ท่องเที่ยวเมืองมิวนิค (Munich) แห่งรัฐบาวาเรียมีสถานที่เที่ยวใดน่าไปบ้าง?

เมืองมิวนิค (Munich) แห่งรัฐบาวาเรียมีสถานที่เที่ยวใดน่าไปบ้าง?

มิวนิค (Munich) หรือ München ในภาษาเยอรมัน เป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรียของประเทศเยอรมนี และเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปด้วย คนไทยน่าจะคุ้นเคยกับเมืองมิวนิคมาบ้างจากทีมฟุตบอล “บาเยิร์น มิวนิค” นั่นเอง

ตัวเมืองเป็นเมืองแห่งประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ทำให้เมืองแห่งนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายที่น่าสนใจ แต่ก่อนที่ผมจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยว ผมขออธิบายข้อมูลของเมืองนี้ให้ทุกคนทราบกันคร่าวๆ ก่อนครับ

Munich, Germany Image by flyupmike from Pixabay

รู้จักมิวนิค (Munich)

เมืองมิวนิค (Munich) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศเยอรมนี ตัวเมืองติดกับแม่น้ำ Isar สาขาหนึ่งของแม่น้ำดานูบ และตั้งอยู่ทางตอนเหนือของ Bavarian Alps ซึ่งคุณสามารถเห็นเทือกเขาจากบริเวณเมืองด้วยครับ

ด้วยประชากรกว่า 6 ล้านคน ทำให้มิวนิคเป็นศูนย์กลางของทุกสิ่งในเยอรมนีตอนใต้ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์ การเงิน เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ฯลฯ

Munich, Germany with the Alps behind By Reinald Kirchner, CC BY-SA 2.0,

แม้ว่าจะมีผู้คนพลุกพล่าน แต่ผู้คนก็อาศัยกันอยู่อย่างมีความสุข คุณภาพชีวิตในเมืองมิวนิคถือว่าเป็นอันดับหนึ่งในเยอรมนี และอันดับสามของโลกครับ

ความเป็นมาของเมืองมิวนิคสามารถย้อนไปถึงช่วงยุคกลาง ในอดีตมิวนิคเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่มีนักบวชในศาสนาคริสต์ส่วนหนึ่งอาศัยอยู่เท่านั้น แต่หมู่บ้านค่อยๆ เจริญขึ้นมาตามลำดับและได้รับสถานะเป็นเมืองในปี ค.ศ.1175

เมื่อรัฐบาวาเรียถูกแบ่งเป็นสองส่วนในปี ค.ศ.1255 ดยุคแห่งบาวาเรียบน (Upper Bavaria) ได้เลือกที่จะพำนักอยู่ที่เมืองมิวนิค ทำให้ตัวเมืองมีความสำคัญขึ้นมามากในฐานะเมืองหลวงของรัฐ

ต่อมาดยุคหลุยส์ที่ 4 แห่งบาวาเรียบนได้รับเลือกเป็นจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ เมืองมิวนิคที่หลุยส์เกิดจึงได้สัมปทานผูกขาดการค้าเกลือ ทำให้มิวนิคร่ำรวยขึ้นอย่างก้าวกระโดด

มิวนิค (Munich) ในปี ค.ศ.1650

หลังจากที่บาวาเรียได้รวมเป็นหนึ่งอีกครั้งในช่วงศตวรรษที่ 16 มิวนิคได้กลายเป็นเมืองหลวงของรัฐบาวาเรียใหม่ แต่ภายในไม่นาน มิวนิคกลับเป็นศูนย์กลางของการต่อต้านนิกายโปรแตสแตนท์ (Counter Reformation) ส่งผลให้ตัวเมืองมีบทบาทสำคัญในสงครามสามสิบปีด้วย ในช่วงสงคราม มิวนิคถูกกองทัพสวีเดนที่เป็นฝ่ายโปรแตสแตนท์ยึดครอง โชคยังดีที่เมืองไม่เสียหายมากนัก

