บาวาเรีย (Bavaria) เป็นรัฐอิสระ (free state) ที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศเยอรมนี เมืองหลวงของรัฐตั้งอยู่ที่เมืองมิวนิค (Munich) เมืองที่คุ้นเคยกันดีเพราะว่าเป็นที่ตั้งของสโมสรฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิค หนึ่งในสโมสรชั้นนำของโลก
หากแต่ว่าบาวาเรียไม่ได้มีดีเฉพาะเมืองมิวนิคเท่านั้น เพราะบริเวณนอกเมืองมีปราสาทและพระราชวังอันสวยงามที่สร้างโดยลุดวิกที่ 2 (Ludwig II) กษัตริย์คนดังของบาวาเรียในช่วงศตวรรษที่ 19 อีกด้วย
นอกจากความงดงามของสถาปัตยกรรมแล้ว บาวาเรียยังมีดีมากกว่านั้นอีก เพราะสภาพภูมิศาสตร์ของแคว้นตั้งอยู่ติดกับเทือกเขาแอลป์ ทำให้บริเวณโดยรอบเต็มไปด้วยภูเขาหิมะและทะเลสาบอันน่าหลงใหล
ดังนั้นถ้าคุณเดินทางมาที่บาวาเรีย คุณจะได้ชมความงามของทั้งสองรูปแบบเลยทีเดียว แต่ถ้าคุณอยากสัมผัสธรรมชาติอันสวยงาม และสถาปัตยกรรมดั้งเดิมได้อย่างใกล้ชิดที่สุด คุณควรต้องเดินทางออกมายังเมืองรองหรือเมืองเล็กๆที่ตั้งอยู่นอกเมืองใหญ่อย่างมิวนิคครับ
ไปเที่ยวเมืองรองในบาวาเรีย (Bavaria) อย่างไรดี
บริษัททัวร์ไทยที่จัดทริปแกรนด์เยอรมนีมักจะนำลูกทัวร์ไปเมืองสำคัญๆ เท่านั้น ดังนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะได้เดินทางไปเมืองเล็กๆ ในบาวาเรียอย่างเช่น Berchtesgaden ดังนั้นเราจึงเหลือทางเลือกทางเดียว นั่นคือเดินทางไปเองครับ
คุณสามารถเริ่มต้นทริปบาวาเรียได้ที่เมืองมิวนิค และนั่งรถหรือรถไฟต่อไปยังเมืองเหล่านี้ สายการบินที่เดินทางจากกรุงเทพไปยังมิวนิคมีหลายสายการบิน อาทิเช่นการบินไทย หรือ Lufthansa แต่สายการบินตะวันออกกลางอย่างเช่น Etihad, Emirates หรือ Qatar Airways ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจเช่นเดียวกันครับ
สำหรับการเดินทางไปยังเมืองต่างๆ ที่ผมว่าไว้นั้น ผมแนะนำให้เปรียบเทียบราคาและซื้อตั๋วรถบัสหรือรถไฟกับเว็บไซต์ Omio ครับ (กดลิงค์ด้านล่าง) เพราะง่ายดายและสะดวกสบายมาก แถมคุณยังแสดงตั๋วได้อย่างง่ายดายผ่านตัว app อีกด้วยครับ
1. Lindau
Lindau เป็นเมืองเล็กๆ ขนาด 25,000 คนที่ตั้งอยู่บนเกาะของทะเลสาบชื่อ Lake Constance และอยู่ห่างจากพรมแดนออสเตรียและสวิสเซอร์แลนด์ไม่ไกลนัก แม้ว่าจะเป็นเมืองเล็ก แต่ประวัติของเมืองสามารถย้อนไปได้ถึงยุคกลางเลยทีเดียว
นอกจากวิวทะเลสาบทั้งสี่ทิศที่คุณสามารถชมแล้ว คุณยังสามารถชมสตาปัตยกรรมที่เกิดจากการผสมผสานของวัฒนธรรมอันหลากหลายในตัวเมืองด้วย บ้านหลังเก่าๆ และถนนแคบๆ ล้วนแต่แสดงถึงอิทธิพลของวัฒนธรรมเยอรมัน อิตาเลียน และออสเตรียนที่มีต่อตัวเมืองในครั้งอดีตกาลครับ
2. Garmisch Partenkirchen
Garmisch Partenkirchen เป็นเมืองเล็กๆที่เกิดจากการรวมหมู่บ้านเล็กๆ สองแห่งเข้าด้วยกัน เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อน วิวของเมืองแห่งนี้บอกได้เลยว่าใกล้เคียงคำว่า perfect เพราะคุณสามารถชมยอดเขา Zugspitze และ Alpspitze อันสวยงามได้อย่างใกล้ชิดจากบริเวณตัวเมืองครับ
ภายในเมืองยังมีย่านเมืองเก่าที่ยังคงรักษารูปแบบสถาปัตยกรรมดั้งเดิมเอาไว้ได้ ทำให้บรรยากาศในเมืองโรแมนติกมากเลยทีเดียวครับ ทั้งนี้นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาที่นี่เพื่อปีนเขาหรือเดินชมธรรมชาติ และในช่วงฤดูหนาว พวกเขานิยมมาเล่นสกีกันครับ
