แกรนด์ดัชเชสโอลกา นิคาลาเยฟนา (Grand Duchess Olga Nikolaevna, Великая Княжна Ольга Николаевна) เป็นพระธิดาองค์โตของซาร์นิโคลัสที่ 2 แห่งรัสเซีย และซารินาอเล็กซานดรา
เนื่องจากว่าเธอมีชื่อเหมือนกับแกรนด์ดัชเชสโอลกา อาหญิงของเธอที่มีความรักต้องห้าม ผมจึงเกรงว่าหลายท่านจะสับสน วิธีแยกทั้งสองพระองค์ออกจากกันคือชื่อรองครับ
ชื่อรองของอาหญิงของเธอคือ อเล็กซานดรอฟนา (บุตรสาวของอเล็กซานเดอร์)
ส่วนชื่อรองของโอลกาที่เราจะกล่าวถึงในที่นี้คือ นิคาลาเยฟนา (บุตรสาวของนิโคลัส)
วัยเด็ก
โอลกาเกิดในวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ.1895 ที่พระราชวังอเล็กซานเดอร์ (Alexander Palace) ในหมู่บ้านซาร์ ใกล้กับกรุงเซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก (ในเวลานั้นเป็นเมืองหลวงของรัสเซีย) ในเวลาที่เกิด ซารินาอเล็กซานดรา มารดาของเธอหวังอย่างยิ่งว่าบุตรในครรภ์จะเป็นบุตรชาย ตามธรรมเนียมรัสเซียแล้วเมื่อพระโอรสธิดาของซาร์มีพระราชสมภพ เหล่าทหารจะยิงปืนใหญ่ถวายพระพรชัย ถ้าเป็นพระธิดาจะยิง 101 นัด แล้วจะหยุดลง แต่ถ้าเป็นพระโอรสจะยิงไปถึง 300 นัด
นั่นแสดงว่าถ้ามีการยิงนัดที่ 102 บุตรในครรภ์จะเป็นบุตรชาย
ดังนั้นซารินาจึงนอนรอเสียงปืนใหญ่นัดที่ 102 อยู่อย่างใจจดใจจ่อ แต่สุดท้ายแล้วเสียงปืนใหญ่ก็หยุดที่ 101 นัด (แสดงว่าเป็นพระธิดา)
ถึงแม้แม่ของเธอจะผิดหวังอยู่บ้างที่โอลกาเป็นบุตรสาว แต่อเล็กซานดราและนิโคลัสก็รักเธอสุดหัวใจ รวมไปถึงเชื้อพระวงศ์โรมานอฟที่ใกล้ชิดด้วย
ในวัยเด็กใบหน้าของโอลกากว้างแบบรัสเซีย ถึงแม้จริงๆ แล้วเธอจะมีเชื้อสายรัสเซียน้อยมากก็ตาม ดวงตาของเธอมีสีน้ำเงินเหมือนกับน้ำทะเล ผมของเธอเป็นสีบลอนด์สวยงาม จมูกของเธอตั้งตรงได้รูป เหล่าผู้คนทั่วไปมักคิดว่าโอลกาหน้าตาธรรมดา เมื่อเทียบกับทาเทียน่าและมาเรีย น้องสาวของเธอ
โอลกาถูกเลี้ยงดูมาตามแบบโรมานอฟ นั่นก็เรียบง่ายและเหมือนคนรัสเซียทั่วไปมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
โอลกาและน้องๆต้องนอนบนที่นอนแบบแข็งโดยที่ไม่มีหมอน เตียงแบบนี้เป็นเตียงนิกเกิลแบบแคบ ซึ่งใช้กันทั่วไปในกองทัพรัสเซีย เมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว พวกเธอทุกคนต้องอาบน้ำเย็นเท่านั้น การอาบน้ำอุ่นจะอาบได้ก็ต่อเมื่อเป็นเวลาค่ำแล้ว
ส่วนอาหารเช้านั้น โอลกาและน้องๆไม่มีสิทธิ์เลือก อาหารเช้าที่พวกเธอรับประทานคือ ข้าวต้มแบบรัสเซีย และ ขนมปังทาเนยและน้ำผึ้ง ซึ่งเป็นอาหารสำหรับคนทั่วไปรับประทานในรัสเซีย ส่วนอาหารมื้ออื่นแน่นอนว่ามีการยกระดับให้สมกับฐานะเชื้อพระวงศ์บ้าง ไม่ได้วิเศษอะไรกว่าชนชั้นสูงรัสเซียทั่วไป
เหล่าพี่เลี้ยงทุกคนยังถูกสั่งให้เข้มงวดกับโอลกาและน้องสาว เพราะมารดาของเธอไม่ต้องการให้ทั้งสี่ออกนอกลู่นอกทางจากที่ควรจะเป็น ซารินาอเล็กซานดราได้สั่งพวกพี่เลี้ยงเป็นพิเศษว่า ให้บุตรสาวทั้งสี่แต่งตัว เก็บที่นอน และจัดห้องด้วยตนเองโดยไม่ให้ใครเข้าไปช่วย
พวกเธอจะได้โตมาเป็นผู้หญิงที่ทำทุกอย่างด้วยตนเองเป็น
เลี้ยงดูแบบขี้เหนียว?