ในปี ค.ศ.1806 อาณาจักรบาวาเรียได้ถูกสถาปนาขึ้นโดยมีมิวนิคเป็นเมืองหลวง กษัตริย์บาวาเรียได้ให้ความสำคัญกับศิลปวัฒนธรรมมาก การก่อสร้างสิ่งก่อสร้างสวยๆ จึงเกิดขึ้นมากในช่วงนี้ ซึ่งสิ่งก่อสร้างเหล่านี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในเวลาต่อมานั่นเองครับ

อย่างไรก็ดีการก่อสร้างได้พุ่งเกินกว่าท้องพระคลังของอาณาจักรจะรับไหวในสมัยของลุดวิกที่ 2 เพราะลุดวิกได้สร้างปราสาทและพระราชวังมากมายนอกเมืองมิวนิค อาทิเช่นปราสาทนอยชวานสไตน์เป็นต้น ท้องพระคลังที่ร่อยหรอทำให้รัฐบาลมิวนิคจำต้องถอดลุดวิกออกจากตำแหน่ง ก่อนที่ลุดวิกจะสวรรคตอย่างลึกลับในเวลาต่อมา

Portrait of Louis II, King of Bavaria

ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 เป็นช่วงที่มิวนิครุ่งโรจน์สุดๆ ทั้งทางด้านวัฒนธรรมและศิลปะ ช่วงเวลานี้เองเป็นช่วงที่อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ได้เดินทางมามิวนิคและวาดรูปสถานที่ท่องเที่ยวแล้วนำไปขาย ตามความฝันที่จะเป็นจิตรกรของตน

เมื่อสงครามโลกครั้งแรกผ่านพ้นไป มิวนิคถูกเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จากเมืองที่เคยสงบสุขและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะกลายเป็นเมืองที่ร้อนระอุไปด้วยความขัดแย้งทางการเมืองระหว่างกลุ่มซ้ายจัดและกลุ่มขวาจัด กิจกรรมทางการเมืองของฮิตเลอร์เองก็เริ่มต้นที่นี่ และเป็นสถานที่ที่นำเขาขึ้นสู่อำนาจด้วย

มิวนิคได้รับความเสียหายอย่างยับเยินจากการทิ้งระเบิดของกองทัพพันธมิตรระหว่างช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สถานการณ์สงครามที่ย่ำแย่ทำให้ชาวเยอรมันจำนวนหนึ่งตาสว่าง โดยเฉพาะ Sophie Scholl นักศึกษาสาวจากมหาวิทยาลัยมิวนิคผู้กล้าหาญที่จะต่อต้านรัฐบาลนาซี แม้เธอจะต้องจบชีวิตลง เธอได้กลายเป็นวีรสตรีที่ได้รับการยกย่องของชาวเมืองมาจนถึงปัจจุบัน

หลังจากสงครามสงบ เมืองมิวนิคได้ถูกบูรณะขึ้นมาใหม่อย่างระมัดระวังโดยอ้างอิงจากแผนผังเมืองเก่า รัฐบาลเยอรมันตะวันตกได้พัฒนาเมืองให้กลายเป็นศูนย์กลางสำคัญของเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม ทำให้ตัวเมืองกลับมามีชีวิตชีวาและสวยงามเหมือนเดิม

มิวนิคในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและในปัจจุบัน By F McGady, Wikipedia, Public Domain

ปัจจุบันมิวนิคเป็นเมืองสวยที่มีค่า pm 2.5 ต่ำมาก เพราะความพยายามของกลุ่มหลายกลุ่มในเมืองที่ช่วยกันรณรงค์ให้รัฐบาลกำจัดมลพิษ อาชญากรรมเองก็ต่ำมากแม้จะเทียบกับในประเทศเยอรมนีเองก็ตาม นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวจำนวนมากหลั่งไหลมาเที่ยวมิวนิคทุกปี

