เซซาร์เรวิชอเล็กเซย์ มงกุฎราชกุมารคนสุดท้ายแห่งราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซียประชวรด้วยโรคฮีโมฟีเลียตั้งแต่กำเนิด โรคนี้ทำให้เลือดของพระองค์หยุดไหลได้ยาก อุบัติเหตุแค่เพียงเล็กน้อยอาจจะทำให้พระองค์สิ้นพระชนม์ได้
ด้วยเหตุนี้ซาร์นิโคลัสที่ 2 และซารินาอเล็กซานดรา พระบิดามารดาของพระองค์จึงระมัดระวังความปลอดภัยของพระองค์เป็นพิเศษ มาตรการเช่นนั้นทำให้อเล็กเซย์มีเพื่อนน้อยมาก มีแต่เพียงทหารไม่กี่คนที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดีเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เป็นเพื่อนเล่นของพระองค์ แต่พระองค์ก็ไม่ได้โปรดปรานพวกเขาเท่าใดนัก
เพื่อนที่สำคัญที่สุดของอเล็กเซย์จึงกลายเป็นสุนัขพันธุ์ Spaniel ชื่อว่า จอย อเล็กเซย์มีความสุขมากที่ได้เล่นกับมัน และเดินจูงมันไปยังที่ต่างๆ จอยเป็นสุนัขที่เชื่องมาก มันซื่อสัตย์และรักเจ้านายของมันเหนือสิ่งอื่นใด มันอยู่กับอเล็กเซย์แทบจะตลอดเวลา ยกเว้นแต่เวลาที่มันป่วยเท่านั้นเอง
เมื่อเกิดการปฏิวัติ ครอบครัวซาร์ทุกคนล้วนแต่ถูกจับกุม กะลาสีหลายคนที่เคยใกล้ชิดกับอเล็กเซย์ต่างทิ้งพระองค์ไป แต่จอยยังอยู่เคียงข้างอเล็กเซย์เสมอมา
จอยติดตามเจ้านายของมันไปยังบ้านอิปาตเยฟ ที่เมืองเยกาเตรินเบิร์ก (Yekaterinburg) สถานที่สุดท้ายที่ลมหายใจของอเล็กเซย์สิ้นสุดลง ในเวลาที่ยากลำบากที่สุด จอยเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้อเล็กเซย์มีความสุขและผ่อนคลายได้บ้างจากโรคที่กำเริบเป็นพักๆ
ในคืนวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ.1918 มันเห่าอย่างบ้าคลั่งเมื่อมันเห็นพวกบอลเชวิคสังหารเจ้านายของมันในห้องใต้ดิน ทหารนายหนึ่งเล่าว่า
ประตูจากทางเดินไปถึงห้องที่ครอบครัวซาร์พักอยู่ถูกปิด แต่ในห้องว่างเปล่า ไม่มีเสียงใดลอดออกมาจากห้องนั้น ก่อนหน้านี้เมื่อครอบครัวซาร์พำนักอยู่ เราจะได้ยินเสียงของชีวิตจากห้องนั้น คำพูด เสียงการเดิน แต่ตอนนี้ไม่มีชีวิตใดๆเหลืออยู่อีก เหลือแต่สุนัขตัวหนึ่งที่ยืนอยู่ที่ทางเดินใกล้กับประตูที่จะเข้าไปในห้องที่ครอบครัวซาร์เคยพำนักอยู่ มันรอที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องเหล่านี้ ฉันจำได้ว่าในเวลานั้นฉันคิดว่า แกรออย่างเปล่าประโยชน์แล้ว
พวกบอลเชวิคได้รับคำสั่งให้สังหารสุนัขทั้งสามตัวของครอบครัวซาร์ สุนัขอีกสองตัวถูกสังหารตามคำสั่ง แต่มือสังหารคนหนึ่งกลับฆ่าจอยไม่ลง เขานำมันไปดูแลที่บ้าน ทำให้จอยเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวซาร์และรอดชีวิตจากเหตุการณ์ในวันนั้น
ทหารบอลเชวิคที่ช่วยชีวิตจอยไว้ต้องหนีไปจากเมืองเมื่อกองทัพศัตรูเข้ามาใกล้ เขาปล่อยมันไว้ในบ้านของเขา จนกระทั่งนายทหารรัสเซียชื่อ พาเวล รอซิอันโก (Pavel Rodzianko) ที่ทำงานให้กับกองทัพอังกฤษมาพบมันเข้าในสภาพที่อิดโรยและตาบอด
รอซิอันโกเล่าว่า “จอย” แสดงออกชัดเจนว่ามันคิดถึงเจ้านายของมัน เขาเล่าว่ามันดูเสียใจมากและแทบไม่กินอาหารเลย ดูเหมือนว่าจอยจะพยายามหาเจ้านายของมันตลอดเวลา เมื่อมันหาไม่เจอ มันเลยเสียใจมาก
เมื่อพวกบอลเชวิคชนะสงครามกลางเมือง กองทัพอังกฤษถูกผลักดันให้ออกจากรัสเซีย รอซิอันโกก็ได้นำจอยไปด้วย สุดท้ายแล้วมันก็ได้ออกจากบ้านเกิดเมืองนอนผ่านทางด้านตะวันออกไกลของรัสเซีย
ก่อนที่พาเวลพาจอยเดินทางไปถึงอังกฤษ จอยได้พบกับ Sophie Buxhoeveden นางสนองพระโอษฐ์เก่าของซารินาอเล็กซานดราที่เมือง Omsk เมื่อเธอเรียกจอยด้วยเสียงที่คุ้นเคยเท่านั้น จอยรีบกระโดดลงจากรถม้า และวิ่งเข้ามาหาเธอทันทีราวกับว่าเป็นสุนัขในโรงละครสัตว์ ทั้งๆที่จอยไม่เคยวิ่งออกไปต้อนรับใครมาก่อนเลย
นางสนองพระโอษฐ์คนดังกล่าวบอกว่า จอยน่าจะจำเธอได้เพราะในวันนั้นเธอใส่เสื้อผ้าเก่าที่เธอใส่ที่เมือง Tobolsk หรือสถานที่ที่ครอบครัวซาร์เคยอยู่ จอยน่าจะจำกลิ่นดังกล่าวได้เป็นอย่างดี เมื่อเธอจากไป จอยก็นอนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูที่เธอเดินออกไปตลอดวันและปฏิเสธที่จะกินอาหารใดๆ
ณ เวลานั้นทุกคนถึงรู้ว่า สุนัขตัวนี้คือ “จอย” ตัวจริงแน่แล้ว
เจ้านายใหม่ของมันดูแลมันเป็นอย่างดี จอยไม่เคยลืมเจ้านายของมันและเรื่องในวันนั้นได้ เพราะจอยไม่เคยร่าเริงอีกเลย การจากไปของอเล็กเซย์ทำให้หัวใจของจอยสลาย
จอย ตายอย่างสงบที่อังกฤษใกล้กับปราสาทวินเซอร์ มันถูกฝังลงในบริเวณนั้น ท้ายที่สุดจอยคงได้พบกับเจ้านายของมันแล้ว
เรื่องนี้เป็นส่วนเสริมของเรื่อง วันสุดท้ายของราชวงศ์โรมานอฟ
หนังสืออ้างอิงอยู่ ที่นี่