โอลกาถูกเลี้ยงดูโดยซารินาอเล็กซานดรา ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิธีการเลี้ยงดูของเธอส่งผลอย่างมากต่อนิสัยของโอลกา
ซารินาอเล็กซานดรา มารดาของเธอเป็นคนประหยัด เธอเป็นคนดูแลเรื่องเสื้อผ้าให้กับโอลกาและน้องสาวอีก 3 คนด้วยตนเอง และวิธีการจัดการของเธอก็คือ เธอจะให้เหล่าบุตรสาวคนเธอส่งต่อเสื้อผ้าให้กันและกัน
อย่างเช่น โอลกาใส่เสื้อผ้านั้นจนใส่ไม่ได้แล้ว ก็ส่งต่อให้ทาเทียน่า ทาเทียน่าส่งต่อให้มาเรีย มาเรียส่งต่อให้อนาสตาเซีย
นอกจากนี้เวลาใส่เสื้อผ้าก็ให้ โอลกากับทาเทียน่าจับคู่กันใส่เสื้อผ้าสีเหมือนกัน เช่นเดียวกับมาเรียที่คู่กับอนาสตาเซีย ด้วยเหตุนี้เธอจึงเรียกคู่ของโอลกาและทาเทียน่าว่า คู่ใหญ่ (Big Pair) นานวันไปเธอก็เรียกบุตรสาวเป็นคู่ๆ จนติดปาก ดังนั้นเวลาเรียกหา อเล็กซานดราจะเรียกหาบุตรสาวเป็นคู่ๆ ด้วยเช่นกัน ด้วยเหตุนี้โอลกาและทาเทียน่าจึงใกล้ชิดกันมากตั้งแต่เด็ก
การแต่งตัวแบบนี้ดำเนินไปจนกระทั่งพวกเธอโตเป็นสาว ทำให้สังคมเซนต์ปีเตอร์สเปิร์กชอบเม้าท์พวกเธอเมื่อโตเป็นสาวแล้วว่า แต่งตัวได้ “บ้าน” มากๆ แต่พวกเธอก็เลือกอะไรเองไม่ได้อยู่ดีๆ นานๆ ครั้งโอลกาและน้องสาวถึงจะได้แต่งตัวสวยๆ ออกงานสักทีหนึ่ง
โอลกาไม่ค่อยได้เล่นของเล่นราคาแพงมากเท่าใด เพราะซารินาอเล็กซานดรามอบของขวัญสำหรับชนชั้นล่างกับเธอและน้องสาวเอาไปเล่น ถ้ามีของขวัญราคาแพงๆ ส่งมา เช่นมาจากควีนวิกตอเรียแห่งบริเตน เธอจะเก็บมันไว้ทั้งหมด โอลกาและน้องสาวจะเล่นมันได้เฉพาะในวันหยุดเท่านั้น
นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้โอลกาโหยหาความหรูหราบ้างเหมือนกันเวลาเธอโตขึ้น (เช่นรถม้าหรือเสื้อผ้าสวยๆ) แต่เธอก็ไม่ได้พยายามดั้นด้นเพื่อให้ได้มันมาสักเท่าไร
หน้าที่ของโอลกาส่วนใหญ่ในวัยเด็กคือ เรียนหนังสือ เธอต้องเรียนมากมายหลายวิชากับติวเตอร์ โอลกาเป็นคนรักเรียนมาก เธอรักในการอ่านหนังสือ และเป็นคนหัวดีมากคนหนึ่ง สิ่งที่เธอโปรดปรานมากคือ การไปหยิบหนังสือจากห้องมารดาของเธอมาอ่าน และอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อรู้ว่าพวกเขารายงานข่าวอะไรในรัสเซียบ้าง
ผลที่ตามมาคือ โอลกาเป็นเจ้าหญิงที่มีความคิดความอ่านในเรื่องต่างๆ อย่างดีเยี่ยม และมีความสามารถในการวิเคราะห์ เธอรับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรัสเซียในเวลานั้นได้เป็นอย่างดี ในช่วงก่อนปฏิวัติ การอ่านหนังสือพิมพ์ทำให้เธอทราบว่า
มีผู้เกลียดมารดาของเธอมากเพียงใด!
