ประวัติศาสตร์การหายตัวไปอย่างลึกลับของจิม ทอมป์สัน ราชาผ้าไหมไทย

การหายตัวไปอย่างลึกลับของจิม ทอมป์สัน ราชาผ้าไหมไทย

ถ้ากล่าวถึง จิม ทอมป์สัน (Jim Thompson) คนไทยจำนวนมากน่าจะนึกไปถึงร้านผ้าไหม จิม ทอมป์สัน ร้านผ้าไหมระดับสูงที่มีสาขาหลายแห่งในประเทศไทย หลายคนอาจจะไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วร้านนี้ก่อตั้งโดยชายอเมริกันชื่อเดียวกันที่ได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการกอบกู้วงการผ้าไหมไทย

แต่ในช่วงเวลาที่เข้ารุ่งโรจน์สุดขีด เขากลับหายตัวไปอย่างลึกลับ เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

ภาพถ่ายของเขาติดลิขสิทธิ์ สามารถชมภาพถ่ายของเขาได้ที่นี่

ราชาผ้าไหมไทย

ทอมป์สัน ณ ประเทศไทย

ทอมป์สันจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยปรินซ์ตัน (Princeton University) มหาวิทยาลัยระดับต้นๆ ของประเทศสหรัฐอเมริกา ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาทำหน้าที่เป็นสายลับให้กับรัฐบาลอเมริกัน และปฏิบัติการในหลายแห่งทั่วโลก อาทิเช่นแอฟริกาเป็นต้น

เขาได้รับมอบหมายให้เดินทางมายังศรีลังกาเพื่อติดต่อกับเสรีไทยเพื่อให้ความช่วยเหลือในการขับไล่กองทัพญี่ปุ่นออกไปจากประเทศไทย นั่นเป็นครั้งแรกที่ชายชาวอเมริกันผู้นี้ได้เริ่มติดต่อกับคนไทย

หลังสงครามสงบ ทอมป์สันได้มีโอกาสเดินทางมาประเทศไทยในฐานะผู้ช่วยทูตสหรัฐอยู่หลายเดือน เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจแล้ว เขาจึงเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อปลดประจำการจากกองทัพ

เหมือนว่าทอมป์สันจะชอบในประเทศไทยไม่น้อย เขากลับมาประเทศไทยร่วมกับนักลงทุนหลายกลุ่มเพื่อที่จะซื้อโรงแรมโอเรียนเท็ล แต่เนื่องจากความขัดแย้งกับผู้ร่วมลงทุน ทำให้ทอมป์สันตัดสินใจขายส่วนในโรงแรมที่เขามีอยู่ และหันไปเปิดบริษัทผ้าไหมแทน ชื่อว่าบริษัท Thai Silk Company Limited

ก่อนหน้านี้ทอมป์สันได้เดินทางไปภาคอีสาน และได้พบเห็นความสวยงามที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพของผ้าไหมไทย เขาจึงคิดว่าจะเปิดบริษัททำธุรกิจด้านผ้าไหมไทย

อย่างไรก็ดีในช่วงนั้นผ้าไหมไทยกำลังอยู่ในขาลงอย่างหนัก เพราะสงครามโลกครั้งที่สองทำให้วัสดุและอุปกรณ์หายาก แต่ทอมป์สันคิดว่าผ้าไหมไทยมีศักยภาพ ถ้าได้รับการบริหารจัดการอย่างถูกวิธี

ผ้าไหมของทอมป์สันที่ใช้ในภาพยนตร์เพลง The King and I Cr: D Ramey Logan – CC By-SA 3.0

ธุรกิจผ้าไหมไทยของทอมป์สันดำเนินไปอย่างยากลำบาก เพราะองค์ความรู้ผ้าไหมไทยกำลังสูญสลายจากภาวะตกอับมาเป็นเวลานาน ทำให้เขาหาคนมีฝีมือมาช่วยงานไม่ได้เลย จนสุดท้ายทอมป์สันพบว่าชุมชนที่ทอผ้าไหมไทยเหลือเพียงชุมชนเดียวเท่านั้น คือ ชุมชนบ้านครัว ริมคลองแสนแสบ

ทอมป์สันเดินทางไปที่ชุมชนดังกล่าวและทำความรู้จักกับชาวบ้านหลายคน จนสุดท้ายจิมก็ชนะใจเหล่าชาวบ้าน จิมเสนอโอกาสทางธุรกิจให้กับพวกเขาโดยให้ชาวบ้านทอผ้าอยู่ที่บ้านได้ โดยเขาจะมารับซื้อจากชาวบ้านในราคาที่เหมาะสม