ถัดไปเราไปดูกันดีกว่าครับ มิวนิคมีสถานที่ท่องเที่ยวน่าไปที่ไหนบ้าง

1. Frauenkirche

Frauenkirche หรือ Cathedral Church of Our Dear Lady เป็นหนึ่งในมหาวิหารที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองมิวนิค เพราะสร้างขึ้นตั้งแต่ในปี ค.ศ.1488 ตัวมหาวิหารสามารถสังเกตเห็นได้จากระยะไกลเพราะสร้างขึ้นจากอิฐสีน้ำตาล นอกจากนี้ยังมีหลังคาสีแดง และหอคอยทั้งสองที่สูงมากกว่า 100 เมตรตั้งอยู่คู่กันหน้าโบสถ์ด้วย

Frauenkirche, Munich By Diliff, CC BY 2.5,

ด้วยเหตุนี้ Frauenkirche จึงมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครและเป็นสัญลักษณ์ของเมืองมิวนิคมาเป็นเวลาเกือบ 600 ปีครับ

ภายในมหาวิหารเองก็สวยงามไม่แพ้ด้านนอก ถ้าเดินเข้าไปจากประตู คุณจะไม่เห็นหน้าต่างสักบานยกเว้นบานด้านในสุดเท่านั้น ตามรูปด้านล่าง

ด้านใน Frauenkirche By Snowwolf55 , CC BY 2.5,

ด้านในวิหารได้รับความเสียหายหนักในช่วงสงคราม ส่วนใหญ่ที่คุณเห็นจึงเป็นของใหม่ที่สร้างขึ้นมา อย่างไรก็ดีจุดที่มีชื่อเสียงตั้งแต่อดีตและรอดพ้นมาได้คือ รอยเท้าแปลกๆบริเวณทางเข้าโบสถ์ ที่มีตำนานว่าเป็นรอยเท้าของปีศาจหรือที่เรียกกันว่า Devil’s Footstep หรือ Teufelstritt นอกจากนี้ยังมีสุสานของดยุคแห่งบาวาเรียในช่วงยุคกลางหลายคนด้วย

ถ้ามาเที่ยวที่นี่แล้ว คุณควรจะขึ้นไปชมวิวบนหอคอยทั้งสองครับ เพราะจะได้เห็นวิวทั้งเมืองรวมไปถึง Bavarian Alps ไปในคราวเดียวกัน ในปัจจุบันรัฐบาลเยอรมันไม่ให้ใครสร้างตึกสูงกว่าหอคอยทั้งสองนี้ ดังนั้นวิวของคุณจะเห็นไปไกลสุดลูกหูลูกตาโดยไม่มีสิ่งกีดขวางครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง U-bahn/S-bahn ลง Marienplatz

2. Marienplatz

Marienplatz เป็นจัตุรัสใหญ่ใจกลางเมืองมิวนิค จัตุรัสแห่งนี้เคยเป็นสถานที่ที่พวกอัศวินในช่วงยุคกลางประลองยุทธ์ (jousting) ให้ผู้ชมดู แต่ในเวลาต่อมา Marienplatz ได้กลายเป็นศูนย์กลางของการค้าขายต่างๆ มาจนถึงทุกวันนี้ครับ

ไฮไลท์ของ Marienplatz คือ Mariensäule หรือหอคอยที่มีอนุสาวรีย์พระแม่มารีตั้งอยู่ด้านบน หอคอยนี้สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองการสิ้นสุดการยึดครองเมืองของกองทัพสวีเดนในช่วงสงคราม 30 ปี ซึ่งหอคอยแห่งนี้เป็นที่มาของชื่อจัตุรัสหรือว่า Marienplatz ด้วยครับ

Mariensaule By Robert Theml , CC BY-SA 3.0,

บริเวณจัตุรัสมีอาคารศาลากลางอยู่สองแห่งด้วยกัน ได้แก่ Altes Rathaus (ศาลากลางเก่า) และ Neues Rathaus (ศาลากลางใหม่) ซึ่งศาลากลางใหม่จะมีขนาดใหญ่และครอบครองพื้นที่ด้านหนึ่งของจัตุรัสเลยครับ ส่วนศาลากลางเก่าจะค่อนข้างเล็ก เพราะเสียหายมากจากช่วงสงคราม มันจึงทำหน้าที่เป็นทางเข้าออกให้กับจัตุรัสเท่านั้น