สมาชิกในครอบครัว
เมื่อโอลกาโตขึ้น ซารินาอเล็กซานดรามีอาการเจ็บหน้าอกบ่อยครั้ง และเข้าไม่ค่อยได้กับสังคมรัสเซีย เธอจึงปฏิเสธการร่วมงานสังคมต่างๆ เป็นการถาวร (แต่อเล็กซานดราก็สร้างโรงพยาบาลโน่นนี่ของเธออยู่เงียบๆ)
การปฏิเสธการเข้างานสังคมของเธอนั้นรวมไปถึงบุตรสาวทั้ง 4 คนของเธอด้วย ทำให้โอลกาและน้องสาวไม่ได้เข้าสังคมเท่าไรนัก และเพราะความที่เรียนหนังสือกับติวเตอร์ด้วย พวกเธอจึงแทบจะไม่มีเพื่อนเลย
ถึงกระนั้นซาร์นิโคลัส พระบิดาของเธอก็เป็นผู้ที่อบอุ่นและให้ความรักกับลูกๆ ทุกคนเสมอ นิโคลัสเสวยพระกระยาหารร่วมกับซารินาและพระโอรสธิดาอย่างพร้อมหน้าทุกมื้อ นอกจากนี้พระองค์โปรดที่จะเสด็จมาเล่นเกมต่างๆกับพระโอรสธิดาจนถึงเวลานอน หลังจากนั้นนิโคลัสจะอ่านหนังสือให้พวกเธอฟังจนหลับไปทุกคน
โอลกาจึงรักพ่อของเธอมาก และใกล้ชิดกับบิดามากกว่ามารดา (ผู้เข้มงวดมาก) จริงๆแล้วโอลกาได้นิสัยจากพ่อของเธอมาหลายอย่าง โอลกาขี้อาย พูดน้อย หัวอ่อน เธอชอบอยู่ในโลกส่วนตัว แต่เธอก็มีจิตใจดี ชอบเกื้อกูลผู้อื่น และไม่เคยคิดร้ายกับใคร เวลาที่เธอเดินทางไปไหนมาไหน เธอมักจะสอดส่องดูเหล่าผู้คนภายนอกเสมอ ถ้าพวกเขากำลังลำบาก เธอมักจะมอบสิ่งของโน่นนี่ที่เธอมีให้เหล่าพี่เลี้ยงนำไปมอบให้พวกเขา
จริงอยู่ว่าโอลกาดูเป็นคนใสๆไม่มีพิษภัย แต่ไม่ค่อยพูดความรู้สึกของตัวเอง แต่ถ้าเธอพูดเมื่อไรละก็ เธอจะพูดมันออกมาแบบตรงมากๆ ตรงชนิดที่ว่าทำให้หลายๆ คนถึงกับตะลึงได้เลยทีเดียว
ในหมู่น้องสาว ผู้ที่เธอใกล้ชิดและสนิทสนมมากที่สุดแน่นอนว่าคือ ทาเทียน่า น้องสาวคนรองของเธอ ด้วยความที่โอลกาไม่ค่อยพูดว่าต้องการอะไรเท่าไร ทาเทียน่าจึงเหมือนเป็นลำโพงให้กับพี่สาวอยู่เสมอ นอกจากนี้ความที่ทาเทียน่ามีนิสัยแบบบอสๆ โอลกา พี่สาวคนโตจึงอยู่ในฐานะผู้ตามในหมู่พี่น้อง แต่เธอกลับไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องนี้เลย
ถึงแม้นิสัยของโอลกาและทาเทียน่าจะแตกต่างกันเป็นส่วนใหญ่ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ ทั้งโอลกาและทาเทียน่าไม่ถือตัว และไม่ชอบให้เหล่าประชาชนมาคำนับตนเองจนเกินควร
มีอยู่วันหนึ่งโอลกาได้เดินทางไปยังโปแลนด์อันเป็น ส่วนหนึ่งของรัสเซีย เธอเห็นชาวนาจำนวนมากคุกเข่าลงเมื่อรถม้าของเธอผ่านไป โอลการู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง เธอให้พี่เลี้ยงลงไปบอกพวกเขาว่า ไม่ต้องทำเช่นนี้อีกแล้ว
