ประวัติศาสตร์วาระสุดท้ายของ "หานสิ้น" แม่ทัพผู้มีส่วนสำคัญในการสถาปนาราชวงศ์ฮั่น

วาระสุดท้ายของ “หานสิ้น” แม่ทัพผู้มีส่วนสำคัญในการสถาปนาราชวงศ์ฮั่น

หานสิ้น (Han Xin) หรือ ฮั่นสิน เป็นแม่ทัพคนสำคัญของหลิวปัง ปฐมจักรพรรดิของราชวงศ์ฮั่น หานสิ้นผู้นี้มีชาติกำเนิดที่ต่ำต้อย แต่มีความสามารถในการทหารสูงมาก เขามีส่วนสำคัญยิ่งในการเอาชนะฉู่ป้าหวาง หรือเซี่ยงอวี่ และรวมแผ่นดินทั้งหมดให้อยู่ใต้กำมือของหลิวปัง และราชวงศ์ฮั่น

หากแต่ว่าหานสิ้นกลับประสบกับชะตากรรมอันโหดร้ายในบั้นปลาย จุดจบของหานสิ้นเป็นที่ถกเถียงกันทุกยุคทุกสมัยว่าหานสิ้นสมควรได้รับโทษานุโทษดังกล่าวหรือไม่?

เราไปดูกันดีกว่าครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับหานสิ้น

หานสิ้น (คนซ้าย)

กรณีจงหลีโม่

หลิวปังรวบรวมแผ่นดินเป็นหนึ่งและสถาปนาราชวงศ์ฮั่นขึ้นปกครองแผ่นดินจีนในปี 202 BC หลังจากขึ้นนั่งบัลลังก์เป็นจักรพรรดินามว่า “ฮั่นเกาจู่” แล้ว ฮั่นเกาจู่ก็ได้อวยยศทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหารมากมาย บางคนก็ตั้งให้เป็นเจ้าไปครองแว่นแคว้นต่างๆ อย่างหานสิ้นนั้นฮั่นเกาจู่ตั้งให้เป็นกษัตริย์แห่งฉู่ หรือ ฉู่หวาง และมีอำนาจปกครองดินแดนของตนเอง

แต่แล้วในปีเดียวกันก็เกิดขึ้น เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้ชะตาของหานสิ้นกลับพลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ

เรื่องที่ว่าก็คือ “กรณีจงหลีโม่”

จงหลีโม่ผู้นี้เป็นแม่ทัพของเซี่ยงอวี่ แต่ก็เคยรู้จักคุ้นเคยกับหานสิ้น เพราะหานสิ้นเองเคยเป็นทหารเลวในค่ายของเซี่ยงอวี่มาก่อนที่จะสวามิภักดิ์กับหลิวปัง

ในเวลานั้นจงหลีโม่หลบหนีการตามจับกุมของทหารฮั่นหลังจากพ่ายแพ้ที่ไกเซี่ย จงหลีโม่ได้รับการช่วยเหลือของหานสิ้นเป็นการลับ ด้วยการแอบจงหลีโม่ไว้ในบ้านของตน หานสิ้นทำไปเพราะเห็นกับความเป็นมิตรครั้งเก่าก่อนล้วนๆ เป็นที่เชื่อกันว่าในตอนนี้เขายังไม่มีเจตนาอื่นแอบแฝง

อย่างไรก็ดีความลับก็เข้าหูฮั่นเกาจู่จนได้ ฮั่นเกาจู่จึงมีคำสั่งตรงให้หานสิ้นมอบจงหลีโม่ให้กับทางการ แต่หานสิ้นกลับปฏิเสธ

การขัดคำสั่งของหานสิ้นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนที่ฮั่นเกาจู่ (หลิวปัง) จะรวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่ง หานสิ้นเองก็เคยขัดคำสั่งอยู่หลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่นการไม่ยอมยกทัพมาช่วยหลิวปัง แต่กลับส่งคนมาทูลให้หลิวปังแต่งตั้งตนเองดำรงตำแหน่งสูงขึ้น จนหลิวปังเกือบจะต้องสิ้นชีวิตเพราะถูกเซี่ยงอวี่ตามล่าเสียแล้ว

ในครั้งนั้นหลิวปังยอมโอนอ่อนผ่อนตามตามคำแนะนำของจางเหลียงกับเฉินผิง แต่ก็เชื่อได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้หลิวปังเกลียดชังหานสิ้นมาก

ถึงกระนั้นในครั้งนี้ฮั่นเกาจู่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรหานสิ้นได้ที่เขาไม่ยอมปฏิบัติตามคำสั่ง ฮั่นเกาจู่นั้นรู้ดีว่าหานสิ้นเป็นแม่ทัพที่ไม่มีใครสู้ได้ แถมยังมีกำลังทหารมากมายในกำมืออีกด้วย หลิวปังจึงต้องยอมปล่อยเลยตามเลยไปอีกประมาณปีหนึ่ง

