซ่อมแซมและสร้างใหม่หลายครั้ง นอกจากนี้ยังเคยถูกเปลี่ยนเป็นมัสยิดด้วยในช่วงที่ออตโตมันยึดครองเมือง Buda แต่หลังจากที่กองทัพคริสต์ตีเมืองกลับมาได้จึงได้ถูกเปลี่ยนกลับโบสถ์ตามเดิม และมีการซ่อมแซมและสร้างใหม่โดยใช้สถาปัตยกรรม Baroque ครับ
ภายในโบสถ์มีภาพเขียนสวยงามอยู่มากมาย ซึ่งแต่ละภาพจะแสดงถึงเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ฮังการี อาทิเช่นพิธีการครองราชย์ของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 1 เป็นต้น นอกจากนี้ถ้าคุณเดินลงไปชมบริเวณสุสานของโบสถ์ ที่นั่นจะมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะศาสนาให้คุณได้ชมด้วยครับ
ถ้าคุณมีเวลา คุณไม่ควรพลาดชม Castle Hill ในเวลากลางคืน เพราะแสงไฟจะทำให้ที่นี่สวยงามขึ้นอีกหลายเท่าเลยครับ
ใกล้กับ Castle Hill มีพิพิธภัณฑ์ชื่อ Hospital in the Rock Nuclear Bunker Museum ตั้งอยู่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เคยเป็นหลุมหลบภัยในกรณีที่มีสงครามนิวเคลียร์เกิดขึ้น และเคยถูกใช้เป็นโรงพยาบาลอีกด้วย ในปัจจุบันที่นี่จัดแสดงเรื่องราวและชีวิตของผู้คนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ
3. St. Stephen’s Basilica
St. Stephen’s Basilica หรือมหาวิหารเซนต์สตีเฟ่นเป็นมหาวิหารที่อุทิศให้กับกษัตริย์สตีเฟน (Stephen) แห่งฮังการีผู้ให้กำเนิดอาณาจักรฮังการี และเป็นนักบุญที่ชาวฮังการีนับถือกันอย่างมากด้วย มหาวิหารแห่งนี้สร้างเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1905
รูปแบบการสร้างเป็นแบบ Neoclassical ทำให้มีความยิ่งใหญ่ อลังการ และงดงามไปในคราวเดียวกัน อย่างไรก็ดีบริเวณด้านนอกที่คุณเห็นเกือบทั้งหมดเป็นสิ่งที่เพิ่งจะสร้างขึ้นใหม่ เพราะของเก่าได้รับความเสียหายอย่างหนักจากช่วงสงครามครับ
อย่างไรก็ดีด้านในของมหาวิหารเป็นของเดิมอยู่มาก และอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์หลังการบูรณะ ไม่ว่าจะเป็นรูปปั้นหรือภาพเขียนทางศาสนา สิ่งที่น่าตื่นตาที่สุดคือมหาวิหารได้เก็บรักษามือขวาของกษัตริย์นักบุญสตีเฟนไว้ให้ผู้ศรัทธามาสักการะด้วย
นอกจากนี้คุณยังสามารถขึ้นลิฟต์ไปด้านบนสุดของมหาวิหารเพื่อชมความสวยของเมืองบูดาเปสต์และแม่น้ำดานูบได้ด้วยครับ
4. Gellért Hill
Gellért Hill เป็นอีกเนินเขาที่ตั้งอยู่ในเมืองบูดาเปสต์ ตัวหุบเขาเป็นที่ตั้งของ Gellért Monument อนุสรณ์ของนักบุญ Gellért ผู้สิ้นชีวิตเพราะถูกโยนจากเนินเขาแห่งนี้ตั้งอยู่
เมื่อคุณขึ้นมาบนเนินเขาแห่งนี้ คุณจะเห็นเมืองบูดาเปสต์ได้โดยรอบ รูปสวยๆ ของเมืองมากมายถูกถ่ายจาก Gellért Hill นั่นเองครับ
สิ่งก่อสร้างที่น่าสนใจบริเวณเนินเขาแห่งนี้มีหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็น The Citadella ป้อมปราการที่สร้างโดยชาวออสเตรียในช่วงศตวรรษที่ 19 ปัจจุบันตัวป้อมได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์และจัดแสดงอาวุธของกองทัพโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองครับ
