วันคริสต์มาส (Christmas Day) เป็นวันประสูติของพระเยซูคริสต์ และเป็นที่เฉลิมฉลองโดยชาวคริสต์ทั่วโลก วันคริสต์มาสถือว่าเป็นวันที่สำคัญที่สุดวันหนึ่งในปฏิทินของโลกตะวันตกเลยก็ว่าได้
อิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกทำให้หลายประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นคริสต์อย่างประเทศไทยก็มีการเฉลิมฉลองไปด้วย หลายท่านน่าจะชอบเทศกาลนี้เพราะว่าเป็นเทศกาลที่มีการมอบของขวัญให้กันและกัน และเป็นบรรยากาศแห่งความสุข
ผมเชื่อว่าหลายท่านอยากสัมผัสงานวันคริสต์มาสที่จัดขึ้นอย่างอลังการ และน่าประทับใจของต่างประเทศอื่นบ้าง ผมเลยรวบรวมเมืองที่น่าสนใจมาให้ดูกันครับ จะมีเมืองไหนบ้าง ไปดูกันเลยดีกว่า
1.นิวยอร์กซิตี้
มหานครนิวยอร์ก (New York) ควรค่าแก่การอยู่ในรายชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย ภายในช่วงวันคริสต์มาส ที่ Rockefeller Center จะมีการประดับประดาอย่างอลังการงานสร้าง ไฮไลท์คือต้นคริสต์มาสขนาดยักษ์ที่อยู่เคียงคู่ตึกระฟ้าที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งถูกประดับประดาด้วยดวงไฟนับหมื่นดวง
จากที่ได้ไปเยือนมาแล้ว ที่นี่ควรค่ากับการมาเยือนตอนกลางคืนอย่างยิ่งครับ
ไม่เพียงเท่านั้นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ในเมืองอย่างตึกเอ็มไพร์สเตทยังประดับประดาและจัดแสงสีที่สวยงามอย่างมากด้วย ส่วนย่านช็อปปิ้งอย่าง 5th Avenue หรือห้าง Macy’s ยังมีการจัดงานพิเศษเช่นขบวนของซานตาคลอสที่จะมาแจกของขวัญและสร้างความสุขให้กับเด็กๆ ทุกคน
2. นครวาติกันและกรุงโรม
นครวาติกัน (Vatican) ที่ตั้งอยู่กลางกรุงโรม เป็นที่ประทับขององค์พระสันตะปาปาและศูนย์รวมจิตใจของชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ดังนั้นที่นี่ย่อมเป็นอีกที่หนึ่งที่สามารถให้ประสบการณ์วันคริสต์มาสอันน่าประทับใจกับเราได้อย่างแน่นอน
ในวันคริสต์มาส พระสันตะปาปาจะเสด็จออกมาทำพิธีมิสซาให้กับชาวคริสต์ทุกคนที่มหาวิหารเซนต์ปีเตอร์ ซึ่งชาวคริสต์ที่ปรารถนาจะเข้าร่วมมีล้นหลาม และต้องจองล่วงหน้าอย่างน้อย 2-3 เดือน มิฉะนั้นจะได้ยืนดูการถ่ายทอดสดที่จัตุรัสเซนต์ปีเตอร์แทน
ภายในกรุงโรมมีการตบแต่งเทศกาลอย่างสวยงามหลายแห่ง โดยเฉพาะในสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ อย่างเช่นโคลอสเซียม ทำให้น่าเดินเล่นและถ่ายรูปเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายอย่าได้พลาดตลาดวันคริสต์มาส (Piazza Navona Christmas Market) ใกล้กับบันไดสเปนซึ่งมีสินค้าให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อของมากมาย
3. เบธเลเฮมและเยรูซาเลม