Neues Rathaus, Marienplatz, Munich By Diliff , CC BY-SA 3.0,

อีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ Fischbrunnen หรือน้ำพุใหม่อันสวยงามที่นำชิ้นส่วนสำริดมาจากน้ำพุเดิมอายุหลายร้อยปีครับ ผู้ว่าราชการเมืองจะนำกระเป๋าเงินเปล่ามาล้างที่นี่ในวัน Ash Wednesday ตามตำนานเก่าแก่ที่ว่าถ้านำมาล้างแล้ว เมืองจะไม่มีปัญหาทางการเงินครับ

Fischbrunnen By User: Bbb , CC BY-SA 1.0,

ในช่วงเทศกาล จัตุรัส Marienplatz จะคลาคล่ำไปด้วยผู้คน อาทิเช่นเทศกาลคริสต์มาสที่จะมีตลาดพิเศษจัดให้ชาวเมืองมาเดินเล่นกันครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง U-bahn/S-bahn ลง Marienplatz

3. Munich Residenz

Munich Residenz เป็นพระราชวังอันเป็นที่ประทับของผู้ปกครองบาวาเรียมานานหลายร้อยปี และเป็นพระราชวังในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในเยอรมนี แม้กระทั่งพระราชวัง Charlottenburg ในเบอร์ลินของกษัตริย์ปรัสเซียก็เทียบไม่ได้ครับ

Munich Residenz By Alireza Javaheri, CC BY 3.0,

ถ้าสังเกตดีๆ ตัวพระราชวังจะสร้างขึ้นด้วยสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ Renaissance, Baroque และ Rococo ซึ่งเกิดจากการสร้างต่อเติมในแต่ละยุคแต่ละสมัยเพิ่มขึ้นมา แต่ส่วนที่สวยเป็นพิเศษคือ Alte Residenz และ Antiquarium ที่สร้างขึ้นด้วยศิลปะ Renaissance ครับ

Antiquarium ด้านในของ Munich Residenz By Raphael Fetzer, Pheraph , CC BY-SA 3.0,

ปัจจุบันพระราชวังแห่งนี้ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาของมีค่าและโบราณวัตถุไว้เป็นจำนวนมาก เมื่อรวมกับตัวพระราชวังที่สวยงามอยู่แล้ว ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ที่คุณพลาดไม่ได้เลยครับ

ไม่เพียงเท่านั้น ด้านตะวันออกของพระราชวังมีโรงภาพยนตร์เก่าแก่ชื่อ Cuvilliés Theater โรงภาพยนตร์แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยสไตล์บารอคและมีความงดงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของเยอรมนี โอเปร่าของโมสาร์ทอย่าง Idomeneo ก็เริ่มแสดงที่นี่เป็นที่แรกในปี ค.ศ.1781

ด้านนอกของ Munich Residenz มีสวนที่ชื่อ Hofgarten ตัวสวนจะเป็นสวนสไตล์ Renaissance ซึ่งมีน้ำพุ สระน้ำ และต้นไม้ที่สวยงามมาก ถ้ามีเวลา ผมแนะนำให้ไปเดินเล่นและถ่ายรูปในสวนครับ

Hofgarten By Oliver Kurmis, CC BY-SA 3.0 de,

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง U-bahn/S-bahn ลง Marienplatz หรือ Odeonsplatz

4. Englischer Garten

Englischer Garten หรือ English Garden เป็นสวนในเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนีด้วยพื้นที่กว่า 3.7 ตารางกิโลเมตร ชาวเมืองมักจะเดินทางปิกนิคและพักผ่อนกันที่นี่ครับ นอกจากนี้ภายในสวนมีทางเดินเลียบทะเลสาบที่ให้คุณเดินหรือออกกำลังกายได้อย่างสบายๆ กลางเมืองด้วย

