ประวัติศาสตร์การหายตัวไปอย่างลึกลับของอามิเลีย แอร์ฮาร์ต

การหายตัวไปอย่างลึกลับของอามิเลีย แอร์ฮาร์ต

ถ้าพูดถึงเคสคนหายแล้ว หลายท่านคงจะนึกถึงเคส จิม ทอมป์สัน ราชาผ้าไหมไทย ผู้หายตัวไปอย่างลึกลับที่ Cameron Highlands ประเทศมาเลเซีย

แต่อีกเคสหนึ่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากคือ การหายตัวไปของอามิเลีย แอร์ฮาร์ต (Amelia Earhart)

แอร์ฮาร์ตเป็นนักบินหญิงชาวอเมริกันที่ได้รับความนิยมอย่างมากในสังคมตะวันตก ณ เวลานั้น และในปัจจุบันเราก็ยังสรุปไม่ได้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ สิ่งเหล่านี้ทำให้เคสนี้มีชื่อเสียงไปโดยปริยาย

มาดูกันครับว่าเธอหายไปอย่างไร

อามิเลีย แอร์ฮาร์ต

นักบินหญิงมากฝีมือ

แอร์ฮาร์ตสนใจเครื่องบินตั้งแต่เธอมีโอกาสได้ขึ้นมันครั้งแรกในปี ค.ศ.1920 ความสนใจกลายเป็นความคลั่งไคล้ แอร์ฮาร์ตเคยเล่าว่าเธอตัดสินใจได้ตั้งแต่บัดนั้นว่าเธอจะต้องเป็นนักบินให้ได้ในอนาคต ตัวเธอเองก็เป็นสาวลุยๆ อยู่แล้ว ทำให้เรื่องกลัวอันตรายไม่มีในพจนานุกรมของแอร์ฮาร์ตเลย

หลังจากนั้นไม่นานเธอไปเรียนขับเครื่องบินอย่างจริงจัง เมื่อเรียนเสร็จแล้ว เธอใช้เงินก้อนหนึ่งซื้อเครื่องบินมือสองจำนวนสองที่นั่งเป็นของเธอเอง เธอใช้สีเหลืองทาหางเครื่องบินและเรียกมันว่า “The Canary”

นับตั้งแต่บัดนั้นแอร์ฮาร์ตก็ทำสถิติใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า เธอเป็นนักบินหญิงคนแรกที่บินได้สูงถึง 14,000 ฟุต แอร์ฮาร์ตมีความสุขกับเครื่องบินของเธออยู่นานถึง 7 ปี จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็ได้รับโทรศัพท์ที่เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล

ผู้ที่โทรมาหาเธอถามเธอว่า

คุณอยากจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่บินข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกหรือไม่?

แอร์ฮาร์ตตาเบิกโพลง เธอถามอยู่หลายรอบว่าเขาล้อเล่นหรือไม่ แต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงของเขาดูจริงจัง แอร์ฮาร์ตจึงตกลงทันที

เธอเดินทางไปพบกับจอร์จ พัตนัม (George Putnam) ผู้ประสานงานโครงการในครั้งนี้ พัตนัมแนะนำแอร์ฮาร์ตให้รู้จักกับนักบินที่จะเดินทางไปกับเธออย่าง Wilmer Stultz (หรือบิลล์) และช่างเครื่องชื่อ Louis Gordon (หรือสลิม)

แอร์ฮาร์ตและพัตนัม ผู้กลายเป็นสามีของเธอในภายหลัง

ตามแผนการที่จัดเตรียมไว้ แอร์ฮาร์ตและเพื่อนนักบินจะบินจากดินแดนนิวฟันด์แลนด์ (Newfoundland) ไปยังเวลส์ในสหราชอาณาจักร ทั้งสามทำสำเร็จในที่สุดโดยใช้เวลาเกือบ 21 ชั่วโมง แต่แอร์ฮาร์ตไม่ปลาบปลื้มกับมันเท่าไรนัก เพราะเธอไม่ได้เป็นผู้ขับเครื่องบินด้วยตัวของเธอเอง

ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมอเมริกัน แต่แอร์ฮาร์ตยังคงต้องการขับเครื่องบินด้วยตัวเอง ดังนั้นในปี ค.ศ.1932 เธอจึงบินเดี่ยวข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกจากนิวฟันด์แลนด์ไปลงจอดที่ปารีส