เบธเลเฮม (Bethlehem) ในประเทศอิสราเอลเป็นเมืองที่พระเยซูคริสต์เกิด ในช่วงวันคริสต์มาส ชาวคริสต์ทุกนิกายจะเดินทางมายังที่นี่เพื่อทำพิธีมิสซาที่ Church of the Nativity หรือโบสถ์อันที่ประสูติของพระเยซู ไม่เพียงเท่านั้นทั้งเมืองจะมีการตบแต่งอย่างงดงามและน่าประทับใจอย่างยิ่ง เช่นเดียวกับการแสดงและการเดินพาเหรดที่จะทำให้ทุกท่านลืมไม่ลงด้วย
ไม่ไกลจากเบธเลเฮมนักคือ เยรูซาเลม เมืองหลวงของอิสราเอล และเมืองศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาคริสต์ ดังนั้นที่เมืองนี้จึงมีการเฉลิมฉลองอย่างมากมายที่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างเช่น Church of the Ascension เป็นต้น
ในช่วงคริสต์มาส นักท่องเที่ยวจะไม่ได้เห็นแค่งานวันคริสต์มาสเท่านั้น แต่จะเห็นการเฉลิมฉลอง Hanukkah ของชาวยิวด้วย ดังนั้นเรียกได้ว่าไปทริปเดียวได้สองเด้งเลยทีเดียว
4. ปราก
ปราก (Prague) เป็นเมืองหลวงของสาธารณรัฐเช็ก และเป็นไม่กี่เมืองในยุโรปที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์ และเต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมโบราณของแท้ที่เป็นที่หลงใหลของใครหลายคน ในช่วงคริสต์มาส ชาวเมืองปรากต่างไม่ลังเลด้วยการตบแต่งบ้านเมืองของพวกเขาให้สวยงามยิ่งไปกว่าเดิม
ดังนั้นการได้เดินในเมืองภายใต้บรรยากาศแบบนี้ก็ลืมไม่ลงแล้ว แต่ปรากยังมีดีอย่างอื่นด้วย เพราะปรากมีตลาดวันคริสต์มาสที่คับคั่งไปด้วยผู้คน ชาวเมืองและนักท่องเที่ยวต่างมาหาอาหารและเครื่องดื่มรับประทานที่ตลาดแห่งนี้ นอกจากนี้ยังมีของที่ระลึกมากมายให้นักท่องเที่ยวได้จับจ่ายเพื่อเก็บเป็นความทรงจำตลอดไป
5. ควิเบกซิตี้
ควิเบกซิตี้ (Quebec City) เป็นเมืองสำคัญของประเทศแคนาดา ในช่วงวันคริสต์มาส บริเวณเมืองเก่าของควิเบกซิตี้จะถูกตบแต่งอย่างวิจิตร เมื่อหิมะโปรยปรายลงมาจะทำให้ทั้งเมืองเหมือนกับหมู่บ้านในเทพนิยายเลยทีเดียว
ที่ตลาดคริสต์มาสเยอรมัน (German Christmas Market) ของเมือง ชาวเมืองจะมาขายอาหารอย่างไส้กรอก และของที่ระลึกต่างๆ คู่รักชาวแคนาเดียนมักจะมาเดินสวีทกันที่นี่ในช่วงนี้ด้วย
อย่างไรก็ดีที่ควิเบกซิตี้สามารถทำอย่างอื่นได้นอกจากเดินเที่ยวชมเมืองและช็อปปิ้งด้วยเช่นกัน บริษัทหลายแห่งให้บริการกิจกรรมลุยๆ อย่างขี่ snow mobile บนมวลหิมะด้วย ทำให้สายลุยๆไม่เบื่ออย่างแน่นอน
6. นูเรมเบิร์ก
นูเรมเบิร์ก (Nuremberg) หรือ นูนเบิร์ก (Nürnberg) ในภาษาเยอรมัน เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ในรัฐบาวาเรีย ประเทศเยอรมนี การเฉลิมฉลองคริสต์มาสที่นี่เรียกได้ว่ายิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง เพราะตลาดคริสต์มาสของเมืองได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในตลาดคริสต์มาสที่ดีที่สุดในโลก ทุกปีเมืองนี้จะรับนักท่องเที่ยวในช่วงนี้มากถึงสองล้านคนเลยทีเดียว