Englischer Garten By Jiuguang Wang, CC BY-SA 2.0,

นอกจากนี้ใกล้กับสวนยังมี Bavarian National Museum ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุยุคกลางจำนวนมากด้วย และถ้าคุณสนใจยุคก่อนประวัติศาสตร์ โปรดเดินทางไปที่ Bavarian State Archaeological Collection ที่จัดแสดงโบราณวัตถุจากช่วงดังกล่าว และตั้งอยู่ไม่ไกลจากกันนักครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: เนื่องจากสวนมีขนาดใหญ่มาก คุณสามารถนั่ง U-Bahn เดินเข้าสวนได้จากหลายสถานีด้วยกันครับ อย่างเช่น Odeonsplatz เป็นต้น

5. Peterskirche

Peterskirche หรือ St. Peter’s Church เป็นโบสถ์ที่อุทิศให้กับนักบุญปีเตอร์ และมีความเก่าแก่มากกว่า Frauenkirche เสียอีกเพราะว่าสร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ.1386

Peterskirche By Charlie, Flickr, CC By 2.0

โบสถ์แห่งนี้สร้างขึ้นด้วยสไตล์ Gothic แต่ได้รับการเติมแต่งด้วยสไตล์ Baroque ในช่วงศตวรรษที่ 17 ความผสมผสานอย่างไม่มีที่ติของศิลปะทั้งสองแบบทำให้ทั้งภายในและภายนอกโบสถ์งดงามอย่างมากครับ

ด้านในของ Peterskirche By Alejandro, Flickr, CC By 2.0

ด้านในของโบสถ์มีผลงานของจิตรกรที่มีชื่อเสียงชาวเยอรมันหลายคนให้ได้ชม อย่างเช่นภาพเขียนของ Jan Polack หรือว่ารูปปั้นหินอ่อนสีแดงของ Erasmus Grasser นอกจากนี้คุณยังสามารถเดินขึ้นบันไดเกือบ 300 ขั้นเพื่อไปชมวิวของเมืองมิวนิคด้านบนได้ด้วยครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง U-bahn/S-bahn ลง Marienplatz

6. Nymphenburg Palace

Nymphenburg Palace คือพระราชวังสไตล์บารอคอันใหญ่โตที่เป็นที่ประทับในช่วงฤดูร้อนของกษัตริย์บาวาเรียและเชื้อพระวงศ์ ที่นี่ยังเป็นสถานที่ที่กษัตริย์นักฝันอย่างลุดวิกที่ 2 เกิดด้วย

Nymphenburg Palace Image by Michael Siebert from Pixabay

คุณจะได้เห็นห้องที่เหล่าเชื้อพระวงศ์เคยใช้ชีวิตอยู่ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องอาหาร ฯลฯ ซึ่งล้วนแต่ถูกตบแต่งอย่างหรูหราทั้งสิ้น นอกจากนี้ด้านในพระราชวังยังมีโบสถ์ส่วนตัวด้วย ภายในโบสถ์มีภาพเขียนอันสวยงามที่เล่าถึงชีวิตของ Mary Magdalene ผู้ติดตามหญิงคนสำคัญของพระเยซูคริสต์ครับ

ภายในสวนของพระราชวังมีอาคารเก่าแก่ชื่อ Amalienburg ซึ่งเป็นสถานที่พำนักสุดอลังการที่มีชื่อเสียงมากจากความงดงามของห้อง Hall of Mirrors ครับ

Hall of Mirrors, Amalienburg, Flickr, CC By 2.0

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: S-Bahn ไปยังสถานี Laim แล้วต่อด้วยรถบัสลง Schloss Nymphenburg หรือ U-Bahn ลง Rotkreuzplatz ต่อด้วย tram ลง Schloss Nymphenburg (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่)

7. Asamkirche

Asamkirche เป็นโบสถ์ทรง Baroque ที่อุทิศให้กับนักบุญ John of Nepomuk ภายในตัวโบสถ์ถูกตบแต่งอย่างประณีตและหรูหราด้วยภาพเขียนสีเฟรสโก และน้ำมัน ซึ่งเล่าเรื่องราวของนักบุญผู้นี้ให้โลกได้ประจักษ์ครับ

