โรซา กอร์กีเยฟนา ชานินา (Roza Georgiyevna Shanina, Ро́за Гео́ргиевна Ша́нина ) เป็นหนึ่งในสไนเปอร์หญิงที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งกองทัพโซเวียต และยังเป็นสไนเปอร์อายุน้อยที่สุดคนหนึ่งด้วย เธออายุเพียง 19 ปีเท่านั้น เมื่อเธอเข้าสู่สมรภูมิ
ความโกรธ
โรซาเกิดที่หมู่บ้านเล็กๆ ทางตอนเหนือของสหภาพโซเวียต เธอมีผมสีน้ำตาลอ่อน และมีดวงตาสีฟ้า โรซาใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก แต่เพราะความทะเยอทะยานของเธอ ทำให้เธอได้รับการศึกษาในระดับวิทยาลัย
ในปี ค.ศ.1941 กองทัพเยอรมันก็ได้บุกโจมตีสหภาพโซเวียต พี่ชายของเธอสองคนได้อาสาเข้าเป็นทหารในกองทัพ ส่วนโรซาได้ทำหน้าที่ช่วยดับไฟและคอยปกป้องเด็กๆ เมื่อเครื่องบินเยอรมันถล่มเมือง Arkhangelsk เมืองที่เธอกำลังศึกษาอยู่
โรซาได้รับจดหมายฉบับหนึ่งในปี ค.ศ.1941 ภายในจดหมายแสดงความเสียใจว่า มิคาอิล พี่ชายวัย 19 ปีของเธอได้พลีชีพเพื่อชาติไปแล้วที่เลนินกราด (เซนต์ปีเตอร์สเปิร์ก) อีกไม่นานพี่ชายของเธออีกสองคนก็สิ้นชีวิตในสงครามด้วยเช่นกัน ด้วยความโกรธแค้น เมื่อเธอจบการศึกษาในปี ค.ศ.1942 โรซาจึงเดินทางไปยังกรมทหารเพื่อขออนุญาตเข้ารับการฝึกเป็นทหารโซเวียต
ตามกฎหมายแล้ว ผู้หญิงโซเวียตอายุ 16 ถึง 45 ปีสามารถโดนเกณฑ์ทหารได้ แต่โรซากลับไม่โดนเรียกไปเป็นทหารเสียที โรซาต้องสมัครอีกหลายครั้งจนกระทั่งถึงปี ค.ศ.1943 เธอถึงจะได้รับการตอบรับให้เข้าฝึกเป็นพลแม่นปืน
เข้าสู่แนวหน้า
โรซาเข้าเรียนที่โรงเรียนสไนเปอร์และปรากฏว่า ฝีมือการยิงของเธอแม่นราวกับจับวาง เธอจบการศึกษาด้วยคะแนนต้นๆ ของชั้น เหล่าคณาจารย์เสนอให้โรซาอยู่ที่โรงเรียนต่อไป แต่โรซาปฏิเสธ สิ่งที่เธอต้องการคือ เดินทางไปแนวหน้า และต่อสู้กับข้าศึกศัตรู
ในปี ค.ศ.1944 เมื่อเธอมีอายุได้ 19 ปี โรซาได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมกองร้อยทหารราบที่ 184 ที่มีหน่วยทหารสไนเปอร์หญิงอยู่ กองร้อยของเธอเข้าปะทะกับกองทหารเยอรมันครั้งแรกใกล้กับเมือง Vibetsk ณ ที่นี่เอง โรซาได้เข้าสู่สมรภูมิและยิงทหารเยอรมันตายเป็นครั้งแรก เธอรู้สึกตื่นเต้นมาก เธอเขียนในบันทึกว่าเธอไม่เคยเสียใจเลยที่เดินทางมายังแนวหน้า
หลังจากนั้นทหารเยอรมันอีกนับสิบก็พลีชีพลงจากการยิงอันแม่นยำและรวดเร็วของเธอ และรวมไปถึงทหารสไนเปอร์เยอรมันจำนวนหนึ่งด้วย โรซามีชื่อเสียงมากจากการยิงกระสุนสองนัดเข้าใส่เป้าหมายอย่างรวดเร็ว และกลยุทธ์ของเธอในการพิฆาตสไนเปอร์ฝ่ายตรงข้ามอย่างแยบยลโดยใช้ธรรมชาติเข้าช่วยเหลือ
สิ่งที่โรซามีอย่างยิ่งยวดคือ ความกล้าหาญไม่กลัวตายของเธอ โรซาพร้อมจะเสี่ยงชีวิตเพื่อยิงสังหารเป้าหมาย ทั้งๆ ที่ตกอยู่ในการยิงกระหน่ำของปืนใหญ่ฝ่ายศัตรู เธอได้รับเหรียญกล้าหาญหลายเหรียญด้วยกันเช่น Orders of Glory ระดับ 3 และ 2
