เทคโนโลยีก่อนจะเลือกซื้อ WordPress theme ต้องพิจารณาปัจจัยอะไรบ้าง?

ก่อนจะเลือกซื้อ WordPress theme ต้องพิจารณาปัจจัยอะไรบ้าง?

WordPress Theme เป็นสิ่งที่สำคัญมากสำหรับทุกเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นจาก WordPress เพราะผู้เข้าชมเว็บไซต์ทุกคนจะมองเห็นทุกอย่างผ่าน theme ที่คุณเลือกไว้ ดังนั้นการเลือก theme ให้ดีจึงเป็นสิ่งที่คุณต้องพิถีพิถันอย่างยิ่ง

ถ้าจะเปรียบเทียบให้มันเวอร์ๆ เข้าไว้ การเลือก theme ก็เหมือนกับการเลือกคู่ชีวิตให้กับเว็บไซต์ของคุณ เพราะคุณเลือกใช้ theme ได้แค่อันเดียวเท่านั้น! และถ้าเจ้า theme เกิดมีข้อบกพร่อง เว็บไซต์ของคุณก็จะดิ่งเหวลงไปด้วย!

ดังนั้นในโพสนี้ ผมจึงขอมาแนะนำว่าเราจะเลือก WordPress theme อย่างไรดี และต้องพิจารณาปัจจัยอะไรบ้างครับ

Divi หนึ่งใน Premium Theme ของ WordPress ที่เป็นที่นิยมมากที่สุด

1. Free vs Premium WordPress theme

ปัจจัยแรกนี้สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ นั่นคือคุณจะใช้ WordPress theme แบบฟรีหรือไม่ฟรี

Theme ฟรีสำหรับ WordPress นั้นมีให้คุณเลือกมากมาย อย่างเช่นคุณสามารถเลือกใช้ theme ฟรีที่ WordPress ให้มาอยู่แล้วผ่านทาง Appearance —> Themes —–> Add New ซึ่งผมบอกเลยว่า theme ฟรีบางอันก็ทำออกมาได้สวยดี น่าใช้อยู่เหมือนกัน

Free WordPress Theme

อย่างไรก็ดีพวก theme ฟรีเหล่านี้มีจุดอ่อนที่สำคัญ นั่นคือฟีเจอร์ต่างๆ จะน้อยกว่าพวก Premium WordPress theme อย่างชัดเจน ทำให้เป็นอุปสรรคอย่างยิ่งยวด สำหรับมือใหม่ที่ไม่รู้เรื่อง coding อย่างพวก CSS เลย และอยากจะใส่โน่นใส่นี่ในเว็บไซต์ ตัวผมเองก็คือหนึ่งในมือใหม่ที่เคยมีประสบการณ์ดังกล่าว นอกจากนี้ยังไม่มีทีม support ใดๆ ที่สามารถพึ่งพาได้อีกด้วย

ผมจึงมองว่าถ้าคุณเริ่มต้นเปิดเว็บไซต์ใหม่ๆ คุณอาจจะใช้ theme ฟรีไปก่อนก็ได้เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แต่เมื่อถึงจุดๆ นึงอย่างเช่นมีคนเข้าเว็บไซต์ของคุณมากขึ้นแล้ว คุณควรจะซื้อ Premium theme ที่คุณถูกใจ คุณจะได้ใส่ลูกเล่นมากขึ้นในเว็บไซต์ โดยที่ไม่ต้องใช้ทักษะการ coding อะไรเลยครับ

ราคาของ Premium theme จะแตกต่างกันออกไปแล้วแต่ผู้พัฒนา บาง theme จะคิดราคาเป็นแบบสมาชิก ส่วนบาง theme จะคิดแบบซื้อขาดเลย โดยส่วนตัวแล้วผมชอบแบบซื้อขาดเลยครับ เพราะจะได้ไม่มีค่าใช้จ่ายให้จ่ายทุกปีอันน่าปวดหัว

อย่างไรก็ดีถ้าคุณอยากจะใช้ WordPress theme ของฟรี ผมแนะนำให้ใช้ theme จากแหล่งที่เชื่อถือได้เช่นบนแพลตฟอร์มของ WordPress โดยตรง (ตามที่ผมว่าไว้ด้านบน) หรือผ่านทาง wordpress.org เท่านั้น เพราะถ้าคุณไปดาวน์โหลด theme จากแหล่งแปลกๆ มาแล้ว คุณอาจจะตกเป็นเหยื่อของกองทัพ malware ได้ครับ

2. เลือกเฉพาะ Responsive theme

ก่อนที่คุณจะเลือก WordPress theme ใดๆ ไม่ว่าจะเป็นของฟรีหรือเสียตัง ปัจจัยที่สำคัญอันดับต้นๆ คือ คุณต้องเลือก theme ที่เป็นแบบ Responsive theme

Responsive theme คืออะไร?