โอลกาเองสนิทสนมกับอเล็กเซย์ น้องชายคนเดียวของเธอมากเช่นเดียวกัน เธอมักเล่นกับเขาอยู่เสมอ และคอยซักถามว่าน้องชายที่ป่วยด้วยฮีโมฟีเลียผู้นี้คิดอะไรอยู่
ชีวิตของโอลกาจึงเป็นไปแบบที่เรียบง่าย และไม่ค่อยได้พบเจอคนอื่นเท่าใดนัก แต่เมื่อเธอโตเป็นสาว โอลกาก็เริ่มมีท่าทีสนใจเหล่าทหารเรือหนุ่มที่เข้ามาในชีวิตของเธอ นี่แหละจะทำให้บิดามารดาของเธอปวดหัวไม่น้อยเลยทีเดียว!
ความรักของโอลกา
เมื่อเธอโตเป็นสาว บิดามารดาของเธอก็ได้นำเธอไปพักผ่อนบนเรือยอร์ชของราชวงศ์อยู่บ่อยครั้ง ทำให้เธอรู้จักมักจี่กับเหล่าทหารเรือหลายคน
นานวันเข้าเธอก็ตกหลุมรักทหารเรือนายหนึ่งเข้าจริงๆ ชายผู้นั้นคือ พาเวล โวโรนอฟ นายทหารหนุ่มที่ประจำการในเรือยอร์ช Standart ในช่วงปี ค.ศ.1913
โอลกาตกหลุมรักเขาเข้าเต็มเปา ในไดอารี่ของเธอเขียนไว้ชัดเจนว่าเธอหลงรักเขามากเพียงใด ตลอดเวลาที่อยู่บนเรือ เธอพยายามที่จะอยู่ใกล้ๆโวโรนอฟอยู่เสมอและแอบมองเขาอยู่บ่อยครั้ง
ภายในไดอารี่ของโอลกา เจ้าหญิงผู้นี้จะใช้ Code แทนตัวโวโรนอฟว่า “S. ที่รัก”
ดูเหมือนว่าทุกคนจะทราบว่าโอลการู้สึกอย่างไรกับโวโรนอฟ แม้กระทั่งซาร์นิโคลัสและซาริซาอเล็กซานดราก็ทราบ
ถึงแม้จะรักโอลกามาก แต่ความรักของโอลกาเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยากเกินไป ในช่วงเวลานั้นทั้งไมเคิล (มิคาอิล) น้องชายของนิโคลัส และ โอลกา น้องสาวของนิโคลัส ต่างมีข่าวเสียๆ เรื่องคู่ครองอยู่แล้ว
ดังนั้นนิโคลัสตัดสินใจว่าต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
นิโคลัสจีงหาคู่ครองให้กับโวโรนอฟเป็นนางสนองพระโอษฐ์คนหนึ่ง และให้เขารีบแต่งงานไปทันที
นางสนองพระโอษฐ์ชื่อ “โอลกา” เหมือนกับแกรนด์ดัชเชสเป๊ะๆ
โอลกาเสียใจอย่างหนัก เธอเขียนอย่างเศร้าสร้อยในไดอารี่ของเธอว่า
ขอให้พระเจ้าทรงอวยพรให้เขาโชคดี ที่รักของฉัน
ในวันที่เขาแต่งงาน โอลกาบันทึกลงในไดอารี่ว่า
มันช่างน่าเศร้า น่าเสียใจเหลือเกิน
ไม่ปรากฏว่าโวโรนอฟทราบเรื่องราวทั้งหมดหรือไม่ ดูเหมือนว่าโอลกาจะรักโวโรนอฟข้างเดียวด้วยซ้ำไป
จริงๆ ช่วงเวลาเดียวกับที่โอลกาหลงรักโวโรนอฟ นิโคลัสและอเล็กซานดราพยายามจะหาคู่ครองที่เหมาะสมให้กับเธอ อาทิเช่น แกรนด์ดยุคดมิทรี ญาติคนหนึ่งของเธอ
แต่แล้วกลับมีข่าวว่าดมิทรีมีรสนิยมทางเพศเป็นแบบไบเซ็กชวล และตัวเขายังเกลียดชังรัสปูติน ทำให้ดมิทรีตกกระป๋องไป