อนุสรณ์ด้านบนสุดที่คุณสามารถเห็นจากระยะไกลคือ Liberty Statue ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อยกย่องทหารโซเวียตที่ปลดปล่อยบูดาเปสต์และฮังการีในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนเป็นอุทิศให้กับทุกคนที่สละชีวิตเพื่ออิสรภาพ เสรีภาพ และความผาสุกของฮังการีครับ
บริเวณตีนเขามี Rudas Baths โรงอาบน้ำเก่าแก่ที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1550 หรือในสมัยที่พวกออตโตมันครอบครองฮังการีตั้งอยู่ ปัจจุบันที่นี่ก็ยังเปิดให้บริการแก่คนทั่วไป ใครที่อยากจะลองอาบน้ำเพื่อสุขภาพสามารถทำได้ที่นี่ครับ
5. Gellért Baths
ใกล้กับ Gellért Hill คือ Gellért Baths สระน้ำอุ่นและสปาที่เป็นส่วนหนึ่งของ Hotel Gellért โรงแรมหรูสไตล์ Art Nouveau ที่มีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว
คุณสามารถมาลองแช่ตัวในสระน้ำอุ่น หรือใช้ว่ายน้ำในสระว่ายน้ำสุดสวยทั้งแบบ indoor และ outdoor ตลอดจนใช้บริการสปา และจากุชชี่ได้แม้ว่าคุณจะไม่ได้นอนพักที่นี่ก็ตาม แต่แน่นอนว่าต้องเสียค่าใช้บริการครับ
6. The Danube Promenade
The Danube Promenade เป็นทางเดินเลียบแม่น้ำดานูบแห่งเมืองบูดาเปสต์ คุณสามารถเดินชมสิ่งก่อสร้างอันสวยงามของเมืองได้อย่างจุใจ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวของเมืองล้วนแต่อยู่ริมแม่น้ำทั้งสิ้น
ไฮไลท์ที่น่าสนใจของทางเดินแห่งนี้ที่ผมยังไม่ได้กล่าวถึงคือ Széchenyi Chain Bridge สะพานแขวนสุดอลังการที่เชื่อมอดีตเมือง Buda และ Pest เข้าด้วยกัน ทำให้กลายเป็นเมือง Budapest อย่างเช่นทุกวันนี้ สะพานแห่งนี้เป็นสะพานข้ามแม่น้ำดานูบแบบถาวรแห่งแรกในประเทศฮังการีครับ
บริเวณทางเดินใกล้กับอาคารรัฐสภามีรูปสลักรองเท้าจำนวน 60 คู่ (Shoes on the Danube Bank) ตั้งอยู่ รูปสลักเหล่านี้เป็นอนุสรณ์ระลึกถึงชาวยิวที่จากไปเพราะการกวาดล้างของพวกนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ครับ
7. Heroes Square
Heroes Square หรือ Hosök tere เป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ และเป็นที่ตั้งของ Millennium Monument เสาสูงซึ่งมีรูปปั้นของเทวทูต Gabriel ตั้งอยู่ และรายรอบมีรูปปั้นของเจ้าชาย Arpad แห่งเผ่า Magyar ผู้นำของชนเผ่าเชื้อสายฮังกาเรียนทั้งปวง ชาวฮังการีถือว่าเจ้าชายผู้นี้เป็นผู้ก่อตั้งประเทศของพวกเขาครับ
จัตุรัสแห่งนี้จะมีการเปิดไฟในยามค่ำคืน ทำให้มีความงดงามต่างออกไปจากช่วงกลางวัน ถ้ามีโอกาส ผมแนะนำอย่างยิ่งให้มาชมครับ
8. Széchenyi Thermal Bath