ผ้าไหมไทยไปสู่ระดับโลก

ด้วยความที่เคยทำงานเป็นสถาปนิกมาก่อน ทอมป์สันจึงมีความรู้ทางด้านการออกแบบ เขาปรับเปลี่ยนรูปแบบผ้าไหมไทยให้มีสีสดมากยิ่งขึ้น และคิดค้นสีผ้าไหมแบบใหม่ๆขึ้นมา หลังจากนั้นเขาจึงขอให้ชาวบ้านช่วยกันทอผ้าไหมในรูปแบบดังกล่าว ทำให้ผ้าไหมของเขาสวยและโดดเด่นกว่าผ้าไหมแบบอื่นๆ อย่างมาก

ในช่วงแรกบริษัทขายผ้าไหมได้เรื่อยๆ โดยยังไม่มีกระแสเท่าใดนัก ทอมป์สันจึงนำตัวอย่างผ้าไหมไทยไปนำเสนอที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เขาสามารถทำให้บรรณาธิการของนิตยสารแฟชั่นชั้นนำอย่าง Vanity Fair และ Vogue สนใจในผ้าไหมไทยได้ จนสุดท้ายชุดที่ทำจากผ้าไหมไทยก็ได้ลงในนิตยสารอย่าง Vogue ในที่สุด

ต่อมาทอมป์สันยังได้รับโอกาสสำคัญจากดีไซเนอร์ชื่อ ไอรีน ชารัฟฟ์ (Irene Sharaff) เธอได้ใช้ผ้าไหมไทยของบริษัทของทอมป์สันเป็นเครื่องแต่งกายนักแสดงในภาพยนตร์เพลงเรื่อง The King and I ในปี ค.ศ.1956

ภาพยนตร์เพลงเรื่องนี้มีชื่อเสียงมาก และชนะรางวัล Academy Awards ถึง 5 รางวัล หนึ่งในรางวัลที่ชนะคือ รางวัลออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ดังนั้นผ้าไหมไทยของทอมป์สันจึงโด่งดังเป็นพลุแตกตามไปด้วย

บ้านจิม ทอมป์สัน Cr: Ahoerstemeier

ธุรกิจผ้าไทยของทอมป์สันจึงเจริญรุ่งเรืองขึ้น เขาทำเงินได้เป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่เคยลืมเหล่าช่างทอผ้าที่ชุมชนบ้านครัว เขายังคงไปรับซื้อตามเดิมในราคาที่เหมาะสม ชาวบ้านในชุมชนดังกล่าวจึงมีฐานะดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด บางคนถึงกับมีเงินระดับใกล้เคียงกับเศรษฐีเลยทีเดียว

หลังจากที่มีฐานะร่ำรวย ทอมป์สันได้ใช้เงินของเขาสร้างบ้านทรงไทยขึ้นมา โดยที่เขาเป็นผู้ออกแบบเอง ปัจจุบันบ้านของเขาก็ยังอยู่ แต่ได้กลายสภาพเป็นพิพิธภัณฑ์

หายตัวไปอย่างลึกลับ

ในวันที่ 24 มีนาคม ค.ศ.1967 ทอมป์สันเดินทางจากกรุงเทพไปยังปีนัง ประเทศมาเลเซีย เพื่อพบปะกับเพื่อนเก่าชื่อ คอนนี่ ทั้งสองได้เดินทางไปยังที่ราบสูงคาเมรอน (Cameron Highlands) เพื่อพักผ่อนในบังกะโลชื่อ “Moonlight” ของนักเคมีชาวสิงคโปร์ชื่อ หลิง เทียน กี และภรรยาของเขา

บังกะโล Moonlight ที่พักสุดท้ายของ Jim Thompson Cr: Roysouza

สองวันต่อมา ในเช้าวันที่ 26 มีนาคม ทอมป์สันได้ขอตัวออกไปเดินเล่นข้างนอก เขาออกไปประมาณ 20 นาทีก็กลับเข้ามา หลังจากนั้นทอมป์สัน คอนนี่ หลิง เทียน กี และภรรยาของเขา รวมทั้ง 4 คนก็เดินทางไปโบสถ์ (วันนั้นเป็นวันอาทิตย์)