Asamkirche By Wikiolo, Lämpel, CC BY-SA 4.0,

ถ้าคุณสังเกตดีๆ ช่างฝีมือได้ตบแต่งด้านในตัวโบสถ์โดยใช้สีแบบไล่ความสว่าง หมายความว่าส่วนที่ติดกับพื้นจะใช้สีเข้มทึบ แต่เมื่อไล่ขึ้นไปจนถึงเพดานจะสว่างขึ้นเรื่อยๆ

ด้านในโบสถ์ Asamkirche By Schlaier , CC BY-SA 3.0,

บนพื้นด้านล่างสุดที่มืดๆ จะเป็นที่นั่งสำหรับสามัญชนคนทั่วไป ส่วนตรงกลางที่สว่างขึ้นมาจะมีที่นั่งสำหรับกษัตริย์ ส่วนบริเวณเพดานแน่นอนว่าสำหรับพระเจ้าในศาสนาคริสต์ครับ

ด้วยรูปแบบศิลปะเช่นนี้ ทำให้ภายในโบสถ์แห่งนี้จึงสวยงามมาก และควรค่าต่อการมาชมอย่างยิ่งครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง U-Bahn ลง Sendlinger Tor

8. Michaelskirche

Michaelskirche หรือโบสถ์เซนต์ไมเคิล เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1597 ด้วยสไตล์ Renaissance ด้านในโบสถ์ผลงานศิลปะอันงดงามหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นงานศิลปะบนแท่นบูชาอย่าง St.Michael Fighting the Devil ที่มีอายุเกือบ 500 ปี หรืองานศิลปะและโบราณวัตถุเก่าแก่จากยุคกลางที่มีอายุปาเข้าไป 600 ปีแล้วครับ

ด้านในของ Michaelskirche By Diliff, CC BY 2.5,

ด้านในของโบสถ์เป็นสุสานที่เก็บรักษาอัฐิของดยุคและกษัตริย์บาวาเรียหลายพระองค์ ลุดวิกที่ 2 ผู้สวรรคตด้วยการจมน้ำอย่างลึกลับก็ถูกฝังไว้ ณ ที่โบสถ์แห่งนี้ เพราะพระองค์เป็นผู้อุปถัมภ์ของโบสถ์แห่งนี้นั่นเอง

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง U-Bahn ลง Karlsplatz (Stachus)

9. Kunstareal District

Kunstareal District เป็นที่ตั้งของเหล่าพิพิธภัณฑ์ศิลปะในเมืองมิวนิค ซึ่งได้รับการยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปศูนย์กลางของเขตนี้อยู่ที่ Königsplatz จัตุรัสที่ออกแบบขึ้นมาอย่างตระการตาแบบศิลปะ Neoclassicism ในศตวรรษที่ 19

ส่วนหนึ่งของ Königsplatz By High Contrast , CC BY 3.0 de,

พิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจได้แก่

  • Alte Pinakothek – เก็บงานศิลปะยุคกลางจากนานาประเทศในยุโรป
  • Neue Pinakothek – เก็บงานศิลปะแบบ rococo และ Art Nouveau
  • Pinakothek der Moderne – เก็บงานศิลปะยุคใหม่อย่างเช่นงานของปิกัสโซ
  • Staatliche Antikensammlung – เก็บโบราณวัตถุเก่าแก่มากมาย
  • Glyptothek – เก็บรูปปั้นจากสมัยกรีก-โรมัน

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง U-Bahn ลง Königsplatz

10. Theatinerkirche St. Kajetan

Theatinerkirche St. Kajetan เป็นอีกหนึ่งมหาวิหารสุดสวยแห่งเมืองมิวนิค ตัววิหารมีสีเหลืองอร่ามและสร้างขึ้นด้วยสไตล์ Italian Baroque ในปี ค.ศ.1690 ด้านหน้าของมหาวิหารประกอบด้วยหอคอยสองหอตั้งคู่ขนานกันครับ