Széchenyi Thermal Bath เป็นสระน้ำอุ่นและโรงอาบน้ำที่มีชื่อเสียง และยอดนิยมที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองบูดาเปสต์ และมีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรปด้วย สระน้ำแห่งนี้สร้างขึ้นในต้นศตวรรษที่ 20 ทำให้ปัจจุบันมีอายุมากกว่า 100 ปีแล้ว แต่ก็ยังมีความหรูหราแบบเดิม
น้ำในสระของที่นี่มีแร่ธาตุต่างๆ ที่ดีต่อสุขภาพ เช่นแคลเซียม แมกนีเซียม และฟลูออไรด์เป็นต้น ในปัจจุบันคุณสามารถมาใช้บริการสระแห่งนี้ได้ครับ เช่นเดียวกับสปาและซาวน่า ถ้าอยากใช้บริการสามารถหาข้อมูลเพิ่มได้ที่นี่
9. Museums and Zoos
เช่นเดียวกับเมืองอื่นๆ ของยุโรป บูดาเปสต์เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยพิพิธภัณฑ์ชั้นยอดที่รอให้คุณไปเยี่ยมชม ถ้าคุณหลงใหลในงานศิลปะ คุณไม่ควรพลาดเลยครับ
พิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจได้แก่
- Hungarian National Museum – พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงโบราณวัตถุมากมาย โดยเฉพาะมงกุฎของกษัตริย์สตีเฟน
- The Museum of Fine Arts – พิพิธภัณฑ์ศิลปะที่รวบรวมผลงานทางศิลปะจากทั่วโลก
- Palace of Art – พิพิธภัณฑ์งานศิลปะร่วมสมัย
- Aquincum Museum – พิพิธภัณฑ์ที่เก็บโบราณวัตถุจากเมืองโรมันโบราณ
- Museum of Applied Arts
- Budapest Zoo – หนึ่งในสวนสัตว์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยมีอายุมากถึง 150 ปีแล้ว และยังมีสัตว์จำนวนมากให้ชมครับ
10. Hungarian State Opera House
สถานที่แห่งนี้คือโรงโอเปร่าหลวงแห่งบูดาเปสต์ ซึ่งสร้างเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1884 และเป็นสถานที่จัดงานสำคัญๆ ทางด้านวัฒนธรรมนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา ภายในอาคารมีผลงานศิลปะและรูปปั้นอันตระการตาให้ชมเป็นจำนวนมาก
ถ้าคุณสนใจ คุณสามารถชมโอเปร่าได้ภายในโรงโอเปร่าแห่งนี้ด้วยครับ
ตัวอาคารได้รับการยกย่องว่าเป็นแบบอย่างอันสุดยอดของสถาปัตยกรรมเก่าแก่ของฮังการีครับ เพราะงามทั้งด้านนอกและด้านในจริงๆ
11. สถานที่ท่องเที่ยวเพิ่มเติมของกรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี
จากสถานที่ที่ผมแนะนำไป ผมเชื่อว่าคุณสามารถใช้เวลาเที่ยวบูดาเปสต์ (Budapest) ได้ไม่น้อยกว่า 3 วันแล้ว แต่ถ้าคุณเหลือเวลามากกว่านั้น คุณสามารถเดินทางไปเที่ยวสถานที่เหล่านี้ได้ครับ
- Margaret Island – เกาะกลางแม่น้ำดานูบที่เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวเมือง และมีสปาขนาดใหญ่ชื่อ Palatinus Baths ตั้งอยู่
- City Park – สวนสาธารณะขนาดใหญ่อันเป็นที่ตั้งของ Vajdahunyad Castle ปราสาทที่สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงการครบรอบ 1,000 ปีของฮังการี
- Andrássy Avenue – ถนนคนเดินที่มีร้านค้ามากมาย
- Great Market Hall – ตลาดในร่มที่ใหญ่ที่สุดในฮังการี
- Gresham Palace – พระราชวังสมัยศตวรรษที่ 20 ที่กลายสภาพเป็นโรงแรม Four Seasons เป็นที่เรียบร้อยแล้ว