การเดินทางราบรื่นดีจนกระทั่งในช่วงสุดท้าย ลมที่รุนแรงและอากาศที่ค่อนข้างเย็นสร้างปัญหาให้กับเครื่องบินของเธอ แอร์ฮาร์ตนำเครื่องบินลงจอดอย่างทุลักทุเลในฟาร์มแห่งหนึ่ง เธอเล่าว่าเธอทำให้วัวหลายตัวตกใจมาก

ความสำเร็จครั้งนี้เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจมาก เธอกลายเป็นที่สนใจของผู้คนในสหรัฐอเมริกาและในยุโรป เธอกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสามารถของผู้หญิงที่เทียบเท่ากับผู้ชาย ต่อมาแอร์ฮาร์ตเขียนหนังสือถ่ายทอดประสบการณ์การบินของเธอ ปรากฏว่ามันขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ทำให้เธอยิ่งดังขึ้นไปอีก

แม้จะมีชื่อเสียงมากแล้ว แอร์ฮาร์ตไม่เคยหยุดการทำลายสถิติใหม่ เธอพยายามสรรหาสิ่งใหม่มาทำลายอยู่เรื่อยๆ ในปี ค.ศ.1935 เธอเป็นคนแรกที่บินข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกจากฮาวายไปยังแคลิฟอร์เนีย แอร์ฮาร์ตเล่าว่าเธอเตรียมช็อกโกแลตร้อนขึ้นไปบนเครื่องด้วย และเป็นช็อกโกแลตถ้วยที่ “น่าสนใจ” ที่สุดในชีวิตของเธอ

ในปี ค.ศ.1937 แอร์ฮาร์ตได้ทำลายสถิติต่างๆ ลงได้อย่างราบคาบแล้ว แต่มีอยู่สิ่งหนึ่งที่เธอต้องการจะพิชิตมันให้ได้ นั่นคือเธอต้องการเป็นผู้หญิงคนแรกที่บินรอบโลกได้สำเร็จ

เครื่องบินที่แอร์ฮาร์ตใช้บินรอบโลก

เตรียมการ

แอร์ฮาร์ตตั้งใจว่าเธอจะบินตามเส้นศูนย์สูตร นั่นหมายความว่าถ้าเธอทำสำเร็จ เธอจะเป็นมนุษย์ที่บินรอบโลกด้วยระยะทางที่มากที่สุด (47,000 กิโลเมตรโดยประมาณ) มหาวิทยาลัย Purdue ให้การสนับสนุนเธอทางด้านการเงิน แอร์ฮาร์ตจึงใช้เงินดังกล่าวไปซื้อเครื่องบินลำใหม่เพื่อเตรียมการสำหรับการบินรอบโลก เครื่องบินดังกล่าวเป็นรุ่น Lockheed Electra 10E ซึ่งจัดทำแบบพิเศษตามที่เธอต้องการ

ผู้ที่แอร์ฮาร์ตเลือกให้เป็นนักบินและผู้นำทางร่วมกับเธอคือ กัปตันแฮร์รี แมนนิ่ง เขาเองก็เป็นนักบินที่มีประสบการณ์และมีความสามารถในการใช้รหัสมอสส์ด้วย แต่ว่าในการฝึกซ้อม แมนนิ่งกลับไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ของเขาได้ดีพอ ทำให้พัตนัม (ณ เวลานั้นเขาได้แต่งงานกับแอร์ฮาร์ตแล้ว) ต้องการผู้นำทางอีกคนมาช่วยเหลือแอร์ฮาร์ต

ดังนั้นแอร์ฮาร์ตจึงตัดสินใจจ้างผู้นำทางอีกคนหนึ่งชื่อ เฟรด นูแนน และร่างแผนการใหม่ ตามแผนการนี้นูแนนจะนำทางให้แอร์ฮาร์ตจากฮาวายไปยังเกาะ Howland ส่วนแมนนิ่งจะนำทางเธอต่อไปยังออสเตรเลีย หลังจากออสเตรเลีย แอร์ฮาร์ตจะบินด้วยตัวของเธอเองจนจบเส้นทาง

เธอเริ่มทดลองครั้งแรกในเดือนมีนาคม ค.ศ.1937 โดยบินจากแคลิฟอร์เนียไปยังฮาวาย การเดินทางขาแรกนี้ประสบความสำเร็จด้วยดี แต่เมื่อเครื่องกำลังขึ้นจากฮาวายนั้นเอง เครื่องของเธอก็เกิดอุบัติเหตุระหว่างที่กำลังบินขึ้น ทำให้ตัวเครื่องบินได้รับความเสียหายมาก แอร์ฮาร์ตจำต้องยกเลิกแผนการของเธอทั้งหมด และใช้เรือขนส่งเครื่องบินของเธอกลับไปโรงงานเพื่อซ่อมแซม โชคยังดีที่ไม่มีใครบนเครื่องได้รับอันตราย