ในปีต่อมาฮั่นเกาจู่ทราบข่าวว่าหานสิ้นคิดเป็นกบฏ เขาจึงต้องการจะจัดการหานสิ้น เฉินผิงผู้ชาญฉลาดจึงเสนอให้ฮั่นเกาจู่เชิญหานสิ้นมางานเลี้ยงและฉวยโอกาสนั้นเข้าจับกุมตัวเสีย ฮั่นเกาจู่จึงให้ดำเนินการตามนั้น

ฝ่ายจงหลีโม่ที่อยู่ในบ้านหานสิ้นเห็นว่าหานสิ้นน่าจะกำลังมีภัย เขาเองไม่อยากจะทำให้หานสิ้นได้รับเคราะห์ เขาจึงชิงปลิดชีพตนเองเสียแล้วให้หานสิ้นนำศีรษะของตนไปมอบให้กับหลิวปัง

อย่างไรก็ดีพงศาวดารบางฉบับก็ว่าหานสิ้นบังคับให้จงหลีโม่ฆ่าตัวตายเพื่อที่จะเอาตัวรอดจากอาญา ก่อนที่จงหลีโม่จะฆ่าตัวตายก็ได้ประกาศว่าหลังจากที่ตนตายได้ไม่นาน หานสิ้นก็จะตามตนไป

ในงานเลี้ยงหานสิ้นที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จึงนำศีรษะของจงหลีโม่ไปมอบให้กับฮั่นเกาจู่ และพยายามทูลให้ทราบเรื่องทั้งหมด แต่ฮั่นเกาจู่กลับสั่งให้จับหานสิ้นเสียด้วยข้อหาเป็นกบฏ เมื่อหานสิ้นถูกจับ เขากล่าวประโยคเด็ดที่จะโด่งดังในหน้าประวัติศาสตร์ว่า

สุนัขล่าเหยื่อย่อมตกเป็นอาหารเช่นกันหลังจากการล่าสัตว์จบลง คันธนูถูกทิ้งขว้างเมื่อไม่มีนกเหลือให้ยิงอีกแล้ว เสนาธิการต้องตายหลังจากที่กษัตริย์ของเขาพิชิตศัตรูได้สำเร็จ ตอนนี้จักรวรรดิมั่นคงแล้ว ฉันก็ไม่มีประโยชน์ใดๆ อีกต่อไป

อย่างไรก็ดีฮั่นเกาจู่ไม่ได้ลงโทษตายแก่หานสิ้น แต่ถอดเขาจากตำแหน่งกษัตริย์ โดยลดตำแหน่งเหลือเป็นเพียงขุนนางที่ไม่มีอำนาจใดๆ ส่วนดินแดนในปกครองก็ถูกริบทั้งหมด

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าฮั่นเกาจู่ได้ใช้โอกาสนี้ในการปลดหานสิ้น ผู้ที่ตนเองเกรงกลัวในฝีมือทางการทหาร และไม่น่าจะชอบหน้าออกจากตำแหน่งเพื่อความมั่นคงของอาณาจักรเอง จริงอยู่ว่าหานสิ้นไม่ได้คิดเป็นกบฎ แต่ท่าทีของเขาที่ผ่านมาก็ไม่ใช่อุปนิสัยของขุนนางที่จงรักภักดีเช่นกัน ฮั่นเกาจู่จึงชิงตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเสียก่อน

ซือหม่ากวง นักประวัติศาสตร์ในสมัยราชวงศ์ซ่งได้วิพากษ์วิจารณ์ว่าจริงอยู่ว่าฮั่นเกาจู่ไม่ควรจะใช้กลลวงในการจับหานสิ้น แต่สิ่งที่หานสิ้นได้รับไม่ใช่ว่าจะไม่ยุติธรรมไปเสียทั้งหมด เพราะหานสิ้นทำตัวเองด้วยการขัดคำสั่งของฮั่นเกาจู่มาครั้งแล้วครั้งเล่านั่นเอง

โดยส่วนตัวแล้วผมเห็นต่าง เพราะผมมองว่าวิธีใช้กลลวงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการจับหานสิ้น เพราะถ้าไม่ใช้วิธีนี้ หานสิ้นอาจจะเป็นกบฏ แล้วใครกันเล่าที่จะเอาชนะหานสิ้นได้ในการศึก เพราะแม้แต่เซี่ยงอวี่ ผู้ที่ไม่เคยแพ้ใครในการรบมาก่อนยังไม่อาจเอาชนะหานสิ้นได้เลย การใช้วิธีนี้จึงเป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดแล้วสำหรับอาณาจักรฮั่นเอง