ไฮไลท์ของตลาด (และเมือง) ประกอบด้วยชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ที่แกะสลักมาจากไม้ ม้าหมุนสไตล์โบราณ รถจักรไอน้ำ และที่แน่นอนก็คือต้นคริสต์มาสนั่นเอง
ทางเมืองเข้มงวดมากกับการจัดสรรร้านค้า ร้านทุกร้านจะได้รับการคัดเลือกอย่างดีที่สุดเพื่อที่นักท่องเที่ยวจะได้เฉพาะสินค้าพื้นบ้านแบบโฮมเมดเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีการจัดประกวดหน้าร้านด้วย ร้านที่ตบแต่งได้สวยที่สุดจะได้รางวัลไป ที่นี่จึงเป็นเหมือนสวรรค์ของผู้ซื้อที่มาจับจ่ายของขวัญวันคริสต์มาส
เช่นเดียวกับตลาดอื่นๆ ตลาดแห่งนี้ยังขายขนมปังขิง และไวน์อุ่นๆ สไตล์เยอรมันด้วย ถ้าได้ไปอย่าได้พลาดที่จะลิ้มลองครับ
7. โรวานิเอมิ
โรวานิเอมิ (Rovaniemi) เป็นเมืองหลวงของจังหวัดแลปแลนด์ ในประเทศฟินแลนด์ ตัวเมืองอยู่เหนือกว่าเส้น Arctic Circle เสียอีก ทำให้เมืองแห่งนี้เป็นเมืองแห่งหิมะเลยก็ว่าได้
ชาวฟินแลนด์เชื่อว่าเมืองโรวานิเอมิเป็นสถานที่อยู่ของซานตาคลอส ทำให้ที่นี่มีหมู่บ้านซานตาคลอสและสวนสนุกซานต้าตั้งอยู่ เด็กๆ สามารถทำขนมปังขิงและถ่ายรูปกับซานตาคลอส พบกับเจ้าหญิงน้ำแข็ง ส่งโปสการ์ดวันคริสต์มาสและอื่นๆ อีกมากมาย
ดังนั้นโรวานิเอมิจึงเหมาะสมอย่างยิ่งกับครอบครัวที่มีเด็ก เพราะประสบการณ์ที่น้องๆ จะได้รับนั้นยอดเยี่ยมเกินฝันจริงๆ ครับ
8. ริโอ เดอ จาเนโร
ริโอ เดอ จาเนโร (Rio de Janeiro) เป็นหนึ่งในเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศบราซิล เมืองแห่งนี้เป็นเมืองในเขตร้อน ทำให้อากาศจะไม่หนาวเย็นเหมือนกับประเทศอื่นๆ
ภายในช่วงคริสต์มาส ต้นคริสต์มาสที่ประดับประดาด้วยแสงไฟอย่างสวยงามจะถูกนำไปตั้งกลางน้ำเพื่อให้นักท่องเที่ยวและชาวเมืองได้ชม ส่วนที่อนุสาวรีย์ Christ the Redeemer ที่มีชื่อเสียงของเมืองริโอ เดอ จาเนโร และประเทศบราซิลยังมีการจัดแสงสีบริเวณตัวอนุสาวรีย์เพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ด้วย
ที่หาดโคปาคาปานา (Copacabana Beach) ยังมีการจุดพลุดอกไม้ไฟ และกิจกรรมต่างๆอย่างเช่นคอนเสิร์ตอีกมากมาย ร้านอาหารต่างๆ ก็จะจัดเมนูพิเศษสำหรับลูกค้าที่เข้ามารับประทานอาหารเวลานี้ เราอาจจะกล่าวได้ว่างานวันคริสต์มาสถูกจัดขึ้นอย่างเต็มที่จริงๆ ที่เมืองริโอ เดอ จาเนโร ทั้งชาวบราซิลและนักท่องเที่ยวจะสนุกสนานจนเกือบเช้าของอีกวันเลยก็ว่าได้
[sc name=”travelthai” ][/sc]