หลังจากเครื่องบินซ่อมเสร็จแล้ว เธอก็พร้อมจะบินขึ้นอีกครั้งหนึ่งในเดือนมิถุนายน ในครั้งนี้เธอเลือกผู้นำทางเป็นเฟรด นูแนนแต่เพียงผู้เดียว และเลือกเส้นทางบินใหม่ ในครั้งนี้เธอจะบินจากตะวันตกไปตะวันออกเพราะกระแสลมที่เปลี่ยนแปลงไปทำให้การบินจากฝั่งตะวันตกสะดวกกว่า

การหายไปของแอร์ฮาร์ต

ก่อนจะออกเดินทาง แอร์ฮาร์ตเคยแสดงความรู้สึกว่า

ฉันมีความรู้สึกว่าฉันมีเที่ยวบินที่ดีเหลืออยู่อีกหนึ่งเที่ยวในระบบของฉัน ฉันหวังว่ามันจะเป็นเที่ยวบินนี้

ลางสังหรณ์ของแอร์ฮาร์ตผิดโดยสิ้นเชิง เพราะจริงๆ แล้วเธอได้ใช้โชคของเธอหมดไปแล้ว ตั้งแต่ที่เธอรอดตายอย่างหวุดหวิดที่ฮาวาย

อย่างไรก็ตามแอร์ฮาร์ตบินจากแคลิฟอร์เนียมายังฟลอริดามาอย่างราบรื่น จากฟลอริดา เธอลงจอดหลายแห่งในทวีปอเมริกาใต้เพื่อเติมน้ำมัน หลังจากนั้นเธอก็ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกได้เป็นผลสำเร็จ และลงจอดที่ประเทศเซเนกัล

การเดินทางของเธอดูเหมือนว่าจะเรียบร้อยดี เธอผ่านแอฟริกา อินเดีย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อย่างราบรื่น เธอเคยลงจอดที่กรุงเทพด้วยในวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ.1937

แอร์ฮาร์ตเดินทางมาถึงเมือง Lae ในนิวกินีในวันที่ 29 มิถุนายน ค.ศ.1937 จากแคลิฟอร์เนียเธอบินมาไกลถึง 35,000 กิโลเมตร เธอประสบความสำเร็จเกือบ 75% ของแผนการที่ตั้งใจไว้แล้ว

แอร์ฮาร์ตที่ออสเตรเลีย ก่อนการบินเที่ยวสุดท้ายของเธอ 1 วัน

แต่ทว่าสิ่งที่เธอกำลังเผชิญต่อไปคือส่วนที่อันตรายที่สุดของเส้นทางทั้งหมด การข้ามมหาสมุทรแปซิฟิกนั่นเอง ตามแผนการแล้วแอร์ฮาร์ตจะต้องเดินทางจาก Lae ไปยังเกาะ Howland กลางมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อเติมน้ำมัน และเดินทางต่อไปยัง Honolulu เมืองหลวงของหมู่เกาะฮาวาย ก่อนที่จะข้ามเข้าสู่ประเทศสหรัฐอเมริกาทางฝั่งตะวันตก

ในยุคที่ปราศจากเรดาร์และอุปกรณ์นำทางใดๆ การหาเกาะดังกล่าวท่ามกลางมหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เกาะ Howland มีขนาด 0.8 x 2.4 กิโลเมตรเท่านั้น ถ้ามองจากบนเครื่องบินแล้ว มันก็เป็นเพียงจุดเล็กๆ บนท้องทะเล

แอร์ฮาร์ตทราบดีว่าทริปนี้อันตราย เธอจึงกำจัดของทุกอย่างที่ไม่จำเป็นทั้งหมดเพื่อที่จะประหยัดเชื้อเพลิงให้ได้มากที่สุด วิธีนี้ทำให้เธอมีเชื้อเพลิงสำหรับการบินเพิ่มขึ้นมาประมาณ 440 กิโลเมตร หรือมากกว่า 10% เล็กน้อยจากระยะทางทั้งหมดจาก Lae ไป Howland (4,090 กิโลเมตร)