วาระสุดท้ายของหานสิ้น

หานสิ้นรู้ตัวดีว่าฮั่นเกาจู่นั้นไม่ไว้ใจตน หลังจากนั้นเขาจึงอ้างป่วยพยายามอยู่บ้านให้มากที่สุด ฮั่นเกาจู่จะได้เลิกระแวงในตัวเขา ทุกอย่างดำเนินไปอย่างสงบเป็นเวลา 4 ปี

จนกระทั่งในปี 197 BC ได้มีแม่ทัพชื่อเฉินซีมาหาหานสิ้น เราไม่ทราบแน่ชัดว่าใครยุยงใคร บ้างว่าเฉินซียุยงหานสิ้น บ้างก็ว่าหานสิ้นยุยงเฉินซี แต่ที่แน่ๆ คือ เฉินซีเป็นกบฏต่อราชสำนักในปีนั้น ทำให้ฮั่นเกาจู่ต้องกรีธาทัพไปปราบด้วยตนเอง

ระหว่างที่ฮั่นเกาจู่ไปทัพนั่นเอง หลี่ว์หวงโฮ่ว หรือฮองเฮาของหลิวปังได้ทราบข่าวว่าหานสิ้นเป็นกบฏกับเฉินซี นางจึงปรารถนาจะจับตัวหานสิ้นไปประหารชีวิตเสีย นางจึงให้เซียวเหอหลอกให้หานสิ้นเข้าวัง

เซียวเหอผู้นี้เคยเป็นผู้ที่แนะนำหานสิ้นให้กับหลิวปังเมื่อหลายปีก่อน ในวันนี้ตัวเขาต้องทำหน้าที่ที่ตรงกันข้าม เซียวเหอปฏิบัติตามคำสั่งด้วยการลวงให้หานสิ้นเข้าวังเพื่อไปถวายคำอวยพรที่ฮั่นเกาจู่มีชัยเหนือพวกกบฏ

แต่ไหนแต่ไรมา เซียวเหอเป็นคนซื่อ และมีบุญคุณกับหานสิ้นด้วยซ้ำไป ในครั้งนี้หานสิ้นจึงไม่สงสัย เขาหลงกลเซียวเหอและก้าวเท้าเข้าวัง ทันใดนั้นทหารองครักษ์ก็เข้าจับกุมตัวหานสิ้นในบัดดล หลี่ว์หวงโฮ่วสั่งให้ทรมานหานสิ้นแล้วนำตัวไปประหารชีวิตพร้อมกับเครือญาติทั้งหมด ยอดแม่ทัพที่เคยรวมแผ่นดินจีนจึงสิ้นชีวิตด้วยวัย 35 ปีเท่านั้น

ว่ากันว่าคำกล่าวสุดท้ายของหานสิ้นคือ

ข้าเสียใจที่ไม่เชื่อคำไขว่เช่อ

ไขว่เช่อผู้นี้เคยเป็นที่ปรึกษาของหานสิ้นเมื่อครั้งที่หานสิ้นได้รับคำสั่งให้ยกทัพไปตีแคว้นฉี หลังจากที่ตีแคว้นฉีได้แล้ว เขาแนะนำให้หานสิ้นแยกตัวเป็นอิสระจากหลิวปัง แต่หานสิ้นปฏิเสธไป

ข่าวเรื่องการกวาดล้างหานสิ้นและครอบครัวถูกส่งไปรายงานต่อฮั่นเกาจู่ที่แนวหน้าราวกับลมพัด เมื่อฮั่นเกาจู่ทราบข่าวก็เกิดความรู้โล่งใจและเศร้าโศกขึ้นมาพร้อมกัน คงเป็นเพราะหานสิ้นที่เป็นหนามยอกอกตัวเองได้จากไปแล้ว แต่ก็รู้สึกเสียใจที่ผู้ที่เคยรวมแผ่นดินให้ต้องมาตายอย่างน่าอนาถนั่นเอง

ซือหม่าเชียน นักประวัติศาสตร์เอกได้วิพากษ์วิจารณ์การตายของหานสิ้นว่า ถ้าหานสิ้นไม่หยิ่งทรนงและมีความถ่อมตัวกว่านี้เสียหน่อย ชื่อเสียงและความยิ่งใหญ่ของหานสิ้นคงไม่ด้อยกว่าโจวกง (จีตั้น) และเจียงจื่อหยา แต่ความดื้อดึงและอวดดีของเขาเองที่นำมาซึ่งความพินาศ

อย่างไรก็ดีมีผู้ที่ศึกษาประวัติศาสตร์มากมายมองว่าโทษของหานสิ้นนั้นรุนแรงเกินไป เพราะความดีความชอบในการสร้างราชวงศ์ฮั่นไม่มีใครเกินหานสิ้น ถ้าหานสิ้นเป็นกบฏโทษถึงตายก็ไม่ควรจะไปลงโทษญาติพี่น้องของเขาด้วย

แล้วผู้อ่านละครับ คุณคิดว่าอย่างไร?

บทความประวัติศาสตร์

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!