3. Regensburg
Regensburg เป็นเมืองริมแม่น้ำดานูบที่มีประชากรประมาณหนึ่งแสนคน แต่เมืองแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานมาก โดยสามารถย้อนไปได้ถึงสมัยที่จักรวรรดิโรมันยังเรืองอำนาจ ในช่วงยุคกลาง Regensburg ยังได้เป็นศูนย์กลางการค้าขายอีกด้วย
ทั้งนี้ตัวเมืองยังคงรักษาสิ่งก่อสร้างเก่าๆ เอาไว้ได้มาก เพราะในช่วงสงครามโลกทั้งสองครั้งได้รับความเสียหายน้อยมากครับ ดังนั้นถ้าคุณอยากมาดูสถาปัตยกรรมเดิมๆ ของเยอรมนี เมืองนี้ควรอยู่ในอันดับต้นๆ เลยครับ
นักท่องเที่ยวหลายคนโปรดปรานที่จะเดินเล่นริมแม่น้ำดานูบ และชมย่านเมืองเก่าที่สวยงาม สถาปัตยกรรมโดยรอบจะรังสรรค์จินตนาการของคุณราวกับว่าได้ย้อนเวลากลับไปในยุคนั้นเลยครับ
4. Passau
Passau เป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำทั้งสามได้แก่ แม่น้ำ Danube แม่น้ำ Inn และ แม่น้ำ llz ในอดีตที่นี่เคยเป็นเมืองค้าขายที่มีสินค้าส่งออกอย่างเกลือโบฮีเมีย (Bohemian salt) แต่ในปัจจุบัน Passau กลายเป็นเมืองท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวนิยมมาล่องเรือเพื่อชมสายน้ำทั้งสามเส้น ตลอดจนเมืองเก่าที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ครับ
5. Füssen
Füssen เป็นเมืองขนาดเล็กที่เป็นจุดหมายยอดนิยมของคู่รักชาวเยอรมัน บริเวณเมืองถูกห้อมล้อมด้วยทะเลสาบที่ใสสะอาดและภูเขาที่ตั้งตระหง่าน ภายในเมืองยังมีน้ำตกขั้นบันไดที่งดงามอย่าง Lech Falls ด้วย นักท่องเที่ยวจึงชอบมาเที่ยวที่นี่เป็นเวลานานกว่า 700 ปีแล้วครับ
ในปัจจุบัน Füssen เป็นปลายทางของเส้นทางสายโรแมนติก (Romantic Road) อันมีชื่อเสียงโด่งดังของบาวาเรียและเยอรมนี ห่างจากเมืองไม่ไกลคือปราสาท Neuschwanstein ปราสาทแสนรักของลุดวิกที่ 2 ครับ
ไม่เพียงเท่านั้นตัวเมืองยังเป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตไวโอลิน (Violin) อันดับต้นๆ ของโลกด้วย ถ้าคุณรักการเล่นไวโอลินและมีโอกาสเดินทางมาที่นี่ อย่าลืมเดินทางไปที่พิพิธภัณฑ์ไวโอลิน และหาซื้อกลับไปสักตัวหนึ่งด้วยครับ
6. Würzburg
Würzburg เป็นเมืองที่มีอายุกว่า 1,300 ปีย้อนไปได้ถึงช่วงต้นของยุคกลางเลยทีเดียว นับตั้งแต่ตัวเมืองถูกก่อตั้ง เมืองในอ้อมกอดของขุนเขาที่สวยงามแห่งนี้ได้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอยู่โดยตลอด ในปัจจุบัน Würzburg เป็นจุดเริ่มต้นทางตอนเหนือของเส้นทางสายโรแมนติก (Romantic Road)
นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ภายในเมืองยังมีอาคารสไตล์ baroque ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ให้ได้ชมด้วย ดังนั้นบรรยากาศที่นี่จึงโรแมนติกสุดจะพรรณนาครับ
7. Rothenburg ob der Tauber
Rothenburg ob der Tauber หรือเรียกสั้นๆ ว่า Rothenburg เป็นเมืองขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ในดินแดน Franconia รัฐบาวาเรีย และเป็นหนึ่งในเมืองที่อยู่ในเส้นทาง Romantic Road ด้วยครับ
เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงมาก เพราะว่ามีตัวเมืองเก่าสมัยยุคกลางที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก บางคนเปรียบว่าที่นี่เหมือนกับเป็นเมืองเทพนิยายเลยทีเดียว ที่นี่เป็นเมืองไม่กี่แห่งในเยอรมนีที่ยังคงหลงเหลือกำแพงเมืองเก่าอยู่ครับ