ทั้งสี่คนประกอบพิธีทางศาสนาในโบสถ์จนเสร็จสิ้นในเวลาเที่ยง ทุกคนจึงเดินทางกลับไปยังบังกะโลที่พักเพื่อรับประทานอาหารเที่ยง เมื่อเสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว ทอมป์สันขอตัวออกไปเดินเล่นอีกครั้งหนึ่ง ก่อนจะออกไปเขายกมือบอกลากับคอนนีและภรรยาของหลิงเทียนกี ทั้งสองเห็นว่าทอมป์สันเดินออกไปยังถนนเส้นเดิม

ทุกสิ่งดูเป็นปกติ ไม่มีใครคิดว่าจะมีเหตุร้ายแรงเกิดขึ้น

ในเวลาสี่โมงเย็น พ่อครัวของบังกะโลอีกแห่งหนึ่งชื่อ “Lutheran Mission” ซึ่งห่างจากบังกะโล “Moonlight” ประมาณ 1.5 กิโลเมตร ได้พบเห็นจิม ทอมป์สันเดินเข้ามาในบังกะโลของเขา แต่เขาอยู่ได้ไม่นาน เขาก็เดินออกไป

หลังจากนั้นไม่มีใครเห็นเขาอีกเลย

เมื่อเวลาหกโมงเย็น ทอมป์สันยังไม่กลับไปยังบังกะโล Moonlight ซึ่งเป็นบังกะโลที่พัก ทำให้ทุกคนร้อนใจมาก ผ่านไปหลายชั่วโมง ทอมป์สันก็ยังไม่กลับมา จนสุดท้ายทุกคนตัดสินใจแจ้งตำรวจ

เจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาว่า ทอมป์สันได้หายไปอย่างผิดปกติจริงๆ การค้นหาอย่างละเอียดจึงเริ่มต้นทันที

บังกะโล Lutheran Mission จุดสุดท้ายที่มีผู้พบเห็น จิม ทอมป์สัน Cr: Roysouza

การค้นหาที่ล้มเหลว

ทางการมาเลเซียได้ระดมสรรพกำลังเข้าค้นหาได้แก่ ตำรวจ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเดินป่า และยังมีจิตอาสามากมายที่ช่วยเข้าค้นหาบริเวณรายรอบ รวมทั้งหมดแล้วมีผู้เข้าร่วมการค้นหาทอมป์สันมากถึง 500 ชีวิต

ทุกคนค้นหาบริเวณดังกล่าวนานกว่า 11 วันแต่ก็ไร้เบาะแสใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีใครพบร่างของทอมป์สัน และไม่มีหลักฐานใดๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเขาเสียชีวิตไปแล้วแม้แต่น้อย

การค้นหาอย่างเป็นทางการสิ้นสุดลงใน 11 วันดังกล่าว แต่การค้นหาอื่นๆ ยังดำเนินต่อไปอีกนานนับเดือน สุดท้ายทั้งหมดก็คว้าน้ำเหลวโดยสิ้นเชิง

ด้วยความที่ทอมป์สันเป็นคนดัง กระแสข่าวการหายตัวไปของเขากลายเป็นข่าวระดับโลก และเมื่อเรื่องมันลึกลับเช่นนี้ ทำให้ทฤษฎีจำนวนมากผุดขึ้นมา เช่น เขาถูกลักพาตัว เขาถูกเรียกค่าไถ่ เขาถูกฆาตกรรมเพราะเป็นสายลับ หรือถูกกำจัดโดยคู่แข่งธุรกิจ บ้างก็ว่าทอมป์สันจงใจหายตัวไปเองเพราะสาเหตุส่วนตัว

แต่ทั้งหมดไม่มีหลักฐานเลยสักอย่างเดียว หรือเรียกได้ว่าไม่มีอะไรเลย มีแต่การเดา และ มโนกันไปเองเท่านั้น

ปัจจุบันเรายังไม่อาจสรุปได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับ จิม ทอมป์สัน ชายผู้พลิกฟื้นธุรกิจผ้าไหมไทยผู้นี้ ถ้าเขาเสียชีวิตไปแล้ว ร่างของเขาน่าจะยังคงอยู่ในที่ราบสูงนั่นเอง ทอมป์สันอายุได้ 61 ปีเศษเมื่อเขาหายตัวไปอย่างลึกลับ

อ่านเรื่องของเขาเพิ่มเติมได้ที่ Jim Thompson

เคสการหายตัวที่มีชื่อเสียงมากอีกเคสหนึ่งคือ เคสของอามิเลีย แอร์ฮาร์ต ติดตามได้ในลิงค์ครับ

บทความประวัติศาสตร์

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!