Responsive theme คือ theme ที่จะเปลี่ยน element ทุกอย่างใน theme ไปตาม device ของผู้ใช้ อาทิเช่น desktop, tablet หรือมือถือ

อย่างเช่นถ้าคุณใส่รูปขนาด 800*600 ลงในเว็บไซต์ เจ้า Responsive theme จะย่อรูปของคุณให้เหลือ 400*300 สำหรับผู้ใช้ที่เข้าเว็บไซต์จากมือถือที่รับขนาดภาพได้เล็กกว่า และแสดงผลเต็มที่ (800*600) สำหรับผู้ใช้งาน desktop

นั่นเท่ากับว่าผู้เข้าเว็บไซต์จากมือถือจะไม่เห็นรูปภาพที่ใหญ่แหกโค้งเกินจอ แต่จะเห็นรูปภาพในขนาดที่เหมาะสมสำหรับจอมือถือ ทำให้เว็บไซต์ของคุณเป็นมิตรกับผู้ใช้มือถือ (mobile-friendly) ในปัจจุบันมากกว่า 70% ของผู้เข้าเว็บไซต์ (สำหรับ Victory Tale คือ 80%) ต่างใช้มือถือทั้งสิ้น คุณจึงต้องให้ความสำคัญกับปัจจัยนี้อย่างมากเลยครับ

สิ่งที่คุณควรทราบอีกอย่างหนึ่งคือ การที่เว็บไซต์ของคุณเป็นแบบ mobile-friendly นั้นมีประโยชน์ต่อ SEO ด้วย เพราะ search engine อย่าง Google นั้นให้ความสำคัญมากกับปัจจัยนี้ (คุณลองเปิดใน Google Search Console ของคุณดูก็ได้ คุณจะเห็นคำว่า “Mobile Usability” อยู่)

3. ความง่ายต่อการใช้งาน

สำหรับใครที่ไม่มีทักษะเรื่อง coding เลย (เช่นผมเป็นต้น) ความง่ายต่อการใช้งานของ WordPress theme เป็นสิ่งที่สำคัญมากถึงมากที่สุดเลยก็ว่าได้ เพราะผมไม่มีปัญญาไปแก้ code อะไรเองอยู่แล้ว

โดยมากแล้วพวก Premium theme ส่วนใหญ่จะมีการใช้งานที่ง่าย คุณไม่ต้องไปยุ่งกับ code เลย เพราะคุณสามารถออกแบบเว็บไซต์โดยใช้วิธีลากแปะ (Drag & Drop) และลบของเก่าใส่ของใหม่ที่ผมต้องการ เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้ว

อย่างไรก็ดีพวก Drag & Drop ก็มีความยากง่ายเช่นกัน WordPress theme บางตัวอาจจะให้มาแค่ template เปล่าๆ โล่งๆ ให้คุณไปดีไซน์เอง เท่ากับว่าคุณจะต้องใช้ทักษะการดีไซน์ส่วนตัวของคุณในการทำให้สวย ซึ่งเป็นเรื่องยากมากสำหรับหลายๆ คน

ในขณะที่บาง theme จะให้ template แบบเสร็จสรรพหลายสิบแบบมาให้เลือก แบบหลังนี้จะสบายกว่าครับ เพราะทุกอย่างมันสวยอยู่แล้ว เราแค่แก้ไขเล็กน้อยก็เสร็จแล้ว

วิธีการดูว่า WordPress theme นี้ง่ายต่อการใช้งานรึเปล่า ผมแนะนำให้ลองใช้ demo ดูก่อนครับ ถ้าคุณรู้สึกว่ามันซับซ้อนเกินไป ทำให้คุณรู้สึกว่าต้องไปเรียน ฯลฯ นั่นอาจจะหมายความว่า theme นี้อาจจะไม่ใช่สำหรับคุณแล้วครับ

ทุกวันนี้ WordPress theme ที่ฟังก์ชันดีและใช้ง่ายมีนับร้อยนับพัน ดังนั้นถ้าคุณรู้สึกว่า theme ที่รู้สึกถูกใจใช้ยากเกินไป อย่าลังเลที่จะหา theme ใหม่ครับ