เส้นทางของอามิเลีย แอร์ฮาร์ต เส้นสีแดงเข้มคือเส้นที่เธอประสบความสำเร็จ เส้นประคือเที่ยวบินที่เธอจบชีวิตลง By Hellerick – Own work, CC BY-SA 3.0,

นอกจากนี้แอร์ฮาร์ตยังขอให้นาวิกโยธินสหรัฐที่เกาะ Howland พยายามส่งสัญญาณไฟมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อช่วยให้เธอหาตำแหน่งให้เจอ และตามที่ตกลงกันไว้ เมื่อแอร์ฮาร์ตนำเครื่องบินเข้าใกล้เกาะดังกล่าว เจ้าหน้าที่จะติดต่อทางวิทยุเพื่อช่วยนำเธอลงสู่สนามบิน

สิบโมงเช้าของวันที่ 2 กรกฎาคม แอร์ฮาร์ตและนูแนนนำเครื่องบินที่หนักอึ้งไปด้วยน้ำมันบินขึ้นจากเมือง Lae สภาพอากาศภายนอกเริ่มมีเมฆมาก ในเวลาสามโมงเย็น แอร์ฮาร์ตแจ้งว่าเธออยู่ที่ระดับความสูง 10,000 เมตร และกำลังจะลดระดับลงเพราะเมฆที่หนาแน่น

เมื่อแอร์ฮาร์ตบินไปเรื่อยๆจนถึงเช้าของวันใหม่ เธอแจ้งเจ้าหน้าที่สหรัฐที่เกาะ Howland ว่าอากาศภายนอกมีเมฆมาก หลังจากนั้นสัญญาณการติดต่อก็เริ่มย่ำแย่ลงอย่างรวดเร็ว เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดต่อกับแอร์ฮาร์ตได้อย่างชัดเจนอีกเลย จนกระทั่งในเวลา 7.42 น.ของวันใหม่ เจ้าหน้าที่ได้รับข้อความจากเธอว่า

เราต้องไปถึงคุณแล้ว แต่เรายังไม่เห็นคุณเลย น้ำมันเหลือน้อยแล้ว ไม่สามารถติดต่อคุณได้ทางวิทยุ พวกเรากำลังบินอยู่ที่ความสูงหนึ่งพันฟุต

เจ้าหน้าที่พยายามจะตอบเธออย่างเร่งด่วน แต่ดูเหมือนว่าเธอไม่ได้รับข้อความจากพวกเขาเลย หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าหน้าที่ก็ได้รับข้อความสุดท้ายจากเธอว่า

พวกเรากำลังบินไปทางเหนือและทางใต้

นั่นเป็นข้อความสุดท้ายจากเธอ ไม่มีใครสามารถติดต่อกับอามิเลีย แอร์ฮาร์ตได้อีกเลย

การช่วยชีวิตและค้นหาแอร์ฮาร์ต

เมื่อสัญญาณขาดหายไป การค้นหาแทบจะเริ่มต้นขึ้นในทันที เจ้าหน้าที่ค้นหาทางทะเลเป็นพื้นที่รวมแล้วหลายแสนตารางกิโลเมตร เป็นเวลานานสิบกว่าวัน แต่พวกเขาไม่พบร่องรอยใดๆ ของเธอเลย ไม่ว่าจะเป็นศพ หรือแม้กระทั่งเครื่องบินของเธอ

มันจึงเป็นที่แน่ชัดว่าเธอเสียชีวิตลงแล้วในการบินเที่ยวสุดท้ายของเธอ รัฐบาลสหรัฐได้ทำการจารึกแอร์ฮาร์ตไว้อย่างยิ่งใหญ่ในฐานะวีรสตรี อนึ่งก็เพื่อสดุดีความกล้าหาญของเธอในฐานะชาวอเมริกัน

สาเหตุของการเสียชีวิตที่เป็นไปได้มากที่สุดคือ แอร์ฮาร์ตหาเกาะ Howland ไม่เจอ ดังนั้นเครื่องบินของเธอจึงตกทำให้เธอเสียชีวิต อย่างไรก็ตามทฤษฎีอื่นๆ ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ดเพราะทางการไม่สามารถหาข้อสรุปการหายไปของเธอได้ ไม่ว่าจะเป็นทฤษฎีไปลงที่เกาะอื่น หรือแม้กระทั่งถูกญี่ปุ่นจับกุมตัวไป

ในปัจจุบันเรายังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ สักวันหนึ่งเราอาจจะทราบความจริงเรื่องดังกล่าวก็เป็นได้

Sources:

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!