ในกลางปี ค.ศ.1944 รัฐบาลโซเวียตอนุญาตให้สไนเปอร์หญิงถอนตัวจากแนวหน้าได้ แต่เธอยืนยันว่าเธอขอต่อสู้ต่อไปที่แนวหน้า คำขอของเธอถูกปฏิเสธ แต่นั่นไม่อาจจะหยุดความบ้าระห่ำของเธอได้ เธอแอบเดินทางไปแนวหน้าจนเธอถูกจับได้ และโดนลากตัวกลับบ้านเกิดไป (แต่ไม่โดนคดีใดๆ)
ด้วยความที่ต้องการจะออกไปรบอีก โรซาถึงกับเขียนจดหมายถึงสตาลินสองครั้งเพื่อขออนุญาตให้เธอไปยังแนวหน้า จนเธอได้รับอนุญาตในที่สุด
ทำหน้าที่เพื่อชาติ
โรซายังคงอยู่ที่แนวหน้าและยิงศัตรูต่อไป จำนวนทหารศัตรูที่เธอยิงตายเพิ่มมากขึ้นตามลำดับ มีอยู่วันหนึ่ง เธอถูกยิงเข้าที่บริเวณหัวไหล่ขวา เธอบันทึกไว้ว่าเธอไม่ค่อยรู้สึกถึงความเจ็บปวดเท่าไร มันเหมือนแค่เหมือนถูกราดด้วยอะไรร้อนๆ เท่านั้น ถึงแม้โรซาจะบอกว่าเป็นแผลแค่สองรู แต่แพทย์ยืนยันว่าเธอต้องได้รับการผ่าตัด โรซาจึงเข้ารับการผ่าตัด และต้องรักษาตัวอยุู่นานหลายวัน
ในปี ค.ศ.1945 โรซายังอยู่ในแนวหน้าที่การสู้รบดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ในปรัสเซียตะวันออก โรซาเกือบเจอดีจากเพื่อนร่วมชาติ เมื่อกองพลปืนใหญ่ฝ่ายโซเวียตยิงจรวดคัตยูชา (Katyusha Rockets) ผิดตำแหน่ง ทำให้เธอเกือบโดนลูกหลง โรซากล่าวในบันทึกของเธอว่า
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกเยอรมันถึงกลัวพวกคัตยูชานี่กันหนัก ไฟอะไรกันนี่!
Roza Shanina Cr: Armoury Online
เมื่อกองทัพโซเวียตเข้าใกล้แผ่นดินเยอรมนี การต่อต้านของศัตรูก็หนักหน่วงขึ้น โรซาเขียนในบันทึกของเธอว่า จริงๆ เธอต้องการที่จะอยู่ในที่ที่ปลอดภัย แต่มีอะไรบางอย่างที่ทำให้เธออยู่ที่แนวหน้าต่อไป เธอเขียนว่าเธอไม่กลัวความตายเลยสักนิดเดียว และพร้อมที่จะปะทะกับทหารเยอรมันในระยะประชิดด้วย
เสียชีวิต
ในวันที่ 17 มกราคม ค.ศ.1945 โรซาเขียนลงในบันทึกของเธอว่า เธอกำลังจะโดนสังหารแล้ว เพราะกองร้อยของเธอเสียกำลังทหารไป 72 คนจากทั้งหมด 78 คน เธอเล่าว่าพวกเยอรมันกระหน่ำยิงอย่างบ้าเลือด ทำให้เธอและเพื่อนทหารต้องไปหลบหลังปืนใหญ่
ต่อในวันที่ 27 มกราคม ค.ศ.1945 โรซาถูกพวกเยอรมันกระหน่ำยิงด้วยปืนใหญ่จนได้รับบาดเจ็บสาหัสระหว่างที่เธอกำลังคุ้มกันให้กับนายทหารปืนใหญ่คนหนึ่งอยู่ ร่างกายของโรซาถูกฉีกด้วยกระสุนปืนใหญ่จนเห็นอวัยวะภายใน เหล่าทหารโซเวียตพยายามจะช่วยชีวิตเธอ แต่ไม่สำเร็จ เธอสิ้นชีวิตลงในวันที่ 28 มกราคม 1945 เธอมีอายุได้เพียง 20 ปีเท่านั้น
ก่อนจะสิ้นชีวิต พยาบาลโซเวียตได้บันทึกว่า โรซาได้พร่ำบอกกับเธอว่า เธอเสียใจที่เธอทำอะไรได้แค่นิดเดียว แต่ความพยายามของเธอไม่สูญเปล่า ในวันที่เธอจากไป กองทัพโซเวียตได้ยึดที่มั่นของฝ่ายเยอรมันได้หลายแห่ง และกำลังบุกตรงไปที่เยอรมนีเพื่อปิดฉากสงคราม
ตลอดชีวิตของเธอในแนวหน้า เธอสังหารทหารเยอรมันไปอย่างน้อย 59 คน ในจำนวนนี้มีสไนเปอร์เยอรมันจำนวนมากอีกด้วย บันทึกของเธอได้ถูกตีพิมพ์ในสหภาพโซเวียต 20 ปีหลังจากสงครามสงบ ทำให้เธอกลายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง ถนนหลายแห่งในรัสเซียได้ถูกตั้งชื่อตามชื่อของเธอ – โรซา ชานินา