4. ใช้งานได้ดีทุก Browser รึเปล่า

บาง WordPress theme จะใช้งานได้ดีเฉพาะบาง browser เท่านั้น ทำให้มันไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไร เพราะคุณต้องการให้ทุก browser แสดงผลได้ดี

ส่วนมากแล้วข้อนี้จะเกิดกับพวก WordPress Theme ของฟรีบางอันที่สร้างขึ้นแบบไม่ค่อยดีเท่านั้น ส่วนพวก Premium theme จะได้รับการทดสอบจากผู้สร้าง (developer) ว่าแสดงผลได้ดีในทุก Browser อยู่แล้วครับ

5. โหลดเร็วรึเปล่า

ช้อนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญมาก ทั้งนี้เพราะ WordPress Theme บางอันจะใส่ code ที่ไม่จำเป็นมาเยอะมาก ทำให้เว็บไซต์ของคุณโหลดช้า ส่งผลกระทบต่อทั้ง User Experience (เพราะผู้ใช้งานจะปิดหน้าด้วยความรำคาญก่อนที่เว็บไซต์จะโหลดเสร็จ) และ SEO

ดังนั้นคุณควรจะเลือก theme ที่ได้รับการ optimized มาอย่างดี จนทำให้ไฟล์ต่างๆ มีขนาดเล็ก และช่วยให้การโหลดแต่ละหน้าเป็นไปอย่างรวดเร็วครับ

6. ฟีเจอร์ตรงกับที่ต้องการหรือไม่?

เจ้าของเว็บไซต์บางคนอาจจะมีฟีเจอร์เฉพาะอย่างที่ต้องการจาก WordPress theme อย่างเช่นต้องการ theme ที่ถูกดีไซน์สำหรับการรายงานข่าวสาร หรืออาจจะอยากได้ theme ที่เหมาะกับการจัดแสดงเมนูของร้านอาหาร ฯลฯ ดังนั้นคุณก็ต้องตรวจสอบให้ดีก่อนซื้อครับ ว่าตัว theme ตรงที่ความต้องการของคุณหรือไม่

อย่างไรก็ดีผมมองว่าถ้าเป็นไปได้ คุณควรเลือก theme แบบอเนกประสงค์ (multi-purpose) ไปเลยจะดีกว่าครับ เพราะคุณจะได้มีตัวเลือกในการจัดการ theme ที่มากขึ้นกว่า theme จำเพาะครับ

7. รองรับ Plugin ที่ต้องใช้รึเปล่า

Plugin ต่างๆ อย่างเช่น security plugin หรือ SEO plugin เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับเว็บไซต์ที่สร้างขึ้นจาก WordPress

ดังนั้นก่อนที่จะเลือกใช้ theme สักอันหนึ่ง คุณจะต้องตรวจสอบด้วยว่า ตัว theme รองรับ plugin เหล่านี้รึเปล่า และจะเกิด conflict อะไรรึเปล่าถ้าคุณใช้งาน Plugin เหล่านี้ และ theme พร้อมกัน

ตัวอย่างการตรวจสอบจาก Envato Market ว่า Theme นี้รองรับ Plugin รึเปล่า

ทั้งนี้ถ้าเกิด conflict ขึ้นมา เว็บไซต์ของคุณจะเกิด error แปลกๆ ได้ และคุณอาจจะต้องเสียเวลาไปค้นดูว่าปัญหามาจากไหนครับ เพราะฉะนั้นตรวจสอบก่อนซื้อไปเลยเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

8. รองรับภาษาไทยรึเปล่า

WordPress Theme บางอันอาจจะมีปัญหากับภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ ทำให้การแสดงผลผิดเพี้ยนไปหรือว่าไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นถ้าคุณจะทำเว็บไซต์ภาษาไทย คุณต้องตรวจสอบด้วยเช่นกันว่า theme เหล่านั้นรองรับภาษาไทยหรือไม่ครับ อย่างไรก็ดีปัญหาเรื่องภาษา สามารถแก้ไขได้ด้วย plugin เสริมหลายตัวครับ

9. SEO-friendly รึเปล่า

SEO (Search Engine Optimization) เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเว็บไซต์เลยก็ได้ เพราะเป็นเครื่องมือหลักที่นำมาซึ่ง traffic ถ้าคุณทำเว็บออกมาสวยมาก แต่ไม่มีใครมาชื่นชมเลย มันก็ไม่มีประโยชน์จริงหรือไม่ครับ