คนต่อมาที่เข้าข่ายคือ เจ้าชายคาโรล มงกุฎราชกุมารแห่งโรมาเนีย ผู้เดินทางมารัสเซียในปี ค.ศ.1914 ทั้งฝ่ายรัสเซียและโรมาเนียหวังว่าโอลกาจะได้แต่งงานกับคาโรล
หากแต่ว่าดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้เพราะโอลกาเองไม่ชอบคาโรล ส่วนคาโรลและแม่ของคาโรลเองก็เฉยๆ กับโอลกา แต่ดันไปชอบทาเทียน่า การจับคู่จึงพังทลายลงไป
หลังจากนั้นโอลกาได้บอกบิดามารดาของเธอว่า เธอไม่ต้องการแต่งงานกับเจ้าชายจากต่างประเทศ เพราะเธอรักรัสเซียมาก เธอไม่อยากไปจากที่นี่
ในช่วงเวลานั้นอาจเป็นไปได้ว่า ในใจของโอลกามีคนอื่นอยู่แล้ว บิดามารดาของเธอจึงยอมให้ตามคำขอ
สงครามโลกครั้งที่ 1
โอลกาได้เข้าอบรมและทำหน้าที่เป็นพยาบาลในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ร่วมกับซาริซาอเล็กซานดรา และทาเทียน่าน้องสาวของเธอ เธอปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งแกร่งด้วยจิตใจที่รักชาติอย่างเต็มเปี่ยม
หากแต่ว่าด้วยความที่เป็นคนขี้อ่อนไหว ทำให้การพบเห็นทหารที่แขนขาดขาขาด หรือ ทุกข์ทรมานจนตายได้สร้างความกระทบกระเทือนต่อจิตใจของโอลกา เธอมีอารมณ์แปรปรวนมากขึ้น จนสุดท้ายแล้วเธอต้องย้ายไปทำงานในบริเวณออฟฟิศของโรงพยาบาลแทน
แพทย์พบว่าเธอน่าจะมีอาการกังวลและวิตกกังวล (Anxiety Disorder) หรืออาจจะถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า (Depression) โอลกาจึงเข้ารับการรักษาด้วยการฉีดสารหนู (Arsenic) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาโรคดังกล่าวในเวลานั้น
ช่วงเวลานี้เอง โอลกาได้ทราบถึงกระแสการปฏิวัติที่กำลังก่อตัวขึ้นในรัสเซียจากการอ่านหนังสือพิมพ์หลายฉบับ เธอสัมผัสได้ถึงความโกรธเกรี้ยวของปวงชนชาวรัสเซียที่มีต่อรัฐบาลซาร์และครอบครัวของเธอ แต่ด้วยความที่เป็นเจ้าหญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่มีอำนาจใดๆ เธอจึงไม่อาจเปลี่ยนแปลงอะไรได้เลย
ระหว่างที่เธอล้มป่วยลงด้วยโรคหัด รัสเซียก็เกิดการปฏิวัติจริงๆ และทำให้ราชวงศ์ของเธอล่มสลายไปในที่สุด โอลกาหายจากโรค และถูกคุมตัวอย่างแน่นหนากับสมาชิกครอบครัวคนอื่น เธอไม่ทราบเลยว่าชีวิตของเธอจะเดินไปทางไหน และเป็นอย่างไรต่อไป
ชีวิตของเธอจะเป็นไปอย่างไร ติดตามได้ใน วันสุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟ
หนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่