Theatinerkirche St. Kajetan By Anne-Lise Heinrichs, Flickr, CC By 2.0

ด้านในในเองก็สวยงามไม่แพ้กัน โดยเฉพาะแท่นบูชาด้านในที่มีภาพเขียน The Virgin Enthroned with Angels ซึ่งเป็นผลงานของ Casper de Crayer รวมไปถึงภาพเขียนที่สวยงามอื่นๆ อีกหลายภาพด้วยครับ

ด้านใน Theatinerkirche St. Kajetan By Bill Hunt, CC By 2.0

เช่นเดียวกับโบสถ์และวิหารอื่นๆ โบสถ์แห่งนี้เป็นสุสานที่เก็บรักษาร่างดยุคและเชื้อพระวงศ์บาวาเรียหลายพระองค์ครับ

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง U-Bahn ลง Odeonsplatz

11. Allianz Arena

Allianz Arena เป็นสถานที่ที่แฟนฟุตบอลบุนเดสลีกาย่อมอยากมาชมสักครั้ง สนามแห่งนี้คือสนามเหย้าของสโมสรฟุตบอลบาเยิร์นมิวนิคนั่นเองครับ คุณสามารถมาเข้าชมด้านในเพื่อเก็บบรรยากาศ หรือแม้กระทั่งชมเกมฟุตบอลที่นี่ได้ครับ

Allianz Arena By Diego Delso, CC BY-SA 3.0,

วิธีไปที่ง่ายที่สุด: นั่ง U-Bahn ลง Fröttmaning

12. สถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ

  • Deutsches Museum – พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายในพิพิธภัณฑ์มีสิ่งของจัดแสดงมากมายที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยียุคสมัยโบราณไปจนถึงยุคศตวรรษที่ 21
  • The Olympiapark – สถานที่จัดงานโอลิมปิกฤดูร้อนในช่วงปี ค.ศ.1972 ในปัจจุบันที่นี่ได้กลายเป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่ใช้จัดงานต่างๆ รวมไปถึงสถานที่ออกกำลังกายด้วย
  • Tierpark Hellabrunn – สวนสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีสัตว์กว่า 19,000 ตัว
  • BMW Museum – พิพิธภัณฑ์ของแบรนด์รถยุโรปที่คนไทยนิยม
  • Viktualienmarkt – ตลาดและย่านการค้าขนาดใหญ่ ที่นี่มีอาหารอร่อยๆ ขายมากมาย เหมาะสำหรับการหาอาหารเยอรมันแท้ๆ รับประทานครับ

ไปเที่ยวมิวนิค (Munich) อย่างไรดี

เช่นเดียวกับเมืองใหญ่อื่นๆ ในยุโรป คุณสามารถมาเที่ยวมิวนิคได้ทุกฤดู แต่ high season ของที่นี่คือช่วงหน้าร้อนหรือว่าช่วงเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคมครับ เพราะอากาศไม่หนาวนั่นแหละ

ด้วยความที่การคมนาคมสะดวกสบายมากในเมืองมิวนิค ทำให้คุณสามารถมาเที่ยวมิวนิคด้วยตนเองได้ไม่ยากเลย คุณสามารถบินตรงจากกรุงเทพมายังมิวนิคได้โดยใช้บริการของสายการบินต่อไปนี้

  • Thai Airways (การบินไทย)
  • Eurowings
  • Lufthansa

อย่างไรก็ดี ถ้าคุณเลือกที่จะเปลี่ยนเครื่อง อาจจะได้ราคาตั๋วเครื่องบินที่ถูกกว่ามาก สายการบินที่น่าสนใจได้แก่

  • Emirates
  • Etihad Airways
  • Turkish Airlines
  • Austrian Airlines
[sc name=”travelthai” ][/sc]

นอกจากภายในเมืองมิวนิคแล้ว อย่าได้พลาดไปเยือนปราสาทและพระราชวังอันสวยงามที่ลุดวิกที่ 2 ได้สร้างไว้ในบาวาเรียด้วยครับ

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!