ดังนั้นในช่วงเทศกาลท่องเที่ยว ทั่วทุกหนแห่งในเมืองจะเต็มไปด้วยผู้มาเยือน โดยเฉพาะในช่วงคริสต์มาส หลายคนเลือกที่จะค้างในตัวเมืองสักคืนหนึ่งเพื่อสัมผัสกับหิมะที่โปรยปรายในเมืองที่สุดแสนจะโรแมนติกแห่งนี้ครับ
8. Dinkelsbühl
Dinkelsbühl เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเส้นทางสายโรแมนติก และเป็นอีกเมืองหนึ่งที่ยังคงรักษาตัวเมืองโบราณสมัยยุคกลางไว้ได้ (Dinkelsbühl รอดจากสงครามโลกทั้งสองครั้งโดยแทบจะไม่ได้รับความเสียหายอะไรเลย) ดังนั้นสิ่งที่คุณเห็นคือสิ่งก่อสร้างทรงคุณค่าที่มีอายุเกือบหนึ่งพันปีครับ
ตัวเมืองมีโบสถ์สวยๆ หลายแห่ง และยังมีปราสาทเก่าแก่ของพวกอัศวิน Teutonic ด้วยครับ ถ้าสนใจก็สามารถไปชมได้
9. Nuremberg
ถ้าไม่นับมิวนิคแล้ว Nuremberg คือเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองในรัฐบาวาเรีย โดยมีประชากรมากกว่า 500,000 คน เมืองแห่งนี้เป็นเมืองสำคัญมาตั้งแต่ยุคกลางแล้ว ทำให้มีปราสาทที่สวยงามอย่างเช่น Nuremberg castle และโบสถ์อันสวยงามอย่าง St. Lorenz Church ให้นักท่องเที่ยวได้ชมครับ
ไม่เพียงเท่านั้นในระยะหลัง การท่องเที่ยวเชิงอาหาร หรือตะลุยกินแหลกในเมือง Nuremberg ได้รับความนิยมขึ้นมาก เพราะ Nuremberg มีของอร่อยมากมายเหลือเกิน โดยเฉพาะไส้กรอกเยอรมันอย่าง Bratwurst ทั้งนี้ภายในเมืองมีร้านชื่อ Zum Gulden Stern ร้านขายไส้กรอกเยอรมันที่อายุมากที่สุดในโลกครับ
ในช่วงคริสต์มาส บริเวณจัตุรัสใจกลางเมืองจะถูกเปลี่ยนเป็นตลาดคริสต์มาส ซึ่งมีชื่อเสียงระดับโลก ดังนั้นถ้ามีโอกาสอย่าลืมมาเยือนที่นี่ในช่วงดังกล่าวครับ
10. Bamberg
Bamberg เป็นเมืองเล็กๆที่ห่างจาก Nuremberg ไปไม่ไกลนัก แต่มีย่านเมืองเก่าที่เป็นมรดกโลกขององค์กร UNESCO ตั้งอยู่ด้วย เมืองเก่าแห่งนี้ได้รับการโหวตหลายครั้งว่าสวยงามที่สุดในเยอรมนี เพราะมีความเป็นระเบียบสวยงาม และยังรักษากลิ่นอายอันดั้งเดิมไว้ได้ แม้ว่าจะผ่านไปเกือบหนึ่งพันปีแล้วก็ตามครับ
นักท่องเที่ยวนิยมเดินเล่นไปตามถนนแคบๆ ของตัวเมืองเก่า ชื่นชมความงามของสถาปัตยกรรม หลังจากนั้นจะเดินทางไปชมสวนดอกไม้ที่มีกุหลาบบานสะพรั่ง และปิดท้ายด้วยการนั่งจิบกาแฟชมสายน้ำที่ไหลไปเอื่อยๆ ที่คาเฟ่ริมแม่น้ำ Regnitz ครับ
11. Berchtesgaden
Berchtesgaden เป็นเมืองที่น้อยคนจะรู้จัก แต่บอกเลยว่าสวยแบบสุดแสนวิเศษ กษัตริย์บาวาเรียและเหล่าเชื้อพระวงศ์ต่างโปรดปรานที่นี่อย่างมากจึงสร้างวังขึ้นเพื่อใช้พักผ่อน ท่านผู้นำหนวดจิ๋มแห่งเยอรมนีเองก็ชอบที่นี่มากเช่นเดียวกัน ถึงกับเคยใช้เงินส่วนตัวจากการขายหนังสือซื้อบ้านพักที่นี่มาแล้วครับ
ที่นี่ตั้งอยู่ใกล้กับชายแดนออสเตรีย และถูกห้อมล้อมด้วยเทือกเขาแอลป์ โดยมีภูเขาหิมะที่มีรูปร่างสวยงามแปลกตาอย่าง Watzmann ตั้งอยู่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองครับ นักท่องเที่ยวมักเดินทางขึ้นไปชมวิวและรับประทานอาหารที่ The Kehlsteinhaus หรือ The Eagle’s Nest อดีตบ้านพักของท่านผู้นำครับ
ธรรมชาติของที่นี่บริสุทธิ์มาก เพราะว่าไม่มีโรงงานใดๆ ตั้งอยู่เลย แถมนักท่องเที่ยวก็จัดว่าน้อยเมื่อเทียบกับสถานที่อื่นๆ ดังนั้นคุณไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งเลยครับ