ผู้สร้าง WordPress Theme บางอันอาจจะเขียน code ไม่ดีนัก ทำให้กระทบต่อ Ranking ของ Google ของเว็บไซต์ของคุณได้ ในส่วนนี้ผมแนะนำให้พึ่งรีวิวจากผู้ใช้งานครับ เพราะถ้าคุณถามกับผู้สร้าง ผมเชื่อว่าพวกเขาจะตอบว่า theme ที่พวกเขาสร้างเป็นแบบ SEO-friendly อยู่แล้ว

10. Developer Support มีหรือไม่

Developer Support เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งในการเลือก WordPress theme โดยเฉพาะบรรดา Premium theme ทั้งหลาย เพราะนอกจากพวกเขาจะคอยอัพเดตเวอร์ชันใหม่ของ theme ให้คุณ ทำให้เว็บไซต์ของคุณมีลูกเล่นให้ใช้งานมากขึ้นแล้ว พวกเขายังช่วยตอบปัญหาอันร้อยแปดของคุณด้วย เช่นทำไมสิ่งนี้ไม่ทำงาน ฯลฯ

แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขาจะตรวจสอบว่า theme ของคุณมีช่องโหว่ทางด้านความปลอดภัยหรือไม่ และจัดการแก้ไขให้ทันเวลา ก่อนที่จะมีใครฉวยโอกาสฝ่าเข้ามาครับ

ทั้งนี้คุณห้ามใช้งาน WordPress Theme เก่าๆ ที่ไม่ได้รับ Developer Support แล้วเด็ดขาด เพราะ theme เก่าเหล่านี้อาจมีจุดอ่อนทาง cybersecurity เต็มไปหมด ซึ่งเปิดโอกาสให้ hacker แฮคเว็บไซต์ของคุณได้ครับ

11. อ่านรีวิวจากผู้ใช้งานก่อนใช้

เช่นเดียวกับสินค้าอื่นๆ คุณควรอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริงก่อนที่จะใช้ theme นั้นๆ บน WordPress ของคุณ คุณจะได้ทราบว่า theme นี้ดีหรือไม่ และมีข้อเสียอะไรบ้างครับ โดยเฉพาะในกรณีที่คุณจะซื้อ Premium theme มาใช้งานครับ

ซื้อ Premium WordPress Theme ที่ไหนดี

สำหรับใครที่สนใจ WordPress theme ระดับพรีเมียม จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้ว ผมแนะนำให้ซื้อผ่าน Envato Market/Themeforest ครับ เพราะสาเหตุต่อไปนี้

Envato Market
  • มี WordPress Theme แบบพรีเมียมนับพันนับหมื่นให้คุณเลือกซื้อ โดย Theme ดังๆ ที่คนใช้เยอะๆ ก็วางขายบนแพลตฟอร์มแห่งนี้ โดย theme ที่มีให้เลือกมีครบทุกรูปแบบและวัตถุประสงค์ครับ
  • ให้รายละเอียดอย่างชัดเจนว่า theme นี้มีคุณสมบัติใดบ้าง รองรับ plugin อะไรบ้าง คุณจึงไม่ต้องไปควานหาที่อื่นครับ
  • อ่านรีวิวทั้งหมดได้จากที่นี่ Theme ที่คนใช้งานมากมีคนรีวิวนับหมื่นเลยครับ
  • ถ้าซื้อไปแล้วไม่ถูกใจ หรือลงไม่ได้ สามารถขอคืนเงินกลับเข้า Credit Card หรือขอเป็น Credit บนแพลตฟอร์มได้ (ผมขอมาแล้วครับ)
  • ใช้ง่าย คุณสามารถ update theme ได้ผ่านทาง plugin ของ Envato บน WordPress และไม่ต้องยุ่งยากกับการลบ theme แล้วลงใหม่
  • ทีม support ดี จัดการปัญหาได้รวดเร็วในระดับหนึ่ง (เร็วสำหรับการติดต่อด้วยอีเมล์ แต่ช้าถ้าคุณเทียบกับ Live Chat)

ผมเองก็เป็นลูกค้าของ Themeforest ครับ และจากที่ใช้มาปีเศษ ปัญหาที่ทำให้หัวร้อนไม่พอใจยังไม่เคยเกิดขึ้นเลย ถ้าสนใจสามารถซื้อ WordPress Theme กับ Envato Market/Themeforest ได้ทันทีที่นี่

บทความการศึกษา

Victory Tale ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความไปโพสที่ใดทุกกรณี การฝ่าฝืนมีโทษทางกฎหมาย

error: Content is protected !!